ตอนที่เปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานเป็นครั้งแรกของวัน เจ้าเครื่องมือแสนฉลาดก็ขึ้นข้อความเตือนนัดหมายในวันนี้ทันที ธีร์วราไม่ได้อ่านข้อความแต่หยุดสายตาไว้ตรงวันที่ในปฏิทิน
ครบสองเดือนแล้วนับตั้งแต่หล่อนกลับจากเกาะกงเทียน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ปานเรขากลับมาเรียนอย่างกระปรี้กระเปร่า แต่ช่วงหลังแอบบ่นกับหล่อนว่าพฤกษ์เรียนหนักจนแทบไม่มีเวลา ธีร์วราทำได้แค่ปลอบไปตามแกน ส่วนพ่อและแม่ย้ายกลับเมืองไทยอย่างเรียบร้อย วันแรกที่เจอหน้าพ่อ ถนิตก็คุยกับหล่อนเรื่องลายหงส์นานเท่าที่สภาพร่างกายเอื้ออำนวย ก่อนยอมให้ธีทัตย้ายไปคุมโรงงานผลิต เซ็นเอกสารสั่งธีร์วรากลับเข้าดูแลลายหงส์ชั่วคราวเพื่อรอมติที่ประชุมอย่างเป็นทางการ
และไม่มีการติดต่อจากสุเมธแม้สักครั้ง
เจ้าของห้องเท้าคางกับมืออย่างเลื่อนลอย วันสุดท้ายที่พบกันหล่อนตบหน้าเขาเต็มๆ ทว่าสุเมธกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษ ถ้ามองให้ขำ...ก็พอหัวเราะได้ขื่นๆ
แต่ธีร์วราไม่ได้อยากหัวเราะ หล่อนอยากลืมเรื่องทุกอย่างของสุเมธต่างหาก ซึ่งเป็นความพยายามตลอดสองเดือนที่ไร้ผล นอกจากจะไม่ลืมแล้ว เหตุการณ์บนหาดทรายใต้แสงดาววันนั้นยังตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“บางอย่างมันไม่ควรจะลืมหรอกค่ะ ...แต่ควรจดจำไว้เพื่อแยกแยะว่าตรงหน้าตอนนี้คือความจริง หรือก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น”
ตอนพูดประโยคดังกล่าว หล่อนคิดจะบอกกับเขา...หรือบอกกับตัวเองกันแน่
เสียงเคาะประตูดังกังวาน ธีร์วรากะพริบตาก่อนกลับขึ้นนั่งหลังตรง ครั้นเห็นธีทัตมาหาก็แปลกใจด้วยวันนี้ไม่ใช่เวรที่เขาจะเข้าบริษัท ปกติควรต้องอยู่ประจำโรงงานมากกว่า แต่น้องชายก็ไม่ปล่อยให้หล่อนแปลกใจนาน
“พอผมรู้ข่าวก็รีบเผ่นมานี่เลย นายสุเมธนั่นน่ะ!” เขาหงุดหงิดจนไม่ทันสังเกตว่ายามเอ่ยชื่อศัตรู สองแก้มพี่สาวพลันแดงขึ้น “อมราเตรียมจัดแถลงข่าวสินค้าตัวใหม่สัปดาห์หน้า”
ธีร์วราระบายลมหายใจพร้อมลาดไหล่ที่ลู่ผ่อนลง “มีคนบอกแล้ว มันก็เรื่องธรรมดาทำไมต้องตกใจ”
“แต่ปกติต้องมีรายละเอียดของงานหลุดมาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี นี่เงียบสนิทจนผมกังวล”
หล่อนหวนนึกถึงท่าทางเอาจริงเอาจังของประธานฯ หนุ่มยามทำงานอยู่บนเกาะกงเทียน จึงรำพึงเบาๆ “งานนี้สุเมธตั้งใจเต็มที่นี่นะ”
“หือ? พี่รู้ได้ไงว่านายสุเมธลงมือคุมงานเอง”
ประธานบอร์ดลายหงส์อ้ำอึ้ง “ก็...เขาจะเป็นคนนำเสนอสินค้าใหม่ทั้งที่ปกติเป็นหน้าที่นายลายคราม เดาไม่ยากหรอก” พอน้องชายพยักหน้าคล้อยตามจึงว่าต่อ “และอมราคงกะปิดบังสร้างเซอร์ไพรส์ให้เป็นกระแส ก่อนงานแถลงข่าวเราน่าจะทำอะไรไม่ได้มากนัก กังวลล่วงหน้าก็เท่านั้น คอยปรับแผนตามคู่แข่งดีกว่า”
ท่าทางสุขุมของพี่สาวทำให้ใจเย็นลง “เอางั้นก็ได้ แล้วงานวันเกิดท่านอานนท์เย็นนี้เราไปกันสองคนนะ เพราะหมอยังให้พ่อพักผ่อนอย่าหักโหม”
