ตอนที่1👇👇👇👇
https://m.ppantip.com/topic/38276723?
“ตามฉันมาสิ พ่อหนุ่ม"
ท่ามกลางความเงียบมีแค่เสียงหญิงชรา เขาเดินตามเธอไปอย่างว่างาย เหมือนถูกมนต์สะกด ไม่นานนัก เธอก็หยุดชะงัก ตรงหน้ารูปภาพหนึ่ง ชายหนุ่งเงยหน้ามองภาพที่แขวนไว้ สายตาเบิกโพรง ตรงหน้าของเขานั้น เป็นรูปหญิงสาวงดงาม ดั่งนางในวรรณคดี
ผิวนวลดั่งน้ำผึ่งผ่อง ผมตรงสวย ใส่ชุดไทยเหมือนในหนังหรือละครย้อนยุค เขาชงัคอยู่ครู่หนึ่ง "ผมขอซื้อรูปนี้ครับ เท่าไหร่ว่ามา" เขาพูดขึ้นสายตาจดจ่อ อยู่กับรูปนั้น ทั้งที่คนอย่างเขาไม่น่าจะชอบของโบราณสักเท่าไหร่
หญิงชรามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่พอใจยิ่งนัก นั้นไม่ใช่เพราะขายรูปได้ แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างที่เธอเฝ้าคอยได้สำเร็จลง
ผ่านไปไม่นานนักชายหนุ่มถือรูปใบนั้น ออกจากร้าน พร้อมกับขับรถคู่ใจออกไปไม่กี่เมตร ทุกอย่างรอบข้างกลับเป็นปกติ บ้านเรือนที่เงียบ กลับกลายเป็นปกติเหมือนที่เป็นทุกวัน ไฟสองข้างทางสว่างไสว เขาหยุดชะงักหันกลับไปมองร้านเก่านั้น สิ่งที่เขาเห็นคือ...... นั้นไม่มีร้านอีกแล้วแต่กลับเป็นป่ารกทึบ ไม่มีแม้แต่ซากร้าน หรือหญิงชราเลย ขนแขนของเขารุกซู่ พร้อมกับพูกเบาๆ
. "นี่มันอะไรวะ"
เขาก้มมองรูปที่ซื้อมา รูปยังอยู่เหมือนเดิม เขาขับรถต่อไปเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุด
เมื่อถึงบ้าน..............
"พี่มาร์ค ไปไหนมานะ กลับซะดึกเชียว "
เมย์รีบวิ่งลงมาจากบันไดบ้านหรู แล้วเค้นพี่ชาย
มาร์ค:"เปล่าว"
เมย์:" น้องถามตอบแค่นี้เนี้ยนะ ฮันแน่ แอบไปเที่ยวมาใช่มั้ย เอ๊ะ!! แล้วนั้นถืออะไรมาน่ะ เอามาดูหน่อยซิ" สายตาน้องสาวในชุดนอนเพ่งเล็ง ไปที่สิ่งที่พี่ชายถือมา
มาร์ค: "ขึ้นไปนอนได้แล้วไปยัยเมย์" เขาพูดพร้อมกับพลักหัวน้องสาวสุดที่รัก เพื่อไม่ให้เธอยุ่งกับรูปนั้น
เมย์: "เออๆไปก็ได้ อ้อเกือบลืมบอก พรุ่งนี้ยัยเฉิดฉายจะมากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะ" สาวน้อย พูดเสร็จรีบวิ่งขึ้นบันได้ไปนอน
มาร์ค:"ห้ะ เวรกรรมแล้ว"
"เอ้า ตามาร์คกลับมาแล้วหรือ แล้วนั่นอะไรน่ะ"
คุณหญิง ดารารัตน์ แม่ของชายหนุ่มพูดขึ้น
มาร์ค: "เอ่อ.....คุณแม่ครับพรุ่งนี้....."
