บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/40446899
ท้ายบทที่แล้ว
เวลานั้นผมไม่มีอาวุธติดตัว เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้สู้รบปรบมือกับใคร คิดว่าไม่น่าจะเป็นคนประสงค์ร้าย เพราะมาแบบไม่ปกปิดร่องร่อย แต่ถ้าประสงค์ร้าย ผมก็พร้อมจะสู้แบบปากกัดตีนถีบก้นต่อยไม่ถอยหนีแน่นอน เพราะต้องปกป้องแอนนาให้ได้
ประตูเปิดออกทีละน้อย ในที่สุดคนลึกลับก็ก้าวเข้ามาในห้อง
นั่น!!!
.....
แอนนา เป็นเธอแน่นอน เธอเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางคุ้นเคยสถานที่ แอนนาทำไมมีสองคน ผมตกตะลึง ปากอ้าตาค้าง นั่งตัวแข็ง ไม่ได้มีความกลัว แต่ไม่เข้าใจต่างหาก หญิงสาวเดินตรงมาลากเก้าอี้ตัวหนึ่ง มานั่งลงเบื้องหน้าชนิดเข่าชนกัน จ้องมองมาด้วยสายตาแจ่มใส
“ไม่ดีใจที่เจอแอนนาหรือคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ใช่แล้ว เป็นบุคลิกภาพที่ผมไม่เคยลืมเลือน
“แอนนา คุณมีสองคน” ความสงสัยไม่เข้าใจ ทำให้ต้องตอบคำถามของเธอด้วยคำถาม สลับกับการมองหน้าร่างที่นอนบนเตียงและร่างที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
“จะมีกี่คน ก็คือแอนนาของเฮเว่น ว่าแต่ไม่กลัวเหรอคะ ว่าแอนนาจะเป็นผีมาหลอก”
กลัวเหรอ มนุษย์ทุกคนมีความกลัวภายในใจ ไม่มากก็น้อย แต่เรื่องความกลัวแอนนาไม่เคยมีในความรู้สึก ต่อให้เธอเป็นผีก็ไม่เคยคิดหวาดกลัว แล้วมาแบบผู้หญิงที่แสนรักและคิดถึงอยู่เสมอ ผมยิ่งไม่มีความกลัวแม้สักนิด
“ถ้าผีสวยน่ารัก ยังไงผมก็ไม่กลัวหรอกครับ มีแต่จะไล่กอดผีเท่านั้น ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“แอนนา มีเรื่องต้องสารภาพความจริงให้เฮเว่นรู้แล้วล่ะคะ ถึงเวลาต้องจบเรื่องแล้ว ฟังให้ดีนะคะ แอนนาคนนี้” เธอชี้มือไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ซึ่งก็คืออีกร่างหนึ่งของตัวเธอเอง “เธอเป็นโคลนนิ่งกึ่งแอนดรอยด์ที่เข้าใจ และเลียนแบบแอนนาได้เหมือนตัวจริงทุกอย่าง แอนนาคิดยังไงเธอก็คิดอย่างนั้น แอนนารักเฮเว่นยังไง เธอก็รักเฮเว่นอย่างนั้น น่ารักไหมล่ะคะ”
“น่ารักอะไร คุณหนีผมไปแต่งงานกับคนอื่น” ผมหลุดปากตัดพ้อ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะปิดปากเรื่องนี้ไปตลอดกาล แต่พออยู่ต่อหน้าเธอ ความมุ่งมั่นก็เสื่อมถอย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็ยังคงรักแอนนาเสมอไม่เคยเสื่อมคลาย ที่ผ่านมาก็เพียงพยายามหาเหตุผลอื่นปลอบใจตัวเองเท่านั้น
“แต่งงานอะไรคะ” เธอหัวเราะเสียงใส “พ่อของแอนนาให้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นก็จริง แต่แอนนาปฏิเสธ ผู้ชายคนก็นั้นเข้าใจ แต่เฮเว่นใจร้อน หลบหน้าหลบตา ไม่รับการสื่อสาร ไม่พูดไม่คุย งอน ไม่รอฟังแอนนาอธิบาย ตัดสินใจคิดเองเออเองคนเดียว หนีมาดาวดวงนี้เฉยเลย แต่เพราะเป็นแฟนกันหลายปีทำให้แอนนารู้จักเฮเว่น รู้ว่าเฮเว่นคิดจะทำอะไร เลยสร้างแอนนาคนนี้มาดูแลเฮเว่นยังไงคะ เธอคอยส่งข้อมูลให้แอนนาตลอด เฮเว่นไม่รู้หรอกค่ะ เพราะจอห์นก็มีส่วนช่วยเหลือในการปิดบังความจริงด้วย”
