ฝันมรณะ : Chapter XI Project

ฝันมรณะ
 
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
 
 
 
Chapter XI
Project
  
 
 
                โนอาร์นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งต่อเข้ากับระบบควบคุม MDSP ที่ติดตั้งโปรแกรมกระตุ้นการปลุกอัตโนมัติไว้ ข้างกันคือร่างของเจ้าหน้าที่ชายหญิงจาก APCO กำลังนอนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

                พวกเขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน...

                เสียงโทรศัพท์มือถือของโจนาธานที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น สารวัตรหนุ่มหยิบขึ้นดูหน้าจอพบว่าเรย์โทรกลับมาอีกครั้ง

                “โจนาธานกับแคทรีน่ายังไม่ตื่นเลย” ชายหนุ่มกรอกเสียงใส่ลงไปทันที

                ‘รีบปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้ครับ’ เสียงจากปลายสายฟังดูเร่งรีบ

                “เกิดอะไรขึ้น”

                ‘ผมไม่มีเวลาอธิบายครับสารวัตร รีบปลุกพวกเขาตื่นเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ความฝันกำลังถูกทำลาย ถ้าไม่ปลุกพวกเขาจะไม่มีทางกลับออกมาได้’

                ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรเรย์ก็กดตัดสายไปทันที

                “ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นอีก” โนอาร์บ่นพลางหันหน้ากลับเข้ามาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

                โปรแกรมต่อคลื่นความฝันเป็นรหัสคอมพิวเตอร์แปลงเป็นตัวเลขวิ่งอยู่บนหน้าจอ เขาไม่เข้าใจว่ากลไกการทำงานของมันเป็นแบบไหน ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ใช้มันในการทำงานเบื้องต้นได้เท่านั้น โชคดีที่โปรแกรมปลุกอัตโนมัติและติดต่อด้วยเสียงผ่านความฝันยังทำงานด้วยภาษาที่อ่านออกและเข้าใจได้

                ชายหนุ่มคว้าสปีกเกอร์โฟนที่ต่อเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นพร้อมกดปุ่มเชื่อมสัญญาณ

                “ฮัลโหล...เจ้าหน้าที่โจนาธานได้ยินผมไหม”

                เสียงซ่าดังอยู่ครู่หนึ่งกลายเป็นเสียงอู้อี้ ไม่นานอีกฝั่งหนึ่งก็ตอบกลับมา ‘ได้ยินแล้วครับสารวัตร มีอะไรเหรอครับ’

                “พวกคุณรีบตื่นขึ้นมาจากความฝันเดี๋ยวนี้”

                ‘แต่ตอนนี้ผมถอดข้อมูลจากโค้ดของเชโลม่าได้แล้ว’ โจนาธานตอบกลับ

                “ผมไม่รู้ว่าไอ้ข้อมูลที่คุณถอดออกมาได้มันคืออะไร แต่ตอนนี้ความฝันที่คุณอยู่กำลังจะถูกทำลาย รีบออกมาเดี๋ยวนี้”

                อีกฝ่ายมีท่าทางลังเลสังเกตได้จากเสียงหายใจ

                “ถ้าพวกคุณไม่ออกมาผมจะใช้โปรแกรมปลุกอัตโนมัติ” เขาตะคอกเสียงใส่ลงไป

                ‘ผมขอเวลาอีกเดี๋ยว ถ้าผมกลับออกมาไม่ได้ผมจะส่งโค้ดทั้งหมดเข้าเครื่อง MDSP ที่ผมใส่อยู่ ถึงตอนนั้นให้คุณช่วยทำลายมันทิ้งด้วย”

                “แต่ว่า...”

                เจ้าหน้าที่โจนาธานตัดสายไป การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณเสียงสิ้นสุดลง

                ร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตัวตื่นขึ้น หอบหายใจถี่เหงื่อซึมบนหน้าผากและลำคอ

                “เจ้าหน้าที่แคทรีน่า ทำไมคุณถึง...”

