ฝันมรณะ
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
Chapter X
Labyrinth
เรย์กดปุ่มตัดสายโทรศัพท์มือถือ ก่อนยัดมันใส่กลับลงไปในกระเป๋ากางเกง สิ่งที่เตรียมไว้กับโจนาธานเป็นผล อีกไม่นานทุกอย่างกำลังจะจบลง
ประตูลิฟต์ที่กดรอไว้เปิดออก เขากดปุ่มหมายเลขไปยังชั้นที่ต้องการขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เที่ยงคืนครึ่งแล้วเหรอ”
ทางเดินยาวของตึกหอพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลเปิดไฟไว้เป็นจุด ๆ ตามทางเดิน เรย์เร่งฝีเท้าเดินจ้ำออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ถึงที่หมาย
เขาเลื่อนประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเอื้อมมือไปกดเปิดไฟในห้อง ร่างของอาเธอร์ยังนอนอยู่บนเตียงนอน หายใจเข้าออกเป็นปกติ
“นายยังไม่ตื่นอีกเหรอเพื่อน” อาเธอร์ยังคงอยู่ในความฝันตามที่เขาคิดไว้
เรย์หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตนออกมา กดหมายเลขไปยังเบอร์โทรที่ติดต่อครั้งสุดท้าย เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่โจนาธาน
“ให้ตายสิ ทำไมรับช้าจัง” เรย์พึมพำเบา ๆ ขณะถือโทรศัพท์ยืนรอเสียงสัญญาณดังตอบกลับมา
ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย ‘นายเองเหรอ’
เสียงนั้นทุ้มกว่าเจ้าของมือถือเล็กน้อยแต่เด็กหนุ่มก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร “เจ้าหน้าที่โจนาธานไม่อยู่เหรอครับสารวัตร”
ปลายสายทำเสียงคล้ายกับลังเลก่อนตอบ ‘อยู่แต่...ตอนนี้ยังรับสายไม่ได้’
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับ”
‘เปล่า...สองคนนั้นกำลังเข้าไปในความฝันเพื่อเจาะข้อมูลออกมาจากความฝัน’
“อะไรนะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะรีบตามไป บางทีมันอาจจะทำสำเร็จแล้วก็ได้” เรย์กดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
“รอเดี๋ยวนะเพื่อน ฉันกำลังจะไปช่วยนาย”
“เฮ้ย... MDSP หายไปไหน”
เขาคลำดูทั้งกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตและกางเกง ไม่ปรากฏว่ามีของสิ่งนั้นอยู่ในตัว
เรย์จำได้แม่นว่าตนเองเก็บมันติดตัวไว้ตอนออกจากร้านกาแฟหลังจากที่นัดแนะกับเจ้าหน้าที่ APCO ทั้งสองคนและสารวัตรโนอาร์ ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเยี่ยมรีน่าชั้นบนเมื่อครู่นี้
บางทีเขาอาจจะวางลืมมันไว้ในห้องของรีน่า...
