ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1 : จักรพรรดิ
https://ppantip.com/topic/37958523
ตอนที่ 2 : สาวห้าวผมทอง
https://ppantip.com/topic/37967906
ตอนที่ 3 : สายอุตสาหกรรม (1)
https://ppantip.com/topic/37978268
ตอนที่ 4 : สายอุตสาหกรรม (2)
https://ppantip.com/topic/37991931
ตอนที่ 5 : เสนาธิการคนใหม่
https://ppantip.com/topic/38012815
ตอนที่ 6 : นักกีฬา
https://ppantip.com/topic/38021632
ตอนที่ 7 : แจ็คเก็ตอาดิดาส
https://ppantip.com/topic/38034222
ตอนที่ 8 : บุรุษแจ็คเก็ตอาดิดาส ปะทะ สู้คราใดต้องปราชัย
https://ppantip.com/topic/38043278
====================================================================================
ตอนที่ 9 : ตัวจริงของบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส
ตึกหก
เป็นตึกของสายอุตสาหกรรม
ตึกนี้มีด้วยกันสามชั้น ในแต่ละชั้นมีผู้ควบคุมอยู่
ชั้นที่หนึ่งเป็นส่วนของห้องปฏิบัติการงานไม้ ซึ่งชั้นนี้เป็นที่อยู่ของนักเรียนนักเลงของสายอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ใช้เป็นที่สิงสถิต นั่งเล่นพักพิงกัน
ผู้ดูแลชั้นนี้คือ หนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม สู้คราใดต้องปราชัย เชน
แต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้
ชั้นที่สองเป็นส่วนของห้องปฏิบัติการโลหะ ที่จะมีเสียงดังเอะอะเป็นประจำ
แต่เสียงนี้หาใช่เสียงนักเรียนกำลังเรียนวิชาปฏิบัติการโลหะ หากเป็นเสียงของเหล่านักพนันในคราบนักเรียนร้องแทงเดิมพัน
เพราะชั้นนี้เป็นบ่อนพนันขนาดย่อมนั่นเอง ผู้ดูแลในชั้นนี้เป็นหนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับเชน เขาคือ เกมมาสเตอร์ แม็กกี้
แต่วันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้
ชั้นที่สามของตึกอุตสาหกรรมเป็นห้องเรียนเขียนแบบ ซึ่งตามปกติจะมีผู้ที่อยู่ในชั้นนี้เพียงคนเดียว
เขาคือ ใหญ่ หนึ่งในสี่ขุนพล เจ้าของฉายา เฮอมิต ผู้มีอำนาจสูงสุดในตึกอุตสาหกรรมแห่งนี้
แต่ว่าวันนี้เขากลับไม่ได้อยู่คนเดียว สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมก็อยู่ที่นี่ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และสี่ขุนพลอีกคนหนึ่ง สปอร์ทแมน เจมส์ ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทุกคนจ้องมอง สู้คราใดต้องปราชัย เชน
เชนนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ร่างกายของเขามีรอยแผลบอบช้ำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นบาดแผลที่รุนแรงที่สุด
เพราะบาดแผลที่รุนแรงที่สุดอยู่ที่ศีรษะ เชนต้องใช้ผ้าพันแผลพันที่ศีรษะไว้ ผิดกับแผลอื่นที่ไม่มีอะไรปกปิด
“เป็นไงบ้าง” เจเอ่ยถามเชนเป็นคนแรก “นายไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย?”