ท่านอานนท์ที่พูดถึงนับเป็นคนมีชื่อในสังคม ด้วยฐานะอดีตรัฐมนตรีหลายสมัย และปัจจุบันยังถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจมากมาย ถนิตบิดาหล่อนให้ความสำคัญกับงานนี้มาก ถ้าไม่ติดปัญหาสุขภาพคงจะไปด้วยตนเองแล้ว
“ได้ เลิกงานพี่จะไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดฯ เราก็แวะรับหน่อยแล้วกัน”
หลังจากดูแลจนมั่นใจว่าพ่อแม่กลับมาอยู่บ้านอย่างไร้ปัญหา ธีร์วราก็ขอตัวย้ายเข้าอาคารชุดเดิมของตนที่เคยอาศัยก่อนไปสหรัฐอเมริกาเพราะใกล้บริษัทมากกว่า ส่วนธีทัตยังพำนักที่บ้านเนื่องจากเดินทางไปโรงงานสะดวก
หลังนัดแนะกับพี่สาวเรียบร้อยธีทัตก็ออกจากห้อง สวนทางกับเตชินีที่กำลังหอบของเต็มอ้อมแขน ชายหนุ่มจึงช่วยเปิดประตูห้องทำงานธีร์วราให้
“สวัสดีตู่ ของเยอะจัง”
“ก็งานที่จะคุยกับคุณแก้วน่ะค่ะ”
ธีทัตชี้ยังกล่องของขวัญผูกโบซึ่งวางบนกองเอกสารอีกที “นั่นก็งานเหรอ แปลกดีนะ”
เห็นชัดว่าเขาแค่ทักส่งๆ ด้วยพอพูดจบก็เดินต่อไปโดยไม่คิดฟังคำตอบ เตชินีเข้าห้องพลางวางสัมภาระในอ้อมแขนลงกับโต๊ะของธีร์วรา เริ่มสาธยายเรื่องที่หล่อนคิดว่าสำคัญที่สุดก่อน
“คุณแก้วคะ ตู่มารายงานเรื่องผลการเดิมพันที่คุณจิณณาเสียให้เราน่ะค่ะ”
ธีนาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะนึกออก “อ๋อ สัญญาพนันว่ามาร์คจะคบกับของขวัญได้กี่เดือนนั่นน่ะหรือ ถึงกำหนดแล้ว?”
เตชินีทำหน้าเพลีย “เลยกำหนดแล้วต่างหากละคะ”
เดิมพันที่ธีร์วราเคยทำกับนักข่าวสาวใหญ่ไว้เล่นๆ นั่น เจ้านายอาจลืมไปแล้วแต่เตชินีจดจำขึ้นใจ เมื่อเลยกำหนดมาเกือบเดือนจิณณายังทำเป็นเงียบหล่อนจึงแกล้งตัดภาพข่าวความหวานชื่นของคู่รัก Cool Couple และสินค้าตัวอย่างส่งไปให้ นักข่าวสาวใหญ่เลยจำใจมอบกำไลทองแพลทตินั่มกลับมา พอหายสะใจเตชินีค่อยนำไปแลกเป็นเครื่องประดับรุ่นล่าสุดตามคำสั่งเจ้านาย
“นี่ค่ะ” หล่อนยื่นกล่องของขวัญผูกโบให้อีกฝ่าย “คุณแก้วจะตรวจสอบก่อนส่งให้ของขวัญไหมคะ”
“ตู่จัดการเถอะ เรื่องแค่นี้”
เตชินีรับคำ พลางเปรยลอยๆ “เมื่อกี้คุณกายก็ถามเรื่องกล่องของขวัญนี่ด้วยนะคะ”
ทว่าคำพูดที่เป็นแค่การชวนคุยกลับทำเจ้าของห้องชะงัก “ตู่ อย่าให้กายระแคะระคายที่เราพนันกับคุณจิณณานั่นเชียวนะ”
“ทำไมล่ะคะ ถึงคุณกายทราบก็ไม่น่ามีผลอะไร”
“แต่ถ้าเขาไม่รู้ เวลาความแตกก็สามารถปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำไม่ใช่หรือ”
คนฟังเบิกตากว้าง “มีโอกาสที่คนอื่นจะรู้ด้วยหรือคะ”
“ก็แค่ป้องกันไว้ก่อนเผื่อเรื่องแดงขึ้นมา ถึงตอนนั้นฉันจะรับผิดชอบคนเดียว” ครั้นเห็นเตชินีหน้าเสียหล่อนกลับหัวเราะน้อยๆ “อย่าเครียดสิ ปัญหามันจะเกิดกันง่ายๆ รึไง”
“จริงของคุณแก้วค่ะ”
จากนั้นหัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องงาน ทั้งสองแลกเปลี่ยนความเห็นกันเพลินโดยไม่ทันรับรู้เลยว่าห่างออกไปเพียงผนังกั้น ธีทัตเองก็กำลังคุยโทรศัพท์ตามลำพังบนทางเดินในตึก
“ของขวัญ นี่ผมเองนะ เป็นยังไงบ้าง”
ปลายสายตอบกลับมา และยิ่งของขวัญเอ่ยนานขึ้นเท่าใด สีหน้าเขาก็ยิ่งดำคล้ำมากขึ้นเท่านั้น “นี่มันแย่ลงทุกวัน ผมจะไปพูดกับมาร์คเอง!”
