ซมเฮอิน (Som Hein) หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ Idol School ทางช่อง Mnet เพื่อหาเด็กสาวที่จะเดบิวส์ไอดอลวงใหม่
เธออยู่ในอันดับที่ 29 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 41 คน แต่ซมเฮอินตัดสินใจถอดตัวจากรายการตั้งแต่ตอนแรก โดยได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่าเพราะอาการโรคกลัวอ้วนของตัวเอง :
“เหตุผลที่ฉันถอนตัวออกจากรายการเนื่องจากโรคกลัวอ้วน ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำรายการ แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่พอเริ่มถ่ายทำ กลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด สุขภาพของฉันไม่เอื้ออำนวยต่อการถ่ายทำและทำให้ไม่สามารถถ่ายทำตามตารางได้ หมอยังบอกอีกว่าถ้าฉันไม่รักษาต่อเนื่องหรือขาดการติดตามอาการ ร่างกายของฉันอาจแย่ลง ฉันเลยคิดอย่างหนักและตัดสินใจออกจากรายการในที่สุด ที่ไม่ได้บอกใครเรื่องโรคก่อนหน้านี้เพราะฉันไม่อยากเปิดเผยมันค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังเข้ารับการรักษาและทำตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ไปโรงพยาบาลตามนัดและรับยาอย่างสม่ำเสมอ”
-- ซมเฮอิน
หลายคนยังไม่ปักใจเชื่อ และคิดว่าซมเฮอินน่าจะถอนตัวจากรายการด้วยเหตุผลอื่น เพื่อนมัธยมต้นของซมเฮอินกล่าวหาว่าเคยถูกเธอรังแก
ชเวมินคยอง ผู้หญิงที่ออกมาเปิดเผยว่าเคยถูกซมเฮอินแกล้งและทำร้ายร่างกายระหว่างที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
“ฉันหวังว่าฉันจะสามารถให้อภัยและลืมเรื่องราวในอดีตที่ถูกทำร้ายและสร้างแผลภายในจิตใจของฉันได้ เพราะตอนนั้นเราทั้งคู่ยังเด็ก ถ้าให้อภัยในเรื่องนั้นได้ ฉันก็จะสบายใจขึ้นด้วย แต่ว่ามันไม่ง่ายเลย
ฉันได้เห็นคนคนนั้นผ่านหน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง และเรื่องฝันร้ายตอนนั้นได้กลับมาหลอกหลอนฉันอีกหน เหมือนเมื่อตอนที่เป็นเด็ก ฉันควรทำอย่างไรดี หากฉันต้องการจะให้อภัยใครซักคน ?” -- ชเวมินคยอง
ชเวมินคยองอธิบายถึงตอนที่ซมเฮอินรังแกเธอในร้านคาราโอเกะ
“ฉันภาวนาให้ไม่ต้องมาเจอเธออีกครั้ง เมื่อตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เธอชวนฉันไปโนแรบัง (ร้านคาราโอเกะ) ก่อนจะซื้อชั่วโมง 3 ชั่วโมงเพื่อทุบตีฉันด้วยไมโครโฟน,ให้ฉันนั่งคุกเข่าบนพื้นที่มีน้ำลาย,เหยียบฉันขณะใส่รองเท้าส้นสูง และล้อฉันว่าจมูกโต ทั้งหมดนี้เกิดจากที่เธอคิดว่าฉันไปว่าเพื่อนของเธอ ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทำอย่างนั้น
เธอยังสั่งให้ฉันไปซื้อบุหรี่ให้ และเมื่อฉันกลับมาก็ใช้หนังสือเพลงในร้านฟาดฉัน เจ้าของร้านคาราโอเกะสงสัยว่าทำไมในห้องถึงมีแต่เสียงดนตรีไม่มีเสียงร้องเพลงเลย จึงเข้ามาดู ถ้าไม่ได้เขา ฉันคงถูกเธอตีอยู่อย่างนั้น
หลังจากนั้นฉันต้องไปพบจิตแพทย์ และฝันร้ายทุกวัน