เชนมองหน้าเจ ฉีกยิ้มเล็กน้อย “ไม่เท่าไหร่หรอก แค่นี้มันแผลถลอก สักพักก็หายเอง”
“นายแพ้อีกแล้วนะ” คราวนี้แม็กกี้เอ่ยขึ้นบ้าง
“อือ...” เชนพยักหน้าให้ “ทำไงได้ ..ฝีมือมันร้ายกาจขนาดนั้น ฉันสู้กับมันเต็มที่แล้ว”
สู้คราใดต้องปราชัย เชน พ่ายแพ้อีกครั้งจากการต่อสู้กับบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส ซึ่งมีฝีมือสูงกว่าเขามาก โดยถูกโจมตีด้วยศิลปะการต่อสู้ผสมผสานจนสลบลงไป
แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็ต่อสู้ได้อย่างสูสี สามารถต่อกรกับบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาสได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ จนเกือบมีชัย
อย่างไรมันก็แค่เกือบ เพราะเชนก็แพ้อยู่ดี แพ้ทุกครั้งในการต่อสู้
เชนยังสู้ไม่ชนะผู้ใด
ผู้คนบอกว่า สู้คราใดต้องปราชัย เชน ไม่ได้แพ้เพราะฝีมือตัวเองอ่อนด้อย หากแพ้เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเก่งกว่ามากต่างหาก
คู่ต่อสู้ของเขาทุกคนจะมีฝีมือสูงกว่าเขายิ่ง ทำให้ในการต่อสู้โอกาสชนะของเชนมีอยู่น้อยนิด หากเขาไปต่อสู้กับผู้ที่มีฝีมือด้อยกว่าหรือเท่าเทียมกัน ย่อมต้องมีโอกาสชนะมากกว่านี้แน่
ทว่าเขาไม่ทำ
เขายึดถือคำว่า ‘อยากเก่ง อย่ากลัวพ่ายแพ้’ ไม่ต่อสู้กับผู้มีฝีมือด้อยกว่า จะต่อสู้กับผู้ที่เก่งกว่าตัวเองเท่านั้น
เพราะสำหรับเขาแล้ว การพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติธรรมดา
หากเขามัวกลัวการพ่ายแพ้ ไม่ยอมต่อสู้กับผู้มีฝีมือสูงกว่า ย่อมไม่มีทางเก่งขึ้นได้ และไม่ได้พัฒนาตัวเอง ได้แต่คงตัวดังกบในกะลา
ดังนั้น การพ่ายแพ้ของเชน คือ ชัยชนะในภายภาคหน้า เพราะถึงเขาจะพ่ายแพ้ในครั้งต่อไปอีก แต่คู่ต่อสู้ที่เก่งกาจของเขาก็ช่วยทำให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นได้ จนต้องมีสักวันที่เขาต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
เชนรอวันนั้น
เฮอมิต ใหญ่ มองดูเชนแล้วพูดขึ้นว่า “อืม... แต่นายพอรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เสื้ออาดิดาสนั่นเพิ่มขึ้นอีกมั้ย?”
“ก็มีนะ” เชนบอก “ตอนแรกที่ได้ฟังมาเห็นบอกว่ามันใช้ยูโด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ มันไม่ได้ใช้แต่ยูโด มันใช้ศิลปะการต่อสู้หลายแขนงมาผสมกัน ตอนสู้กับฉันก็มีไอคิโด ยูโด คาราเต้ และมวยไทย”
ทุกคนหยุดฟังเชนพูด เชนกวาดตามมองไปที่ทุกคน แล้วค่อยพูดขึ้นต่อ
“ฝีมือมันร้ายกาจมาก สามารถป้องกันการโจมตีของฉันและตอบโต้กลับคืนได้ จนสามารถบอกได้ว่า แม้จะเป็นสี่ขุนพล ก็ใช่ว่าจะชนะมันได้ง่าย ๆ”
“อืม..” ปรีพยักหน้าคิดตาม “แล้วได้เบาะแสอะไรที่จะหาตัวจริงของมันบ้างมั้ย?”
“เบาะแสหรือ..” เชนนิ่งคิด “คงเป็นทรงผมของมันมั้ง มันสั้น ๆ ..สั้นกว่าฉันอีก”
“แล้วมีอะไรอีกมั้ย?” คราวนี้เจมส์เป็นคนถามบ้าง
เชนมองดูเจมส์ แล้วพูดตอบ “เออ... ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“งั้นเหรอ..”
ทั้งหมดพูดคุยกับเชนไปได้สักพัก จึงค่อยทยอยกลับไป
เมื่อทั้งเจมส์ แม็กกี้ เดินทางกลับไปแล้ว ปรีและเจจึงจะขอตัวกลับบ้าง แต่ขณะที่ปรีกำลังก้าวเดินกลับ เชนก็พูดขึ้นว่า
“ปรี.. นายอย่าเพิ่งไป”
ปรีหันขวับหาเชน “มีอะไรเหรอ?”
