อานนท์ เขียนจดหมาย เผยความรู้สึก หลังได้อุ้มลูกๆในศาล – เตรียมขึ้นเหนือ ย้ายเรือนจำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4941489
อานนท์ เขียนจดหมาย เผยความรู้สึก หลังได้อุ้มลูกๆที่ศาล – เตรียมขึ้นเหนือ ย้ายเรือนจำ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพจ
อานนท์ นำภา เปิดเผยจดหมายเขียนด้วยลายมือจาก นาย
อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร จากคดีอาญา มาตรา 112 ซึ่งจดหมายดังกล่าวลงวันที่ 4 ธันวาคม ส่งถึงลูกๆ มีเนื้อหาดังนี้
อาจบางทีก็อยากให้ลูกทั้งสองโตช้ากว่านี้ พ่ออยากมีช่วงเวลาที่ได้เล่นของเล่นกับลูก อยากสอนลูกพูด สอนใช้ห้องน้ำ ป้อนข้าว พาลูกไปส่งที่โรงเรียน ฯลฯ
แต่ชีวิตคนเราก็ต้องเติบโต มนุษย์ต้องเติบโตไปตามวัยอันควร ลูกทั้งสองต้องเติบโตและใช้ชีวิตที่งดงาม ความทรงจำในวัยเด็กของพวกเราคงมีโอกาสได้พบเจอกันแค่ในศาล จากวันนี้ไปอย่างน้อย 16 ปี เราอาจจะได้อยู่กันพร้อมหน้า เจ้าขาลคงโตเป็นหนุ่มย่างเข้าสู่วัยมหาลัย เจ้าปราณคงย่างเข้าสู่วัยเบญจเพศ
4 ธันวาคม 2567 ถึงปราณและขาล ลูกรักทั้งสอง
ต้องขอบคุณศาลที่ให้โอกาสพ่อได้อุ้มลูกทั้งสองในห้องพิจารณาวานนี้ เป็นความสุขที่ได้อุ้มเจ้าปราณและเจ้าขาลพร้อมๆกัน ทำให้รู้สึกได้ว่าเจ้าปราณโตขึ้นมาก เจ้าขาลพอเห็นพ่ออุ้มพี่สาวก็วิ่งมาขอให้พ่ออุ้มบ้าง ดูแล้วตลกดี
เช้านี้พ่อต้องเตรียมเก็บข้าวของบางส่วนเผื่อต้องย้ายเรือนจำคลองเปรมและเผื่อต้องย้ายไปเรือนจำเชียงใหม่เพื่อพิจารณาคดี 112 อีกคดี เสื้อผ้าส่วนหนึ่งมอบเป็นที่ระลึกให้น้าเก็ท น้าขนุนและ น้าบุ๊ค เก็บเฉพาะที่จำเป็นและเหลือไว้เพียงที่พอใส่ 2-3 ตัว อากาศช่วงนี้เริ่มเย็น จึงต้องเตรียมเสื้อแขนยาวไว้ด้วย การต้องย้ายเรือนจำสำหรับนักโทษเป็นเรื่องที่ต้องทำใจไว้สำหรับความยากลำบากในเบื้องหน้าทั้งที่อยู่ ที่นอน ที่กิน และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ ผู้คุมใหม่ๆ เป็นห้วงเวลาที่ต้องตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
ไว้จดหมายฉบับหน้าพ่อจะเขียนมาเล่าให้ฟัง
รักลูกทั้งสอง
https://www.facebook.com/xannth.na.pha/posts/pfbid02s4pgcXHYVJihSzHCm1wWgrvBfwRC7WGUqDhkTNCPkiRYCySzZGzBqvvEErjKm6Adl
ครูจวง ชี้ ประกาศชื่อผิดเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เล่นขายของ จี้ ลงโทษวินัย ผอ.เขตพื้นที่ ปมผลสอบครูเบญ
https://www.matichon.co.th/education/news_4940788
ครูจวง ชี้ ประกาศชื่อผิดเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เล่นขายของ จี้ ลงโทษวินัย ผอ.เขตพื้นที่ ปมผลสอบครูเบญ บอก โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว บางวิชาไม่มีครูสอน ทำเด็กเสียโอกาส
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่รัฐสภา
ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สรุปเรื่องผลสอบน.ส.
