ฝันมรณะ
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
Chapter VII
Restore
เรย์ตื่นขึ้นมาบนโซฟาในสภาพเหงื่อโทรมกาย เสื้อยืดสีขาวเปียกชุ่มไปหมด...
“บ้าชะมัด นี่เราทำอะไรลงไป”
เด็กหนุ่มปลดเครื่องเล่นความฝันจำลองออก การเชื่อมต่อคลื่นสมองถูกถอดออก เขาเก็บเครื่อง MDSP ลงในกระเป๋ากางเกง
ความจริงแล้วมันเป็นเครื่องตัวต้นแบบที่ถูกพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ต สาเหตุที่เขารู้และเข้าใจกลไกการทำงานของมันอย่างละเอียดเพราะเขาเป็นคนขโมยมันออกมาจากห้องทดลองด้วยตัวเอง
หลังจากใช้เวลานั่งถอดข้อมูลจากไฟล์ในคอมพิวเตอร์อยู่นาน ในที่สุดเขาก็เข้าใจวิธีการและกลไกการทำงานของมันผ่านโลกแห่งความฝันที่สร้างขึ้น
ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องพักคนไข้ เสียงลมเย็น ๆ พัดออกมาจากเครื่องปรับอากาศเบา ๆ
บนเตียงนอนมีร่างในชุดคนไข้สีฟ้านอนนิ่ง เธอเป็นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมยาวสีเทา ผิวขาวละเอียด ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิทในห้วงนิทรา หลายวันแล้วที่ร่างนี้ยังนอนหลับ โดยไม่มีทีท่าว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง
เรย์มองร่างเธอนิ่ง แววตาคล้ายกับกำลังบอกอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่คงไม่มีโอกาสได้รับรู้แม้ว่าจะอยู่ในโลกแห่งความฝันก็ตาม
เด็กสาวผมยาวสีขี้เถ้า เธอสวมชุดยาวเก่า ๆ สีขาว ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนฉายบนใบหน้า
เขารู้จักรีน่ามาตั้งแต่สมัยอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในความอุปการะของมาเรียหลังจากที่อาเธอร์มาอยู่ได้สองปี จนกระทั่งพวกเขาได้เข้าไปเรียนชั้นมัธยมด้วยกันในเมือง
รีน่ามักเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนเป็นอันดับต้น ๆ ของชั้นเรียน เป็นที่โดดเด่นในวิชาศิลปะ เธอชอบวาดรูป โดยมักจะบอกกับเพื่อนทั้งสองคนว่าการวาดรูปเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งซึ่งใช้จินตนาการให้ออกมาเป็นภาพ เพื่อให้คนดูหรือผู้รับสารมองเห็น
บางทีความฝันอาจช่วยเติมเต็มจินตนาการของรีน่าได้ อย่างน้อยหากเธอยังคงฝันอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แม้แต่ในโลกแห่งความฝัน
เด็กหนุ่มหยิบเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่วางพาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาพาดบ่าก่อนเดินออกจากห้องไป โดยไม่หันกลับไปมองร่างของรีน่าที่หลับอยู่
เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ เขากดหมายเลขชั้นแรกบนแผงควบคุมก่อนที่ประตูจะปิดลง
ไม่นานเด็กหนุ่มก็ลงมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ในช่วงเวลากลางคืนกลับเงียบผิดกับช่วงกลางวันที่มีคนหนาตา
ประตูกระจกอัตโนมัติเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นแสงไฟส่องเหนือทางเดินของลานจอดรถ เป้าหมายของเรย์คือรถยนต์คันสีดำสนิทที่เปิดกระจกแง้มอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านในชายหญิงสองคนกำลังหลับสนิทในที่นั่งคนขับและที่นั่งด้านข้าง เรย์เคาะกระจกรถอยู่นานกว่าชายหนุ่มที่นั่งฝั่งคนขับจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาหันไปเรียกหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนจะเปิดประตูรถออกมาก่อน
“โชคดีนะครับที่รอดออกมาจากความฝันของคนอื่น” เรย์กล่าวทัก
“ฉันไม่คิดเหมือนกันว่านายจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ผู้ชายคนนั้นจัดเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนให้เรียบร้อย น้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก
“พวกคุณคิดว่าการเข้าไปในความฝันของคนอื่นนั้นมันจะง่ายเหมือนกันหมดทุกครั้งเหรอครับ โชคดีนะที่ผมให้สารวัตรโนอาร์เข้าไปช่วยพวกคุณออกมาไม่อย่างนั้นคงจะติดอยู่ในนั้นไปตลอดแน่นอน” เด็กหนุ่มกอดอกมองด้วยท่าทางยียวน