ในฝันของฉันยังเห็นเธอ และตอนนี้ฉันต้องมาพบเจอหน้าเธอบนเฟสบุคและหน้าจอทีวีอีก มันทำให้ฉันนึกถึงฝันร้ายในวันนั้น ได้โปรดอย่าออกมาให้เห็นอีกได้ไหม ฉันรู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้งที่ได้อ่านว่าเธอเป็นคนใจดี ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอโหดร้าย เลิกสร้างภาพและหยุดปรากฎตัวในทุกๆที่ได้แล้ว” – ชเวมินคยอง
ซมเฮอินออกมาตอบเกี่ยวกับเรื่องที่เธอถูกกล่าวหา
หลังจากนั้นไม่นาน ซมเฮอินได้โพสลงในอินสตราแกรมของเธอ พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“สวัสดีค่ะ ฉันซมเฮอิน ฉันเขียนข้อความนี้ขึ้นเพราะรู้สึกผิดเกี่ยวกับข่าวที่ฉันรังแกเพื่อนตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม ซึ่งตอนนี้ถูกโพสกันในเฟสบุค
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่อาจทำให้ทุกคนไม่สบายใจนี้ ฉันอยากอธิบายว่า ในตอนนั้นฉันเรียนอยู่ ม.3 ขณะที่เพื่อนคนนั้นถูกรังแก ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ ฉันแค่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยเท่านั้น
ฉันก็ถูกรังแกจากคนที่รังแกเธอเหมือนกัน ตอนที่ยืนอยู่ที่นั่นฉันกลัวมากจนได้แต่มองดูเธอโดนทำร้าย แต่ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเธอจริงๆ ฉันอาจจะพูดรุนแรง เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด แล้วทำร้ายจิตใจเธอ
ฉันไม่อาจอ้างความเด็ก เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่หากทำพฤติกรรมแบบนี้ก็สมควรแล้วที่จะไม่ได้รับการยกโทษให้
ฉันเตือนตัวเองและบอกตัวเองอยู่เสมอว่าฉันนั้นใจแคบ เมื่อเวลาผ่านไปฉันรู้สึกเสียใจกับเธอมาก แต่ดูเหมือนว่าในสายตาของคนที่ถูกรังแกคงเป็นเรื่องยากที่จะยกโทษให้แก่ฉัน
ฉันเชื่อว่าหลังจากได้เห็นฉันในรายการ Idol School เธอจึงตัดสินในโพสเฟสบุค เธอไม่จำเป็นต้องยกโทษให้ฉัน เพราะสิ่งที่ฉันได้ทำสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างใหญ่หลวง
สิ่งที่ฉันได้ทำกับเธอคงสร้างความเครียดให้แก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ขอแก้ตัวโดยใช้คำว่าเด็ก หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะยังไงก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะรับได้
ตอนที่ฉันเด็ก ฉันได้สร้างแผลเป็นในจิตใจให้แก่เธอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต ฉันจะใช้ชีวิตโดยจดจำวันคืนเหล่านั้นและเตือนตัวเองถึงความไม่เหมาะสมในวันนั้นอยู่ตลอด ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆสำหรับการที่ตัวเองได้กลายเป็นสาเหตุให้เธอต้องเจ็บปวด” – ซมเฮจิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผู้ถูกรังแกได้โพสหลักฐานเพิ่มเติม
ชเวมินคยองตอบโต้ ซมเฮอินด้วยการบอกว่าที่ซมเฮอินพูดนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมอัพโหลดภาพการสนทนาในแอพพลิเคชั่น Facebook messenger
“เธอคิดว่าฉันไม่มีหลักฐานเหรอ ? ฉันกำลังจะอัพโหลดให้ทุกคนได้รู้ เห็นแบบนี้ยังกล้าบอกว่าฉันไม่มีหลักฐานอีกหรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายมากนะ แล้วนี่ฉันต้องลบโพสหรือเปล่า ? ขณะที่ฉันกำลังพูดความจริง แต่เธอกลับขู่จะฟ้องฉัน ทำไมโลกมันน่ากลัวอย่างนี้ล่ะ...