เบญญาภา เย็นอุดม ที่มีชื่อติดตำแหน่งครูผู้สอนลำดับที่ 1 ว่าประกาศผิด เป็นความเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ว่า ตนได้ประสานกับรองเลขาสพฐนเบื้. มาโดยตลอด ได้รับรายงาองต้นมาแล้วว่าผลสอบผิดจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนสอบสวน ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาอยู่ ตนคิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าจะมาประกาศชื่อผิด ไม่ใช่เล่นขายของ การประกาศชื่อคนที่สอบรับราชการต้องรอบคอบกว่านี้ ตนจึงได้ย้ำไปว่าให้สืบสวนสอบสวนอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม อย่างน้อยผอ.เขตพื้นที่ต้องมีความผิด และดำเนินการลงโทษทางวินัย
นาย
ปารมี กล่าวว่า ในส่วนของน.ส.เบญญาภา ตนยังไม่ได้ติดต่อไป แต่จะสอบถามไปว่ายอมรับผลการสืบสวนสอบสวนหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็สามารถร้องเรียนเพิ่มได้ ตนจะขับเคลื่อนต่อให้ในกลไกของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาฯ ซึ่งตนอยากจะพูดเสริมว่าในครั้งที่น.ส.
เบญญาภาสอบ มีวิชาเอกอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคม เขาถูกสั่งระงับไม่ให้เรียกบรรจุไปเลย จึงทำให้เสียโอกาส และตนมองว่าช้าไป เสียดายโอกาสแทนคนที่สอบได้ที่ 1 ที่ไม่ใช่วิชาเดียวกันกับน.ส.
เบญญาภา พวกเขาก็รอจะไปเป็นครู โรงเรียนก็เปิดเทอมเป็นเดือนแล้ว แต่ไม่มีครูไปสอนในบางวิชา ฉะนั้น ทำให้เสียโอกาสทั้งครูและนักเรียน
ผอ.ทีดีอาร์ไอ แนะ 4 ข้อ ปรับโครงสร้างภาษี ทยอยขึ้นแวต ครั้งละ 1% – เก็บบนฐานทรัพย์สิน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4941124
ภาษีแวต – ผอ.ทีดีอาร์ไอ แนะ 4 ข้อ ปรับโครงสร้างภาษี ทยอยขึ้นแวต ครั้งละ 1% – เก็บบนฐานทรัพย์สิน
จากกรณีที่ นาย
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ศึกษาแนวทางการปรับปรุงการจัดเก็บภาษี อาทิ ปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 15% ปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% สอดคล้อง Global Minimum Tax พร้อมศึกษาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 15% เพื่อดึงคนเก่งเข้ามาทำงานในไทย และลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้น
ล่าสุด (6 ธ.ค.) ดร.
สมชัย จิตสุชน ผอ.การวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เขียนถึง ข้อเสนอปรับรายละเอียดมาตรการภาษี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
1. ภาษี VAT ควรขึ้น แต่ค่อยเป็นค่อยไป เช่นขึ้น 1% ก่อนแล้วหาจังหวะในอนาคตขึ้นทีละ 1% แต่ไม่ประกาศล่วงหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) ได้ แล้วไปจบที่ 10% ภายใน 5 ปี
1.1 รัฐบาลสัญญาและทำตามสัญญาว่าจะเอาเงินภาษี VAT ที่เพิ่มขึ้นได้มาใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ต่อคนจน ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบางเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเลย แต่ไม่ใช่ประชานิยมระยะสั้น
2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ควรเป็น flat rate อย่างที่เสนอ แม้จะมีข้อดีบางข้อ เช่นคำนวณง่าย ทำให้คนอยากทำงานมีรายได้สูงๆ โดยไม่ต้องกลัวอัตราภาษีสูงตามไปด้วย แต่ข้อเสียมากกว่าคือไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ
2.1 ควรพิจารณาปรับลดพวกค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ให้ประโยชน์กับคนรายได้สูง
2.2 ถ้าจะใช้ flat rate ควรใช้กับเงินได้จากดอกเบี้ยและปันผลที่ปัจจุบันแยกคำนวณมากกว่า