เขารู้จักเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายตั้งแต่วันที่ให้ปากคำในฐานะพยาน ที่เห็นเหตุการณ์คดีรถปริศนาไร้คนขับชนวัยรุ่นสองคนจนได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จาก APCO แต่คดีนี่ก็รวมอยู่ในการก่ออาชญากรรมทางจิตด้วยเช่นกัน
“ขอบใจมากนะ” เจ้าหน้าที่สาวที่เพิ่งลงมาจากรถกล่าวขอบคุณ
“ผมรีบไปหาสารวัตรโนอาร์เพราะไม่รู้ว่าพวกคุณอยู่ที่ไหน ตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยพวกคุณเอง แต่พอดีผมมีธุระต้องรีบไปจัดการเลยต้องฝากสารวัตรดูแลแทน”
“ยังไงฉันก็ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมเองด้วย ถ้าหากว่าเพื่อนผมเป็นอะไรขึ้นมาผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดแน่นอน”
เหมือนเรย์จะนึกอะไรบางอย่างออก แม้ว่าเขาจะรู้จักทั้งสองคนแล้วแต่กลับยังไม่รู้จักชื่อของเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาน “พวกคุณน่าจะแนะนำตัวให้ผมรู้จักบ้างนะครับ”
“ฉันโจนาธาน ส่วนนี่แคทรีน่าคู่หูฉัน” โจนาธานแนะนำตัวและเพื่อนร่วมงาน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมว่าเราคงต้องหาที่คุยกันแล้วล่ะ”
Memory transfers 72%
ตัวเลขบางอย่างวิ่งวนอยู่ในอากาศเหนือหัว ตัวเลขหลายหลักวิ่งไปมาจนอาการปวดหัวกำเริบขึ้นอีกครั้ง เพียงไม่นานมันก็หายกลับเป็นปกติ
อาเธอร์ตื่นขึ้นในห้องพัก บนพื้นไม้ริมหน้าต่างที่ตนหรือเฮเนอร์สลบไป ตั้งแต่คาเทียและเรย์เดินออกจากห้องของเขาไป แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงพอมองเห็นรอบ ๆ ห้อง
เขาเข้ามาตามเสียงเรียก เสียงจากที่ไหนสักแห่งในความคิด บางทีมันอาจเป็นเสียงจากเฮเนอร์ที่กำลังรออยู่ในโลกแห่งความฝัน
เด็กหนุ่มเปิดไฟภายในห้องให้สว่างเป็นจังหวะเดียวกับเสียงดังกึกก้องกังวานมาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งไกลออกไป
“เสียงระเบิด...”
แสงไฟและควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
อาเธอร์มองเห็นผ่านหน้าต่างบานเลื่อนในห้องพักของตนเอง สถานที่ตรงนั้นคือสถานีรถไฟ เกิดระเบิดขึ้นในสถานีรถไฟ
จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อโลกแห่งนี้คือความฝันของเขา หากเกิดอะไรผิดปกติไปเจ้าของความฝันย่อมรู้ก่อนเป็นคนแรก
เว้นเสียแต่ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในความฝันแห่งนี้
“ทุกคน”
เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงคาเทียและเรย์ที่เป็นเพื่อนในโลกความฝันแห่งนี้ เขาต้องรีบไปหาเพื่อนทั้งสองคนนั้น ไม่แน่ว่าบางทีทั้งคู่อาจจะตกอยู่ในอันตราย
บานเลื่อนเปิดกว้างออกพอให้ลอดตัวออกมาได้ คนลอดสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อมองดูความสูงที่อยู่เบื้องล่าง ห้องพักอยู่ชั้นสามของตัวอาคาร ด้วยความสูงระดับนี้คงต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่านี่เป็นโลกแห่งความฝัน เพียงแค่จินตนาการถึงบันไดเหล็กที่พาดอยู่อาเธอร์ก็พบของสิ่งนั้นพาดอยู่ริมระเบียงอย่างน่าอัศจรรย์
“ที่นี่เป็นความฝัน ไม่ต้องอิงความจริงอะไรทั้งนั้นเฮเนอร์” เขาบอกกับตัวเองเบา ๆ
ตอนนี้เขาคือเฮเนอร์ ตัวตนที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ไม่รอช้าเขารีบวิ่งตรงไปยังสถานีรถไฟที่เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่รีรอ
“เฮเนอร์”
เสียงเรียกนั้นทำให้เด็กหนุ่มชะงักเท้าเหลียวหลังกลับมามองอย่างรวดเร็ว “เชโลม่า”
เด็กสาวในชุดยาวสีขาวกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา ท่าทางเหนื่อยหอบ ทว่าเมื่อเธอเห็นเจ้าของความฝันยังปลอดภัยดีจึงส่งยิ้มให้
“เธอปลอดภัย”