เด็กหนุ่มรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปโดยไม่ลืมโทรศัพท์มือถือ เพื่อไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ของเหลวสีดำไหลออกมาจาก MDSP ที่วางอยู่บนโซฟาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยหญิง
เครื่องเชื่อมต่อคลื่นสมองเปียกชุ่มจนเกิดแผงวงจรช็อตติดประกายไฟ ของเหลวสีดำไหลลงมาจากโซฟารวมตัวกันอยู่บนพื้นกระเบื้อง ไม่นานก็ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นรูปร่างทีละนิด ๆ จนดูคล้ายโครงร่างของมนุษย์ ผิวหนังจากสีดำเปลี่ยนเป็นสีขาว ส่วนหัวกลายเป็นรูปหน้าและเส้นผมสีขี้เถ้า
ร่างของเด็กสาวในชุดยาวสีขาวกำลังออกมาจากเครื่องเล่นความฝันจำลองผ่านตัวเชื่อมต่อคลื่นสมอง ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นมองสำรวจบริเวณโดยรอบ
มือเรียวเล็กทั้งสองข้างขยับไปมาก่อนที่จะเริ่มขยับขาเดินดู
“ในที่สุด...”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาสีฟ้ายิ้มให้กับตัวเองด้วยความดีใจ “ในที่สุดฉันก็มีร่างกายเป็นของตัวเอง”
ร่างกายที่มีเลือดเนื้อและชีวิต ไม่ใช่ความฝันที่ถูกสร้างขึ้น
เธอเดินไปยังร่างของเด็กสาวที่มีใบหน้าคล้ายกันซึ่งตอนอยู่บนเตียง ชุดคนไข้สีฟ้าถูกห่มทับด้วยผ้าห่มผืนสีขาว เปลือกตาปิดสนิท มีเพียงสัญญาณชีพจากลมหายใจบอกว่าร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่
“เธอไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วรีน่า”
มือเรียวเล็กดึงเข็มฉีดยาขึ้นมา มันออกมาจากจินตนาการของเธอ แต่ตอนนี้มันคือของจริง แม้แต่ยาพิษที่บรรจุอยู่ภายในหลอดจนเต็มนั้นก็เป็นของจริง
“ลาก่อนนะ...รีน่า”
“วางเข็มฉีดยาลงเดี๋ยวนี้”
เสียงขึ้นลำปืนทำให้มือที่จับเข็มฉีดยาอยู่ปล่อยออกด้วยความตกใจ ยาพิษที่อยู่ในหลอดหกกระจายอยู่บนพื้น ตัวเข็มกลิ้งหลุน ๆ ไปอยู่ใต้เตียง
“นายทำฉันผิดหวังนะเรย์” เสียงที่ตอบกลับมานั้นราบเรียบ สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
“พอได้แล้วเชโลม่า ฉันปล่อยให้เธอทำร้ายใครมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เชโลม่าหันกลับมามองเรย์ที่เล็งปืนพกมายังร่างของเธอช้า ๆ ดวงตาสีฟ้าจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งเป็นเชิงท้าทาย “ฉันเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องมานั่งเล่นบทเรียบร้อยให้กับอาเธอร์”
“ฉันเชื่อและยอมทำตามคำพูดของเธอ เพราะเธอขู่จะฆ่าอาเธอร์และทำให้เขามีสภาพเหมือนรีน่า นอกจากนั้นเธอยังลบความทรงจำของอาเธอร์และหลอกให้เขาคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้” เรย์กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ “เธอเชื่อมต่อเข้ามาในความฝันของฉันและหลอกให้ฉันขโมย MDSP ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตเพื่อที่จะป้ายความผิดให้ฉันกลายเป็นผู้ต้องสงสัย”
“ฉันเปล่านะเรย์ แต่นายก็รอบคอบที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในบ้านก็นับว่าเป็นโชคดีของนาย” เชโลม่ายิ้มตอบ ขณะเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามโดยไม่สนใจปืนในมืออีกฝ่ายที่เล็งอยู่
“แต่คนที่ฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตและขับรถชนรีน่าคือเธอ เธอคิดจะฆ่ารีน่าเพื่ออะไร”
“เพราะว่ารีน่าควรจะมีแค่ฉันคนเดียวยังไงล่ะ ฉันถึงได้แกล้งทำตัวเป็นกระจกหลอกมันว่าตัวเองคือตัวตนของมันในโลกแห่งความฝัน”
“แต่เธอไม่ใช่รีน่า”
“ความฝันอย่างฉันก็อยากมีชีวิต นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยดีกว่า” น้ำสียงแข็งกร้าวนั้นเย็นยะเยือกชวนขนลุก “ทุกวันที่ฉันต้องเฝ้ามองคนอื่นใช้เครื่องมือนี่ผ่านเข้ามาในโลกแห่งความฝัน พวกเขาคิดว่าที่นั่นคือสถานที่ที่มีความสุข อยู่ในอุดมคติ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงคนพวกนั้นกลับคิดว่ามันคือความฝัน จะมีใครเข้าใจไหมว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคือกรงขังที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ ฉันเองก็อยากออกไปจากกรงขังแห่งนี้เหมือนกัน”
ความฝันแม้มีอิสระในความคิด ได้ปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่น แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงโลกที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิด
คำพูดนั้นตอกย้ำความคิดของเรย์ว่าเขาทำถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้
“ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทนที่รีน่า” เด็กหนุ่มตวาดเสียงใส่ “รีน่าเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรมจากสิ่งที่เธอทำ”
“เพราะไอ้นักวิทยาศาสตร์โอ้อวดนั่นคิดก้าวล้ำขีดจำกัดของธรรมชาติ จริงอยู่ที่มันเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา แต่เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็เห็นฉันเป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งของความสำเร็จ เมื่อหมดประโยชน์ก็คิดจะกำจัดทิ้งไปให้พ้นทางเท่านั้น”
แท้จริงแล้วเชโลม่าอยากเป็นรีน่า...