                “โจส่งฉันกลับมาก่อน” แคทรีน่าตอบสียงสั่น ค่อย ๆ ยันร่างลุกขึ้นยืน

                พื้นห้องเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ชั้นวางและงานวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตพังครืนลงมาอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหวโหมกระหน่ำทวีความรุนแรงขึ้น

                “นี่มันเกิดอะไรขึ้น” โนอาร์โพล่งขึ้นขณะคว้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่กำลังจะตกโต๊ะไว้ได้ทัน

                แคทรีน่าคว้าเก้าอี้ที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งอยู่ MDSP ที่ต่อเข้ากับคลื่นสมองทำให้เขาหลับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

                “พวกเรายังอยู่ในความฝันเหรอนี่” หญิงสาวกล่าว

                “จะเป็นไปได้ยังไง ก็ตอนนี้พวกเรายังตื่นอยู่นะครับ”

                “แต่มันก็เป็นไปแล้ว รีบปลุกโจนาธานขึ้นจากความฝันเร็วเข้า”

                สารวัตรหนุ่มนิ่วหน้าเพ่งสายตาไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ปุ่มโปรแกรมปลุกอัตโนมัติถูกเปิดขึ้นป้อนโปรแกรมด้วยการสั่งงานด้วยมือ

                เขาเพียงแค่เคาะปุ่ม Enter หนึ่งที ร่างของชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่หลับอยู่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นอย่างอัตโนมัติ

                “ให้ตายสิ คุณปลุกผมขึ้นมาทำไม”

                “เราไม่มีเวลาแล้วนะโจ” เพื่อนร่วมงานประคองเขาให้ลุกขึ้นยืน “ความฝันกับความจริงกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว”

                “ผมมีอะไรน่าตกใจกว่านั้นจะเล่าให้พวกคุณฟัง”

                “อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้าเถอะ” สารวัตรหนุ่มแทรกขึ้น ในมือกอดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแน่น

                โจนาธานรีบเก็บเครื่อง MDSP และแฟ้มเอกสารที่สำคัญทั้งหมดก่อนออกจากห้องตามไปอย่างรวดเร็ว

                แผ่นดินไหวเริ่มรุนแรงขึ้นจนพื้นห้องสีขาวเกิดรอยแยก โคมไฟตกลงมาแตก ตัวบ้านเริ่มทรุดลงเอนไปทีละนิด คล้ายกำลังถูกดูดลงไปยังพื้นดิน

                ทั้งสามคนรีบหนีออกมาจากบ้านได้ทันก่อนที่ตัวบ้านจะถูกดูดหายลงไปในพื้นดิน

                “เกือบไปแล้ว” โนอาร์ถอนหายใจ

                “รีบไปขึ้นรถเถอะ พวกเราต้องกลับไปหาเด็กพวกนั้นที่โรงพยาบาล”

                โจนาธานพยักหน้ากับความคิดของหญิงสาว ล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดประตู เมื่อเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทเหมือนอย่างเคยก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อพบว่าเขาวางลืมมันไว้บนเก้าอี้ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ต

                “เธอขับรถนะแคท เดี๋ยวฉันขอจัดการข้อมูลในโน้ตบุ๊ก”

                “เข้าใจละ”

                สารวัตรโนอาร์ขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายที่นั่งเบาะหลังก่อนที่รถจะรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังจึงพบว่าต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมตัวบ้านอยู่ถูกแผ่นดินไหวเมื่อครู่นี้ดูดหายลงไปกับพื้นดินเสียแล้ว

                โจนาธานวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้บนตักพร้อมกับเปิดเครื่องขึ้น รหัสคอมพิวเตอร์เป็นตัวเลขถูกพิมพ์ป้อนลงไปในโปรแกรมบันทึกข้อมูลที่เปิดไว้

                “เป็นยังไงบ้างโจ ได้อะไรมาบ้าง” แคทรีน่าถามระหว่างเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้า จุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลประจำเมืองมาเซล

                “ดอกเตอร์โรเบิร์ตคิดจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ในความฝัน ข้อมูลบางส่วนที่ฉันดึงมาได้จากไฟล์คอมพิวเตอร์ในโลกแห่งความฝันยังไม่สมบูรณ์ แต่จะพยายามเท่าที่ฉันจำได้นะ”

                “ดะ...เดี๋ยวก่อนนะ” นายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังขัดขึ้น “คุณบอกว่าสิ่งมีชีวิตในความฝันเหรอ”