คล้ายของขวัญระล่ำระลักบางอย่างจนธีทัตกำหมัดแน่น “ผมรู้ ถ้าเรื่องแดงซีซีจะเสียภาพพจน์ไปด้วย คุณเลยบอกจะเคลียร์กับมาร์คให้ถอยไปแบบเงียบๆ แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยคุณ ผมทนไม่ไหวแล้ว!”
อีกฝ่ายเสียงอ่อนลงทว่าก็ยังสาธยายยืดยาว สุดท้ายชายหนุ่มจึงยอมแพ้
“ผมจะยอมรออีกหน่อย แต่ของขวัญ...ผมอยากให้รู้ไว้นะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องปกป้องคุณให้ได้!”
หลังจบการสนทนาชายหนุ่มค่อยหันมองประตูห้องทำงานธีร์วรา ลังเลว่าควรบอกเรื่องดังกล่าวกับพี่สาวไหม แต่คำขอร้องด้วยความอับอายของดาราสาวที่ไม่อยากให้ใครทราบปัญหาส่วนตัวพลันวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ธีทัตส่ายศีรษะ ตัดสินใจรออีกสักพักแม้จะฝืนความรู้สึกแค่ไหนก็ตาม
*****
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดท่านอานนท์จัดขึ้นยังอาคารไม้แบบโคโลเนียลอายุนับร้อยปี เคยเป็นบ้านของเจ้านายเก่าแต่เปลี่ยนมือหลายครั้งจนตกอยู่ในครอบครองของท่านอานนท์ จะเปิดใช้งานเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น ดังเช่นงานเลี้ยงของเจ้าของบ้านซึ่งจัดขึ้นยังลานหินอ่อนด้านหลังตัวคฤหาสน์ กลางลานเป็นสระทรงรีปลูกบัวสายที่บานชูช่อในยามค่ำ แสงไฟนวลกระทบกลีบสีขาวบ้างแดงบ้างดูเย็นตา
พวกธีร์วรามาถึงงานหลังกำหนดการพอสมควรเนื่องด้วยปัญหาการจราจร ซึ่งแทบเป็นสิ่งปกติของมหานครกรุงเทพฯ ไปเสียแล้ว วันนี้หล่อนแต่งหน้าแนวเอิร์ธโทนเพื่อความสุภาพ ชุดราตรีแขนยาวผ้าลูกไม้ปักดิ้นเงิน เดินคู่น้องชายเข้าทำความเคารพเจ้าของงานเรียบร้อยค่อยปลีกตัวออกมา ช่วงแรกธีทัตดูเหม่อลอยแปลกๆ จนเขาเจอเพื่อนจึงหยุดคุยได้ยาว ธีร์วราไม่อยากรบกวนเลยเลือกจะเดินเล่นรอบสระ ตึกสองชั้นรูปทรงเคร่งขรึมล้อมรอบสระบัวไว้ทั้งสามด้าน มองขึ้นไปเห็นเพียงท้องฟ้ามืดมิด ไร้แสงไฟจากตึกสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ธีร์วราปล่อยใจลอยในบรรยากาศที่ราวกับหลุดมาอีกโลกก็มิปาน
“นั่นหนูแก้วไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวจดจำราตรีเพื่อนมารดาที่เคยช่วยหล่อนจากการเผชิญหน้ากับสุเมธในครั้งแรกได้ทันที “สวัสดีค่ะ ทราบว่าวันก่อนคุณน้าไปเยี่ยมพ่อด้วยแต่หนูไม่อยู่ ขอบคุณนะคะ”
“ขอบจงขอบใจทำไม คนกันเองทั้งนั้น” จงใจลดเสียงลง “แต่น้าคงต้องเตือน ประธานฯ ของอมราก็มางานวันนี้ด้วยนะ”
คนฟังหน้าเปลี่ยนสีแต่ราตรีคิดว่าธีร์วราคงกำลังตกใจ จึงพยักพเยิดไปทางฝั่งตรงข้ามสระ หญิงสาวเหลียวตาม
สุเมธสวมสูทสีน้ำตาลเข้ม ยืนล้วงกระเป๋าในอิริยาบถสบายๆ โน้มหน้าฟังหญิงสาวข้างกายคุยอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ยังอุตส่าห์เหลือบมาสบตาธีร์วราเข้าพอดี เขายิ้มเล็กน้อย โบกมือให้ขณะเดินมาหาหล่อนพร้อมคู่ควง เมื่อเข้าใกล้จึงพบว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไม่เบา หล่อนสูงเกือบเท่าสุเมธ จมูกโด่งขนตางอนดูอ่อนหวาน ควงแขนสุเมธอย่างสนิทสนม
ธีร์วรามือไม้เย็นเฉียบขึ้นทันที
สุเมธไหว้ราตรีและเอ่ยทักทายธีร์วราเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับสาวข้างกาย “นี่คุณนายราตรีกับคุณแก้วเจ้าของลายหงส์ ส่วนคนนี้...”