ไม่ทันไรคุณหญิงก็ตัดบทลูกชายตนเองพูด
"อ้อใช่จ่ะ พรุ่งนี้น้องชาช่า จะมากินข้าวบ้านเรา"
มาร์ค:"พรุ่งนี้ผมไม่ว่างนะคับคงทานข้าวข้างนอก"
คุณหญิงดารารัตน์: "ไม่ต้องเลยตามาร์ค พรุ่งนี้แกต้องว่าง" "เห้อแม่ไปดีกว่า ต้องรีบนอน พรุ่งนี้จะได้สวยรอรับว่าที่ลูกสะใภ้"
คุณหญิงวัยกลางคนพูดด้วนสีหน้ายิ้มแย้ม และขึ้นห้องนอน
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือข้างขวาถือรูปภาพ มือข้างซายปาดเหงื่อที่หน้าผาก เตรียมรับสึกหนักจากน้องเฉิดฉายตัวดีวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อก้มมองรูปภาพ กลับทำให้เขาสบายใจขึ้นกว่าเดิม เขาย่างเท้าขึ้นบันไดสูงในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า
"สวยจัง"
เขาจ้องมองไปที่รูปภาพร่างกายนอนแผ่อยู่บนที่นอนสีครามแก่นุ่ม สีหน้ายิ้มอ่อนแววตาดูเหมือนชายหนุ่มมีรักแรกแย้ม แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เขาลุกจากที่นอนมองไปรอบๆห้อง แล้วจึงแขวนภาพไว้ข้างหน้าต่างบ้านใหญ่มีม่านลายลูกไม้สีขาว อีกไม่กี่วันพระจันทร์ก็จะเต็มดวง เขามองดวงจันทร์ คำพูดของหญิงชราคนนั้นก็แวบเข้ามา
"จันทรา จันทราคืออะไรนะ ทำไมตอนนั้นถึงได้ยินไม่ชัด ยายคนนั้นพูดอะไร"
ชายหนุ่มคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัยคิ้วขมวด สายตามองจันทร์เสียวสีนวลผ่อง แล้วหันกลับไปนอนบนเตียงหรู มือซ้ายก่ายหน้าผาก เขาพยายามนึกเรื่องของวันนี้แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากคำว่า จันทรา และรูปๆนั้น แม้แต่หน้าตาของหญิงชราก็กลับเลือนลาง ชายหนุ่มคิดแล้วคิดอีก แต่ยิ่งคิดเหมือนจะทำให้ยิ่งลืม เขาพลิกตัวหันไปมองรูปที่หน้าต่าง
"เธอเป็นใครกันแน่นะ "
ความสงสัยของหนุ่มหล่อ เหมือนกับภูเขาไฟที่พร้อมจะประทุตลอดเวลา เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าจนเกือบจะเช้า เขาก็ยังคิดไม่ออก จนเขาเผลอหลับ
"ท่านพี่เจ้าค่ะ น้องคิดถึงท่านพี่เหลือเกิน"
เขาสะดุ้งตื่นกับเสียงปริศนานี้ เสียงที่ดูอ่อนหวานละมุนไพเราะแต่สำเนียงกลับไม่เหมือนคนปัจจุบัน
"ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจนะ "
ชายหนุ่มลั่นเสียงดังขึ้นมา สายตากวาดมองรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบอะไรเสียงกลับเงียบไป และไม่ได้ยินเสียงอีกเลย.......
จนเช้า......
กึกๆๆๆๆๆ….
“ตามาร์ค จะรีบไปไหนหรือ วิ่งซะดังเชียว”
คุณหญิงปรามลูกชาย.
“ก็รีบหนี…. เอ้ยรีบไปทำธุระสิครับ”
มาร์คลุกลี้ลุกลน
“ธุระที่สำคัญที่ตาสุดตอนนี้คือ ลูกต้องอยู่ทานข้าวกับน้องชาช่าของแม่ ที่นี่ตรงนี้!! “
“โธ่ แม่ครับบบบบ” พูดจบเขารีบวิ่งขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ
ปล่อยคุณหญิงรับหน้าแทน
“โห…. คุณมาร์คนี้กลัวคุณชาช่ายิ่งกว่าผีอีกนะป้า “
“ก็ตั้งแต่คุณชาช่า ขึ้นไปปล้ำคุณมาร์คถึงบนห้องนั้นแหละ”
คนใช้สาวสองคนคุยกันหลังจากเห็นเจ้านายหนุ่มรีบเร่ง
พร้อมกับทำสีหน้าสงสารเจ้านายเหลือเกิน.
เวลาผ่านไปเขาพยายามขับรถไปที่ร้านนั้น แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด แม้แต่ทางไปร้านเขายังจำไม่ได้ ความสงสัยอัดอั้นในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงขับต่อไปบ้านหิดลเพื่อนชายคนสนิท เพื่อจะเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง
“ห้ะ แกบ้าป้ะเนี้ย เรื่องแบบนี้มันมีจริงที่ไหน ฉันว่าแกไปหาหมอบ้างก็ดีนะ”
เมื่อหิดลได้ฟังเรื่องราวเขาพูดขึ้นและหัวเราะ
มันยิ่งทำให้มาร์ค รู้สึกอึดอัดขึ้นไปอีก และไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีกเพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“เออไอ้มาร์ค พรุ่งนี้ฉันคงไปผับกับแกไม่ได้แล้วหว่ะ ก็คุณแม่ฉันนะสิอยากพให้ไปทำบุญ ไหนๆก็วันพระ แถมเป็นวันจันทร์เต็มดวงอีก “ หิดลพูดพร้อมตบไหล่เพื่อนสนิท
หลังจากกลับจากบ้านหิดล ความครุ้นคิดของเขาก็ไม่หายไปแม้แต่น้อย
จนคืนวันนั้น……….