ทำไมไอ้คุณจอห์น ต้องมามีเอี่ยวเกี่ยวทุกเรื่องด้วยนะ...ทำไมไม่เป็นคน ฉันจะได้ไล่เตะให้สาสม ผมนึกในใจอย่างขุ่นเคือง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป้นความขบขันในที่สุด ทั้งคนทั้งโปรแกรมปั่นหัวเสียจนอยู่หมัด
“เฮเว่นอย่าคิดนะคะว่าจะหนีรอดแอนนา” เธอพูดต่อไป ขยับเก้าอี้ใกล้เข้ามาอีกนิด สายตาวาววามจับจ้องมาอย่างล้อเลียน “ไม่รอดหรอกค่ะ หลายปีที่คบกันทำให้แอนนารู้นิสัยใจคอเฮเว่นทุกอย่าง รู้ด้วยว่าเฮเว่นจะพายานโหม่งดวงดาว ไม่แปลกใจหรือว่าว่าทำไมไม่สำเร็จ ก็แอนนาสั่งให้จอห์นนี่ละ เป็นคนขัดขวาง ทำให้ยานลงจอดอย่างปลอดภัย”
ไอ้คุณจอห์นอีกแล้ว แต่จะว่าไปเขาก็มีส่วนช่วยเหลือให้ผมมีชีวิตรอดมาทั้งวันนี้ จะเตะขอบคุณสักทีดีไหม ถ้ามีโอกาส
“แล้ว คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ อย่าลืมสิว่าคุณพ่อของแอนนาเป็นใคร ท่านให้วิศวกรทำสำเนาโปรแกรมจอห์นไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เฮเว่นจะออกยานแล้ว วิศวกรก็แค่เอาโปรแกรมจอห์นใส่ยานอีกลำ รอเวลาเหมาะสมให้หน่วยงานอนุมัติการเดินทาง แอนนาก็แค่ขึ้นมาบนยานแบบสบายใจเฉิบ เพราะจอห์นควบคุมยานแทนทุกอย่าง จนนำยานมาจอดลงข้าง ๆ ยานของเฮเว่นนี่ละค่ะ”
ผมจ้องมองอย่างมึนงง พยายามคิดตามคำพูดของเธออย่างละเอียด แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่เข้าใจไม่กระจ่าง
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
“ก็มาตามเฮเว่นกลับโลก ยังไงคะ เรื่องจบลงแล้ว ถ้าเฮเว่นไม่กลับ แอนนาก็จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
นั่นคือความฝันชัด ๆ ความฝันที่อยู่ในใจตลอดมา ความฝันที่ฝันหาความรักและความรักสุดวิเศษ ยังจะมีอะไรดีงามมากกว่านี้สำหรับชีวิต ที่ยังไม่บรรลุ ผมได้แต่เหม่อมองใบหน้าสวยงามเบื้องหน้าอย่างยินดีและแปลกใจ
เป็นไปได้อย่างไร ผมได้แต่นั่งนิ่งด้วยความสับสน ที่ผ่านมาคิดว่า ทำใจได้แล้ว แต่พอความจริงปรากฏเบื้องหน้า ทำให้โลกหมุนกลับอีกครั้ง
นึกถึงความฝัน และภาพสวย ครอบครัวที่อบอุ่นและมีความความสุข ภรรยาทำงานบ้าน โดยที่เธอยอมลาออกจากงานประจำ มาทำหน้าที่ภรรยา ส่วนสามีที่พอเลิกงาน ก็รีบกลับบ้าน โดยที่สายตาและหัวใจ ไม่เคยเหลียวมองหญิงใด เพราะเขามีผู้หญิงที่สุดวิเศษรออยู่ เมื่อถึงบ้าน เขาจะรีบเดินตรงไปห้องครัว ที่รู้ว่า ฝ่ายภรรยาคงทำอาหารตามปกติ เดินไปโอบกอดเธอจากด้านหลัง และกระซิบคำว่า รัก....อย่างสุดหัวใจ หัวใจที่ไม่เคยมีใครนอกจากคุณ และปล่อยให้ คำว่า ความรัก จะทำหน้าที่ของมัน ต่อไป
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์
แอนนา นั่งอยู่ข้างหน้านี่เอง ห่างกันแค่ลมหายใจ
การที่ผู้หญิงแสนรัก มาอยู่ข้างหน้า ท่ามกลางความสับสน และรสชาติที่บรรยายยาก อะไรจริง อะไรไม่จริง ผสมผสานกันจนยากจะเข้าใจ เพียงเอื้อมมือออกไป ผมจะสัมผัสถึงเรือนร่างของนางอันเป็นที่รัก แต่ในเวลานั้นผมไม่กล้าทำตามใจตัวเอง กลัวภาพฝันสวยงามจะสลาย
