ฝันมรณะ
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
Chapter XI
Project
โนอาร์นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งต่อเข้ากับระบบควบคุม MDSP ที่ติดตั้งโปรแกรมกระตุ้นการปลุกอัตโนมัติไว้ ข้างกันคือร่างของเจ้าหน้าที่ชายหญิงจาก APCO กำลังนอนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
พวกเขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน...
เสียงโทรศัพท์มือถือของโจนาธานที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น สารวัตรหนุ่มหยิบขึ้นดูหน้าจอพบว่าเรย์โทรกลับมาอีกครั้ง
“โจนาธานกับแคทรีน่ายังไม่ตื่นเลย” ชายหนุ่มกรอกเสียงใส่ลงไปทันที
‘รีบปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้ครับ’ เสียงจากปลายสายฟังดูเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น”
‘ผมไม่มีเวลาอธิบายครับสารวัตร รีบปลุกพวกเขาตื่นเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ความฝันกำลังถูกทำลาย ถ้าไม่ปลุกพวกเขาจะไม่มีทางกลับออกมาได้’
ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรเรย์ก็กดตัดสายไปทันที
“ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นอีก” โนอาร์บ่นพลางหันหน้ากลับเข้ามาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
โปรแกรมต่อคลื่นความฝันเป็นรหัสคอมพิวเตอร์แปลงเป็นตัวเลขวิ่งอยู่บนหน้าจอ เขาไม่เข้าใจว่ากลไกการทำงานของมันเป็นแบบไหน ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ใช้มันในการทำงานเบื้องต้นได้เท่านั้น โชคดีที่โปรแกรมปลุกอัตโนมัติและติดต่อด้วยเสียงผ่านความฝันยังทำงานด้วยภาษาที่อ่านออกและเข้าใจได้
ชายหนุ่มคว้าสปีกเกอร์โฟนที่ต่อเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นพร้อมกดปุ่มเชื่อมสัญญาณ
“ฮัลโหล...เจ้าหน้าที่โจนาธานได้ยินผมไหม”
เสียงซ่าดังอยู่ครู่หนึ่งกลายเป็นเสียงอู้อี้ ไม่นานอีกฝั่งหนึ่งก็ตอบกลับมา ‘ได้ยินแล้วครับสารวัตร มีอะไรเหรอครับ’
“พวกคุณรีบตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้”
‘แต่ตอนนี้ผมถอดข้อมูลจากโค้ดของเชโลม่าได้แล้ว’ โจนาธานตอบกลับ
“ผมไม่รู้ว่าไอ้ข้อมูลที่คุณถอดออกมาได้มันคืออะไร แต่ตอนนี้ความฝันที่คุณอยู่กำลังจะถูกทำลาย รีบออกมาเดี๋ยวนี้”
อีกฝ่ายมีท่าทางลังเลสังเกตได้จากเสียงหายใจ
“ถ้าพวกคุณไม่ออกมาผมจะใช้โปรแกรมปลุกอัตโนมัติ” เขาตะคอกเสียงใส่ลงไป
‘ผมขอเวลาอีกเดี๋ยว ถ้าผมกลับออกมาไม่ได้ผมจะส่งโค้ดทั้งหมดเข้าเครื่อง MDSP ที่ผมใส่อยู่ ถึงตอนนั้นให้คุณช่วยทำลายมันทิ้งด้วย”
“แต่ว่า...”
เจ้าหน้าที่โจนาธานตัดสายไป การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณเสียงสิ้นสุดลง
ร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตัวตื่นขึ้น หอบหายใจถี่เหงื่อซึมบนหน้าผากและลำคอ
“เจ้าหน้าที่แคทรีน่า ทำไมคุณถึง...”