อยากเป็นรีน่าที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง...
“ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าเธอไม่อยากให้ใครยุ่งกับความฝันของเธอเลยยอมขโมย MDSP ออกมาให้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดที่น่ากลัวแบบนี้”
“มันสายเกินไปแล้วละเรย์ ส่วนหนึ่งของรีน่าที่ถูกแบ่งเข้าไปในความทรงจำของอาเธอร์กำลังหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับรีน่า และเมื่อจิตใจของรีน่าถูกฉันกลืนกินไปแล้วฉันก็จะกลายเป็นรีน่าโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องอาศัยร่างของมันอีกต่อไป”
“เธอแน่ใจเหรอว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอคิด” เรย์วางปืนลงก่อนที่จะสลายหายไปในเงามืด
“หมายความว่ายังไง” ร่างในชุดยาวสีขาวผุดลุกขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง
“ท่าทางนายจะทำสำเร็จนะอาเธอร์”
“อะไรกัน”
รูโหว่ปรากฏขึ้นบนร่างของเชโลม่า ของเหลวสีดำทะลักออกมาจากรูโหว่นั้นกินเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นทีละนิด “พวกแกทำอะไรกับฉัน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เรย์กอดอกมองร่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงหน้า “ความทรงจำของอาเธอร์กลับคืนมาแล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันแอบกู้ระบบให้ความทรงจำค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาช้า ๆ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกตัวถึงตอนนั้นฉันเลยแอบซ่อนโน้ตลับไว้ให้อาเธอร์ด้วย” เด็กหนุ่มหัวเราะ “ลาก่อนนะ”
“ฉัน...จะไม่ยอมหยุดอยู่...”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ร่างนั้นจมหายลงไปในของเหลวสีดำที่ทะลักออกมา ไม่นานก็สลายกลายเป็นควันสีดำลอยหายไปในอากาศ
“ให้ตายสิ นอกจากเพื่อนของฉันแล้วอย่าหวังว่าจะยอมทำตามใครง่าย ๆ” เรย์เป่าปากเบา ๆ เสมองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“เรย์...นั่นเธอเองเหรอ”
“รีน่า” หนุ่มผมแดงอุทานขึ้น
“เธอฟื้นแล้ว”
‘ทำลายเชโลม่า เมื่อนายจำทุกอย่างได้’ ข้อความในกระดาษที่ติดก้นกระป๋องกาแฟอยู่
เรย์ให้ข้อความนี้ก่อนที่จะออกจากห้องไป
หลังจากที่เขาได้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรีน่าและเชโลม่าคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เชโลม่าหลอกเขาให้ติดอยู่ในโลกแห่งความฝัน แกล้งทำเป็นห่วงทั้งที่จริงแล้วเธอพยายามหาทางเข้ามาเพื่อทำลายความฝันของอาเธอร์ แต่ความจริงแล้วมันยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ
คาเทียคือช่องว่างที่หายไปในความทรงจำของรีน่า ตัวแทนของเพื่อนสนิทซึ่งหากสามารถกำจัดไปได้แล้วรีน่าคนเก่าจะถูกลบออกไปจากความจริงได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้เหลือรีน่าคนใหม่มาแทนที่
เธอไม่ใช่ตัวตนของคนอื่นในความฝันของใครแต่แรก แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่เงาในความฝันที่ใช้โอกาสจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเหนือขีดจำกัดของธรรมชาติของดอกเตอร์โรเบิร์ตอย่าง MDSP และทำลายหลักฐานทุกอย่างที่บ่งบอกว่าแท้จริงแล้วตนเองคืออะไรกันแน่
เชโลม่าเป็นเพียงความฝันที่คิดอยากมีตัวตนอยู่จริงในโลกแห่งความจริง
เด็กหนุ่มรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ารีน่าที่เห็นอยู่นั้นแท้จริงแล้วคือเชโลม่า ซึ่งกำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่ เธอทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งที่สามารถทำลายคาเทียได้ แต่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือการกำจัดผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งคือรีน่ากับตนเองทิ้งไป
ทว่าแผนการทั้งหมดกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด
อาเธอร์ใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างกดคมดาบลึกลงไป หมายจะทำลายร่างของเชโลม่าที่อยู่ตรงหน้า
“ทะ...ทำ...ไม...”