คืนนี้ทุกอย่างดูเงียบเหงาว้าเหว่ มีเพียงสายลมที่ยังคงพัดเอื่อยๆ ในห้องนอนของชายหนุ่ม มีเพียงเขาที่ยังนอนคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งตัวเขารู้สึกถึงความผิดปกติของคืนนี้ ความรู้สึกเหมือนวันที่เขาเจอหญิงชราคนนั้นไม่มีผิด แต่สิ่งที่แปลกไปคือกลิ่นหอมของดอกไม้ไทย ปนมากับสายลมที่พัดเอื่อยๆจากหน้าต่าง. ผ้าม่านพัดปลิวตามแรงลม มองออกไปนอกหน้าต่าง คืนนี้เป็นคืนจัทร์เต็มดวง ระหว่างมองดวงจันทร์สายตาเขาก็กวาดไปที่รูปภาพ ชายหนุ่มหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาพร้อมกับใช้มือลูบเบาๆ เขารู้สึกเหมือนหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่เขาเคยรู้จัก และตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเขาเลย แต่เธอเป็นใครกันนะ
“แม่บุหลัน”
ชายหนุ่มเผลอปากพูดขึ้นเหมือนเป็นคำที่คุ้นเคย ที่เคยพูดบ่อยครั้ง สายตาเป็นประกายของชายหนุ่งร่างงาม จ้องมองไปที่รูปภาพพร้อมกับใช้มือลูบเบาๆ กลิ่นดอกไม้ไทยนานาพันธ์โชยเตะจมูกของเขา ลมเย็นแผ่วเบา บรรยากาศชวนฝัน เขาเผลอหลับตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รูปภาพสาววางข้างกาย
แสงจันนวลสาดส่องลงมา ลมพัดแรงขึ้น
มือเรียวจับแก้มชายหนุ่ม น้ำตารินไหลอาบสองแก้ม ริมฝีปากเล็กบางสีชมพูระเรื่อ ค่อยๆโน้มลงแตะบนหน้าผาก
“คุณพี่เจ้าขาาาา ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน”
เสียงใสพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มรูปงามค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา จนเห็นใครคนหนึ่ง
“อี
ยยยยย. ผีหลอกโว้ยยยยยย”
เสียงหอบของเขาดังมาก เขาพยายามดิ้นหนีร่างบางสุดตัว ก้มมองรูปภาพนั้น ผู้หญิงที่อยู่ในรูปหายไปแต่กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา หญิงสาวตัวเล็กร่างบางยืนมองเขาด้วยสายตาสุดอาลัย
“หากท่านตกใจ ข้าต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้ารอท่านมานานเหลือเกิน ที่อยู่ของท่านกับข้าเช่นไรจึงต่างกันนัก ที่นี่อย่างกับเมืองฝาหรั่ง การพูดจาของท่านเป็นภาษากระไรรึ “
ชายหนุ่มไม่สนใจกับคำถาม เขายังตกใจอย่างมาก
“ท่านจงตั้งสติเสียเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่ผีสาง หรือนางไม้กระไร “
“แฮกๆๆ แล้วเป็นตัวอะไรล่ะ “ เขาดูพร้อมกับใช้ไม้แขวนเสื้อเขี่ยตัวนาง
“นี่กระไรหรือเจ้าคะ เขาใช้ทำกระไรกันหน้าตาดูพิกลนัก”
หญิงสาวจับไม้แขวนเสื้อไว้มองด้วยสีหน้าสงสัย ชายหนุ่มหลับตาแล้วถอนหายใจทำสมาธิ
คิดในใจ”เอาว่ะ ผีสวยขนาดนี้ จะผีก็ผีเถอะวะ”
“เอาล่ะๆเธอเป็นใคร มาจากไหน “
“ข้า บุหลันเจ้าค่ะ ข้าเป็นบุตรของคุณหลวงอลงกรณ์ สามีของข้าเสียแล้วเจ้าค่ะ” พอถึงตอนนี้สีหน้านางดูเศร้าเสียใจ
“แล้วสามีขอเธอชื่ออะไรล่ะ”
“คุณหลวงภพ เจ้าค่ะ ใช่ท่านใช่มั้ยเจ้าคะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับ ตรงเข้ามากอดชายหนุ่ม
“โอ้ว โนๆๆ อย่ามาไกล้ฉันนะฉันยังไม่ไว้ใจเธอ ฉันชื่อมาร์ค ไม่ใช่ภพ เธอจำผิดคนแล้วล่ะ เพราะฉะนั้น โกเอ้า!!! “
เขาพูดพร้อมกับชี้ไปทางประตู้ห้องสีหน้าดูจริงจัง หญิงสาวทำสีหน้างง กับคำพูดของชายหนุ่ม
“ท่านชื่อกระไรนะเจ้าค่ะ”
“มาร์ค”
“หมากหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ ดูปากฉันนะ มาร์ค”
“อ๋อ มาเค่อ ท่านมาเค่อ ชื่อท่านดูพิกลนักเจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาข้ายังมีเคยพบ”
“เออๆๆ มาเค่อก็มาเค่อฉันขี้เกียจพูดมากแล้วเจ็บคอ “
หญิงสาวหัวเราะ “ท่านพูดภาษากระไรรึ แล้วการแต่งตัวของท่าน เป็นเยี่ยงนี้รือ ดูน่าขันยิ่งนัก” เธอพูดพร้อมกับใช้มือปิดปากหัวเราะ”
“ฉันควรขำเธอมากกว่ามั้ยล่ะ ยัยบ๊องเอ้ยย”
ข้างนอกห้อง..........