“แอนนารักเฮเว่น ไม่ว่ายังไงแอนนาก็รักเฮเว่น รักเฮเว่น” เธอยังคงจ้องหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงในฝันอยู่เบื้องหน้า แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ “แอนนารักเฮเว่น เฮเว่นบอกสิคะว่า เฮเว่นรักแอนนา”
ผมลุกขึ้นจ้องหน้าเธอ
“แอนนาครับ ผมไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร แต่ผมจะจูบคุณ” คำพูดที่ขัดปกติวิสัย แต่ต้องทำ ผมลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอ กะว่าจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนทำให้สะดุ้งผวาจากภาพสวย ภาพทุกอย่างสลายวับไปกับความรู้สึก ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนั่งบนพื้นข้างเตียงของแอนนา เก้าอี้กลิ้งอยู่ใกล้ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ผนังห้องดูเยียบเย็นไร้น้ำใจอย่างไม่ควรเป็น นั่นทำให้รู้สึกถึงความไม่ปกติในความปกติ
ฝัน...เป็นแค่ความฝัน
เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังตื่นจากความฝันสวยงาม ความจริงคือผมนั่งเฝ้าดูอาการของแอนนา จนเผลอหลับไป แล้วฝันเป็นเรื่องเป็นราว จนตกเก้าอี้ ให้ตายสิ..ผมเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองกำลังมีความฝันแสนสวยงามเกินกว่าจะหักห้ามใจ
แอนนาไม่ได้มาที่ดาวเฮเว่น เรื่องราวเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่จริง รู้สึกเหมือนโดนหลอกอย่างไรชอบกล
ความจริงคือผมพบว่าตัวเอง มีหน้าที่เฝ้าดูแลแอนนาอยู่ข้างเตียง และคงเผลอหลับไป จนฝันเป็นเรื่องเป้นราว และเป็นความฝันที่แสนวิเศษเหลือเกิน วิเศษสุดจนเกินความเป็นจริง ความฝันที่สะท้อนความรู้สึกและความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในออกมา จนทำให้ผมละเมอเพ้อฝันไปได้ระยะหนึ่ง
แอนนาไม่ได้มาที่นี่ ...ผมก้มหน้าลงด้วยความรวดร้าว ก่อนจะทำใจได้ ความฝันก็คือความฝัน ถึงจะแสนหวานสวยงามเพียงใด แต่ไม่ใช่เรื่องจริง ระหว่างอดีตและความฝันมีสิ่งเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือเป็นเพียงเงาความทรงจำเท่านั้น
ความจริงคือแอนนากำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงของเธอ ตาหลับพริ้ม ไม่ว่าจะหลับเพราะอาการเจ็บป่วยหรืออะไรก็ตาม แต่นี่คือผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ รักจนไม่เคยกระทำการใดที่เป็นการหยามย่ำความรักที่มีให้
“แอนนา ผมรักคุณ” โน้มตัวลงไปบอกเธอ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงอีกครั้ง มองดูร่างของแอนนาอย่างเป็นห่วง ในฝันแอนนาบอกว่าร่างนี้เป็นโคลนนิ่ง ถ้าหากความฝันเป็นจริงก็คงดีไม่น้อย ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร หรืออย่างไรก็ตาม ผมก็ยังรักเธอเสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะตัดขาดได้ง่ายดาย เพราะคำสั่งของการให้เกิด ‘ความรัก’ มันมากับ ดีเอ็นเอ---โครโมโซมของมนุษย์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ รอเวลาในการทำหน้าที่ในเวลาที่เหมาะสม คนเราถ้าตัดขาดความรักก็คือการฝ่าฝืนคำสั่งของโครโมโซมนั่นเอง บางทีโครโมโซมของผมอาจมีคำสั่งลับพิเศษ เขียนว่าให้ผมรักแอนนาเท่านั้น คนเราถูกควบคุมด้วยคำสั่งดีเอ็นเอที่ทำงานอยู่ฉากหลังตลอดเวลา การตัดความรักให้หมดสิ้น คงมีแต่บุคคลมุ่งสู่เส้นทางนิพพานจึงจะทำได้
นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ แบบคนฟุ้งซ่าน โดยคิดว่าถ้าแอนนาฟื้นขึ้นมาจะได้เจอหน้าผมเป็นสิ่งแรก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนั้น ความหวังอยู่กับมาเรียน โปรแกรมโคตรอัจฉริยะที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป แต่คิดว่าคำตอบในเรื่องอาการของแอนนา จะต้องอยู่กับมาเรียแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
ในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอยู่นอกห้อง เอาอีกแล้ว...หรือว่านี่มันฝันซ้อนฝัน
ผมสลัดศีรษะไปมา แต่ไม่ได้ทดลองหยิกตัวเอง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้พบว่าในความฝัน หยิกก็สามารถเจ็บได้ อาการเจ็บจึงไม่ใช่ข้อบ่งชี้แยกแยะความฝันหรือความจริงออกจากกันเสมอไป ตั้งใจฟังอย่างใจเย็นมีสมาธิ เสียงฝีเท้าของมนุษย์แน่นอน แม้จะแผ่วเบาแต่ความเงียบในยาน ทำให้เสียงฟังชัดเจนมาก
ประตูห้องเปิดออก
ไม่ใช่แอนนา
ถึงจะเป็นความฝันก็คงไม่อยากใช้มุกเดิมเท่าใด คนที่เปิดประตูและก้าวตรงมาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มเป็นผู้หญิง ผิวขาวสวย เส้นผมสีบลอนด์ในชุดเดรสสีแดงเพลิง ทำให้ต้องปากอ้าตาค้างอีกครั้ง ถ้าเป็นแอนนา ก็คงพอทำเนาว่ามีคนที่รู้จักเป็นอย่างดีมาหา แต่นี่เป็นคนแปลกหน้าชนิดไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ทั้งยังมาในชุดราวจะออกไปงานราตรีแทนที่จะเป็นชุดประจำยาน
“คุณ....” ผมหลุดปากออกได้พยางค์เดียว เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันหรือความจริง นึกหาคำพูดต่อไปไม่ได้ขึ้นมาเฉย ๆ
“มาเรียค่ะ มาเรียยินดีรับใช้” เธอย่อตัวมือวางบนเข่าค้อมศีรษะเล็กน้อยเหมือนเป็นการทักทาย แบบชนชาติใดก็นึกไม่ออก
“มาเรีย...”
“ใช่ค่ะ มาเรีย โปรแกรมมาเรียยังไงคะ”
โปรแกรมออกมาเดินเป็นตัวเป็นตน ต่อหน้าต่อตา เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมได้แต่นั่งอึ้งไปพร้อมกับความคิดปั่นป่วน ไม่ใช่ความหวาดกลัวแต่เป็นความไม่เข้าใจมากกว่า หญิงสาวทำสิ่งเดียวกับที่แอนนาในฝันทำ คือลากเก้าอี้มานั่งเบื้องหน้า แต่ท่าทางของเธอคนนี้ดูสุภาพเรียบร้อยสำรวมมากกว่าแอนนา คงเป็นเพราะเป็นการเจอกันครั้งแรกนั่นเอง
“นี่จะให้ผมเชื่อจริง ๆ หรือครับว่าคุณเป็นโปรแกรม”
“บางทีมนุษย์นี่ยอมรับอะไรไม่ง่ายเหมือนกัน” เธอทำเสียงเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่ก๊จ้องมองมาด้วยสายตาแห่งความเป็นมิตรสนิทใจอย่างชัดเจน “มาเรียเป็นโปรแกรมจริง ๆ คะ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” ผมยังไม่หายสงสัย กระเถิบห่างนิดหนึ่งอย่างระวังตัว
“เกิดขึ้นได้สิคะ เพราะเวลานี้คุณเฮเว่นอยู่ในจักรวาลของโปรแกรม ไม่ใช่จักรวาลเดิมที่คุณคุ้นเคย”
.....