“เพราะว่าเธอคือเชโลม่า” เขาส่ายหน้า “เธอไม่ใช่รีน่า”
ร่างของเชโลม่าแตกสลายกลายเป็นแสงสีขาวลอยหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงเก้าอี้พนักพิงที่ถูกดาบแทงเข้าจนไม่ชิ้นดี
“ลาก่อนนะ”
“อาเธอร์” เสียงเรียกของรีน่าดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของตัวคฤหาสน์
อาเธอร์เก็บดาบหายไปในอากาศเป็นจังหวะเดียวกับที่วิ่งออกจากประตูห้อง เสียงพื้นดินเริ่มสั่นจนสัมผัสได้จากผนังกระจกทั้งสองด้าน
“โลกแห่งความฝันกำลังถูกทำลาย”
เมื่อไม่มีเจ้าของความฝันอยู่โลกแห่งนี้จึงต้องถูกทำลายลงเพราะขาดสมดุลจากจินตนาการที่หล่อเลี้ยงและรักษามันให้คงสภาพไว้
คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่จะถูกทำลายลงในไม่ช้า
ฝันมรณะ : Chapter X Labyrinth
เรย์กดปุ่มตัดสายโทรศัพท์มือถือ ก่อนยัดมันใส่กลับลงไปในกระเป๋ากางเกง สิ่งที่เตรียมไว้กับโจนาธานเป็นผล อีกไม่นานทุกอย่างกำลังจะจบลง
ประตูลิฟต์ที่กดรอไว้เปิดออก เขากดปุ่มหมายเลขไปยังชั้นที่ต้องการขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เที่ยงคืนครึ่งแล้วเหรอ”
ทางเดินยาวของตึกหอพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลเปิดไฟไว้เป็นจุด ๆ ตามทางเดิน เรย์เร่งฝีเท้าเดินจ้ำออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ถึงที่หมาย
เขาเลื่อนประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเอื้อมมือไปกดเปิดไฟในห้อง ร่างของอาเธอร์ยังนอนอยู่บนเตียงนอน หายใจเข้าออกเป็นปกติ
“นายยังไม่ตื่นอีกเหรอเพื่อน” อาเธอร์ยังคงอยู่ในความฝันตามที่เขาคิดไว้
เรย์หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตนออกมา กดหมายเลขไปยังเบอร์โทรที่ติดต่อครั้งสุดท้าย เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่โจนาธาน
“ให้ตายสิ ทำไมรับช้าจัง” เรย์พึมพำเบา ๆ ขณะถือโทรศัพท์ยืนรอเสียงสัญญาณดังตอบกลับมา
ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย ‘นายเองเหรอ’
เสียงนั้นทุ้มกว่าเจ้าของมือถือเล็กน้อยแต่เด็กหนุ่มก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร “เจ้าหน้าที่โจนาธานไม่อยู่เหรอครับสารวัตร”
ปลายสายทำเสียงคล้ายกับลังเลก่อนตอบ ‘อยู่แต่...ตอนนี้ยังรับสายไม่ได้’
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับ”
‘เปล่า...สองคนนั้นกำลังเข้าไปในความฝันเพื่อเจาะข้อมูลออกมาจากความฝัน’
“อะไรนะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะรีบตามไป บางทีมันอาจจะทำสำเร็จแล้วก็ได้” เรย์กดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
“รอเดี๋ยวนะเพื่อน ฉันกำลังจะไปช่วยนาย”
“เฮ้ย... MDSP หายไปไหน”
เขาคลำดูทั้งกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตและกางเกง ไม่ปรากฏว่ามีของสิ่งนั้นอยู่ในตัว
เรย์จำได้แม่นว่าตนเองเก็บมันติดตัวไว้ตอนออกจากร้านกาแฟหลังจากที่นัดแนะกับเจ้าหน้าที่ APCO ทั้งสองคนและสารวัตรโนอาร์ ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเยี่ยมรีน่าชั้นบนเมื่อครู่นี้
บางทีเขาอาจจะวางลืมมันไว้ในห้องของรีน่า...