"ป้าคุณมาร์คคุยกับใครวะ"
สองคนใช้แนบหูกับประตูอย่างสอดรู้สอดเห็น
"หรือว่า คุณมาร์คแอบพาผู้หญิงเข้าบ้าน!!"
"เอะพามาตอนไหนนะ"
สองคนใช้ยังคงงุนงง แต่ก็เดินออกไป
ฝั่งในห้องนอนชายหนุ่ม..........
"แล้วคืนนี้เธอจะเสด็จพระบรรทมที่ไหน"
ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก จนทำให้หญิงสาวหัวเราะชอบใจ
"ข้าล่ะขำกับคำพูดท่านยิ่งนัก ภาษาบ้านนี้เมืองนี้ ศัพท์ดูประหลาดนักเจ้าค่ะ
"เออ งั้นเธอนอนบนเตียงก็แล้วกัน ฉันจะลงไปนอนข้างล่าง"
"เจ้าค่ะ"
หญิงสาวงามร่างบางนอนลงบนเตียงนุ่มด้วยกิริยาที่สุภาพ แต่เธอกลับนอนไม่หลับ
"ป่านนี้ที่เรือนจะเป็นเช่นไรนะ "
"ลูกกูอยู่ไหน พวกเอ็งใครเห็นแม่บุหลันบ้าง"
ฝ่ายเรือนคุณหลวงอลงกรณ์ อารมณ์ร้อนหาลูกสาวคนเล็กสุดที่รักกันใหญ่ หล่าวทาสบริวาร วิ่งเข้าวิ่งออกตกใจ และตามหาแม่หญิงกันทั่วเรือนอย่างวุ่นวาย
"ใครหาลูกข้าไม่เจอ ข้าจักเฆี่ยนมันผู้นั้น"
"โธ่ แม่บุหลันจะไปไหนได้เล่าเจ้าคะคุณพ่อ ก็คงจักไปหาชายกระมังเจ้าคะ สามีตายไม่ทันไร ก็คงเอ่อ.....คงเหมือนแม่ของนางนั้นแลเจ้าค่ะ "
พวงหยกพี่สาวของบุหลัน แต่งกายด้วยผ้าสิ้นสีแดงจัด เดินออกมาจากห้องอย่างใจเย็น พูดขึ้นด้วยความริศยาน้องสาวต่างมารดาของตน
"แม่บุหลันข้าเลี้ยงอบรมมาอย่างดี นางไม่มีทางใช้นิสัย โคมเขียวเยี่ยงแม่ของนาง"
คุณหลวงพูดด้วยสีหน้าดุดัน พร้อมคิดถึงแม่พิศมัย มารดาของบุหลัน ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่แม่บุหลันคลอด แม่พิศมัยได้ลักลอบมาคุยกับชายหนุ่มอื่นที่ริมรั่ว เมื่อคุณหลวงทราบความจึงสั่งเฆี่ยนแม่พิศมั้ย โดยไม่ฟังความจริง ชายผู้นั้นคือพี่ชายแท้ๆของแม่พิศมัย ไม่นานนักแม่พิศมัยหญิงผู้จงรักพักดีแต่ถูกเข้าใจผิด ก็ตรอมใจตาย โดยมีเพียงเมี้ยนทาสสาวที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่กลับไม่มีใครเชื่อ
เมี้ยนมองของมาจากนอกเรือนทาส ซึ่งจะมองออกไปเห็นเรือนคุณหลวง ที่หล่าวทาสบริวารวิ่งกันวุ่นวาย
"คงถึงเวลาแล้วสินะ คุณหญิงของบ่าว "
เมี้ยนทาสวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า พร้อมกับน้ำตาที่อาบสองแก้ม
บุหลันจันทราตอนที่2
https://m.ppantip.com/topic/38276723?