ตำนานรัก ข้ามจักรวาล......บทที่ 8 (โปรแกรม)
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/40446899
ท้ายบทที่แล้ว
เวลานั้นผมไม่มีอาวุธติดตัว เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้สู้รบปรบมือกับใคร คิดว่าไม่น่าจะเป็นคนประสงค์ร้าย เพราะมาแบบไม่ปกปิดร่องร่อย แต่ถ้าประสงค์ร้าย ผมก็พร้อมจะสู้แบบปากกัดตีนถีบก้นต่อยไม่ถอยหนีแน่นอน เพราะต้องปกป้องแอนนาให้ได้
ประตูเปิดออกทีละน้อย ในที่สุดคนลึกลับก็ก้าวเข้ามาในห้อง
นั่น!!!
.....
แอนนา เป็นเธอแน่นอน เธอเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางคุ้นเคยสถานที่ แอนนาทำไมมีสองคน ผมตกตะลึง ปากอ้าตาค้าง นั่งตัวแข็ง ไม่ได้มีความกลัว แต่ไม่เข้าใจต่างหาก หญิงสาวเดินตรงมาลากเก้าอี้ตัวหนึ่ง มานั่งลงเบื้องหน้าชนิดเข่าชนกัน จ้องมองมาด้วยสายตาแจ่มใส
“ไม่ดีใจที่เจอแอนนาหรือคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ใช่แล้ว เป็นบุคลิกภาพที่ผมไม่เคยลืมเลือน
“แอนนา คุณมีสองคน” ความสงสัยไม่เข้าใจ ทำให้ต้องตอบคำถามของเธอด้วยคำถาม สลับกับการมองหน้าร่างที่นอนบนเตียงและร่างที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
“จะมีกี่คน ก็คือแอนนาของเฮเว่น ว่าแต่ไม่กลัวเหรอคะ ว่าแอนนาจะเป็นผีมาหลอก”
กลัวเหรอ มนุษย์ทุกคนมีความกลัวภายในใจ ไม่มากก็น้อย แต่เรื่องความกลัวแอนนาไม่เคยมีในความรู้สึก ต่อให้เธอเป็นผีก็ไม่เคยคิดหวาดกลัว แล้วมาแบบผู้หญิงที่แสนรักและคิดถึงอยู่เสมอ ผมยิ่งไม่มีความกลัวแม้สักนิด
“ถ้าผีสวยน่ารัก ยังไงผมก็ไม่กลัวหรอกครับ มีแต่จะไล่กอดผีเท่านั้น ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“แอนนา มีเรื่องต้องสารภาพความจริงให้เฮเว่นรู้แล้วล่ะคะ ถึงเวลาต้องจบเรื่องแล้ว ฟังให้ดีนะคะ แอนนาคนนี้” เธอชี้มือไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ซึ่งก็คืออีกร่างหนึ่งของตัวเธอเอง “เธอเป็นโคลนนิ่งกึ่งแอนดรอยด์ที่เข้าใจ และเลียนแบบแอนนาได้เหมือนตัวจริงทุกอย่าง แอนนาคิดยังไงเธอก็คิดอย่างนั้น แอนนารักเฮเว่นยังไง เธอก็รักเฮเว่นอย่างนั้น น่ารักไหมล่ะคะ”
“น่ารักอะไร คุณหนีผมไปแต่งงานกับคนอื่น” ผมหลุดปากตัดพ้อ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะปิดปากเรื่องนี้ไปตลอดกาล แต่พออยู่ต่อหน้าเธอ ความมุ่งมั่นก็เสื่อมถอย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็ยังคงรักแอนนาเสมอไม่เคยเสื่อมคลาย ที่ผ่านมาก็เพียงพยายามหาเหตุผลอื่นปลอบใจตัวเองเท่านั้น
“แต่งงานอะไรคะ” เธอหัวเราะเสียงใส “พ่อของแอนนาให้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นก็จริง แต่แอนนาปฏิเสธ ผู้ชายคนก็นั้นเข้าใจ แต่เฮเว่นใจร้อน หลบหน้าหลบตา ไม่รับการสื่อสาร ไม่พูดไม่คุย งอน ไม่รอฟังแอนนาอธิบาย ตัดสินใจคิดเองเออเองคนเดียว หนีมาดาวดวงนี้เฉยเลย แต่เพราะเป็นแฟนกันหลายปีทำให้แอนนารู้จักเฮเว่น รู้ว่าเฮเว่นคิดจะทำอะไร เลยสร้างแอนนาคนนี้มาดูแลเฮเว่นยังไงคะ เธอคอยส่งข้อมูลให้แอนนาตลอด เฮเว่นไม่รู้หรอกค่ะ เพราะจอห์นก็มีส่วนช่วยเหลือในการปิดบังความจริงด้วย”