เด็กหนุ่มรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปโดยไม่ลืมโทรศัพท์มือถือ เพื่อไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ของเหลวสีดำไหลออกมาจาก MDSP ที่วางอยู่บนโซฟาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยหญิง
เครื่องเชื่อมต่อคลื่นสมองเปียกชุ่มจนเกิดแผงวงจรช็อตติดประกายไฟ ของเหลวสีดำไหลลงมาจากโซฟารวมตัวกันอยู่บนพื้นกระเบื้อง ไม่นานก็ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นรูปร่างทีละนิด ๆ จนดูคล้ายโครงร่างของมนุษย์ ผิวหนังจากสีดำเปลี่ยนเป็นสีขาว ส่วนหัวกลายเป็นรูปหน้าและเส้นผมสีขี้เถ้า
ร่างของเด็กสาวในชุดยาวสีขาวกำลังออกมาจากเครื่องเล่นความฝันจำลองผ่านตัวเชื่อมต่อคลื่นสมอง ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นมองสำรวจบริเวณโดยรอบ
มือเรียวเล็กทั้งสองข้างขยับไปมาก่อนที่จะเริ่มขยับขาเดินดู
“ในที่สุด...”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาสีฟ้ายิ้มให้กับตัวเองด้วยความดีใจ “ในที่สุดฉันก็มีร่างกายเป็นของตัวเอง”
ร่างกายที่มีเลือดเนื้อและชีวิต ไม่ใช่ความฝันที่ถูกสร้างขึ้น
เธอเดินไปยังร่างของเด็กสาวที่มีใบหน้าคล้ายกันซึ่งตอนอยู่บนเตียง ชุดคนไข้สีฟ้าถูกห่มทับด้วยผ้าห่มผืนสีขาว เปลือกตาปิดสนิท มีเพียงสัญญาณชีพจากลมหายใจบอกว่าร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่
“เธอไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วรีน่า”
มือเรียวเล็กดึงเข็มฉีดยาขึ้นมา มันออกมาจากจินตนาการของเธอ แต่ตอนนี้มันคือของจริง แม้แต่ยาพิษที่บรรจุอยู่ภายในหลอดจนเต็มนั้นก็เป็นของจริง
“ลาก่อนนะ...รีน่า”
“วางเข็มฉีดยาลงเดี๋ยวนี้”
เสียงขึ้นลำปืนทำให้มือที่จับเข็มฉีดยาอยู่ปล่อยออกด้วยความตกใจ ยาพิษที่อยู่ในหลอดหกกระจายอยู่บนพื้น ตัวเข็มกลิ้งหลุน ๆ ไปอยู่ใต้เตียง
“นายทำฉันผิดหวังนะเรย์” เสียงที่ตอบกลับมานั้นราบเรียบ สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
“พอได้แล้วเชโลม่า ฉันปล่อยให้เธอทำร้ายใครมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เชโลม่าหันกลับมามองเรย์ที่เล็งปืนพกมายังร่างของเธอช้า ๆ ดวงตาสีฟ้าจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งเป็นเชิงท้าทาย “ฉันเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องมานั่งเล่นบทเรียบร้อยให้กับอาเธอร์”
“ฉันเชื่อและยอมทำตามคำพูดของเธอ เพราะเธอขู่จะฆ่าอาเธอร์และทำให้เขามีสภาพเหมือนรีน่า นอกจากนั้นเธอยังลบความทรงจำของอาเธอร์และหลอกให้เขาคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้” เรย์กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ “เธอเชื่อมต่อเข้ามาในความฝันของฉันและหลอกให้ฉันขโมย MDSP ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตเพื่อที่จะป้ายความผิดให้ฉันกลายเป็นผู้ต้องสงสัย”
“ฉันเปล่านะเรย์ แต่นายก็รอบคอบที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในบ้านก็นับว่าเป็นโชคดีของนาย” เชโลม่ายิ้มตอบ ขณะเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามโดยไม่สนใจปืนในมืออีกฝ่ายที่เล็งอยู่
“แต่คนที่ฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตและขับรถชนรีน่าคือเธอ เธอคิดจะฆ่ารีน่าเพื่ออะไร”