เชนจ้องหน้าปรี พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันมีวิธีที่จะหาตัวจริงของบุรุษเสื้ออาดิดาส”
หลังจากที่เชนได้บอกวิธีที่จะสืบหาตัวของบุรุษเสื้ออาดิดาส ปรีและเจจึงกลับไปที่ตึกเรียนของตัวเอง ซึ่งผู้เป็นจักรพรรดิได้ฝากใหญ่สั่งลูกน้องให้สืบหาจากการบอกเล่าของเชน แล้วมารายงานให้เขาทราบด้วย
ปรีตอนนี้นั่งรออยู่ที่โต๊ะหนึ่งแถวตึกสี่สายวิทย์-คณิตกับเจ เพื่อรอผลจากการสืบหานั้น
“ปรี... นายคิดว่าจะเจอมั้ย?” เจเอ่ยถาม
“น่าจะเจอ” ปรีตอบ “มีเรื่องกับหนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม สายอุตสาหกรรมย่อมไม่อยู่เฉย ๆ แน่ ต้องช่วยกันหาอย่างเต็มที่”
“งั้นเหรอ..” เจพยักหน้าตาม “แต่เชนนี่ก็เก่งนะ สู้อยู่ยังอุตส่าห์หาวิธีได้ นับถือจริง ๆ”
“อืม... เชนมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งเดินตรงมาหาพวกเขา เป็นนักเรียนของสายอุตสาหกรรม
“เป็นไง เจอมั้ย?”
“ครับ” นักเรียนคนนั้นพยักหน้ารับ
ลูกฟุตบอลพุ่งเป็นวิถีโค้งผ่านแผ่นป้ายจำลองรูปนักฟุตบอลเข้าประตูไป
ลูกฟุตบอลนั้นพุ่งกระทบตาข่ายเด้งกระดอนกลับมา เจมส์ผู้เป็นคนเตะเดินไปเก็บลูกฟุตบอลขึ้นมา แล้วนำไปวางที่จุดเตะอีกครั้ง
นี่คือ การซ้อมยิงลูกฟรีคิกของสปอร์ทแมน เจมส์ หนึ่งในสี่ขุนพล ผู้เป็นประธานชมรมฟุตบอล
เขาจะซ้อมยิงลูกฟรีคิกเป็นประจำ โดยจะตั้งเตะในมุมต่าง ๆ ตำแหน่งละยี่สิบครั้ง
เขาฝึกซ้อมจนเรียกได้ว่า เปอร์เซ็นต์ยิงลูกฟรีคิกของเขาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ง้างเท้ายิงคราใดหวังผลได้ แถมยิงได้หลายแง่มุมด้วย
แต่วันนี้เขาซ้อมเพียงตำแหน่งละห้าครั้งเท่านั้น เพราะดูเหมือนร่างกายของเขาจะไม่สมบูรณ์ ไม่ฟิตเต็มร้อยเท่าไหร่
เนื่องจากเจมส์อยู่ฝึกซ้อมจนดึก จึงเหลือเขาเพียงคนเดียว เพราะนักเตะคนอื่นเดินทางกลับไปหมดแล้ว
เจมส์ซ้อมยิงฟรีคิกไปได้อีกสามลูก ก็เลิกซ้อม เก็บอุปกรณ์การซ้อมต่าง ๆ แล้วเข้าไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำข้างสนามฟุตบอล จากนั้นจึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ห้องชมรมฟุตบอล แล้วค่อยเดินออกไป
เจมส์หยิบหมวกขึ้นมาสวมใส่ ก้าวเดินตามทางยามค่ำคืนไปเรื่อย ๆ
แต่เมื่อเขาเข้าไปในซอยหนึ่ง ก้าวเดินได้เพียงสี่ก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้าลง
เพราะมีบุรุษผู้หนึ่งขวางหน้าเขาอยู่
เป็นจักรพรรดิ ปรี
“จะไปไหนเหรอเจมส์?” ปรีเอ่ยขึ้น
“เอ่อ... จะไปทำธุระอะไรนิดหน่อย” เจมส์ตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ “นายมาดักรอฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“หึ... ฉันมีเรื่องกับนายแน่” ปรีมองหน้า พูดเพียงแค่นี้แล้วก็เงียบไป
การพูดของปรีครั้งนี้ดูหนักแน่นมากทีเดียว เขาจ้องมองสี่ขุนพลเจมส์คล้ายจะเอาเรื่อง
แต่ว่าปรีมาหาเจมส์ด้วยเหตุใด
คำตอบของคำถามนี้เหมือนปรีไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะดูท่าเจมส์จะทราบคำตอบของการมาของเขาอยู่แล้ว
เจมส์ทราบได้อย่างไร
คำตอบของคำถามนี้มีเหตุผลอย่างเดียว และเจมส์ต้องทราบแน่นอนว่าปรีมาหาเขาทำไม
เพราะตอนนี้เจมส์สวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้ออาดิดาสอยู่!