ถ้าฉันจะโกหกฉันไม่ต้องเปิดเผยชื่อจริงและรูปก็ได้ ฉันคุยกับเธอทาง Facebook messenger ‘ถึงเธอต้องการจะขอโทษฉันจากใจจริง แต่ช่วงเวลาที่ถูกเธอทำร้ายยังคงไม่มีวันหายไปจากความทรงจำ เธอรู้ใช่ไหม’ และเธอตอบว่า ‘ใช่ ฉันรู้’ แต่ตอนนี้เธอกลับออกมาบอกว่าเธอไม่ได้ทำ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเหรอ เธอเพิ่งสร้างรอยแผลใหม่ให้แก่ฉันเลยนะ” –ชเวมินคยอง
จากบทสนทนา ซมเฮอินทักชเวมินคยองก่อน เพื่อจะขอเบอร์โทรศัพท์เธอ
“นี่เฮอินนะ ฉันขอเบอร์เธอได้ไหม? ฉันไม่ได้จะมาเถียงกับเธอ ต้นสังกัดของฉันอยากจัดการเรื่องนี้ ฉันรู้ว่าเธอคงไม่อยากคุยกับฉันหรอก แต่ฉันคิดว่าถ้าเราคุยกันผ่าน KakaoTalk มันใช้เวลานานไป ขอเบอร์เธอได้ไหม หรือไม่เธอก็โทรหาฉันหน่อย” --ซมเฮอิน
ชเวมินคยองเปิดเผยคำขอโทษจากซมเฮอิน ที่เธอคิดว่าซมเฮอินอาจจะขอโทษเพื่อรักษาภาพลักษณ์นางแบบเอาไว้
“ตอนที่เธอมาขอโทษเมื่อปีที่แล้ว ฉันคิดว่ามันมาจากใจจริงๆ แต่แล้วก็คิดได้ว่า ‘ทำไมเธอถึงเพิ่งมาขอโทษเรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ ม.3 เอาตอนนี้?’ฉันเข้าไปเฟสบุคของเธอและพบว่าตอนนี้เธอเป็นนางแบบไปแล้ว ฉันจึงรู้ว่าที่เธอขอโทษก็เพื่อสร้างภาพขอบคุณเธอนะที่ทำให้เวลาฉันได้ยินเพลง “Adult Child” ของกัมมี่ทีไรต้องร้องไห้ทุกที
เพื่อนร่วมงานของฉัน ,แฟนของฉันต่างรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น ตั้งแต่เธอปรากฎในเฟสบุคอีกครั้ง ความทรมาณเมื่อตอนนั้นก็กลับมา ตอนที่ต้องถูกตีอยู่ 3 ชั่วโมง นั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ขอโทษให้กับสิ่งที่ไม่ได้ทำและร้องไห้
วันคืนเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง และฉันยังฝันร้ายถึงมัน ฉันเหมือนจะเป็นบ้าเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกตีด้วยไมโครโฟนและหนังสือเพลง ตอนที่ต้นขาของฉันถูกเหยียบด้วยส้นสูง
ฉันผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนกระทั่งได้มาเจอเธออีกครั้ง เธออยู่ทุกที่เลย ฉันรู้สึกแย่จริงๆ” –ชเวมินคยอง
ซมเฮอินขอโทษชเวมินคยองอีกครั้ง และยืนยันว่าเธอแค่ด่าว่าแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายชเวมินคยองเลย
ซมเฮอิน : ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะกลายเป็นแผลในใจของเธอ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษที่ด่าว่าเธอ ฉันรู้ว่าคำพูดที่ฉันพูดออกไปนั้นทำร้ายเธอ ฉันอยากขอโทษทั้งหมด
ชเวมินคยอง : เฮ้อ...ถึงเธอจะขอโทษฉัน แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่สามารถลบความทรงจำทั้งหมดออกไปได้
ซมเฮอิน : ฉันรู้”
ชมเฮอินอธิบายว่าเธอไม่อยากพูดคุยกับชเวมินคยองผ่านทางข้อความเนื่องจากจะใช้เป็นหลักฐานได้
ซมเฮอิน : บริษัทของฉันบอกฉันว่า ไม่ให้คุยกับเธอผ่านทางข้อความ กลัวเธอจะใช้เป็นหลักฐาน ให้โทรหาเธอแทน อย่าคุยกับเธอผ่านทาง KakaoTalk นั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากคุยโทรศัพท์กับเธอ
ชเวมินคยอง : ทำไมมันจะกลายเป็นหลักฐานล่ะ ? เธอจะบอกว่าเธอไม่เคยตีฉันเหรอ ?