                “ใช่แล้ว กลไกการทำงานของมันคล้ายกับสมองกลที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่กรณีของดอกเตอร์โรเบิร์ตเขาได้สร้างมันขึ้นมาในความฝัน ให้มันมีชีวิต มีความรู้สึก แต่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะแบบนั้นเลยจำเป็นต้องมีต้นแบบเพื่อเป็นรูปร่างของมันโดยใช้คนจริง ๆ มาเป็นต้นแบบให้กับมัน”

                “นายหมายถึงรีน่าเหรอ” หญิงสาวถาม สายตาไม่ละจากถนน

                “รีน่าคือต้นแบบของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ในความฝัน ชื่อของงานวิจัยนี้คือ...” เจ้าหน้าที่หนุ่มเว้นเสียงลงก่อนจะเคาะปุ่มเว้นวรรคลงบนแป้นพิมพ์ “เชโลม่า”

                “ไอ้นักวิทยาศาสตร์นั่นมันคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่นะ” โนอาร์ที่นั่งฟังอยู่โพล่งขึ้น กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

                “ที่แสบกว่านั้นคือมันอยากมีชีวิตและเข้ามาแทนที่ร่างต้นแบบของมันเอง เพราะแบบนี้มันเลยคิดฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตที่พยายามจะควบคุมมันและทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง” โจนาธานสรุป

                “สรุปแล้ว MDSP รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นงานวิจัยที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาไอ้สิ่งมีชีวิตในความฝันตัวนี้ใช่ไหม” เพื่อนร่วมงานถามบ้าง

                “บางทีมันอาจถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำให้เชโลม่ามีรูปร่างเสมือนในโลกแห่งความจริง แต่ดูเหมือนมันจะมีความคิดเป็นของตัวเองและอยากเป็นมากกว่านั้น”

                “มันอยากจะเป็นมนุษย์สินะ” สารวัตรหนุ่มสำทับ

                โจนาธานพยักหน้าแทนคำตอบ

                แต่แล้วจู่ ๆ แคทรีน่าเหยียบเบรกรถกะทันหัน จนนายตำรวจที่นั่งอยู่เบาะหลังซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยต้องยึดไว้แน่น

                “หยุดทำไมแคท”

                “ดูข้างหน้าสิ”

                ร่างที่ปรากฏอยู่บนถนนถูกแสงไฟหน้ารถส่อง ชุดยาวสีขาวกลืนกับผิวขาวละเอียด ผมยาวตรงสีเทาสลวย ดวงตาสีฟ้าสะท้อนแสงมองเห็นชัดเจน

                “ปีศาจ!” สารวัตรหนุ่มอุทานขึ้น

                ร่างนั้นระเบิดเสียงหัวเราะไม่ต่างกับคนเสียสติ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูน่ากลัวจนรู้สึกขนลุก

                “ดูเหมือนบนถนนก็มีนะ” โจนาธานหันไปมองข้างกระจกที่สะท้อนข้างรถ

                เชโลม่าคนอื่น ๆ กำลังเดินอยู่บนถนน ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทุกคนที่มองเห็นจะแสยะยิ้มและหัวเราะ ความรู้สึกน่ากลัวจนเริ่มขนลุกกัดกินจิตใจของผู้พบเห็นทีละนิด

                “จับไว้ให้แน่น ๆ นะทุกคน” หญิงสาวเหยียบคันเร่งจนมิด พร้อมกับหักพวกมาลัยหลบร่างที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้า เพื่อมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่อีกไม่ไกล

                “ทำไมถึงได้มีแต่ปีศาจนี่เต็มไปหมดเลย” โนอาร์หันหลังมองกระจกท้ายรถ

                “ดูเหมือนว่ามันจะเข้าแทรกความฝันของคนอื่นได้หมดทุกคนแล้วนะโจ” คนขับบอกพลางหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

                ร่างของผู้คนทุกคนในเมืองกลายเป็นเด็กสาวผมสีเทาสวมชุดยาวสีขาว ทั้งในบ้าน บนถนน ทุกหนทุกแห่งมีแต่เชโลม่า

                ไม่เว้นแม้แต่เมื่อรถผ่านสถานีรถไฟประจำเมืองมาเซล แคทรีน่าเห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนเชโลม่ากำลังยืนขายตั๋วให้กับคนที่มีหน้าตาแบบเดียวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่