สวัสดีค่ะ จขกท. ได้ห่างหายจากการรีวิวไปนานมาก จขกท. เพิ่งเริ่มมีเวลา(จากกองงาน)มากขึ้น และมีโอกาสได้ไปทานของดีงาม เลยอยากนำมาแชร์กับเพื่อนๆ ชาวพันทิปกันค่ะ

หลังจากเมื่อปีที่แล้ว จขกท.ได้มีโอกาสไปลองทาน omakase ที่ร้าน Sushi Kappou Kitaohji ซึ่งจขกท. ประทับใจเป็นอย่างมาก เลยได้ติดตามทางร้านคิตะโอจิทาง facebook มาเรื่อยๆ แล้วเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ทางร้านก็ได้โปรโมทเมนูใหม่ ที่ออกมาฉลองครบรอบ 3 ปีของทางเครือคิตะโอจิ ในประเทศไทย แต่ครั้งนี้จขกท. ตัดสินใจไปลองที่ร้าน Kitaohji Ginza ซึ่งเป็นร้านในเครือเดียวกับร้าน Sushi Kappou Kitaohji แต่อาหารจะเป็นแบบไคเซกิค่ะ เนื่องจากจขกท.ไม่เคยลองไคเซกิในไทยมาก่อน และยังมีเมนูพิเศษที่คิดค้นโดยเชฟใหญ่ของทางคิตะโอจิที่ญี่ปุ่นด้วยค่ะ (มันต้องพรีเมี่ยมแน่ๆ)

แม้ว่าอาหารญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมในประเทศไทย แต่จขกท. เชื่อว่าคำว่าไคเซกิยังเป็นคำที่ไม่คุ้นเคยกันนักในหมู่คนไทย
ไคเซกิ (Kaiseki) คือ เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส (อย่าง) อย่างเป็นลำดับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น  เป็นเมนูอาหารชั้นสูง ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันในคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล การปรุงแต่ง และกรรมวิธีที่ใช้ในการปรุง จนกระทั่งการนำเสนออาหาร (ก๊อปมาจาก wiki ค่ะ 5555)

Facebook page: https://www.facebook.com/Kitaohji.GinzaThailand/
Website: http://www.kitaohji.net/
เบอร์โทร: 02-7147997
เวลาเปิด-ปิด:  มื้อเย็น- ทุกวัน เวลา 17:00 – 23.00 / มื้อกลางวัน: เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11:00 – 15:00
ที่ตั้งร้าน: ทองหล่อซอย 8 (มีที่จอดรถค่ะ)

ทางเข้าร้านค่ะ (แค่ทางเข้าก็มีความญี่ปุ่นแล้วค่ะ)

จขกท. ได้โต๊ะริมหน้าต่างค่ะ คือวิวสวนญี่ปุ่นดีงามมาก ให้ความรู้สึกผู้ดีญี่ปุ่น (บิ๊วอารมณ์สุดๆ 555)

บรรยากาศโซนที่นั่งในร้านที่จขกท. นั่งค่ะ

ได้เวลาสั่งอาหารค่ะ ลุย!!!

สั่งอาหารเสร็จ จิบม็อคเทลไป ชมวิวสวนรออาหารไปค่ะ

Appetizer มาแล้วค่ะ ทางร้านแจ้งว่าปกติจะมีการเปลี่ยน appetizer ไปเรื่อยๆ ค่ะ ตอนที่จขกท.ไป ได้เป็นเต้าหู้เย็นท้อปปิ้งด้วยไข่หอยเม่นและคาเวียร์ ไข่ตุ๋นราดมันปู และอกเป็ดนึ่งค่ะ ซึ่งจขกท.ประทับใจเจ้าเต้าหู้มาก ตั้งแต่ตอนที่ไปทานร้าน Sushi Kappou Kitaohji แล้ว คือทางร้านทำเต้าหู้เอง แล้วรสชาติและ texture ของเต้าหู้มันเนียนและอร่อยจริงๆ ค่ะ ไข่ตุ๋นราดมันปูก็หอมเนียนดีค่ะ ตัวเป็ดจขกท.ว่าเฉยๆค่ะ แต่ชอบกลิ่นมัสตาร์ดค่ะ สะใจดี 555