“ตามฉันมาสิ พ่อหนุ่ม"
ท่ามกลางความเงียบมีแค่เสียงหญิงชรา เขาเดินตามเธอไปอย่างว่างาย เหมือนถูกมนต์สะกด ไม่นานนัก เธอก็หยุดชะงัก ตรงหน้ารูปภาพหนึ่ง ชายหนุ่งเงยหน้ามองภาพที่แขวนไว้ สายตาเบิกโพรง ตรงหน้าของเขานั้น เป็นรูปหญิงสาวงดงาม ดั่งนางในวรรณคดี
ผิวนวลดั่งน้ำผึ่งผ่อง ผมตรงสวย ใส่ชุดไทยเหมือนในหนังหรือละครย้อนยุค เขาชงัคอยู่ครู่หนึ่ง "ผมขอซื้อรูปนี้ครับ เท่าไหร่ว่ามา" เขาพูดขึ้นสายตาจดจ่อ อยู่กับรูปนั้น ทั้งที่คนอย่างเขาไม่น่าจะชอบของโบราณสักเท่าไหร่
หญิงชรามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่พอใจยิ่งนัก นั้นไม่ใช่เพราะขายรูปได้ แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างที่เธอเฝ้าคอยได้สำเร็จลง
ผ่านไปไม่นานนักชายหนุ่มถือรูปใบนั้น ออกจากร้าน พร้อมกับขับรถคู่ใจออกไปไม่กี่เมตร ทุกอย่างรอบข้างกลับเป็นปกติ บ้านเรือนที่เงียบ กลับกลายเป็นปกติเหมือนที่เป็นทุกวัน ไฟสองข้างทางสว่างไสว เขาหยุดชะงักหันกลับไปมองร้านเก่านั้น สิ่งที่เขาเห็นคือ...... นั้นไม่มีร้านอีกแล้วแต่กลับเป็นป่ารกทึบ ไม่มีแม้แต่ซากร้าน หรือหญิงชราเลย ขนแขนของเขารุกซู่ พร้อมกับพูกเบาๆ
. "นี่มันอะไรวะ"
เขาก้มมองรูปที่ซื้อมา รูปยังอยู่เหมือนเดิม เขาขับรถต่อไปเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุด
เมื่อถึงบ้าน..............
"พี่มาร์ค ไปไหนมานะ กลับซะดึกเชียว "
เมย์รีบวิ่งลงมาจากบันไดบ้านหรู แล้วเค้นพี่ชาย
มาร์ค:"เปล่าว"
เมย์:" น้องถามตอบแค่นี้เนี้ยนะ ฮันแน่ แอบไปเที่ยวมาใช่มั้ย เอ๊ะ!! แล้วนั้นถืออะไรมาน่ะ เอามาดูหน่อยซิ" สายตาน้องสาวในชุดนอนเพ่งเล็ง ไปที่สิ่งที่พี่ชายถือมา
มาร์ค: "ขึ้นไปนอนได้แล้วไปยัยเมย์" เขาพูดพร้อมกับพลักหัวน้องสาวสุดที่รัก เพื่อไม่ให้เธอยุ่งกับรูปนั้น
เมย์: "เออๆไปก็ได้ อ้อเกือบลืมบอก พรุ่งนี้ยัยเฉิดฉายจะมากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะ" สาวน้อย พูดเสร็จรีบวิ่งขึ้นบันได้ไปนอน
มาร์ค:"ห้ะ เวรกรรมแล้ว"
"เอ้า ตามาร์คกลับมาแล้วหรือ แล้วนั่นอะไรน่ะ"
คุณหญิง ดารารัตน์ แม่ของชายหนุ่มพูดขึ้น
มาร์ค: "เอ่อ.....คุณแม่ครับพรุ่งนี้....."