“โจส่งฉันกลับมาก่อน” แคทรีน่าตอบสียงสั่น ค่อย ๆ ยันร่างลุกขึ้นยืน
พื้นห้องเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ชั้นวางและงานวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตพังครืนลงมาอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหวโหมกระหน่ำทวีความรุนแรงขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” โนอาร์โพล่งขึ้นขณะคว้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่กำลังจะตกโต๊ะไว้ได้ทัน
แคทรีน่าคว้าเก้าอี้ที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งอยู่ MDSP ที่ต่อเข้ากับคลื่นสมองทำให้เขาหลับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“พวกเรายังอยู่ในความฝันเหรอนี่” หญิงสาวกล่าว
“จะเป็นไปได้ยังไง ก็ตอนนี้พวกเรายังตื่นอยู่นะครับ”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว รีบปลุกโจนาธานขึ้นจากความฝันเร็วเข้า”
สารวัตรหนุ่มนิ่วหน้าเพ่งสายตาไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ปุ่มโปรแกรมปลุกอัตโนมัติถูกเปิดขึ้นป้อนโปรแกรมด้วยการสั่งงานด้วยมือ
เขาเพียงแค่เคาะปุ่ม Enter หนึ่งที ร่างของชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่หลับอยู่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นอย่างอัตโนมัติ
“ให้ตายสิ คุณปลุกผมขึ้นมาทำไม”
“เราไม่มีเวลาแล้วนะโจ” เพื่อนร่วมงานประคองเขาให้ลุกขึ้นยืน “ความฝันกับความจริงกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว”
“ผมมีอะไรน่าตกใจกว่านั้นจะเล่าให้พวกคุณฟัง”
“อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้าเถอะ” สารวัตรหนุ่มแทรกขึ้น ในมือกอดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแน่น
โจนาธานรีบเก็บเครื่อง MDSP และแฟ้มเอกสารที่สำคัญทั้งหมดก่อนออกจากห้องตามไปอย่างรวดเร็ว
แผ่นดินไหวเริ่มรุนแรงขึ้นจนพื้นห้องสีขาวเกิดรอยแยก โคมไฟตกลงมาแตก ตัวบ้านเริ่มทรุดลงเอนไปทีละนิด คล้ายกำลังถูกดูดลงไปยังพื้นดิน
ทั้งสามคนรีบหนีออกมาจากบ้านได้ทันก่อนที่ตัวบ้านจะถูกดูดหายลงไปในพื้นดิน
“เกือบไปแล้ว” โนอาร์ถอนหายใจ
“รีบไปขึ้นรถเถอะ พวกเราต้องกลับไปหาเด็กพวกนั้นที่โรงพยาบาล”
โจนาธานพยักหน้ากับความคิดของหญิงสาว ล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดประตู เมื่อเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทเหมือนอย่างเคยก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อพบว่าเขาวางลืมมันไว้บนเก้าอี้ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ต
“เธอขับรถนะแคท เดี๋ยวฉันขอจัดการข้อมูลในโน้ตบุ๊ก”
“เข้าใจละ”
สารวัตรโนอาร์ขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายที่นั่งเบาะหลังก่อนที่รถจะรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังจึงพบว่าต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมตัวบ้านอยู่ถูกแผ่นดินไหวเมื่อครู่นี้ดูดหายลงไปกับพื้นดินเสียแล้ว
โจนาธานวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้บนตักพร้อมกับเปิดเครื่องขึ้น รหัสคอมพิวเตอร์เป็นตัวเลขถูกพิมพ์ป้อนลงไปในโปรแกรมบันทึกข้อมูลที่เปิดไว้
“เป็นยังไงบ้างโจ ได้อะไรมาบ้าง” แคทรีน่าถามระหว่างเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้า จุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลประจำเมืองมาเซล
“ดอกเตอร์โรเบิร์ตคิดจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ในความฝัน ข้อมูลบางส่วนที่ฉันดึงมาได้จากไฟล์คอมพิวเตอร์ในโลกแห่งความฝันยังไม่สมบูรณ์ แต่จะพยายามเท่าที่ฉันจำได้นะ”
“ดะ...เดี๋ยวก่อนนะ” นายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังขัดขึ้น “คุณบอกว่าสิ่งมีชีวิตในความฝันเหรอ”