ชายหนุ่มไม่ทันแนะนำเพื่อนให้รู้จักราตรีก็ชิงพูดตัดหน้า “ปารมี...หนูมี่ใช่ไหมจ้ะ ฉันชอบละครที่หนูเล่นมากเลย”
ธีร์วราห่างหายวงการบันเทิงเมืองไทยไปนาน จึงเพิ่งทราบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นดาราที่ดูท่าจะกำลังมาแรง ด้านปารมีก็ยกมือไหว้ชดช้อย
“ขอบคุณที่เมตตานะคะ มี่โชคดีเจอแต่คนช่วยส่งเสริม ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณหมดไหม” ปากพูด หางตากลับเหลือบไปทางสุเมธอย่างมีความหมาย ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างชื่นชม ธีร์วราพลันเอ่ยลอยๆ
“ดีใจแทนคุณมี่ด้วย แต่ยังไงก็ควรระวังบ้างนะคะ คนเรามีหลายประเภทโดยเฉพาะพวกผู้ชายปากอย่างใจอย่าง เคยพูดกับเราแบบหนึ่งแต่การกระทำกลับไปคนละทาง!”
“ในฐานะผู้ชายขอแก้ต่างสักนิดนะครับ” รอยยิ้มยังคงอยู่บนริมฝีปากสุเมธ “หนุ่มปากตรงกับใจก็เยอะนะ ถ้าเจอคนสวยก็บอกว่าสวย เจอคนใจร้ายก็ต้องพูดว่าร้าย”
ปารมีแตะแขนเขา “โถ ใครจะอยากใจร้ายกับพี่เมธ”
“ก็คนสวยใจร้ายไงครับ”
ปารมีปิดปากหัวเราะคิกแต่ธีร์วราแอบกัดฟัน คนอะไร กล้าควงสาวเย้ยหล่อนแล้วยังไม่สำนึกสักนิด ยิ่งคิดว่าที่ผ่านมาหล่อนนอนไม่หลับเพราะคนคนนี้หลายคืนแค่ไหนก็ยิ่งหงุดหงิด ขืนอยู่ต่อคงเผลอกระทำเสียกิริยา จึงพึมพำขอตัว ทว่าชายหนุ่มรั้งไว้
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณแก้ว”
ราตรีผู้ยืนเงียบๆ มาตลอดเลิกคิ้ว “สองคนนี่สนิทขนาดเรียกชื่อเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ธีร์วราตกใจจนตัวแข็งทื่อแต่สุเมธเพียงตอบคำถามหน้าตาเฉย “อยู่วงการเดียวกันจะรังคัดรังแคกันไปทำไมล่ะครับ เรียกชื่อเล่นก็สะดวกดีออก”
ราตรียิ่งทำท่าสงสัยจนธีร์วราชักร้อนตัว พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้ก็ช่างบังเอิญนะคะ กรุงเทพออกจะกว้างพวกเรากลับมาเจอในงานเดียวกัน"
ปารมียิ้มหวาน “มี่กับพี่เมธพี่ครามมาในฐานะตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมของท่านอานนท์ค่ะ พอดีท่านบริจาคเงินให้โรงเรียนทุกปี จึงอยากแสดงความขอบคุณ”
ฟังแล้วธีร์วราชักเอะใจบางอย่าง ทว่าไม่มีเวลาคิดด้วยปารมีพูดต่ออย่างนิสัยคนช่างคุย “แต่มี่ดันซุ่มซ่ามทำคอนแทกเลนส์ตก หายังไงก็ไม่เจอ เลยต้องเกาะติดพี่เมธระหว่างรอพี่ครามเอารถมารับนี่แหละค่ะ เฮ้อ...”