จานหลักจานแรกมาแล้วค่ะ คือ ปลามาไดนึ่งซุปดาชิ (900 บาท)
ปลาคือดีมากกกก เนื้อสดแน่น ซุปดาชิรสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มเกินไป ที่เหนือความคาดหมายคือผักฝอยๆที่ท้อปปิ้งบนปลาค่ะ ต้นหอมฝอยๆ คือสดอร่อย (จขกท.ทานต้นหอมคนเดียวเกือบหมด 555) และมีเปลือกส้มยุซุ ที่เพิ่มกลิ่นที่สดชื่นให้กับเมนูนี้ได้อย่างดี

จานนี้ที่รอคอยมาแล้วค่ะ
ปูทาราบะยักษ์ตุ๋นซุปดาชิราดไข่ (3,500 บาท)
จานนี้บอกตรงๆ ว่าราคาแรงมากก แต่เห็นว่าเป็นเมนูพิเศษในช่วงนี้ จขกท. คิดว่าไหนๆเราจะลองแล้ว ก็ลองที่มันดีสุดๆไปเลย (คงไม่ได้มาอีกบ่อยๆ T_T) ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะจานใหญ่มากกกก ใต้แพไข่ที่เห็นคือก้อนเนื้อปูล้วนๆเลยค่ะ ชิ้นเนื้อปูนี่ใหญ่และแน่นสุดๆ น้ำซุปก็หอมกลมกล่อม ทานกับไข่นุ่มๆ+เห็ด คือดีงามสุดๆ

ซูมเนื้อปูค่ะ เนื้อแน่นจริงๆ ต้องหั่นแบ่ง และแน่นอนค่ะว่าระดับนี้ ทางร้านแกะปูมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ เราๆ ก็เอ็นจอยปูให้เต็มที่ไปเลยค่ะ!

จานที่สาม คือ ปูหิมะชุดแป้งทอด ทานกับไวท์ครีมซอส (1,450  บาท)
จานนี้จขกท.และพี่ชอบมากๆ เลยค่ะ เพราะเป็นการชุบแป้งเพียงบางๆ และเป็นการชุบแป้งทอดที่กรอบนอก แต่ texture เนื้อปูข้างในยังนุ่มและแน่นอยู่ ทำให้ไม่อมน้ำมันเกินไป และทานกับไวท์ครีมซอสของทางร้านคือดีงามมากกกกกก ชอบความ rich และกลิ่นหอมนมของซอส เป็นเมนูที่จขกท.รู้สึกว่าเรียบแต่สร้างสรรค์และอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ

จานสุดท้ายแล้วค่ะ ข้าวหน้าปลาดิบรวมค่ะ (1,000 บาท)
จานนี้จขกท. เสียดายมากที่ไม่สามารถถ่ายรูปออกมาสวยและน่าทานได้เหมือนของจริง เมนูนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาค่ะ มีทั้ง ไข่หอยเม่น (uni) ไข่ปลาแซลมอน (ikura) ปลามากุโระ ปลาหมึก และอีกมากมาย (จขกท. แอบลืม ฮ่าาา) ที่ไม่ธรรมดาคือ โชยุที่ทางร้านให้ผสมกับไข่แดงค่ะ ตอนแรกที่พนักงานแนะนำเมนู ก็งงๆว่ามันจะเวิคหรอ แต่พอนำมาทานกับข้าวและปลาดิบแล้ว ก็ทำให้รสชาติอาหารจานนี้กลมกล่อมและมีความพิเศษกว่าข้าวหน้าปลาดิบร้านอื่นๆที่เคยทานมาเลยค่ะ