“ใช่แล้ว กลไกการทำงานของมันคล้ายกับสมองกลที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่กรณีของดอกเตอร์โรเบิร์ตเขาได้สร้างมันขึ้นมาในความฝัน ให้มันมีชีวิต มีความรู้สึก แต่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะแบบนั้นเลยจำเป็นต้องมีต้นแบบเพื่อเป็นรูปร่างของมันโดยใช้คนจริง ๆ มาเป็นต้นแบบให้กับมัน”
“นายหมายถึงรีน่าเหรอ” หญิงสาวถาม สายตาไม่ละจากถนน
“รีน่าคือต้นแบบของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ในความฝัน ชื่อของงานวิจัยนี้คือ...” เจ้าหน้าที่หนุ่มเว้นเสียงลงก่อนจะเคาะปุ่มเว้นวรรคลงบนแป้นพิมพ์ “เชโลม่า”
“ไอ้นักวิทยาศาสตร์นั่นมันคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นะ” โนอาร์ที่นั่งฟังอยู่โพล่งขึ้น กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“ที่แสบกว่านั้นคือมันอยากมีชีวิตและเข้ามาแทนที่ร่างต้นแบบของมันเอง เพราะแบบนี้มันเลยคิดฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตที่พยายามจะควบคุมมันและทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง” โจนาธานสรุป
“สรุปแล้ว MDSP รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นงานวิจัยที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาไอ้สิ่งมีชีวิตในความฝันตัวนี้ใช่ไหม” เพื่อนร่วมงานถามบ้าง
“บางทีมันอาจถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้เชโลม่ามีรูปร่างเสมือนในโลกแห่งความจริง แต่ดูเหมือนมันจะมีความคิดเป็นของตัวเองและอยากเป็นมากกว่านั้น”
“มันอยากจะเป็นมนุษย์สินะ” สารวัตรหนุ่มสำทับ
โจนาธานพยักหน้าแทนคำตอบ
แต่แล้วจู่ ๆ แคทรีน่าเหยียบเบรกรถกะทันหัน จนนายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยต้องยึดไว้แน่น
“หยุดทำไมแคท”
“ดูข้างหน้าสิ”
ร่างที่ปรากฏอยู่บนถนนถูกแสงไฟหน้ารถส่อง ชุดยาวสีขาวกลืนกับผิวขาวละเอียด ผมยาวตรงสีเทาสลวย ดวงตาสีฟ้าสะท้อนแสงมองเห็นชัดเจน
“ปีศาจ!” สารวัตรหนุ่มอุทานขึ้น
ร่างนั้นระเบิดเสียงหัวเราะไม่ต่างกับคนเสียสติ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูน่ากลัวจนรู้สึกขนลุก
“ดูเหมือนบนถนนก็มีนะ” โจนาธานหันไปมองข้างกระจกที่สะท้อนข้างรถ
เชโลม่าคนอื่น ๆ กำลังเดินอยู่บนถนน ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทุกคนที่มองเห็นจะแสยะยิ้มและหัวเราะ ความรู้สึกน่ากลัวจนเริ่มขนลุกกัดกินจิตใจของผู้พบเห็นทีละนิด
“จับไว้ให้แน่น ๆ นะทุกคน” หญิงสาวเหยียบคันเร่งจนมิด พร้อมกับหักพวกมาลัยหลบร่างที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้า เพื่อมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่อีกไม่ไกล
“ทำไมถึงได้มีแต่ปีศาจนี่เต็มไปหมดเลย” โนอาร์หันหลังมองกระจกท้ายรถ
“ดูเหมือนว่ามันจะเข้าแทรกความฝันของคนอื่นได้หมดทุกคนแล้วนะโจ” คนขับบอกพลางหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
ร่างของผู้คนทุกคนในเมืองกลายเป็นเด็กสาวผมสีเทาสวมชุดยาวสีขาว ทั้งในบ้าน บนถนน ทุกหนทุกแห่งมีแต่เชโลม่า
ไม่เว้นแม้แต่เมื่อรถผ่านสถานีรถไฟประจำเมืองมาเซล แคทรีน่าเห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนเชโลม่ากำลังยืนขายตั๋วให้กับคนที่มีหน้าตาแบบเดียวกัน
ฝันมรณะ : Chapter XI Project
โนอาร์นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งต่อเข้ากับระบบควบคุม MDSP ที่ติดตั้งโปรแกรมกระตุ้นการปลุกอัตโนมัติไว้ ข้างกันคือร่างของเจ้าหน้าที่ชายหญิงจาก APCO กำลังนอนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
พวกเขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน...