อ้อ ที่ดาราสาวควงแขนสุเมธไปไหนมาไหนเพราะมีสาเหตุนี่เอง จังหวะนั้นท่านอานนท์เจ้าของวันเกิดพร้อมผู้ติดตามเดินผ่านมาพอดี ดูเหมือนจะเพิ่งผละจากการทักทายแขกกลุ่มอื่น ทุกคนจึงให้ความสนใจโดยอัตโนมัติ
คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 15
ครบสองเดือนแล้วนับตั้งแต่หล่อนกลับจากเกาะกงเทียน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ปานเรขากลับมาเรียนอย่างกระปรี้กระเปร่า แต่ช่วงหลังแอบบ่นกับหล่อนว่าพฤกษ์เรียนหนักจนแทบไม่มีเวลา ธีร์วราทำได้แค่ปลอบไปตามแกน ส่วนพ่อและแม่ย้ายกลับเมืองไทยอย่างเรียบร้อย วันแรกที่เจอหน้าพ่อ ถนิตก็คุยกับหล่อนเรื่องลายหงส์นานเท่าที่สภาพร่างกายเอื้ออำนวย ก่อนยอมให้ธีทัตย้ายไปคุมโรงงานผลิต เซ็นเอกสารสั่งธีร์วรากลับเข้าดูแลลายหงส์ชั่วคราวเพื่อรอมติที่ประชุมอย่างเป็นทางการ
และไม่มีการติดต่อจากสุเมธแม้สักครั้ง
เจ้าของห้องเท้าคางกับมืออย่างเลื่อนลอย วันสุดท้ายที่พบกันหล่อนตบหน้าเขาเต็มๆ ทว่าสุเมธกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษ ถ้ามองให้ขำ...ก็พอหัวเราะได้ขื่นๆ
แต่ธีร์วราไม่ได้อยากหัวเราะ หล่อนอยากลืมเรื่องทุกอย่างของสุเมธต่างหาก ซึ่งเป็นความพยายามตลอดสองเดือนที่ไร้ผล นอกจากจะไม่ลืมแล้ว เหตุการณ์บนหาดทรายใต้แสงดาววันนั้นยังตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“บางอย่างมันไม่ควรจะลืมหรอกค่ะ ...แต่ควรจดจำไว้เพื่อแยกแยะว่าตรงหน้าตอนนี้คือความจริง หรือก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น”
ตอนพูดประโยคดังกล่าว หล่อนคิดจะบอกกับเขา...หรือบอกกับตัวเองกันแน่
เสียงเคาะประตูดังกังวาน ธีร์วรากะพริบตาก่อนกลับขึ้นนั่งหลังตรง ครั้นเห็นธีทัตมาหาก็แปลกใจด้วยวันนี้ไม่ใช่เวรที่เขาจะเข้าบริษัท ปกติควรต้องอยู่ประจำโรงงานมากกว่า แต่น้องชายก็ไม่ปล่อยให้หล่อนแปลกใจนาน
“พอผมรู้ข่าวก็รีบเผ่นมานี่เลย นายสุเมธนั่นน่ะ!” เขาหงุดหงิดจนไม่ทันสังเกตว่ายามเอ่ยชื่อศัตรู สองแก้มพี่สาวพลันแดงขึ้น “อมราเตรียมจัดแถลงข่าวสินค้าตัวใหม่สัปดาห์หน้า”
ธีร์วราระบายลมหายใจพร้อมลาดไหล่ที่ลู่ผ่อนลง “มีคนบอกแล้ว มันก็เรื่องธรรมดาทำไมต้องตกใจ”
“แต่ปกติต้องมีรายละเอียดของงานหลุดมาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี นี่เงียบสนิทจนผมกังวล”
หล่อนหวนนึกถึงท่าทางเอาจริงเอาจังของประธานฯ หนุ่มยามทำงานอยู่บนเกาะกงเทียน จึงรำพึงเบาๆ “งานนี้สุเมธตั้งใจเต็มที่นี่นะ”
“หือ? พี่รู้ได้ไงว่านายสุเมธลงมือคุมงานเอง”
ประธานบอร์ดลายหงส์อ้ำอึ้ง “ก็...เขาจะเป็นคนนำเสนอสินค้าใหม่ทั้งที่ปกติเป็นหน้าที่นายลายคราม เดาไม่ยากหรอก” พอน้องชายพยักหน้าคล้อยตามจึงว่าต่อ “และอมราคงกะปิดบังสร้างเซอร์ไพรส์ให้เป็นกระแส ก่อนงานแถลงข่าวเราน่าจะทำอะไรไม่ได้มากนัก กังวลล่วงหน้าก็เท่านั้น คอยปรับแผนตามคู่แข่งดีกว่า”
ท่าทางสุขุมของพี่สาวทำให้ใจเย็นลง “เอางั้นก็ได้ แล้วงานวันเกิดท่านอานนท์เย็นนี้เราไปกันสองคนนะ เพราะหมอยังให้พ่อพักผ่อนอย่าหักโหม”