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทขุนพลแห่งสายพละ] - ตอนที่ 9 : ตัวจริงของบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส
ตอนที่ 1 : จักรพรรดิ
https://ppantip.com/topic/37958523
ตอนที่ 2 : สาวห้าวผมทอง
https://ppantip.com/topic/37967906
ตอนที่ 3 : สายอุตสาหกรรม (1)
https://ppantip.com/topic/37978268
ตอนที่ 4 : สายอุตสาหกรรม (2)
https://ppantip.com/topic/37991931
ตอนที่ 5 : เสนาธิการคนใหม่
https://ppantip.com/topic/38012815
ตอนที่ 6 : นักกีฬา
https://ppantip.com/topic/38021632
ตอนที่ 7 : แจ็คเก็ตอาดิดาส
https://ppantip.com/topic/38034222
ตอนที่ 8 : บุรุษแจ็คเก็ตอาดิดาส ปะทะ สู้คราใดต้องปราชัย
https://ppantip.com/topic/38043278
====================================================================================
ตอนที่ 9 : ตัวจริงของบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส
ตึกหก
เป็นตึกของสายอุตสาหกรรม
ตึกนี้มีด้วยกันสามชั้น ในแต่ละชั้นมีผู้ควบคุมอยู่
ชั้นที่หนึ่งเป็นส่วนของห้องปฏิบัติการงานไม้ ซึ่งชั้นนี้เป็นที่อยู่ของนักเรียนนักเลงของสายอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ใช้เป็นที่สิงสถิต นั่งเล่นพักพิงกัน
ผู้ดูแลชั้นนี้คือ หนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม สู้คราใดต้องปราชัย เชน
แต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้
ชั้นที่สองเป็นส่วนของห้องปฏิบัติการโลหะ ที่จะมีเสียงดังเอะอะเป็นประจำ
แต่เสียงนี้หาใช่เสียงนักเรียนกำลังเรียนวิชาปฏิบัติการโลหะ หากเป็นเสียงของเหล่านักพนันในคราบนักเรียนร้องแทงเดิมพัน
เพราะชั้นนี้เป็นบ่อนพนันขนาดย่อมนั่นเอง ผู้ดูแลในชั้นนี้เป็นหนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับเชน เขาคือ เกมมาสเตอร์ แม็กกี้
แต่วันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้
ชั้นที่สามของตึกอุตสาหกรรมเป็นห้องเรียนเขียนแบบ ซึ่งตามปกติจะมีผู้ที่อยู่ในชั้นนี้เพียงคนเดียว
เขาคือ ใหญ่ หนึ่งในสี่ขุนพล เจ้าของฉายา เฮอมิต ผู้มีอำนาจสูงสุดในตึกอุตสาหกรรมแห่งนี้
แต่ว่าวันนี้เขากลับไม่ได้อยู่คนเดียว สองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมก็อยู่ที่นี่ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ และสี่ขุนพลอีกคนหนึ่ง สปอร์ทแมน เจมส์ ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทุกคนจ้องมอง สู้คราใดต้องปราชัย เชน
เชนนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ร่างกายของเขามีรอยแผลบอบช้ำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นบาดแผลที่รุนแรงที่สุด
เพราะบาดแผลที่รุนแรงที่สุดอยู่ที่ศีรษะ เชนต้องใช้ผ้าพันแผลพันที่ศีรษะไว้ ผิดกับแผลอื่นที่ไม่มีอะไรปกปิด
“เป็นไงบ้าง” เจเอ่ยถามเชนเป็นคนแรก “นายไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย?”