“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ มีบางอย่างกำลังเข้ามาในความฝันของเธอ” เด็กสาวกุมมือของเขาแน่น “เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเชโลม่า แล้วความฝันของเธอล่ะ”
เธอส่ายหน้า “มีบางอย่างกำลังทำลายความฝันของฉัน เจ้าหน้าที่สองคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้”
“เจ้าหน้าที่สองคนเหรอ เธอหมายถึงเจ้าหน้าที่สองคนจาก APCO ใช่หรือเปล่า”
อาเธอร์แปลกใจกับคำพูดของตนเอง ทำไมเขาถึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่อีกฝ่ายพูดถึงคือเจ้าหน้าที่จาก APCO ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พูดเลยว่าเจ้าหน้าที่ APCO ที่พูดถึงหมายถึงใคร
เด็กหนุ่มเริ่มจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ้าหน้าที่ชายหญิงสองคนเข้ามาในห้องพักของเขาในช่วงหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ทั้งสองคนพูดอะไรบางอย่างกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตนและรีน่า เรื่องของ MDSP ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาและหายไปจากห้องวิจัย
ทำไมถึงจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยตื่นขึ้นมาก่อนที่จะเจอกับเรย์ อาเธอร์ได้พบกับโจนาธานและแคทรีน่า ได้รับรู้ว่ารีน่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น
ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อม สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน แต่เป็นผลที่เกิดจากบางอย่างที่เกิดขึ้น
คล้ายกับมีอะไรบางอย่างลบความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขารวมทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหายไปจนหมด
“เฮเนอร์...”
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเฮเนอร์” เสียงของเชโลม่าทำให้ตื่นจางภวังค์
“ปะ...เปล่า ฉันไม่เป็นไร”
“รีบไปช่วยคาเทียกับเรย์เถอะ” เด็กสาวบอกก่อนวิ่งนำไป
ฝันมรณะ : Chapter VII Restore
เรย์ตื่นขึ้นมาบนโซฟาในสภาพเหงื่อโทรมกาย เสื้อยืดสีขาวเปียกชุ่มไปหมด...
“บ้าชะมัด นี่เราทำอะไรลงไป”
เด็กหนุ่มปลดเครื่องเล่นความฝันจำลองออก การเชื่อมต่อคลื่นสมองถูกถอดออก เขาเก็บเครื่อง MDSP ลงในกระเป๋ากางเกง
ความจริงแล้วมันเป็นเครื่องตัวต้นแบบที่ถูกพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมในห้องวิจัยของดอกเตอร์โรเบิร์ต สาเหตุที่เขารู้และเข้าใจกลไกการทำงานของมันอย่างละเอียดเพราะเขาเป็นคนขโมยมันออกมาจากห้องทดลองด้วยตัวเอง
หลังจากใช้เวลานั่งถอดข้อมูลจากไฟล์ในคอมพิวเตอร์อยู่นาน ในที่สุดเขาก็เข้าใจวิธีการและกลไกการทำงานของมันผ่านโลกแห่งความฝันที่สร้างขึ้น
ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องพักคนไข้ เสียงลมเย็น ๆ พัดออกมาจากเครื่องปรับอากาศเบา ๆ
บนเตียงนอนมีร่างในชุดคนไข้สีฟ้านอนนิ่ง เธอเป็นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมยาวสีเทา ผิวขาวละเอียด ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิทในห้วงนิทรา หลายวันแล้วที่ร่างนี้ยังนอนหลับ โดยไม่มีทีท่าว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง
เรย์มองร่างเธอนิ่ง แววตาคล้ายกับกำลังบอกอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่คงไม่มีโอกาสได้รับรู้แม้ว่าจะอยู่ในโลกแห่งความฝันก็ตาม
เด็กสาวผมยาวสีขี้เถ้า เธอสวมชุดยาวเก่า ๆ สีขาว ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนฉายบนใบหน้า
เขารู้จักรีน่ามาตั้งแต่สมัยอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในความอุปการะของมาเรียหลังจากที่อาเธอร์มาอยู่ได้สองปี จนกระทั่งพวกเขาได้เข้าไปเรียนชั้นมัธยมด้วยกันในเมือง
รีน่ามักเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนเป็นอันดับต้น ๆ ของชั้นเรียน เป็นที่โดดเด่นในวิชาศิลปะ เธอชอบวาดรูป โดยมักจะบอกกับเพื่อนทั้งสองคนว่าการวาดรูปเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งซึ่งใช้จินตนาการให้ออกมาเป็นภาพ เพื่อให้คนดูหรือผู้รับสารมองเห็น