ท่านอานนท์ที่พูดถึงนับเป็นคนมีชื่อในสังคม ด้วยฐานะอดีตรัฐมนตรีหลายสมัย และปัจจุบันยังถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจมากมาย ถนิตบิดาหล่อนให้ความสำคัญกับงานนี้มาก ถ้าไม่ติดปัญหาสุขภาพคงจะไปด้วยตนเองแล้ว
“ได้ เลิกงานพี่จะไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดฯ เราก็แวะรับหน่อยแล้วกัน”
หลังจากดูแลจนมั่นใจว่าพ่อแม่กลับมาอยู่บ้านอย่างไร้ปัญหา ธีร์วราก็ขอตัวย้ายเข้าอาคารชุดเดิมของตนที่เคยอาศัยก่อนไปสหรัฐอเมริกาเพราะใกล้บริษัทมากกว่า ส่วนธีทัตยังพำนักที่บ้านเนื่องจากเดินทางไปโรงงานสะดวก
หลังนัดแนะกับพี่สาวเรียบร้อยธีทัตก็ออกจากห้อง สวนทางกับเตชินีที่กำลังหอบของเต็มอ้อมแขน ชายหนุ่มจึงช่วยเปิดประตูห้องทำงานธีร์วราให้
“สวัสดีตู่ ของเยอะจัง”
“ก็งานที่จะคุยกับคุณแก้วน่ะค่ะ”
ธีทัตชี้ยังกล่องของขวัญผูกโบซึ่งวางบนกองเอกสารอีกที “นั่นก็งานเหรอ แปลกดีนะ”
เห็นชัดว่าเขาแค่ทักส่งๆ ด้วยพอพูดจบก็เดินต่อไปโดยไม่คิดฟังคำตอบ เตชินีเข้าห้องพลางวางสัมภาระในอ้อมแขนลงกับโต๊ะของธีร์วรา เริ่มสาธยายเรื่องที่หล่อนคิดว่าสำคัญที่สุดก่อน
“คุณแก้วคะ ตู่มารายงานเรื่องผลการเดิมพันที่คุณจิณณาเสียให้เราน่ะค่ะ”
ธีนาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะนึกออก “อ๋อ สัญญาพนันว่ามาร์คจะคบกับของขวัญได้กี่เดือนนั่นน่ะหรือ ถึงกำหนดแล้ว?”
เตชินีทำหน้าเพลีย “เลยกำหนดแล้วต่างหากละคะ”
เดิมพันที่ธีร์วราเคยทำกับนักข่าวสาวใหญ่ไว้เล่นๆ นั่น เจ้านายอาจลืมไปแล้วแต่เตชินีจดจำขึ้นใจ เมื่อเลยกำหนดมาเกือบเดือนจิณณายังทำเป็นเงียบหล่อนจึงแกล้งตัดภาพข่าวความหวานชื่นของคู่รัก Cool Couple และสินค้าตัวอย่างส่งไปให้ นักข่าวสาวใหญ่เลยจำใจมอบกำไลทองแพลทตินั่มกลับมา พอหายสะใจเตชินีค่อยนำไปแลกเป็นเครื่องประดับรุ่นล่าสุดตามคำสั่งเจ้านาย
“นี่ค่ะ” หล่อนยื่นกล่องของขวัญผูกโบให้อีกฝ่าย “คุณแก้วจะตรวจสอบก่อนส่งให้ของขวัญไหมคะ”
“ตู่จัดการเถอะ เรื่องแค่นี้”
เตชินีรับคำ พลางเปรยลอยๆ “เมื่อกี้คุณกายก็ถามเรื่องกล่องของขวัญนี่ด้วยนะคะ”
ทว่าคำพูดที่เป็นแค่การชวนคุยกลับทำเจ้าของห้องชะงัก “ตู่ อย่าให้กายระแคะระคายที่เราพนันกับคุณจิณณานั่นเชียวนะ”
“ทำไมล่ะคะ ถึงคุณกายทราบก็ไม่น่ามีผลอะไร”
“แต่ถ้าเขาไม่รู้ เวลาความแตกก็สามารถปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำไม่ใช่หรือ”
คนฟังเบิกตากว้าง “มีโอกาสที่คนอื่นจะรู้ด้วยหรือคะ”
“ก็แค่ป้องกันไว้ก่อนเผื่อเรื่องแดงขึ้นมา ถึงตอนนั้นฉันจะรับผิดชอบคนเดียว” ครั้นเห็นเตชินีหน้าเสียหล่อนกลับหัวเราะน้อยๆ “อย่าเครียดสิ ปัญหามันจะเกิดกันง่ายๆ รึไง”
“จริงของคุณแก้วค่ะ”
จากนั้นหัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องงาน ทั้งสองแลกเปลี่ยนความเห็นกันเพลินโดยไม่ทันรับรู้เลยว่าห่างออกไปเพียงผนังกั้น ธีทัตเองก็กำลังคุยโทรศัพท์ตามลำพังบนทางเดินในตึก
“ของขวัญ นี่ผมเองนะ เป็นยังไงบ้าง”
ปลายสายตอบกลับมา และยิ่งของขวัญเอ่ยนานขึ้นเท่าใด สีหน้าเขาก็ยิ่งดำคล้ำมากขึ้นเท่านั้น “นี่มันแย่ลงทุกวัน ผมจะไปพูดกับมาร์คเอง!”