ไม่ทันไรคุณหญิงก็ตัดบทลูกชายตนเองพูด
"อ้อใช่จ่ะ พรุ่งนี้น้องชาช่า จะมากินข้าวบ้านเรา"
มาร์ค:"พรุ่งนี้ผมไม่ว่างนะคับคงทานข้าวข้างนอก"
คุณหญิงดารารัตน์: "ไม่ต้องเลยตามาร์ค พรุ่งนี้แกต้องว่าง" "เห้อแม่ไปดีกว่า ต้องรีบนอน พรุ่งนี้จะได้สวยรอรับว่าที่ลูกสะใภ้"
คุณหญิงวัยกลางคนพูดด้วนสีหน้ายิ้มแย้ม และขึ้นห้องนอน
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือข้างขวาถือรูปภาพ มือข้างซายปาดเหงื่อที่หน้าผาก เตรียมรับสึกหนักจากน้องเฉิดฉายตัวดีวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อก้มมองรูปภาพ กลับทำให้เขาสบายใจขึ้นกว่าเดิม เขาย่างเท้าขึ้นบันไดสูงในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า
"สวยจัง"
เขาจ้องมองไปที่รูปภาพร่างกายนอนแผ่อยู่บนที่นอนสีครามแก่นุ่ม สีหน้ายิ้มอ่อนแววตาดูเหมือนชายหนุ่มมีรักแรกแย้ม แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เขาลุกจากที่นอนมองไปรอบๆห้อง แล้วจึงแขวนภาพไว้ข้างหน้าต่างบ้านใหญ่มีม่านลายลูกไม้สีขาว อีกไม่กี่วันพระจันทร์ก็จะเต็มดวง เขามองดวงจันทร์ คำพูดของหญิงชราคนนั้นก็แวบเข้ามา
"จันทรา จันทราคืออะไรนะ ทำไมตอนนั้นถึงได้ยินไม่ชัด ยายคนนั้นพูดอะไร"
ชายหนุ่มคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัยคิ้วขมวด สายตามองจันทร์เสียวสีนวลผ่อง แล้วหันกลับไปนอนบนเตียงหรู มือซ้ายก่ายหน้าผาก เขาพยายามนึกเรื่องของวันนี้แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากคำว่า จันทรา และรูปๆนั้น แม้แต่หน้าตาของหญิงชราก็กลับเลือนลาง ชายหนุ่มคิดแล้วคิดอีก แต่ยิ่งคิดเหมือนจะทำให้ยิ่งลืม เขาพลิกตัวหันไปมองรูปที่หน้าต่าง
"เธอเป็นใครกันแน่นะ "
ความสงสัยของหนุ่มหล่อ เหมือนกับภูเขาไฟที่พร้อมจะประทุตลอดเวลา เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าจนเกือบจะเช้า เขาก็ยังคิดไม่ออก จนเขาเผลอหลับ
"ท่านพี่เจ้าค่ะ น้องคิดถึงท่านพี่เหลือเกิน"
เขาสะดุ้งตื่นกับเสียงปริศนานี้ เสียงที่ดูอ่อนหวานละมุนไพเราะแต่สำเนียงกลับไม่เหมือนคนปัจจุบัน
"ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจนะ "
ชายหนุ่มลั่นเสียงดังขึ้นมา สายตากวาดมองรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบอะไรเสียงกลับเงียบไป และไม่ได้ยินเสียงอีกเลย.......
จนเช้า......
กึกๆๆๆๆๆ….
“ตามาร์ค จะรีบไปไหนหรือ วิ่งซะดังเชียว”
คุณหญิงปรามลูกชาย.
“ก็รีบหนี…. เอ้ยรีบไปทำธุระสิครับ”
มาร์คลุกลี้ลุกลน
“ธุระที่สำคัญที่ตาสุดตอนนี้คือ ลูกต้องอยู่ทานข้าวกับน้องชาช่าของแม่ ที่นี่ตรงนี้!! “
“โธ่ แม่ครับบบบบ” พูดจบเขารีบวิ่งขึ้นรถไปอย่างไม่รีรอ
ปล่อยคุณหญิงรับหน้าแทน
“โห…. คุณมาร์คนี้กลัวคุณชาช่ายิ่งกว่าผีอีกนะป้า “
“ก็ตั้งแต่คุณชาช่า ขึ้นไปปล้ำคุณมาร์คถึงบนห้องนั้นแหละ”
คนใช้สาวสองคนคุยกันหลังจากเห็นเจ้านายหนุ่มรีบเร่ง
พร้อมกับทำสีหน้าสงสารเจ้านายเหลือเกิน.
เวลาผ่านไปเขาพยายามขับรถไปที่ร้านนั้น แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด แม้แต่ทางไปร้านเขายังจำไม่ได้ ความสงสัยอัดอั้นในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงขับต่อไปบ้านหิดลเพื่อนชายคนสนิท เพื่อจะเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง
“ห้ะ แกบ้าป้ะเนี้ย เรื่องแบบนี้มันมีจริงที่ไหน ฉันว่าแกไปหาหมอบ้างก็ดีนะ”
เมื่อหิดลได้ฟังเรื่องราวเขาพูดขึ้นและหัวเราะ
มันยิ่งทำให้มาร์ค รู้สึกอึดอัดขึ้นไปอีก และไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีกเพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“เออไอ้มาร์ค พรุ่งนี้ฉันคงไปผับกับแกไม่ได้แล้วหว่ะ ก็คุณแม่ฉันนะสิอยากพให้ไปทำบุญ ไหนๆก็วันพระ แถมเป็นวันจันทร์เต็มดวงอีก “ หิดลพูดพร้อมตบไหล่เพื่อนสนิท
หลังจากกลับจากบ้านหิดล ความครุ้นคิดของเขาก็ไม่หายไปแม้แต่น้อย
จนคืนวันนั้น……….