เสียงโทรศัพท์มือถือของโจนาธานที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น สารวัตรหนุ่มหยิบขึ้นดูหน้าจอพบว่าเรย์โทรกลับมาอีกครั้ง
“โจนาธานกับแคทรีน่ายังไม่ตื่นเลย” ชายหนุ่มกรอกเสียงใส่ลงไปทันที
‘รีบปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้ครับ’ เสียงจากปลายสายฟังดูเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น”
‘ผมไม่มีเวลาอธิบายครับสารวัตร รีบปลุกพวกเขาตื่นเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ความฝันกำลังถูกทำลาย ถ้าไม่ปลุกพวกเขาจะไม่มีทางกลับออกมาได้’
ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรเรย์ก็กดตัดสายไปทันที
“ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นอีก” โนอาร์บ่นพลางหันหน้ากลับเข้ามาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
โปรแกรมต่อคลื่นความฝันเป็นรหัสคอมพิวเตอร์แปลงเป็นตัวเลขวิ่งอยู่บนหน้าจอ เขาไม่เข้าใจว่ากลไกการทำงานของมันเป็นแบบไหน ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ใช้มันในการทำงานเบื้องต้นได้เท่านั้น โชคดีที่โปรแกรมปลุกอัตโนมัติและติดต่อด้วยเสียงผ่านความฝันยังทำงานด้วยภาษาที่อ่านออกและเข้าใจได้
ชายหนุ่มคว้าสปีกเกอร์โฟนที่ต่อเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นพร้อมกดปุ่มเชื่อมสัญญาณ
“ฮัลโหล...เจ้าหน้าที่โจนาธานได้ยินผมไหม”
เสียงซ่าดังอยู่ครู่หนึ่งกลายเป็นเสียงอู้อี้ ไม่นานอีกฝั่งหนึ่งก็ตอบกลับมา ‘ได้ยินแล้วครับสารวัตร มีอะไรเหรอครับ’
“พวกคุณรีบตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้”
‘แต่ตอนนี้ผมถอดข้อมูลจากโค้ดของเชโลม่าได้แล้ว’ โจนาธานตอบกลับ
“ผมไม่รู้ว่าไอ้ข้อมูลที่คุณถอดออกมาได้มันคืออะไร แต่ตอนนี้ความฝันที่คุณอยู่กำลังจะถูกทำลาย รีบออกมาเดี๋ยวนี้”
อีกฝ่ายมีท่าทางลังเลสังเกตได้จากเสียงหายใจ
“ถ้าพวกคุณไม่ออกมาผมจะใช้โปรแกรมปลุกอัตโนมัติ” เขาตะคอกเสียงใส่ลงไป
‘ผมขอเวลาอีกเดี๋ยว ถ้าผมกลับออกมาไม่ได้ผมจะส่งโค้ดทั้งหมดเข้าเครื่อง MDSP ที่ผมใส่อยู่ ถึงตอนนั้นให้คุณช่วยทำลายมันทิ้งด้วย”
“แต่ว่า...”
เจ้าหน้าที่โจนาธานตัดสายไป การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณเสียงสิ้นสุดลง
ร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตัวตื่นขึ้น หอบหายใจถี่เหงื่อซึมบนหน้าผากและลำคอ
“เจ้าหน้าที่แคทรีน่า ทำไมคุณถึง...”