ซมเฮอิน : ฉันเสียใจจริงๆที่ทำลายความรู้สึกเธอ
ชเวมินคยอง : ความรู้สึกของเธอทำร้ายฉันอีกแล้ว
ซมเฮอิน : ฉันทำให้เธอเจ็บปวด ฉันจะไม่เถียงเรื่องนั้น
ซมเฮอินบอกว่าที่เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายชเวมินคยอง แต่แค่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นเพราะต้นสังกัดของเธอสั่งห้ามไว้
ซมเฮอิน : ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันเล่าให้บริษัทฟังว่าที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ชเวมินคยอง : เธอบอกพวกเขา แล้วพวกเขาสั่งให้เธอบอกว่าเธอไม่ได้ทำเหรอ???
ซมเฮอิน : ฉันบอกพวกเขาว่าที่เธอพูดคือเรื่องจริง และบอกว่าฉันจะติดต่อกับเธอเอง บริษัทของฉันบอกให้ฉันทำแบบนั้น ให้บอกว่าที่เธอพูดไม่ช่ความจริง ฉันไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธเอง
ซมเฮอินพยายามเตือนชเวมินคยองว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงหากเธอไม่ยอมลบโพสในเฟสบุค
ซมเฮอิน : เธออาจคิดว่าทำไมเธอต้องลบโพส ? แต่ฉันอยากขอเธอให้ลบเถอะ สถานการณ์จะได้ไม่แย่ลงไปกว่านี้ มันอาจทำให้เธอเจ็บปวดอีกก็ได้
ชเวมินคยอง : ต้นสังกัดเธอจะปล่อยข่าวว่าที่ฉันโพสมันไม่จริง และทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกเหรอ
เมื่อชเวมินคยองปฏิเสธที่จะลบข้อความทิ้ง ซมเฮอินพูดกลายๆว่าบริษัทของเธออาจดำเนินคดีทางกฎหมาย
ซมเฮอิน : ฉันไม่อยากเห็นเธอลำบากอีก ฉันจึงมาขอให้ลบข้อความ ยิ่งปล่อยผ่านไปยิ่งแย่ลง ฉันไม่สามารถจะหยุดบริษัทฉันได้นะ ฉันขอร้องล่ะ ลบโพสทิ้งเถอะ”
[K-POP] เหยื่อจากการรังแกของ ซมเฮอิน อดีตผู้เข้าแข่งขันรายการ Idol School
ซมเฮอิน (Som Hein) หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ Idol School ทางช่อง Mnet เพื่อหาเด็กสาวที่จะเดบิวส์ไอดอลวงใหม่
ซมเฮอิน เกิดปี 1996 และตอนนี้เธอมีอายุ 21 ปี
“เหตุผลที่ฉันถอนตัวออกจากรายการเนื่องจากโรคกลัวอ้วน ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำรายการ แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่พอเริ่มถ่ายทำ กลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด สุขภาพของฉันไม่เอื้ออำนวยต่อการถ่ายทำและทำให้ไม่สามารถถ่ายทำตามตารางได้ หมอยังบอกอีกว่าถ้าฉันไม่รักษาต่อเนื่องหรือขาดการติดตามอาการ ร่างกายของฉันอาจแย่ลง ฉันเลยคิดอย่างหนักและตัดสินใจออกจากรายการในที่สุด ที่ไม่ได้บอกใครเรื่องโรคก่อนหน้านี้เพราะฉันไม่อยากเปิดเผยมันค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังเข้ารับการรักษาและทำตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ไปโรงพยาบาลตามนัดและรับยาอย่างสม่ำเสมอ”
-- ซมเฮอิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลายคนยังไม่ปักใจเชื่อ และคิดว่าซมเฮอินน่าจะถอนตัวจากรายการด้วยเหตุผลอื่น เพื่อนมัธยมต้นของซมเฮอินกล่าวหาว่าเคยถูกเธอรังแก
“ฉันหวังว่าฉันจะสามารถให้อภัยและลืมเรื่องราวในอดีตที่ถูกทำร้ายและสร้างแผลภายในจิตใจของฉันได้ เพราะตอนนั้นเราทั้งคู่ยังเด็ก ถ้าให้อภัยในเรื่องนั้นได้ ฉันก็จะสบายใจขึ้นด้วย แต่ว่ามันไม่ง่ายเลย