คืนนี้ทุกอย่างดูเงียบเหงาว้าเหว่ มีเพียงสายลมที่ยังคงพัดเอื่อยๆ ในห้องนอนของชายหนุ่ม มีเพียงเขาที่ยังนอนคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งตัวเขารู้สึกถึงความผิดปกติของคืนนี้ ความรู้สึกเหมือนวันที่เขาเจอหญิงชราคนนั้นไม่มีผิด แต่สิ่งที่แปลกไปคือกลิ่นหอมของดอกไม้ไทย ปนมากับสายลมที่พัดเอื่อยๆจากหน้าต่าง. ผ้าม่านพัดปลิวตามแรงลม มองออกไปนอกหน้าต่าง คืนนี้เป็นคืนจัทร์เต็มดวง ระหว่างมองดวงจันทร์สายตาเขาก็กวาดไปที่รูปภาพ ชายหนุ่มหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาพร้อมกับใช้มือลูบเบาๆ เขารู้สึกเหมือนหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่เขาเคยรู้จัก และตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเขาเลย แต่เธอเป็นใครกันนะ
“แม่บุหลัน”
ชายหนุ่มเผลอปากพูดขึ้นเหมือนเป็นคำที่คุ้นเคย ที่เคยพูดบ่อยครั้ง สายตาเป็นประกายของชายหนุ่งร่างงาม จ้องมองไปที่รูปภาพพร้อมกับใช้มือลูบเบาๆ กลิ่นดอกไม้ไทยนานาพันธ์โชยเตะจมูกของเขา ลมเย็นแผ่วเบา บรรยากาศชวนฝัน เขาเผลอหลับตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รูปภาพสาววางข้างกาย
แสงจันนวลสาดส่องลงมา ลมพัดแรงขึ้น
มือเรียวจับแก้มชายหนุ่ม น้ำตารินไหลอาบสองแก้ม ริมฝีปากเล็กบางสีชมพูระเรื่อ ค่อยๆโน้มลงแตะบนหน้าผาก
“คุณพี่เจ้าขาาาา ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน”
เสียงใสพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มรูปงามค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา จนเห็นใครคนหนึ่ง
“อี ยยยยย. ผีหลอกโว้ยยยยยย”
เสียงหอบของเขาดังมาก เขาพยายามดิ้นหนีร่างบางสุดตัว ก้มมองรูปภาพนั้น ผู้หญิงที่อยู่ในรูปหายไปแต่กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา หญิงสาวตัวเล็กร่างบางยืนมองเขาด้วยสายตาสุดอาลัย
“หากท่านตกใจ ข้าต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้ารอท่านมานานเหลือเกิน ที่อยู่ของท่านกับข้าเช่นไรจึงต่างกันนัก ที่นี่อย่างกับเมืองฝาหรั่ง การพูดจาของท่านเป็นภาษากระไรรึ “
ชายหนุ่มไม่สนใจกับคำถาม เขายังตกใจอย่างมาก
“ท่านจงตั้งสติเสียเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่ผีสาง หรือนางไม้กระไร “
“แฮกๆๆ แล้วเป็นตัวอะไรล่ะ “ เขาดูพร้อมกับใช้ไม้แขวนเสื้อเขี่ยตัวนาง
“นี่กระไรหรือเจ้าคะ เขาใช้ทำกระไรกันหน้าตาดูพิกลนัก”
หญิงสาวจับไม้แขวนเสื้อไว้มองด้วยสีหน้าสงสัย ชายหนุ่มหลับตาแล้วถอนหายใจทำสมาธิ
คิดในใจ”เอาว่ะ ผีสวยขนาดนี้ จะผีก็ผีเถอะวะ”
“เอาล่ะๆเธอเป็นใคร มาจากไหน “
“ข้า บุหลันเจ้าค่ะ ข้าเป็นบุตรของคุณหลวงอลงกรณ์ สามีของข้าเสียแล้วเจ้าค่ะ” พอถึงตอนนี้สีหน้านางดูเศร้าเสียใจ
“แล้วสามีขอเธอชื่ออะไรล่ะ”
“คุณหลวงภพ เจ้าค่ะ ใช่ท่านใช่มั้ยเจ้าคะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับ ตรงเข้ามากอดชายหนุ่ม
“โอ้ว โนๆๆ อย่ามาไกล้ฉันนะฉันยังไม่ไว้ใจเธอ ฉันชื่อมาร์ค ไม่ใช่ภพ เธอจำผิดคนแล้วล่ะ เพราะฉะนั้น โกเอ้า!!! “
เขาพูดพร้อมกับชี้ไปทางประตู้ห้องสีหน้าดูจริงจัง หญิงสาวทำสีหน้างง กับคำพูดของชายหนุ่ม
“ท่านชื่อกระไรนะเจ้าค่ะ”
“มาร์ค”
“หมากหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ ดูปากฉันนะ มาร์ค”
“อ๋อ มาเค่อ ท่านมาเค่อ ชื่อท่านดูพิกลนักเจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาข้ายังมีเคยพบ”
“เออๆๆ มาเค่อก็มาเค่อฉันขี้เกียจพูดมากแล้วเจ็บคอ “
หญิงสาวหัวเราะ “ท่านพูดภาษากระไรรึ แล้วการแต่งตัวของท่าน เป็นเยี่ยงนี้รือ ดูน่าขันยิ่งนัก” เธอพูดพร้อมกับใช้มือปิดปากหัวเราะ”
“ฉันควรขำเธอมากกว่ามั้ยล่ะ ยัยบ๊องเอ้ยย”
ข้างนอกห้อง..........