“โจส่งฉันกลับมาก่อน” แคทรีน่าตอบสียงสั่น ค่อย ๆ ยันร่างลุกขึ้นยืน
พื้นห้องเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ชั้นวางและงานวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตพังครืนลงมาอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหวโหมกระหน่ำทวีความรุนแรงขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” โนอาร์โพล่งขึ้นขณะคว้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่กำลังจะตกโต๊ะไว้ได้ทัน
แคทรีน่าคว้าเก้าอี้ที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งอยู่ MDSP ที่ต่อเข้ากับคลื่นสมองทำให้เขาหลับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“พวกเรายังอยู่ในความฝันเหรอนี่” หญิงสาวกล่าว
“จะเป็นไปได้ยังไง ก็ตอนนี้พวกเรายังตื่นอยู่นะครับ”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว รีบปลุกโจนาธานขึ้นจากความฝันเร็วเข้า”
สารวัตรหนุ่มนิ่วหน้าเพ่งสายตาไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ปุ่มโปรแกรมปลุกอัตโนมัติถูกเปิดขึ้นป้อนโปรแกรมด้วยการสั่งงานด้วยมือ
เขาเพียงแค่เคาะปุ่ม Enter หนึ่งที ร่างของชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่หลับอยู่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นอย่างอัตโนมัติ
“ให้ตายสิ คุณปลุกผมขึ้นมาทำไม”
“เราไม่มีเวลาแล้วนะโจ” เพื่อนร่วมงานประคองเขาให้ลุกขึ้นยืน “ความฝันกับความจริงกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว”
“ผมมีอะไรน่าตกใจกว่านั้นจะเล่าให้พวกคุณฟัง”
“อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้าเถอะ” สารวัตรหนุ่มแทรกขึ้น ในมือกอดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแน่น
โจนาธานรีบเก็บเครื่อง MDSP และแฟ้มเอกสารที่สำคัญทั้งหมดก่อนออกจากห้องตามไปอย่างรวดเร็ว
แผ่นดินไหวเริ่มรุนแรงขึ้นจนพื้นห้องสีขาวเกิดรอยแยก โคมไฟตกลงมาแตก ตัวบ้านเริ่มทรุดลงเอนไปทีละนิด คล้ายกำลังถูกดูดลงไปยังพื้นดิน
ทั้งสามคนรีบหนีออกมาจากบ้านได้ทันก่อนที่ตัวบ้านจะถูกดูดหายลงไปในพื้นดิน
“เกือบไปแล้ว” โนอาร์ถอนหายใจ
“รีบไปขึ้นรถเถอะ พวกเราต้องกลับไปหาเด็กพวกนั้นที่โรงพยาบาล”
โจนาธานพยักหน้ากับความคิดของหญิงสาว ล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดประตู เมื่อเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทเหมือนอย่างเคยก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อพบว่าเขาวางลืมมันไว้บนเก้าอี้ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ต
“เธอขับรถนะแคท เดี๋ยวฉันขอจัดการข้อมูลในโน้ตบุ๊ก”
“เข้าใจละ”
สารวัตรโนอาร์ขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายที่นั่งเบาะหลังก่อนที่รถจะรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังจึงพบว่าต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมตัวบ้านอยู่ถูกแผ่นดินไหวเมื่อครู่นี้ดูดหายลงไปกับพื้นดินเสียแล้ว
โจนาธานวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้บนตักพร้อมกับเปิดเครื่องขึ้น รหัสคอมพิวเตอร์เป็นตัวเลขถูกพิมพ์ป้อนลงไปในโปรแกรมบันทึกข้อมูลที่เปิดไว้
“เป็นยังไงบ้างโจ ได้อะไรมาบ้าง” แคทรีน่าถามระหว่างเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้า จุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลประจำเมืองมาเซล
“ดอกเตอร์โรเบิร์ตคิดจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ในความฝัน ข้อมูลบางส่วนที่ฉันดึงมาได้จากไฟล์คอมพิวเตอร์ในโลกแห่งความฝันยังไม่สมบูรณ์ แต่จะพยายามเท่าที่ฉันจำได้นะ”
“ดะ...เดี๋ยวก่อนนะ” นายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังขัดขึ้น “คุณบอกว่าสิ่งมีชีวิตในความฝันเหรอ”
“ใช่แล้ว กลไกการทำงานของมันคล้ายกับสมองกลที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่กรณีของดอกเตอร์โรเบิร์ตเขาได้สร้างมันขึ้นมาในความฝัน ให้มันมีชีวิต มีความรู้สึก แต่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะแบบนั้นเลยจำเป็นต้องมีต้นแบบเพื่อเป็นรูปร่างของมันโดยใช้คนจริง ๆ มาเป็นต้นแบบให้กับมัน”
“นายหมายถึงรีน่าเหรอ” หญิงสาวถาม สายตาไม่ละจากถนน
“รีน่าคือต้นแบบของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ในความฝัน ชื่อของงานวิจัยนี้คือ...” เจ้าหน้าที่หนุ่มเว้นเสียงลงก่อนจะเคาะปุ่มเว้นวรรคลงบนแป้นพิมพ์ “เชโลม่า”
“ไอ้นักวิทยาศาสตร์นั่นมันคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นะ” โนอาร์ที่นั่งฟังอยู่โพล่งขึ้น กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“ที่แสบกว่านั้นคือมันอยากมีชีวิตและเข้ามาแทนที่ร่างต้นแบบของมันเอง เพราะแบบนี้มันเลยคิดฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตที่พยายามจะควบคุมมันและทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง” โจนาธานสรุป
“สรุปแล้ว MDSP รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นงานวิจัยที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาไอ้สิ่งมีชีวิตในความฝันตัวนี้ใช่ไหม” เพื่อนร่วมงานถามบ้าง
“บางทีมันอาจถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้เชโลม่ามีรูปร่างเสมือนในโลกแห่งความจริง แต่ดูเหมือนมันจะมีความคิดเป็นของตัวเองและอยากเป็นมากกว่านั้น”
“มันอยากจะเป็นมนุษย์สินะ” สารวัตรหนุ่มสำทับ
โจนาธานพยักหน้าแทนคำตอบ
แต่แล้วจู่ ๆ แคทรีน่าเหยียบเบรกรถกะทันหัน จนนายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยต้องยึดไว้แน่น
“หยุดทำไมแคท”
“ดูข้างหน้าสิ”
ร่างที่ปรากฏอยู่บนถนนถูกแสงไฟหน้ารถส่อง ชุดยาวสีขาวกลืนกับผิวขาวละเอียด ผมยาวตรงสีเทาสลวย ดวงตาสีฟ้าสะท้อนแสงมองเห็นชัดเจน
“ปีศาจ!” สารวัตรหนุ่มอุทานขึ้น
ร่างนั้นระเบิดเสียงหัวเราะไม่ต่างกับคนเสียสติ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูน่ากลัวจนรู้สึกขนลุก
“ดูเหมือนบนถนนก็มีนะ” โจนาธานหันไปมองข้างกระจกที่สะท้อนข้างรถ
เชโลม่าคนอื่น ๆ กำลังเดินอยู่บนถนน ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทุกคนที่มองเห็นจะแสยะยิ้มและหัวเราะ ความรู้สึกน่ากลัวจนเริ่มขนลุกกัดกินจิตใจของผู้พบเห็นทีละนิด
“จับไว้ให้แน่น ๆ นะทุกคน” หญิงสาวเหยียบคันเร่งจนมิด พร้อมกับหักพวกมาลัยหลบร่างที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้า เพื่อมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่อีกไม่ไกล
“ทำไมถึงได้มีแต่ปีศาจนี่เต็มไปหมดเลย” โนอาร์หันหลังมองกระจกท้ายรถ
“ดูเหมือนว่ามันจะเข้าแทรกความฝันของคนอื่นได้หมดทุกคนแล้วนะโจ” คนขับบอกพลางหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
ร่างของผู้คนทุกคนในเมืองกลายเป็นเด็กสาวผมสีเทาสวมชุดยาวสีขาว ทั้งในบ้าน บนถนน ทุกหนทุกแห่งมีแต่เชโลม่า
ไม่เว้นแม้แต่เมื่อรถผ่านสถานีรถไฟประจำเมืองมาเซล แคทรีน่าเห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนเชโลม่ากำลังยืนขายตั๋วให้กับคนที่มีหน้าตาแบบเดียวกัน