บางทีความฝันอาจช่วยเติมเต็มจินตนาการของรีน่าได้ อย่างน้อยหากเธอยังคงฝันอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แม้แต่ในโลกแห่งความฝัน
เด็กหนุ่มหยิบเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่วางพาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาพาดบ่าก่อนเดินออกจากห้องไป โดยไม่หันกลับไปมองร่างของรีน่าที่หลับอยู่
เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ เขากดหมายเลขชั้นแรกบนแผงควบคุมก่อนที่ประตูจะปิดลง
ไม่นานเด็กหนุ่มก็ลงมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ในช่วงเวลากลางคืนกลับเงียบผิดกับช่วงกลางวันที่มีคนหนาตา
ประตูกระจกอัตโนมัติเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นแสงไฟส่องเหนือทางเดินของลานจอดรถ เป้าหมายของเรย์คือรถยนต์คันสีดำสนิทที่เปิดกระจกแง้มอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านในชายหญิงสองคนกำลังหลับสนิทในที่นั่งคนขับและที่นั่งด้านข้าง เรย์เคาะกระจกรถอยู่นานกว่าชายหนุ่มที่นั่งฝั่งคนขับจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาหันไปเรียกหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนจะเปิดประตูรถออกมาก่อน
“โชคดีนะครับที่รอดออกมาจากความฝันของคนอื่น” เรย์กล่าวทัก
“ฉันไม่คิดเหมือนกันว่านายจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ผู้ชายคนนั้นจัดเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนให้เรียบร้อย น้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก
“พวกคุณคิดว่าการเข้าไปในความฝันของคนอื่นนั้นมันจะง่ายเหมือนกันหมดทุกครั้งเหรอครับ โชคดีนะที่ผมให้สารวัตรโนอาร์เข้าไปช่วยพวกคุณออกมาไม่อย่างนั้นคงจะติดอยู่ในนั้นไปตลอดแน่นอน” เด็กหนุ่มกอดอกมองด้วยท่าทางยียวน
เขารู้จักเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายตั้งแต่วันที่ให้ปากคำในฐานะพยาน ที่เห็นเหตุการณ์คดีรถปริศนาไร้คนขับชนวัยรุ่นสองคนจนได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จาก APCO แต่คดีนี่ก็รวมอยู่ในการก่ออาชญากรรมทางจิตด้วยเช่นกัน
“ขอบใจมากนะ” เจ้าหน้าที่สาวที่เพิ่งลงมาจากรถกล่าวขอบคุณ
“ผมรีบไปหาสารวัตรโนอาร์เพราะไม่รู้ว่าพวกคุณอยู่ที่ไหน ตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยพวกคุณเอง แต่พอดีผมมีธุระต้องรีบไปจัดการเลยต้องฝากสารวัตรดูแลแทน”
“ยังไงฉันก็ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมเองด้วย ถ้าหากว่าเพื่อนผมเป็นอะไรขึ้นมาผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดแน่นอน”
เหมือนเรย์จะนึกอะไรบางอย่างออก แม้ว่าเขาจะรู้จักทั้งสองคนแล้วแต่กลับยังไม่รู้จักชื่อของเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาน “พวกคุณน่าจะแนะนำตัวให้ผมรู้จักบ้างนะครับ”
“ฉันโจนาธาน ส่วนนี่แคทรีน่าคู่หูฉัน” โจนาธานแนะนำตัวและเพื่อนร่วมงาน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมว่าเราคงต้องหาที่คุยกันแล้วล่ะ”
Memory transfers 72%
ตัวเลขบางอย่างวิ่งวนอยู่ในอากาศเหนือหัว ตัวเลขหลายหลักวิ่งไปมาจนอาการปวดหัวกำเริบขึ้นอีกครั้ง เพียงไม่นานมันก็หายกลับเป็นปกติ
อาเธอร์ตื่นขึ้นในห้องพัก บนพื้นไม้ริมหน้าต่างที่ตนหรือเฮเนอร์สลบไป ตั้งแต่คาเทียและเรย์เดินออกจากห้องของเขาไป แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงพอมองเห็นรอบ ๆ ห้อง
เขาเข้ามาตามเสียงเรียก เสียงจากที่ไหนสักแห่งในความคิด บางทีมันอาจเป็นเสียงจากเฮเนอร์ที่กำลังรออยู่ในโลกแห่งความฝัน
เด็กหนุ่มเปิดไฟภายในห้องให้สว่างเป็นจังหวะเดียวกับเสียงดังกึกก้องกังวานมาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งไกลออกไป
“เสียงระเบิด...”
แสงไฟและควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
อาเธอร์มองเห็นผ่านหน้าต่างบานเลื่อนในห้องพักของตนเอง สถานที่ตรงนั้นคือสถานีรถไฟ เกิดระเบิดขึ้นในสถานีรถไฟ
จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อโลกแห่งนี้คือความฝันของเขา หากเกิดอะไรผิดปกติไปเจ้าของความฝันย่อมรู้ก่อนเป็นคนแรก
เว้นเสียแต่ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในความฝันแห่งนี้
“ทุกคน”
เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงคาเทียและเรย์ที่เป็นเพื่อนในโลกความฝันแห่งนี้ เขาต้องรีบไปหาเพื่อนทั้งสองคนนั้น ไม่แน่ว่าบางทีทั้งคู่อาจจะตกอยู่ในอันตราย
บานเลื่อนเปิดกว้างออกพอให้ลอดตัวออกมาได้ คนลอดสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อมองดูความสูงที่อยู่เบื้องล่าง ห้องพักอยู่ชั้นสามของตัวอาคาร ด้วยความสูงระดับนี้คงต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่านี่เป็นโลกแห่งความฝัน เพียงแค่จินตนาการถึงบันไดเหล็กที่พาดอยู่อาเธอร์ก็พบของสิ่งนั้นพาดอยู่ริมระเบียงอย่างน่าอัศจรรย์
“ที่นี่เป็นความฝัน ไม่ต้องอิงความจริงอะไรทั้งนั้นเฮเนอร์” เขาบอกกับตัวเองเบา ๆ
ตอนนี้เขาคือเฮเนอร์ ตัวตนที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ไม่รอช้าเขารีบวิ่งตรงไปยังสถานีรถไฟที่เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่รีรอ
“เฮเนอร์”
เสียงเรียกนั้นทำให้เด็กหนุ่มชะงักเท้าเหลียวหลังกลับมามองอย่างรวดเร็ว “เชโลม่า”
เด็กสาวในชุดยาวสีขาวกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา ท่าทางเหนื่อยหอบ ทว่าเมื่อเธอเห็นเจ้าของความฝันยังปลอดภัยดีจึงส่งยิ้มให้
“เธอปลอดภัย”
“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ มีบางอย่างกำลังเข้ามาในความฝันของเธอ” เด็กสาวกุมมือของเขาแน่น “เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเชโลม่า แล้วความฝันของเธอล่ะ”
เธอส่ายหน้า “มีบางอย่างกำลังทำลายความฝันของฉัน เจ้าหน้าที่สองคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้”
“เจ้าหน้าที่สองคนเหรอ เธอหมายถึงเจ้าหน้าที่สองคนจาก APCO ใช่หรือเปล่า”
อาเธอร์แปลกใจกับคำพูดของตนเอง ทำไมเขาถึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่อีกฝ่ายพูดถึงคือเจ้าหน้าที่จาก APCO ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พูดเลยว่าเจ้าหน้าที่ APCO ที่พูดถึงหมายถึงใคร
เด็กหนุ่มเริ่มจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ้าหน้าที่ชายหญิงสองคนเข้ามาในห้องพักของเขาในช่วงหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ทั้งสองคนพูดอะไรบางอย่างกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตนและรีน่า เรื่องของ MDSP ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาและหายไปจากห้องวิจัย
ทำไมถึงจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยตื่นขึ้นมาก่อนที่จะเจอกับเรย์ อาเธอร์ได้พบกับโจนาธานและแคทรีน่า ได้รับรู้ว่ารีน่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น
ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อม สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน แต่เป็นผลที่เกิดจากบางอย่างที่เกิดขึ้น
คล้ายกับมีอะไรบางอย่างลบความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขารวมทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหายไปจนหมด
“เฮเนอร์...”
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเฮเนอร์” เสียงของเชโลม่าทำให้ตื่นจางภวังค์
“ปะ...เปล่า ฉันไม่เป็นไร”
“รีบไปช่วยคาเทียกับเรย์เถอะ” เด็กสาวบอกก่อนวิ่งนำไป