“เพราะว่ารีน่าควรจะมีแค่ฉันคนเดียวยังไงล่ะ ฉันถึงได้แกล้งทำตัวเป็นกระจกหลอกมันว่าตัวเองคือตัวตนของมันในโลกแห่งความฝัน”
“แต่เธอไม่ใช่รีน่า”
“ความฝันอย่างฉันก็อยากมีชีวิต นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยดีกว่า” น้ำสียงแข็งกร้าวนั้นเย็นยะเยือกชวนขนลุก “ทุกวันที่ฉันต้องเฝ้ามองคนอื่นใช้เครื่องมือนี่ผ่านเข้ามาในโลกแห่งความฝัน พวกเขาคิดว่าที่นั่นคือสถานที่ที่มีความสุข อยู่ในอุดมคติ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงคนพวกนั้นกลับคิดว่ามันคือความฝัน จะมีใครเข้าใจไหมว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคือกรงขังที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ ฉันเองก็อยากออกไปจากกรงขังแห่งนี้เหมือนกัน”
ความฝันแม้มีอิสระในความคิด ได้ปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่น แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงโลกที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิด
คำพูดนั้นตอกย้ำความคิดของเรย์ว่าเขาทำถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้
“ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทนที่รีน่า” เด็กหนุ่มตวาดเสียงใส่ “รีน่าเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรมจากสิ่งที่เธอทำ”
“เพราะไอ้นักวิทยาศาสตร์โอ้อวดนั่นคิดก้าวล้ำขีดจำกัดของธรรมชาติ จริงอยู่ที่มันเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา แต่เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็เห็นฉันเป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งของความสำเร็จ เมื่อหมดประโยชน์ก็คิดจะกำจัดทิ้งไปให้พ้นทางเท่านั้น”
แท้จริงแล้วเชโลม่าอยากเป็นรีน่า...
อยากเป็นรีน่าที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง...
“ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าเธอไม่อยากให้ใครยุ่งกับความฝันของเธอเลยยอมขโมย MDSP ออกมาให้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดที่น่ากลัวแบบนี้”
“มันสายเกินไปแล้วละเรย์ ส่วนหนึ่งของรีน่าที่ถูกแบ่งเข้าไปในความทรงจำของอาเธอร์กำลังหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับรีน่า และเมื่อจิตใจของรีน่าถูกฉันกลืนกินไปแล้วฉันก็จะกลายเป็นรีน่าโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องอาศัยร่างของมันอีกต่อไป”
“เธอแน่ใจเหรอว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอคิด” เรย์วางปืนลงก่อนที่จะสลายหายไปในเงามืด
“หมายความว่ายังไง” ร่างในชุดยาวสีขาวผุดลุกขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง
“ท่าทางนายจะทำสำเร็จนะอาเธอร์”
“อะไรกัน”
รูโหว่ปรากฏขึ้นบนร่างของเชโลม่า ของเหลวสีดำทะลักออกมาจากรูโหว่นั้นกินเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นทีละนิด “พวกแกทำอะไรกับฉัน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เรย์กอดอกมองร่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงหน้า “ความทรงจำของอาเธอร์กลับคืนมาแล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันแอบกู้ระบบให้ความทรงจำค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาช้า ๆ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกตัวถึงตอนนั้นฉันเลยแอบซ่อนโน้ตลับไว้ให้อาเธอร์ด้วย” เด็กหนุ่มหัวเราะ “ลาก่อนนะ”