ฉันได้เห็นคนคนนั้นผ่านหน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง และเรื่องฝันร้ายตอนนั้นได้กลับมาหลอกหลอนฉันอีกหน เหมือนเมื่อตอนที่เป็นเด็ก ฉันควรทำอย่างไรดี หากฉันต้องการจะให้อภัยใครซักคน ?” -- ชเวมินคยอง
ชเวมินคยองอธิบายถึงตอนที่ซมเฮอินรังแกเธอในร้านคาราโอเกะ
“ฉันภาวนาให้ไม่ต้องมาเจอเธออีกครั้ง เมื่อตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เธอชวนฉันไปโนแรบัง (ร้านคาราโอเกะ) ก่อนจะซื้อชั่วโมง 3 ชั่วโมงเพื่อทุบตีฉันด้วยไมโครโฟน,ให้ฉันนั่งคุกเข่าบนพื้นที่มีน้ำลาย,เหยียบฉันขณะใส่รองเท้าส้นสูง และล้อฉันว่าจมูกโต ทั้งหมดนี้เกิดจากที่เธอคิดว่าฉันไปว่าเพื่อนของเธอ ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทำอย่างนั้น
เธอยังสั่งให้ฉันไปซื้อบุหรี่ให้ และเมื่อฉันกลับมาก็ใช้หนังสือเพลงในร้านฟาดฉัน เจ้าของร้านคาราโอเกะสงสัยว่าทำไมในห้องถึงมีแต่เสียงดนตรีไม่มีเสียงร้องเพลงเลย จึงเข้ามาดู ถ้าไม่ได้เขา ฉันคงถูกเธอตีอยู่อย่างนั้น
หลังจากนั้นฉันต้องไปพบจิตแพทย์ และฝันร้ายทุกวัน
ในฝันของฉันยังเห็นเธอ และตอนนี้ฉันต้องมาพบเจอหน้าเธอบนเฟสบุคและหน้าจอทีวีอีก มันทำให้ฉันนึกถึงฝันร้ายในวันนั้น ได้โปรดอย่าออกมาให้เห็นอีกได้ไหม ฉันรู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้งที่ได้อ่านว่าเธอเป็นคนใจดี ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอโหดร้าย เลิกสร้างภาพและหยุดปรากฎตัวในทุกๆที่ได้แล้ว” – ชเวมินคยอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นไม่นาน ซมเฮอินได้โพสลงในอินสตราแกรมของเธอ พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“สวัสดีค่ะ ฉันซมเฮอิน ฉันเขียนข้อความนี้ขึ้นเพราะรู้สึกผิดเกี่ยวกับข่าวที่ฉันรังแกเพื่อนตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม ซึ่งตอนนี้ถูกโพสกันในเฟสบุค
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่อาจทำให้ทุกคนไม่สบายใจนี้ ฉันอยากอธิบายว่า ในตอนนั้นฉันเรียนอยู่ ม.3 ขณะที่เพื่อนคนนั้นถูกรังแก ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ ฉันแค่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยเท่านั้น
ฉันก็ถูกรังแกจากคนที่รังแกเธอเหมือนกัน ตอนที่ยืนอยู่ที่นั่นฉันกลัวมากจนได้แต่มองดูเธอโดนทำร้าย แต่ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเธอจริงๆ ฉันอาจจะพูดรุนแรง เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด แล้วทำร้ายจิตใจเธอ
ฉันไม่อาจอ้างความเด็ก เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่หากทำพฤติกรรมแบบนี้ก็สมควรแล้วที่จะไม่ได้รับการยกโทษให้
ฉันเตือนตัวเองและบอกตัวเองอยู่เสมอว่าฉันนั้นใจแคบ เมื่อเวลาผ่านไปฉันรู้สึกเสียใจกับเธอมาก แต่ดูเหมือนว่าในสายตาของคนที่ถูกรังแกคงเป็นเรื่องยากที่จะยกโทษให้แก่ฉัน