ทำไมไอ้คุณจอห์น ต้องมามีเอี่ยวเกี่ยวทุกเรื่องด้วยนะ...ทำไมไม่เป็นคน ฉันจะได้ไล่เตะให้สาสม ผมนึกในใจอย่างขุ่นเคือง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป้นความขบขันในที่สุด ทั้งคนทั้งโปรแกรมปั่นหัวเสียจนอยู่หมัด
“เฮเว่นอย่าคิดนะคะว่าจะหนีรอดแอนนา” เธอพูดต่อไป ขยับเก้าอี้ใกล้เข้ามาอีกนิด สายตาวาววามจับจ้องมาอย่างล้อเลียน “ไม่รอดหรอกค่ะ หลายปีที่คบกันทำให้แอนนารู้นิสัยใจคอเฮเว่นทุกอย่าง รู้ด้วยว่าเฮเว่นจะพายานโหม่งดวงดาว ไม่แปลกใจหรือว่าว่าทำไมไม่สำเร็จ ก็แอนนาสั่งให้จอห์นนี่ละ เป็นคนขัดขวาง ทำให้ยานลงจอดอย่างปลอดภัย”
ไอ้คุณจอห์นอีกแล้ว แต่จะว่าไปเขาก็มีส่วนช่วยเหลือให้ผมมีชีวิตรอดมาทั้งวันนี้ จะเตะขอบคุณสักทีดีไหม ถ้ามีโอกาส
“แล้ว คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ อย่าลืมสิว่าคุณพ่อของแอนนาเป็นใคร ท่านให้วิศวกรทำสำเนาโปรแกรมจอห์นไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เฮเว่นจะออกยานแล้ว วิศวกรก็แค่เอาโปรแกรมจอห์นใส่ยานอีกลำ รอเวลาเหมาะสมให้หน่วยงานอนุมัติการเดินทาง แอนนาก็แค่ขึ้นมาบนยานแบบสบายใจเฉิบ เพราะจอห์นควบคุมยานแทนทุกอย่าง จนนำยานมาจอดลงข้าง ๆ ยานของเฮเว่นนี่ละค่ะ”
ผมจ้องมองอย่างมึนงง พยายามคิดตามคำพูดของเธออย่างละเอียด แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่เข้าใจไม่กระจ่าง
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
“ก็มาตามเฮเว่นกลับโลก ยังไงคะ เรื่องจบลงแล้ว ถ้าเฮเว่นไม่กลับ แอนนาก็จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
นั่นคือความฝันชัด ๆ ความฝันที่อยู่ในใจตลอดมา ความฝันที่ฝันหาความรักและความรักสุดวิเศษ ยังจะมีอะไรดีงามมากกว่านี้สำหรับชีวิต ที่ยังไม่บรรลุ ผมได้แต่เหม่อมองใบหน้าสวยงามเบื้องหน้าอย่างยินดีและแปลกใจ
เป็นไปได้อย่างไร ผมได้แต่นั่งนิ่งด้วยความสับสน ที่ผ่านมาคิดว่า ทำใจได้แล้ว แต่พอความจริงปรากฏเบื้องหน้า ทำให้โลกหมุนกลับอีกครั้ง
นึกถึงความฝัน และภาพสวย ครอบครัวที่อบอุ่นและมีความความสุข ภรรยาทำงานบ้าน โดยที่เธอยอมลาออกจากงานประจำ มาทำหน้าที่ภรรยา ส่วนสามีที่พอเลิกงาน ก็รีบกลับบ้าน โดยที่สายตาและหัวใจ ไม่เคยเหลียวมองหญิงใด เพราะเขามีผู้หญิงที่สุดวิเศษรออยู่ เมื่อถึงบ้าน เขาจะรีบเดินตรงไปห้องครัว ที่รู้ว่า ฝ่ายภรรยาคงทำอาหารตามปกติ เดินไปโอบกอดเธอจากด้านหลัง และกระซิบคำว่า รัก....อย่างสุดหัวใจ หัวใจที่ไม่เคยมีใครนอกจากคุณ และปล่อยให้ คำว่า ความรัก จะทำหน้าที่ของมัน ต่อไป
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์
แอนนา นั่งอยู่ข้างหน้านี่เอง ห่างกันแค่ลมหายใจ
การที่ผู้หญิงแสนรัก มาอยู่ข้างหน้า ท่ามกลางความสับสน และรสชาติที่บรรยายยาก อะไรจริง อะไรไม่จริง ผสมผสานกันจนยากจะเข้าใจ เพียงเอื้อมมือออกไป ผมจะสัมผัสถึงเรือนร่างของนางอันเป็นที่รัก แต่ในเวลานั้นผมไม่กล้าทำตามใจตัวเอง กลัวภาพฝันสวยงามจะสลาย