คล้ายของขวัญระล่ำระลักบางอย่างจนธีทัตกำหมัดแน่น “ผมรู้ ถ้าเรื่องแดงซีซีจะเสียภาพพจน์ไปด้วย คุณเลยบอกจะเคลียร์กับมาร์คให้ถอยไปแบบเงียบๆ แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยคุณ ผมทนไม่ไหวแล้ว!”
อีกฝ่ายเสียงอ่อนลงทว่าก็ยังสาธยายยืดยาว สุดท้ายชายหนุ่มจึงยอมแพ้
“ผมจะยอมรออีกหน่อย แต่ของขวัญ...ผมอยากให้รู้ไว้นะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องปกป้องคุณให้ได้!”
หลังจบการสนทนาชายหนุ่มค่อยหันมองประตูห้องทำงานธีร์วรา ลังเลว่าควรบอกเรื่องดังกล่าวกับพี่สาวไหม แต่คำขอร้องด้วยความอับอายของดาราสาวที่ไม่อยากให้ใครทราบปัญหาส่วนตัวพลันวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ธีทัตส่ายศีรษะ ตัดสินใจรออีกสักพักแม้จะฝืนความรู้สึกแค่ไหนก็ตาม
*****
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดท่านอานนท์จัดขึ้นยังอาคารไม้แบบโคโลเนียลอายุนับร้อยปี เคยเป็นบ้านของเจ้านายเก่าแต่เปลี่ยนมือหลายครั้งจนตกอยู่ในครอบครองของท่านอานนท์ จะเปิดใช้งานเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น ดังเช่นงานเลี้ยงของเจ้าของบ้านซึ่งจัดขึ้นยังลานหินอ่อนด้านหลังตัวคฤหาสน์ กลางลานเป็นสระทรงรีปลูกบัวสายที่บานชูช่อในยามค่ำ แสงไฟนวลกระทบกลีบสีขาวบ้างแดงบ้างดูเย็นตา
พวกธีร์วรามาถึงงานหลังกำหนดการพอสมควรเนื่องด้วยปัญหาการจราจร ซึ่งแทบเป็นสิ่งปกติของมหานครกรุงเทพฯ ไปเสียแล้ว วันนี้หล่อนแต่งหน้าแนวเอิร์ธโทนเพื่อความสุภาพ ชุดราตรีแขนยาวผ้าลูกไม้ปักดิ้นเงิน เดินคู่น้องชายเข้าทำความเคารพเจ้าของงานเรียบร้อยค่อยปลีกตัวออกมา ช่วงแรกธีทัตดูเหม่อลอยแปลกๆ จนเขาเจอเพื่อนจึงหยุดคุยได้ยาว ธีร์วราไม่อยากรบกวนเลยเลือกจะเดินเล่นรอบสระ ตึกสองชั้นรูปทรงเคร่งขรึมล้อมรอบสระบัวไว้ทั้งสามด้าน มองขึ้นไปเห็นเพียงท้องฟ้ามืดมิด ไร้แสงไฟจากตึกสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ธีร์วราปล่อยใจลอยในบรรยากาศที่ราวกับหลุดมาอีกโลกก็มิปาน
“นั่นหนูแก้วไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวจดจำราตรีเพื่อนมารดาที่เคยช่วยหล่อนจากการเผชิญหน้ากับสุเมธในครั้งแรกได้ทันที “สวัสดีค่ะ ทราบว่าวันก่อนคุณน้าไปเยี่ยมพ่อด้วยแต่หนูไม่อยู่ ขอบคุณนะคะ”
“ขอบจงขอบใจทำไม คนกันเองทั้งนั้น” จงใจลดเสียงลง “แต่น้าคงต้องเตือน ประธานฯ ของอมราก็มางานวันนี้ด้วยนะ”
คนฟังหน้าเปลี่ยนสีแต่ราตรีคิดว่าธีร์วราคงกำลังตกใจ จึงพยักพเยิดไปทางฝั่งตรงข้ามสระ หญิงสาวเหลียวตาม
สุเมธสวมสูทสีน้ำตาลเข้ม ยืนล้วงกระเป๋าในอิริยาบถสบายๆ โน้มหน้าฟังหญิงสาวข้างกายคุยอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ยังอุตส่าห์เหลือบมาสบตาธีร์วราเข้าพอดี เขายิ้มเล็กน้อย โบกมือให้ขณะเดินมาหาหล่อนพร้อมคู่ควง เมื่อเข้าใกล้จึงพบว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไม่เบา หล่อนสูงเกือบเท่าสุเมธ จมูกโด่งขนตางอนดูอ่อนหวาน ควงแขนสุเมธอย่างสนิทสนม
ธีร์วรามือไม้เย็นเฉียบขึ้นทันที
สุเมธไหว้ราตรีและเอ่ยทักทายธีร์วราเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับสาวข้างกาย “นี่คุณนายราตรีกับคุณแก้วเจ้าของลายหงส์ ส่วนคนนี้...”