เชนมองหน้าเจ ฉีกยิ้มเล็กน้อย “ไม่เท่าไหร่หรอก แค่นี้มันแผลถลอก สักพักก็หายเอง”
“นายแพ้อีกแล้วนะ” คราวนี้แม็กกี้เอ่ยขึ้นบ้าง
“อือ...” เชนพยักหน้าให้ “ทำไงได้ ..ฝีมือมันร้ายกาจขนาดนั้น ฉันสู้กับมันเต็มที่แล้ว”
สู้คราใดต้องปราชัย เชน พ่ายแพ้อีกครั้งจากการต่อสู้กับบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส ซึ่งมีฝีมือสูงกว่าเขามาก โดยถูกโจมตีด้วยศิลปะการต่อสู้ผสมผสานจนสลบลงไป
แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็ต่อสู้ได้อย่างสูสี สามารถต่อกรกับบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาสได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ จนเกือบมีชัย
อย่างไรมันก็แค่เกือบ เพราะเชนก็แพ้อยู่ดี แพ้ทุกครั้งในการต่อสู้
เชนยังสู้ไม่ชนะผู้ใด
ผู้คนบอกว่า สู้คราใดต้องปราชัย เชน ไม่ได้แพ้เพราะฝีมือตัวเองอ่อนด้อย หากแพ้เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเก่งกว่ามากต่างหาก
คู่ต่อสู้ของเขาทุกคนจะมีฝีมือสูงกว่าเขายิ่ง ทำให้ในการต่อสู้โอกาสชนะของเชนมีอยู่น้อยนิด หากเขาไปต่อสู้กับผู้ที่มีฝีมือด้อยกว่าหรือเท่าเทียมกัน ย่อมต้องมีโอกาสชนะมากกว่านี้แน่
ทว่าเขาไม่ทำ
เขายึดถือคำว่า ‘อยากเก่ง อย่ากลัวพ่ายแพ้’ ไม่ต่อสู้กับผู้มีฝีมือด้อยกว่า จะต่อสู้กับผู้ที่เก่งกว่าตัวเองเท่านั้น
เพราะสำหรับเขาแล้ว การพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติธรรมดา
หากเขามัวกลัวการพ่ายแพ้ ไม่ยอมต่อสู้กับผู้มีฝีมือสูงกว่า ย่อมไม่มีทางเก่งขึ้นได้ และไม่ได้พัฒนาตัวเอง ได้แต่คงตัวดังกบในกะลา
ดังนั้น การพ่ายแพ้ของเชน คือ ชัยชนะในภายภาคหน้า เพราะถึงเขาจะพ่ายแพ้ในครั้งต่อไปอีก แต่คู่ต่อสู้ที่เก่งกาจของเขาก็ช่วยทำให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นได้ จนต้องมีสักวันที่เขาต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
เชนรอวันนั้น
เฮอมิต ใหญ่ มองดูเชนแล้วพูดขึ้นว่า “อืม... แต่นายพอรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เสื้ออาดิดาสนั่นเพิ่มขึ้นอีกมั้ย?”
“ก็มีนะ” เชนบอก “ตอนแรกที่ได้ฟังมาเห็นบอกว่ามันใช้ยูโด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ มันไม่ได้ใช้แต่ยูโด มันใช้ศิลปะการต่อสู้หลายแขนงมาผสมกัน ตอนสู้กับฉันก็มีไอคิโด ยูโด คาราเต้ และมวยไทย”
ทุกคนหยุดฟังเชนพูด เชนกวาดตามมองไปที่ทุกคน แล้วค่อยพูดขึ้นต่อ
“ฝีมือมันร้ายกาจมาก สามารถป้องกันการโจมตีของฉันและตอบโต้กลับคืนได้ จนสามารถบอกได้ว่า แม้จะเป็นสี่ขุนพล ก็ใช่ว่าจะชนะมันได้ง่าย ๆ”
“อืม..” ปรีพยักหน้าคิดตาม “แล้วได้เบาะแสอะไรที่จะหาตัวจริงของมันบ้างมั้ย?”
“เบาะแสหรือ..” เชนนิ่งคิด “คงเป็นทรงผมของมันมั้ง มันสั้น ๆ ..สั้นกว่าฉันอีก”
“แล้วมีอะไรอีกมั้ย?” คราวนี้เจมส์เป็นคนถามบ้าง
เชนมองดูเจมส์ แล้วพูดตอบ “เออ... ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“งั้นเหรอ..”
ทั้งหมดพูดคุยกับเชนไปได้สักพัก จึงค่อยทยอยกลับไป
เมื่อทั้งเจมส์ แม็กกี้ เดินทางกลับไปแล้ว ปรีและเจจึงจะขอตัวกลับบ้าง แต่ขณะที่ปรีกำลังก้าวเดินกลับ เชนก็พูดขึ้นว่า
“ปรี.. นายอย่าเพิ่งไป”
ปรีหันขวับหาเชน “มีอะไรเหรอ?”