“แอนนารักเฮเว่น ไม่ว่ายังไงแอนนาก็รักเฮเว่น รักเฮเว่น” เธอยังคงจ้องหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงในฝันอยู่เบื้องหน้า แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ “แอนนารักเฮเว่น เฮเว่นบอกสิคะว่า เฮเว่นรักแอนนา”
ผมลุกขึ้นจ้องหน้าเธอ
“แอนนาครับ ผมไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร แต่ผมจะจูบคุณ” คำพูดที่ขัดปกติวิสัย แต่ต้องทำ ผมลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอ กะว่าจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนทำให้สะดุ้งผวาจากภาพสวย ภาพทุกอย่างสลายวับไปกับความรู้สึก ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนั่งบนพื้นข้างเตียงของแอนนา เก้าอี้กลิ้งอยู่ใกล้ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ผนังห้องดูเยียบเย็นไร้น้ำใจอย่างไม่ควรเป็น นั่นทำให้รู้สึกถึงความไม่ปกติในความปกติ
ฝัน...เป็นแค่ความฝัน
เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังตื่นจากความฝันสวยงาม ความจริงคือผมนั่งเฝ้าดูอาการของแอนนา จนเผลอหลับไป แล้วฝันเป็นเรื่องเป็นราว จนตกเก้าอี้ ให้ตายสิ..ผมเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองกำลังมีความฝันแสนสวยงามเกินกว่าจะหักห้ามใจ
แอนนาไม่ได้มาที่ดาวเฮเว่น เรื่องราวเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่จริง รู้สึกเหมือนโดนหลอกอย่างไรชอบกล
ความจริงคือผมพบว่าตัวเอง มีหน้าที่เฝ้าดูแลแอนนาอยู่ข้างเตียง และคงเผลอหลับไป จนฝันเป็นเรื่องเป้นราว และเป็นความฝันที่แสนวิเศษเหลือเกิน วิเศษสุดจนเกินความเป็นจริง ความฝันที่สะท้อนความรู้สึกและความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในออกมา จนทำให้ผมละเมอเพ้อฝันไปได้ระยะหนึ่ง
แอนนาไม่ได้มาที่นี่ ...ผมก้มหน้าลงด้วยความรวดร้าว ก่อนจะทำใจได้ ความฝันก็คือความฝัน ถึงจะแสนหวานสวยงามเพียงใด แต่ไม่ใช่เรื่องจริง ระหว่างอดีตและความฝันมีสิ่งเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือเป็นเพียงเงาความทรงจำเท่านั้น
ความจริงคือแอนนากำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงของเธอ ตาหลับพริ้ม ไม่ว่าจะหลับเพราะอาการเจ็บป่วยหรืออะไรก็ตาม แต่นี่คือผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ รักจนไม่เคยกระทำการใดที่เป็นการหยามย่ำความรักที่มีให้
“แอนนา ผมรักคุณ” โน้มตัวลงไปบอกเธอ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงอีกครั้ง มองดูร่างของแอนนาอย่างเป็นห่วง ในฝันแอนนาบอกว่าร่างนี้เป็นโคลนนิ่ง ถ้าหากความฝันเป็นจริงก็คงดีไม่น้อย ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร หรืออย่างไรก็ตาม ผมก็ยังรักเธอเสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะตัดขาดได้ง่ายดาย เพราะคำสั่งของการให้เกิด ‘ความรัก’ มันมากับ ดีเอ็นเอ---โครโมโซมของมนุษย์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ รอเวลาในการทำหน้าที่ในเวลาที่เหมาะสม คนเราถ้าตัดขาดความรักก็คือการฝ่าฝืนคำสั่งของโครโมโซมนั่นเอง บางทีโครโมโซมของผมอาจมีคำสั่งลับพิเศษ เขียนว่าให้ผมรักแอนนาเท่านั้น คนเราถูกควบคุมด้วยคำสั่งดีเอ็นเอที่ทำงานอยู่ฉากหลังตลอดเวลา การตัดความรักให้หมดสิ้น คงมีแต่บุคคลมุ่งสู่เส้นทางนิพพานจึงจะทำได้
นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ แบบคนฟุ้งซ่าน โดยคิดว่าถ้าแอนนาฟื้นขึ้นมาจะได้เจอหน้าผมเป็นสิ่งแรก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนั้น ความหวังอยู่กับมาเรียน โปรแกรมโคตรอัจฉริยะที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป แต่คิดว่าคำตอบในเรื่องอาการของแอนนา จะต้องอยู่กับมาเรียแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
ในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอยู่นอกห้อง เอาอีกแล้ว...หรือว่านี่มันฝันซ้อนฝัน
ผมสลัดศีรษะไปมา แต่ไม่ได้ทดลองหยิกตัวเอง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้พบว่าในความฝัน หยิกก็สามารถเจ็บได้ อาการเจ็บจึงไม่ใช่ข้อบ่งชี้แยกแยะความฝันหรือความจริงออกจากกันเสมอไป ตั้งใจฟังอย่างใจเย็นมีสมาธิ เสียงฝีเท้าของมนุษย์แน่นอน แม้จะแผ่วเบาแต่ความเงียบในยาน ทำให้เสียงฟังชัดเจนมาก
ประตูห้องเปิดออก
ไม่ใช่แอนนา
ถึงจะเป็นความฝันก็คงไม่อยากใช้มุกเดิมเท่าใด คนที่เปิดประตูและก้าวตรงมาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มเป็นผู้หญิง ผิวขาวสวย เส้นผมสีบลอนด์ในชุดเดรสสีแดงเพลิง ทำให้ต้องปากอ้าตาค้างอีกครั้ง ถ้าเป็นแอนนา ก็คงพอทำเนาว่ามีคนที่รู้จักเป็นอย่างดีมาหา แต่นี่เป็นคนแปลกหน้าชนิดไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ทั้งยังมาในชุดราวจะออกไปงานราตรีแทนที่จะเป็นชุดประจำยาน
“คุณ....” ผมหลุดปากออกได้พยางค์เดียว เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันหรือความจริง นึกหาคำพูดต่อไปไม่ได้ขึ้นมาเฉย ๆ
“มาเรียค่ะ มาเรียยินดีรับใช้” เธอย่อตัวมือวางบนเข่าค้อมศีรษะเล็กน้อยเหมือนเป็นการทักทาย แบบชนชาติใดก็นึกไม่ออก
“มาเรีย...”
“ใช่ค่ะ มาเรีย โปรแกรมมาเรียยังไงคะ”
โปรแกรมออกมาเดินเป็นตัวเป็นตน ต่อหน้าต่อตา เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมได้แต่นั่งอึ้งไปพร้อมกับความคิดปั่นป่วน ไม่ใช่ความหวาดกลัวแต่เป็นความไม่เข้าใจมากกว่า หญิงสาวทำสิ่งเดียวกับที่แอนนาในฝันทำ คือลากเก้าอี้มานั่งเบื้องหน้า แต่ท่าทางของเธอคนนี้ดูสุภาพเรียบร้อยสำรวมมากกว่าแอนนา คงเป็นเพราะเป็นการเจอกันครั้งแรกนั่นเอง
“นี่จะให้ผมเชื่อจริง ๆ หรือครับว่าคุณเป็นโปรแกรม”
“บางทีมนุษย์นี่ยอมรับอะไรไม่ง่ายเหมือนกัน” เธอทำเสียงเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่ก๊จ้องมองมาด้วยสายตาแห่งความเป็นมิตรสนิทใจอย่างชัดเจน “มาเรียเป็นโปรแกรมจริง ๆ คะ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” ผมยังไม่หายสงสัย กระเถิบห่างนิดหนึ่งอย่างระวังตัว
“เกิดขึ้นได้สิคะ เพราะเวลานี้คุณเฮเว่นอยู่ในจักรวาลของโปรแกรม ไม่ใช่จักรวาลเดิมที่คุณคุ้นเคย”
.....