ฝันมรณะ : Chapter X Labyrinth

ฝันมรณะ
 
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
 
 
 
Chapter X
Labyrinth
 
 
 
                เรย์กดปุ่มตัดสายโทรศัพท์มือถือ ก่อนยัดมันใส่กลับลงไปในกระเป๋ากางเกง สิ่งที่เตรียมไว้กับโจนาธานเป็นผล อีกไม่นานทุกอย่างกำลังจะจบลง

                ประตูลิฟต์ที่กดรอไว้เปิดออก เขากดปุ่มหมายเลขไปยังชั้นที่ต้องการขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

                “เที่ยงคืนครึ่งแล้วเหรอ”

                ทางเดินยาวของตึกหอพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลเปิดไฟไว้เป็นจุด ๆ ตามทางเดิน เรย์เร่งฝีเท้าเดินจ้ำออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ถึงที่หมาย

                เขาเลื่อนประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเอื้อมมือไปกดเปิดไฟในห้อง ร่างของอาเธอร์ยังนอนอยู่บนเตียงนอน หายใจเข้าออกเป็นปกติ

                “นายยังไม่ตื่นอีกเหรอเพื่อน” อาเธอร์ยังคงอยู่ในความฝันตามที่เขาคิดไว้

                เรย์หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตนออกมา กดหมายเลขไปยังเบอร์โทรที่ติดต่อครั้งสุดท้าย เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่โจนาธาน

                “ให้ตายสิ ทำไมรับช้าจัง” เรย์พึมพำเบา ๆ ขณะถือโทรศัพท์ยืนรอเสียงสัญญาณดังตอบกลับมา

                ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย ‘นายเองเหรอ’

                เสียงนั้นทุ้มกว่าเจ้าของมือถือเล็กน้อยแต่เด็กหนุ่มก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร “เจ้าหน้าที่โจนาธานไม่อยู่เหรอครับสารวัตร”

                ปลายสายทำเสียงคล้ายกับลังเลก่อนตอบ ‘อยู่แต่...ตอนนี้ยังรับสายไม่ได้’

                “เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับ”

                ‘เปล่า...สองคนนั้นกำลังเข้าไปในความฝันเพื่อเจาะข้อมูลออกมาจากความฝัน’

                “อะไรนะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะรีบตามไป บางทีมันอาจจะทำสำเร็จแล้วก็ได้” เรย์กดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว

                “รอเดี๋ยวนะเพื่อน ฉันกำลังจะไปช่วยนาย”

                “เฮ้ย... MDSP หายไปไหน”

                เขาคลำดูทั้งกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตและกางเกง ไม่ปรากฏว่ามีของสิ่งนั้นอยู่ในตัว

                เรย์จำได้แม่นว่าตนเองเก็บมันติดตัวไว้ตอนออกจากร้านกาแฟหลังจากที่นัดแนะกับเจ้าหน้าที่ APCO ทั้งสองคนและสารวัตรโนอาร์ ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเยี่ยมรีน่าชั้นบนเมื่อครู่นี้

                บางทีเขาอาจจะวางลืมมันไว้ในห้องของรีน่า...

                เด็กหนุ่มรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปโดยไม่ลืมโทรศัพท์มือถือ เพื่อไปแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
 
 
 
                ของเหลวสีดำไหลออกมาจาก MDSP ที่วางอยู่บนโซฟาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยหญิง

                เครื่องเชื่อมต่อคลื่นสมองเปียกชุ่มจนเกิดแผงวงจรช็อตติดประกายไฟ ของเหลวสีดำไหลลงมาจากโซฟารวมตัวกันอยู่บนพื้นกระเบื้อง ไม่นานก็ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นรูปร่างทีละนิด ๆ จนดูคล้ายโครงร่างของมนุษย์ ผิวหนังจากสีดำเปลี่ยนเป็นสีขาว ส่วนหัวกลายเป็นรูปหน้าและเส้นผมสีขี้เถ้า

                ร่างของเด็กสาวในชุดยาวสีขาวกำลังออกมาจากเครื่องเล่นความฝันจำลองผ่านตัวเชื่อมต่อคลื่นสมอง ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นมองสำรวจบริเวณโดยรอบ

                มือเรียวเล็กทั้งสองข้างขยับไปมาก่อนที่จะเริ่มขยับขาเดินดู

                “ในที่สุด...”

                รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาสีฟ้ายิ้มให้กับตัวเองด้วยความดีใจ “ในที่สุดฉันก็มีร่างกายเป็นของตัวเอง”

                ร่างกายที่มีเลือดเนื้อและชีวิต ไม่ใช่ความฝันที่ถูกสร้างขึ้น

                เธอเดินไปยังร่างของเด็กสาวที่มีใบหน้าคล้ายกันซึ่งตอนอยู่บนเตียง ชุดคนไข้สีฟ้าถูกห่มทับด้วยผ้าห่มผืนสีขาว เปลือกตาปิดสนิท มีเพียงสัญญาณชีพจากลมหายใจบอกว่าร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่

                “เธอไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วรีน่า”

                มือเรียวเล็กดึงเข็มฉีดยาขึ้นมา มันออกมาจากจินตนาการของเธอ แต่ตอนนี้มันคือของจริง แม้แต่ยาพิษที่บรรจุอยู่ภายในหลอดจนเต็มนั้นก็เป็นของจริง

                “ลาก่อนนะ...รีน่า”

                “วางเข็มฉีดยาลงเดี๋ยวนี้”

                เสียงขึ้นลำปืนทำให้มือที่จับเข็มฉีดยาอยู่ปล่อยออกด้วยความตกใจ ยาพิษที่อยู่ในหลอดหกกระจายอยู่บนพื้น ตัวเข็มกลิ้งหลุน ๆ ไปอยู่ใต้เตียง

                “นายทำฉันผิดหวังนะเรย์” เสียงที่ตอบกลับมานั้นราบเรียบ สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

                “พอได้แล้วเชโลม่า ฉันปล่อยให้เธอทำร้ายใครมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

                เชโลม่าหันกลับมามองเรย์ที่เล็งปืนพกมายังร่างของเธอช้า ๆ ดวงตาสีฟ้าจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งเป็นเชิงท้าทาย “ฉันเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องมานั่งเล่นบทเรียบร้อยให้กับอาเธอร์”

                “ฉันเชื่อและยอมทำตามคำพูดของเธอ เพราะเธอขู่จะฆ่าอาเธอร์และทำให้เขามีสภาพเหมือนรีน่า นอกจากนั้นเธอยังลบความทรงจำของอาเธอร์และหลอกให้เขาคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้” เรย์กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ “เธอเชื่อมต่อเข้ามาในความฝันของฉันและหลอกให้ฉันขโมย MDSP ในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ตเพื่อที่จะป้ายความผิดให้ฉันกลายเป็นผู้ต้องสงสัย”

                “ฉันเปล่านะเรย์ แต่นายก็รอบคอบที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในบ้านก็นับว่าเป็นโชคดีของนาย” เชโลม่ายิ้มตอบ ขณะเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามโดยไม่สนใจปืนในมืออีกฝ่ายที่เล็งอยู่

                “แต่คนที่ฆ่าดอกเตอร์โรเบิร์ตและขับรถชนรีน่าคือเธอ เธอคิดจะฆ่ารีน่าเพื่ออะไร”

                “เพราะว่ารีน่าควรจะมีแค่ฉันคนเดียวยังไงล่ะ ฉันถึงได้แกล้งทำตัวเป็นกระจกหลอกมันว่าตัวเองคือตัวตนของมันในโลกแห่งความฝัน”

                “แต่เธอไม่ใช่รีน่า”

                “ความฝันอย่างฉันก็อยากมีชีวิต นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยดีกว่า” น้ำสียงแข็งกร้าวนั้นเย็นยะเยือกชวนขนลุก “ทุกวันที่ฉันต้องเฝ้ามองคนอื่นใช้เครื่องมือนี่ผ่านเข้ามาในโลกแห่งความฝัน พวกเขาคิดว่าที่นั่นคือสถานที่ที่มีความสุข อยู่ในอุดมคติ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงคนพวกนั้นกลับคิดว่ามันคือความฝัน จะมีใครเข้าใจไหมว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคือกรงขังที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ ฉันเองก็อยากออกไปจากกรงขังแห่งนี้เหมือนกัน”

                ความฝันแม้มีอิสระในความคิด ได้ปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่น แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงโลกที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิด

                คำพูดนั้นตอกย้ำความคิดของเรย์ว่าเขาทำถูกแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้

                “ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทนที่รีน่า” เด็กหนุ่มตวาดเสียงใส่ “รีน่าเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรมจากสิ่งที่เธอทำ”

                “เพราะไอ้นักวิทยาศาสตร์โอ้อวดนั่นคิดก้าวล้ำขีดจำกัดของธรรมชาติ จริงอยู่ที่มันเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา แต่เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็เห็นฉันเป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งของความสำเร็จ เมื่อหมดประโยชน์ก็คิดจะกำจัดทิ้งไปให้พ้นทางเท่านั้น”

                แท้จริงแล้วเชโลม่าอยากเป็นรีน่า...

                อยากเป็นรีน่าที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง...