เชนจ้องหน้าปรี พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันมีวิธีที่จะหาตัวจริงของบุรุษเสื้ออาดิดาส”
หลังจากที่เชนได้บอกวิธีที่จะสืบหาตัวของบุรุษเสื้ออาดิดาส ปรีและเจจึงกลับไปที่ตึกเรียนของตัวเอง ซึ่งผู้เป็นจักรพรรดิได้ฝากใหญ่สั่งลูกน้องให้สืบหาจากการบอกเล่าของเชน แล้วมารายงานให้เขาทราบด้วย
ปรีตอนนี้นั่งรออยู่ที่โต๊ะหนึ่งแถวตึกสี่สายวิทย์-คณิตกับเจ เพื่อรอผลจากการสืบหานั้น
“ปรี... นายคิดว่าจะเจอมั้ย?” เจเอ่ยถาม
“น่าจะเจอ” ปรีตอบ “มีเรื่องกับหนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม สายอุตสาหกรรมย่อมไม่อยู่เฉย ๆ แน่ ต้องช่วยกันหาอย่างเต็มที่”
“งั้นเหรอ..” เจพยักหน้าตาม “แต่เชนนี่ก็เก่งนะ สู้อยู่ยังอุตส่าห์หาวิธีได้ นับถือจริง ๆ”
“อืม... เชนมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งเดินตรงมาหาพวกเขา เป็นนักเรียนของสายอุตสาหกรรม
“เป็นไง เจอมั้ย?”
“ครับ” นักเรียนคนนั้นพยักหน้ารับ
ลูกฟุตบอลพุ่งเป็นวิถีโค้งผ่านแผ่นป้ายจำลองรูปนักฟุตบอลเข้าประตูไป
ลูกฟุตบอลนั้นพุ่งกระทบตาข่ายเด้งกระดอนกลับมา เจมส์ผู้เป็นคนเตะเดินไปเก็บลูกฟุตบอลขึ้นมา แล้วนำไปวางที่จุดเตะอีกครั้ง
นี่คือ การซ้อมยิงลูกฟรีคิกของสปอร์ทแมน เจมส์ หนึ่งในสี่ขุนพล ผู้เป็นประธานชมรมฟุตบอล
เขาจะซ้อมยิงลูกฟรีคิกเป็นประจำ โดยจะตั้งเตะในมุมต่าง ๆ ตำแหน่งละยี่สิบครั้ง
เขาฝึกซ้อมจนเรียกได้ว่า เปอร์เซ็นต์ยิงลูกฟรีคิกของเขาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ง้างเท้ายิงคราใดหวังผลได้ แถมยิงได้หลายแง่มุมด้วย
แต่วันนี้เขาซ้อมเพียงตำแหน่งละห้าครั้งเท่านั้น เพราะดูเหมือนร่างกายของเขาจะไม่สมบูรณ์ ไม่ฟิตเต็มร้อยเท่าไหร่
เนื่องจากเจมส์อยู่ฝึกซ้อมจนดึก จึงเหลือเขาเพียงคนเดียว เพราะนักเตะคนอื่นเดินทางกลับไปหมดแล้ว
เจมส์ซ้อมยิงฟรีคิกไปได้อีกสามลูก ก็เลิกซ้อม เก็บอุปกรณ์การซ้อมต่าง ๆ แล้วเข้าไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำข้างสนามฟุตบอล จากนั้นจึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ห้องชมรมฟุตบอล แล้วค่อยเดินออกไป
เจมส์หยิบหมวกขึ้นมาสวมใส่ ก้าวเดินตามทางยามค่ำคืนไปเรื่อย ๆ
แต่เมื่อเขาเข้าไปในซอยหนึ่ง ก้าวเดินได้เพียงสี่ก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้าลง
เพราะมีบุรุษผู้หนึ่งขวางหน้าเขาอยู่
เป็นจักรพรรดิ ปรี
“จะไปไหนเหรอเจมส์?” ปรีเอ่ยขึ้น
“เอ่อ... จะไปทำธุระอะไรนิดหน่อย” เจมส์ตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ “นายมาดักรอฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“หึ... ฉันมีเรื่องกับนายแน่” ปรีมองหน้า พูดเพียงแค่นี้แล้วก็เงียบไป
การพูดของปรีครั้งนี้ดูหนักแน่นมากทีเดียว เขาจ้องมองสี่ขุนพลเจมส์คล้ายจะเอาเรื่อง
แต่ว่าปรีมาหาเจมส์ด้วยเหตุใด
คำตอบของคำถามนี้เหมือนปรีไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะดูท่าเจมส์จะทราบคำตอบของการมาของเขาอยู่แล้ว
เจมส์ทราบได้อย่างไร
คำตอบของคำถามนี้มีเหตุผลอย่างเดียว และเจมส์ต้องทราบแน่นอนว่าปรีมาหาเขาทำไม
เพราะตอนนี้เจมส์สวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้ออาดิดาสอยู่!
(มีต่อครับ)