“ฉัน...จะไม่ยอมหยุดอยู่...”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ร่างนั้นจมหายลงไปในของเหลวสีดำที่ทะลักออกมา ไม่นานก็สลายกลายเป็นควันสีดำลอยหายไปในอากาศ
“ให้ตายสิ นอกจากเพื่อนของฉันแล้วอย่าหวังว่าจะยอมทำตามใครง่าย ๆ” เรย์เป่าปากเบา ๆ เสมองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“เรย์...นั่นเธอเองเหรอ”
“รีน่า” หนุ่มผมแดงอุทานขึ้น
“เธอฟื้นแล้ว”
‘ทำลายเชโลม่า เมื่อนายจำทุกอย่างได้’ ข้อความในกระดาษที่ติดก้นกระป๋องกาแฟอยู่
เรย์ให้ข้อความนี้ก่อนที่จะออกจากห้องไป
หลังจากที่เขาได้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรีน่าและเชโลม่าคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เชโลม่าหลอกเขาให้ติดอยู่ในโลกแห่งความฝัน แกล้งทำเป็นห่วงทั้งที่จริงแล้วเธอพยายามหาทางเข้ามาเพื่อทำลายความฝันของอาเธอร์ แต่ความจริงแล้วมันยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ
คาเทียคือช่องว่างที่หายไปในความทรงจำของรีน่า ตัวแทนของเพื่อนสนิทซึ่งหากสามารถกำจัดไปได้แล้วรีน่าคนเก่าจะถูกลบออกไปจากความจริงได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้เหลือรีน่าคนใหม่มาแทนที่
เธอไม่ใช่ตัวตนของคนอื่นในความฝันของใครแต่แรก แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่เงาในความฝันที่ใช้โอกาสจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเหนือขีดจำกัดของธรรมชาติของดอกเตอร์โรเบิร์ตอย่าง MDSP และทำลายหลักฐานทุกอย่างที่บ่งบอกว่าแท้จริงแล้วตนเองคืออะไรกันแน่
เชโลม่าเป็นเพียงความฝันที่คิดอยากมีตัวตนอยู่จริงในโลกแห่งความจริง
เด็กหนุ่มรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ารีน่าที่เห็นอยู่นั้นแท้จริงแล้วคือเชโลม่า ซึ่งกำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่ เธอทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งที่สามารถทำลายคาเทียได้ แต่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือการกำจัดผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งคือรีน่ากับตนเองทิ้งไป
ทว่าแผนการทั้งหมดกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด
อาเธอร์ใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างกดคมดาบลึกลงไป หมายจะทำลายร่างของเชโลม่าที่อยู่ตรงหน้า
“ทะ...ทำ...ไม...”
“เพราะว่าเธอคือเชโลม่า” เขาส่ายหน้า “เธอไม่ใช่รีน่า”
ร่างของเชโลม่าแตกสลายกลายเป็นแสงสีขาวลอยหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงเก้าอี้พนักพิงที่ถูกดาบแทงเข้าจนไม่ชิ้นดี
“ลาก่อนนะ”
“อาเธอร์” เสียงเรียกของรีน่าดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของตัวคฤหาสน์
อาเธอร์เก็บดาบหายไปในอากาศเป็นจังหวะเดียวกับที่วิ่งออกจากประตูห้อง เสียงพื้นดินเริ่มสั่นจนสัมผัสได้จากผนังกระจกทั้งสองด้าน
“โลกแห่งความฝันกำลังถูกทำลาย”
เมื่อไม่มีเจ้าของความฝันอยู่โลกแห่งนี้จึงต้องถูกทำลายลงเพราะขาดสมดุลจากจินตนาการที่หล่อเลี้ยงและรักษามันให้คงสภาพไว้
คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่จะถูกทำลายลงในไม่ช้า