ฉันเชื่อว่าหลังจากได้เห็นฉันในรายการ Idol School เธอจึงตัดสินในโพสเฟสบุค เธอไม่จำเป็นต้องยกโทษให้ฉัน เพราะสิ่งที่ฉันได้ทำสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างใหญ่หลวง
สิ่งที่ฉันได้ทำกับเธอคงสร้างความเครียดให้แก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ขอแก้ตัวโดยใช้คำว่าเด็ก หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะยังไงก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะรับได้
ตอนที่ฉันเด็ก ฉันได้สร้างแผลเป็นในจิตใจให้แก่เธอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต ฉันจะใช้ชีวิตโดยจดจำวันคืนเหล่านั้นและเตือนตัวเองถึงความไม่เหมาะสมในวันนั้นอยู่ตลอด ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆสำหรับการที่ตัวเองได้กลายเป็นสาเหตุให้เธอต้องเจ็บปวด” – ซมเฮจิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชเวมินคยองตอบโต้ ซมเฮอินด้วยการบอกว่าที่ซมเฮอินพูดนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมอัพโหลดภาพการสนทนาในแอพพลิเคชั่น Facebook messenger
“เธอคิดว่าฉันไม่มีหลักฐานเหรอ ? ฉันกำลังจะอัพโหลดให้ทุกคนได้รู้ เห็นแบบนี้ยังกล้าบอกว่าฉันไม่มีหลักฐานอีกหรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายมากนะ แล้วนี่ฉันต้องลบโพสหรือเปล่า ? ขณะที่ฉันกำลังพูดความจริง แต่เธอกลับขู่จะฟ้องฉัน ทำไมโลกมันน่ากลัวอย่างนี้ล่ะ...
ถ้าฉันจะโกหกฉันไม่ต้องเปิดเผยชื่อจริงและรูปก็ได้ ฉันคุยกับเธอทาง Facebook messenger ‘ถึงเธอต้องการจะขอโทษฉันจากใจจริง แต่ช่วงเวลาที่ถูกเธอทำร้ายยังคงไม่มีวันหายไปจากความทรงจำ เธอรู้ใช่ไหม’ และเธอตอบว่า ‘ใช่ ฉันรู้’ แต่ตอนนี้เธอกลับออกมาบอกว่าเธอไม่ได้ทำ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเหรอ เธอเพิ่งสร้างรอยแผลใหม่ให้แก่ฉันเลยนะ” –ชเวมินคยอง
จากบทสนทนา ซมเฮอินทักชเวมินคยองก่อน เพื่อจะขอเบอร์โทรศัพท์เธอ
“นี่เฮอินนะ ฉันขอเบอร์เธอได้ไหม? ฉันไม่ได้จะมาเถียงกับเธอ ต้นสังกัดของฉันอยากจัดการเรื่องนี้ ฉันรู้ว่าเธอคงไม่อยากคุยกับฉันหรอก แต่ฉันคิดว่าถ้าเราคุยกันผ่าน KakaoTalk มันใช้เวลานานไป ขอเบอร์เธอได้ไหม หรือไม่เธอก็โทรหาฉันหน่อย” --ซมเฮอิน
ชเวมินคยองเปิดเผยคำขอโทษจากซมเฮอิน ที่เธอคิดว่าซมเฮอินอาจจะขอโทษเพื่อรักษาภาพลักษณ์นางแบบเอาไว้
“ตอนที่เธอมาขอโทษเมื่อปีที่แล้ว ฉันคิดว่ามันมาจากใจจริงๆ แต่แล้วก็คิดได้ว่า ‘ทำไมเธอถึงเพิ่งมาขอโทษเรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ ม.3 เอาตอนนี้?’ฉันเข้าไปเฟสบุคของเธอและพบว่าตอนนี้เธอเป็นนางแบบไปแล้ว ฉันจึงรู้ว่าที่เธอขอโทษก็เพื่อสร้างภาพขอบคุณเธอนะที่ทำให้เวลาฉันได้ยินเพลง “Adult Child” ของกัมมี่ทีไรต้องร้องไห้ทุกที
เพื่อนร่วมงานของฉัน ,แฟนของฉันต่างรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น ตั้งแต่เธอปรากฎในเฟสบุคอีกครั้ง ความทรมาณเมื่อตอนนั้นก็กลับมา ตอนที่ต้องถูกตีอยู่ 3 ชั่วโมง นั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ขอโทษให้กับสิ่งที่ไม่ได้ทำและร้องไห้
วันคืนเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง และฉันยังฝันร้ายถึงมัน ฉันเหมือนจะเป็นบ้าเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกตีด้วยไมโครโฟนและหนังสือเพลง ตอนที่ต้นขาของฉันถูกเหยียบด้วยส้นสูง
ฉันผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนกระทั่งได้มาเจอเธออีกครั้ง เธออยู่ทุกที่เลย ฉันรู้สึกแย่จริงๆ” –ชเวมินคยอง
ซมเฮอินขอโทษชเวมินคยองอีกครั้ง และยืนยันว่าเธอแค่ด่าว่าแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายชเวมินคยองเลย
ซมเฮอิน : ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะกลายเป็นแผลในใจของเธอ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษที่ด่าว่าเธอ ฉันรู้ว่าคำพูดที่ฉันพูดออกไปนั้นทำร้ายเธอ ฉันอยากขอโทษทั้งหมด
ชเวมินคยอง : เฮ้อ...ถึงเธอจะขอโทษฉัน แต่เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่สามารถลบความทรงจำทั้งหมดออกไปได้
ซมเฮอิน : ฉันรู้”
ชมเฮอินอธิบายว่าเธอไม่อยากพูดคุยกับชเวมินคยองผ่านทางข้อความเนื่องจากจะใช้เป็นหลักฐานได้
ซมเฮอิน : บริษัทของฉันบอกฉันว่า ไม่ให้คุยกับเธอผ่านทางข้อความ กลัวเธอจะใช้เป็นหลักฐาน ให้โทรหาเธอแทน อย่าคุยกับเธอผ่านทาง KakaoTalk นั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากคุยโทรศัพท์กับเธอ
ชเวมินคยอง : ทำไมมันจะกลายเป็นหลักฐานล่ะ ? เธอจะบอกว่าเธอไม่เคยตีฉันเหรอ ?
ซมเฮอิน : ฉันเสียใจจริงๆที่ทำลายความรู้สึกเธอ
ชเวมินคยอง : ความรู้สึกของเธอทำร้ายฉันอีกแล้ว
ซมเฮอิน : ฉันทำให้เธอเจ็บปวด ฉันจะไม่เถียงเรื่องนั้น
ซมเฮอินบอกว่าที่เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายชเวมินคยอง แต่แค่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นเพราะต้นสังกัดของเธอสั่งห้ามไว้
ซมเฮอิน : ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันเล่าให้บริษัทฟังว่าที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ชเวมินคยอง : เธอบอกพวกเขา แล้วพวกเขาสั่งให้เธอบอกว่าเธอไม่ได้ทำเหรอ???
ซมเฮอิน : ฉันบอกพวกเขาว่าที่เธอพูดคือเรื่องจริง และบอกว่าฉันจะติดต่อกับเธอเอง บริษัทของฉันบอกให้ฉันทำแบบนั้น ให้บอกว่าที่เธอพูดไม่ช่ความจริง ฉันไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธเอง
ซมเฮอินพยายามเตือนชเวมินคยองว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงหากเธอไม่ยอมลบโพสในเฟสบุค
ซมเฮอิน : เธออาจคิดว่าทำไมเธอต้องลบโพส ? แต่ฉันอยากขอเธอให้ลบเถอะ สถานการณ์จะได้ไม่แย่ลงไปกว่านี้ มันอาจทำให้เธอเจ็บปวดอีกก็ได้
ชเวมินคยอง : ต้นสังกัดเธอจะปล่อยข่าวว่าที่ฉันโพสมันไม่จริง และทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกเหรอ
เมื่อชเวมินคยองปฏิเสธที่จะลบข้อความทิ้ง ซมเฮอินพูดกลายๆว่าบริษัทของเธออาจดำเนินคดีทางกฎหมาย
ซมเฮอิน : ฉันไม่อยากเห็นเธอลำบากอีก ฉันจึงมาขอให้ลบข้อความ ยิ่งปล่อยผ่านไปยิ่งแย่ลง ฉันไม่สามารถจะหยุดบริษัทฉันได้นะ ฉันขอร้องล่ะ ลบโพสทิ้งเถอะ”