มาต่อที่ของหวานค่ะ ซึ่งคอของหวานอย่างจขกท. ไม่พลาดแน่ๆค่ะ

Matcha Parfait (500 บาท)
Presentation คือกินขาด มี dry ice ดูดีมีสกุลสุดๆ รสชาติก็มีสกุลไม่แพ้หน้าตาเลยค่ะ ไอศกรีมชาเขียวหอมเข้มข้น ไม่หวานเกินไป บรามันเจะ (เต้าหูขาวๆนิ่มๆข้างบน) ก็นิ่มนวลเข้ากับซอสน้ำตาลทรายแดงได้อย่างดีค่ะ ถั่วแดงกวนที่อยู่ข้างล่างก็อร่อยหวานกำลังดี แต่ด้วยที่ปกติจขกท.ไม่ค่อยชอบทานดังโงะอยู่แล้ว เลยเฉยๆกับเจ้าดังโงะในนี้ค่ะ แต่โดยรวมคือชอบมากกกก

มะม่วงย่างราดซอสคัสตาร์ด (450 บาท)
เป็นเมนูที่จขกท. เชื่อว่าทุกคนต้องคิดในใจว่า คิดยังไงถึงสั่ง 5555 แต่เป็นเมนูจขกท. ที่ประทับใจมากๆ กับความเรียบแต่สร้างสรรค์ของมัน คือเจ้ามะม่วงสุกมันก็หวานของมัน แต่พอราดซอสคัสตาร์ดที่ทำจากวานิลาแท้ๆ (เป็นเม็ดๆ ตามที่เห็นค่ะ) คือหอมหวานมันดีงามมากๆ คือทางร้านทำซอสได้ดีมากกกก จนจขกท.อยากขอซือซอสจากทางร้านไปทานกับขนมผลไม้ที่บ้านเลยค่ะ

สรุป
มื้อนี้ทำให้จขกท. เป็น fc ร้านคิตะโอจิยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
รสชาติและความสดของอาหารคือดีมากอยู่แล้ว ไม่ผิดหวัง แต่ที่จขกท. ประทับใจ และมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของคิตะโอจิ คือทางร้านใส่ใจในรายละเอียดของทุกจานจริงๆ เมนูที่ฟังชื่อแล้วดูธรรมดา ทางร้านก็สามารถใส่ลูกเล่นลงไป ทำให้จานนั้นๆ มีความพิเศษ และแตกต่างจากร้านอื่นๆ เรียกได้ว่า “เรียบแต่โก้”
การบริการก็ดีค่ะ พนักงานที่ร้านมารยาทดีและเอาใจใส่ดีมาก ให้ข้อมูลอธิบายอาหารทุกจานอย่างละเอียด และพนักงานจะคอยสังเกตเราตลอด เมื่อเราทานหมด พนักงานก็จะมาเก็บจาน และเสิร์ฟอาหารจานใหม่เองเลย
สำหรับจขกท. แม้ว่าราคาอาหารที่นี่จะค่อนข้างสูง แต่เทียบกับประสบการณ์และคุณภาพอาหารที่ได้รับ จขกท. คิดว่าคุ้มค่า และความพิเศษของแต่ละเมนูและบรรยากาศที่เรียบหรูของร้าน ทำให้ร้านนี้เหมาะกับการมาทานในโอกาสพิเศษมากๆ เลยค่ะ

จริงๆ แล้วเมนูพิเศษของทางร้านก็มีเนื้อวัวด้วย ซึ่งดูน่าทานมากกกก แต่เนื่องจากจขกท. ไม่ทานเนื้อ ก็เลยไม่สามารถรีวิวเมนูเนื้อได้ ^^”

สุดท้ายนี้จขกท. ขอลาไปด้วยรูปเชฟอารมณ์ดีของทางร้าน และภาพสวยๆ ของร้านค่ะ