"ป้าคุณมาร์คคุยกับใครวะ"
สองคนใช้แนบหูกับประตูอย่างสอดรู้สอดเห็น
"หรือว่า คุณมาร์คแอบพาผู้หญิงเข้าบ้าน!!"
"เอะพามาตอนไหนนะ"
สองคนใช้ยังคงงุนงง แต่ก็เดินออกไป
ฝั่งในห้องนอนชายหนุ่ม..........
"แล้วคืนนี้เธอจะเสด็จพระบรรทมที่ไหน"
ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก จนทำให้หญิงสาวหัวเราะชอบใจ
"ข้าล่ะขำกับคำพูดท่านยิ่งนัก ภาษาบ้านนี้เมืองนี้ ศัพท์ดูประหลาดนักเจ้าค่ะ
"เออ งั้นเธอนอนบนเตียงก็แล้วกัน ฉันจะลงไปนอนข้างล่าง"
"เจ้าค่ะ"
หญิงสาวงามร่างบางนอนลงบนเตียงนุ่มด้วยกิริยาที่สุภาพ แต่เธอกลับนอนไม่หลับ
"ป่านนี้ที่เรือนจะเป็นเช่นไรนะ "
"ลูกกูอยู่ไหน พวกเอ็งใครเห็นแม่บุหลันบ้าง"
ฝ่ายเรือนคุณหลวงอลงกรณ์ อารมณ์ร้อนหาลูกสาวคนเล็กสุดที่รักกันใหญ่ หล่าวทาสบริวาร วิ่งเข้าวิ่งออกตกใจ และตามหาแม่หญิงกันทั่วเรือนอย่างวุ่นวาย
"ใครหาลูกข้าไม่เจอ ข้าจักเฆี่ยนมันผู้นั้น"
"โธ่ แม่บุหลันจะไปไหนได้เล่าเจ้าคะคุณพ่อ ก็คงจักไปหาชายกระมังเจ้าคะ สามีตายไม่ทันไร ก็คงเอ่อ.....คงเหมือนแม่ของนางนั้นแลเจ้าค่ะ "
พวงหยกพี่สาวของบุหลัน แต่งกายด้วยผ้าสิ้นสีแดงจัด เดินออกมาจากห้องอย่างใจเย็น พูดขึ้นด้วยความริศยาน้องสาวต่างมารดาของตน
"แม่บุหลันข้าเลี้ยงอบรมมาอย่างดี นางไม่มีทางใช้นิสัย โคมเขียวเยี่ยงแม่ของนาง"
คุณหลวงพูดด้วยสีหน้าดุดัน พร้อมคิดถึงแม่พิศมัย มารดาของบุหลัน ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่แม่บุหลันคลอด แม่พิศมัยได้ลักลอบมาคุยกับชายหนุ่มอื่นที่ริมรั่ว เมื่อคุณหลวงทราบความจึงสั่งเฆี่ยนแม่พิศมั้ย โดยไม่ฟังความจริง ชายผู้นั้นคือพี่ชายแท้ๆของแม่พิศมัย ไม่นานนักแม่พิศมัยหญิงผู้จงรักพักดีแต่ถูกเข้าใจผิด ก็ตรอมใจตาย โดยมีเพียงเมี้ยนทาสสาวที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่กลับไม่มีใครเชื่อ
เมี้ยนมองของมาจากนอกเรือนทาส ซึ่งจะมองออกไปเห็นเรือนคุณหลวง ที่หล่าวทาสบริวารวิ่งกันวุ่นวาย
"คงถึงเวลาแล้วสินะ คุณหญิงของบ่าว "
เมี้ยนทาสวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า พร้อมกับน้ำตาที่อาบสองแก้ม