ชายหนุ่มไม่ทันแนะนำเพื่อนให้รู้จักราตรีก็ชิงพูดตัดหน้า “ปารมี...หนูมี่ใช่ไหมจ้ะ ฉันชอบละครที่หนูเล่นมากเลย”
ธีร์วราห่างหายวงการบันเทิงเมืองไทยไปนาน จึงเพิ่งทราบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นดาราที่ดูท่าจะกำลังมาแรง ด้านปารมีก็ยกมือไหว้ชดช้อย
“ขอบคุณที่เมตตานะคะ มี่โชคดีเจอแต่คนช่วยส่งเสริม ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณหมดไหม” ปากพูด หางตากลับเหลือบไปทางสุเมธอย่างมีความหมาย ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างชื่นชม ธีร์วราพลันเอ่ยลอยๆ
“ดีใจแทนคุณมี่ด้วย แต่ยังไงก็ควรระวังบ้างนะคะ คนเรามีหลายประเภทโดยเฉพาะพวกผู้ชายปากอย่างใจอย่าง เคยพูดกับเราแบบหนึ่งแต่การกระทำกลับไปคนละทาง!”
“ในฐานะผู้ชายขอแก้ต่างสักนิดนะครับ” รอยยิ้มยังคงอยู่บนริมฝีปากสุเมธ “หนุ่มปากตรงกับใจก็เยอะนะ ถ้าเจอคนสวยก็บอกว่าสวย เจอคนใจร้ายก็ต้องพูดว่าร้าย”
ปารมีแตะแขนเขา “โถ ใครจะอยากใจร้ายกับพี่เมธ”
“ก็คนสวยใจร้ายไงครับ”
ปารมีปิดปากหัวเราะคิกแต่ธีร์วราแอบกัดฟัน คนอะไร กล้าควงสาวเย้ยหล่อนแล้วยังไม่สำนึกสักนิด ยิ่งคิดว่าที่ผ่านมาหล่อนนอนไม่หลับเพราะคนคนนี้หลายคืนแค่ไหนก็ยิ่งหงุดหงิด ขืนอยู่ต่อคงเผลอกระทำเสียกิริยา จึงพึมพำขอตัว ทว่าชายหนุ่มรั้งไว้
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณแก้ว”
ราตรีผู้ยืนเงียบๆ มาตลอดเลิกคิ้ว “สองคนนี่สนิทขนาดเรียกชื่อเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ธีร์วราตกใจจนตัวแข็งทื่อแต่สุเมธเพียงตอบคำถามหน้าตาเฉย “อยู่วงการเดียวกันจะรังคัดรังแคกันไปทำไมล่ะครับ เรียกชื่อเล่นก็สะดวกดีออก”
ราตรียิ่งทำท่าสงสัยจนธีร์วราชักร้อนตัว พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้ก็ช่างบังเอิญนะคะ กรุงเทพออกจะกว้างพวกเรากลับมาเจอในงานเดียวกัน"
ปารมียิ้มหวาน “มี่กับพี่เมธพี่ครามมาในฐานะตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมของท่านอานนท์ค่ะ พอดีท่านบริจาคเงินให้โรงเรียนทุกปี จึงอยากแสดงความขอบคุณ”
ฟังแล้วธีร์วราชักเอะใจบางอย่าง ทว่าไม่มีเวลาคิดด้วยปารมีพูดต่ออย่างนิสัยคนช่างคุย “แต่มี่ดันซุ่มซ่ามทำคอนแทกเลนส์ตก หายังไงก็ไม่เจอ เลยต้องเกาะติดพี่เมธระหว่างรอพี่ครามเอารถมารับนี่แหละค่ะ เฮ้อ...”
อ้อ ที่ดาราสาวควงแขนสุเมธไปไหนมาไหนเพราะมีสาเหตุนี่เอง จังหวะนั้นท่านอานนท์เจ้าของวันเกิดพร้อมผู้ติดตามเดินผ่านมาพอดี ดูเหมือนจะเพิ่งผละจากการทักทายแขกกลุ่มอื่น ทุกคนจึงให้ความสนใจโดยอัตโนมัติ