                “ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าเธอไม่อยากให้ใครยุ่งกับความฝันของเธอเลยยอมขโมย MDSP ออกมาให้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดที่น่ากลัวแบบนี้”

                “มันสายเกินไปแล้วละเรย์ ส่วนหนึ่งของรีน่าที่ถูกแบ่งเข้าไปในความทรงจำของอาเธอร์กำลังหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับรีน่า และเมื่อจิตใจของรีน่าถูกฉันกลืนกินไปแล้วฉันก็จะกลายเป็นรีน่าโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องอาศัยร่างของมันอีกต่อไป”

                “เธอแน่ใจเหรอว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอคิด” เรย์วางปืนลงก่อนที่จะสลายหายไปในเงามืด

                “หมายความว่ายังไง” ร่างในชุดยาวสีขาวผุดลุกขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง

                “ท่าทางนายจะทำสำเร็จนะอาเธอร์”

                “อะไรกัน”

                รูโหว่ปรากฏขึ้นบนร่างของเชโลม่า ของเหลวสีดำทะลักออกมาจากรูโหว่นั้นกินเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นทีละนิด “พวกแกทำอะไรกับฉัน”

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

                เรย์กอดอกมองร่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงหน้า “ความทรงจำของอาเธอร์กลับคืนมาแล้ว”

                “หมายความว่ายังไง”

                “ฉันแอบกู้ระบบให้ความทรงจำค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาช้า ๆ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกตัวถึงตอนนั้นฉันเลยแอบซ่อนโน้ตลับไว้ให้อาเธอร์ด้วย” เด็กหนุ่มหัวเราะ “ลาก่อนนะ”

                “ฉัน...จะไม่ยอมหยุดอยู่...”

                ยังไม่ทันกล่าวจบ ร่างนั้นจมหายลงไปในของเหลวสีดำที่ทะลักออกมา ไม่นานก็สลายกลายเป็นควันสีดำลอยหายไปในอากาศ

                “ให้ตายสิ นอกจากเพื่อนของฉันแล้วอย่าหวังว่าจะยอมทำตามใครง่าย ๆ” เรย์เป่าปากเบา ๆ เสมองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

                “เรย์...นั่นเธอเองเหรอ”

                “รีน่า” หนุ่มผมแดงอุทานขึ้น

                “เธอฟื้นแล้ว”
 
 
 
 
                ‘ทำลายเชโลม่า เมื่อนายจำทุกอย่างได้’ ข้อความในกระดาษที่ติดก้นกระป๋องกาแฟอยู่

                เรย์ให้ข้อความนี้ก่อนที่จะออกจากห้องไป

                หลังจากที่เขาได้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรีน่าและเชโลม่าคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

                เชโลม่าหลอกเขาให้ติดอยู่ในโลกแห่งความฝัน แกล้งทำเป็นห่วงทั้งที่จริงแล้วเธอพยายามหาทางเข้ามาเพื่อทำลายความฝันของอาเธอร์ แต่ความจริงแล้วมันยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ

                คาเทียคือช่องว่างที่หายไปในความทรงจำของรีน่า ตัวแทนของเพื่อนสนิทซึ่งหากสามารถกำจัดไปได้แล้วรีน่าคนเก่าจะถูกลบออกไปจากความจริงได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้เหลือรีน่าคนใหม่มาแทนที่

                เธอไม่ใช่ตัวตนของคนอื่นในความฝันของใครแต่แรก แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่เงาในความฝันที่ใช้โอกาสจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเหนือขีดจำกัดของธรรมชาติของดอกเตอร์โรเบิร์ตอย่าง MDSP และทำลายหลักฐานทุกอย่างที่บ่งบอกว่าแท้จริงแล้วตนเองคืออะไรกันแน่

                เชโลม่าเป็นเพียงความฝันที่คิดอยากมีตัวตนอยู่จริงในโลกแห่งความจริง

                เด็กหนุ่มรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ารีน่าที่เห็นอยู่นั้นแท้จริงแล้วคือเชโลม่า ซึ่งกำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่ เธอทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งที่สามารถทำลายคาเทียได้ แต่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือการกำจัดผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งคือรีน่ากับตนเองทิ้งไป

                ทว่าแผนการทั้งหมดกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด

                อาเธอร์ใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างกดคมดาบลึกลงไป หมายจะทำลายร่างของเชโลม่าที่อยู่ตรงหน้า

                “ทะ...ทำ...ไม...”

                “เพราะว่าเธอคือเชโลม่า” เขาส่ายหน้า “เธอไม่ใช่รีน่า”

                ร่างของเชโลม่าแตกสลายกลายเป็นแสงสีขาวลอยหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงเก้าอี้พนักพิงที่ถูกดาบแทงเข้าจนไม่ชิ้นดี

                “ลาก่อนนะ”

                “อาเธอร์” เสียงเรียกของรีน่าดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของตัวคฤหาสน์

                อาเธอร์เก็บดาบหายไปในอากาศเป็นจังหวะเดียวกับที่วิ่งออกจากประตูห้อง เสียงพื้นดินเริ่มสั่นจนสัมผัสได้จากผนังกระจกทั้งสองด้าน

                “โลกแห่งความฝันกำลังถูกทำลาย”

                เมื่อไม่มีเจ้าของความฝันอยู่โลกแห่งนี้จึงต้องถูกทำลายลงเพราะขาดสมดุลจากจินตนาการที่หล่อเลี้ยงและรักษามันให้คงสภาพไว้

                คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่จะถูกทำลายลงในไม่ช้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่