3. ภาษีเงินนิติบุคคล ถ้าจะลดเหลือ 15% ก็ควรยกเลิกสิทธิประโยชน์ BOI ไปด้วย จะได้แฟร์และดึงดูดการลงทุนอย่างทั่วถึงแทนที่จะเป็นบางอุตสาหกรรมที่ก็ไม่รู้ว่าให้ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเท่าไรกันแน่ ใช้มาตรการอื่นดึงดูดแทนดีกว่า เช่นพัฒนาทักษะแรงงานไทย ปรับเลิกกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ป้องกันการเรียกใต้โต๊ะของ ขรก. สารพัดสี
4. สำคัญคืออย่าลืมเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สิน เช่น capital gain, windfall tax ด้วยนะจ๊ะ (กินยาไรไปถึงลืมได้อะ)
https://www.facebook.com/somchai.jitsuchon/posts/pfbid0sMCsW9PuBFHRxhepFhW95EcqLtDqWyQZq1y9yviCNuhem4hvWHoQKcx7Ybk9Fc7Jl
JJNY : อานนท์ เขียนจม.│ครูจวงชี้ประกาศชื่อผิดเรื่องใหญ่│ผอ.ทีดีอาร์ไอแนะ 4 ข้อปรับโครงสร้างภาษี│ลาวเปิด“ธนาคารทองคำแท่ง”
https://www.matichon.co.th/politics/news_4941489
อานนท์ เขียนจดหมาย เผยความรู้สึก หลังได้อุ้มลูกๆที่ศาล – เตรียมขึ้นเหนือ ย้ายเรือนจำ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพจ อานนท์ นำภา เปิดเผยจดหมายเขียนด้วยลายมือจาก นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร จากคดีอาญา มาตรา 112 ซึ่งจดหมายดังกล่าวลงวันที่ 4 ธันวาคม ส่งถึงลูกๆ มีเนื้อหาดังนี้
อาจบางทีก็อยากให้ลูกทั้งสองโตช้ากว่านี้ พ่ออยากมีช่วงเวลาที่ได้เล่นของเล่นกับลูก อยากสอนลูกพูด สอนใช้ห้องน้ำ ป้อนข้าว พาลูกไปส่งที่โรงเรียน ฯลฯ
แต่ชีวิตคนเราก็ต้องเติบโต มนุษย์ต้องเติบโตไปตามวัยอันควร ลูกทั้งสองต้องเติบโตและใช้ชีวิตที่งดงาม ความทรงจำในวัยเด็กของพวกเราคงมีโอกาสได้พบเจอกันแค่ในศาล จากวันนี้ไปอย่างน้อย 16 ปี เราอาจจะได้อยู่กันพร้อมหน้า เจ้าขาลคงโตเป็นหนุ่มย่างเข้าสู่วัยมหาลัย เจ้าปราณคงย่างเข้าสู่วัยเบญจเพศ
4 ธันวาคม 2567 ถึงปราณและขาล ลูกรักทั้งสอง
ต้องขอบคุณศาลที่ให้โอกาสพ่อได้อุ้มลูกทั้งสองในห้องพิจารณาวานนี้ เป็นความสุขที่ได้อุ้มเจ้าปราณและเจ้าขาลพร้อมๆกัน ทำให้รู้สึกได้ว่าเจ้าปราณโตขึ้นมาก เจ้าขาลพอเห็นพ่ออุ้มพี่สาวก็วิ่งมาขอให้พ่ออุ้มบ้าง ดูแล้วตลกดี
เช้านี้พ่อต้องเตรียมเก็บข้าวของบางส่วนเผื่อต้องย้ายเรือนจำคลองเปรมและเผื่อต้องย้ายไปเรือนจำเชียงใหม่เพื่อพิจารณาคดี 112 อีกคดี เสื้อผ้าส่วนหนึ่งมอบเป็นที่ระลึกให้น้าเก็ท น้าขนุนและ น้าบุ๊ค เก็บเฉพาะที่จำเป็นและเหลือไว้เพียงที่พอใส่ 2-3 ตัว อากาศช่วงนี้เริ่มเย็น จึงต้องเตรียมเสื้อแขนยาวไว้ด้วย การต้องย้ายเรือนจำสำหรับนักโทษเป็นเรื่องที่ต้องทำใจไว้สำหรับความยากลำบากในเบื้องหน้าทั้งที่อยู่ ที่นอน ที่กิน และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ ผู้คุมใหม่ๆ เป็นห้วงเวลาที่ต้องตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
ไว้จดหมายฉบับหน้าพ่อจะเขียนมาเล่าให้ฟัง
รักลูกทั้งสอง
https://www.facebook.com/xannth.na.pha/posts/pfbid02s4pgcXHYVJihSzHCm1wWgrvBfwRC7WGUqDhkTNCPkiRYCySzZGzBqvvEErjKm6Adl
ครูจวง ชี้ ประกาศชื่อผิดเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เล่นขายของ จี้ ลงโทษวินัย ผอ.เขตพื้นที่ ปมผลสอบครูเบญ
https://www.matichon.co.th/education/news_4940788
ครูจวง ชี้ ประกาศชื่อผิดเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เล่นขายของ จี้ ลงโทษวินัย ผอ.เขตพื้นที่ ปมผลสอบครูเบญ บอก โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว บางวิชาไม่มีครูสอน ทำเด็กเสียโอกาส
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่รัฐสภา ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สรุปเรื่องผลสอบน.ส.เบญญาภา เย็นอุดม ที่มีชื่อติดตำแหน่งครูผู้สอนลำดับที่ 1 ว่าประกาศผิด เป็นความเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ว่า ตนได้ประสานกับรองเลขาสพฐนเบื้. มาโดยตลอด ได้รับรายงาองต้นมาแล้วว่าผลสอบผิดจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนสอบสวน ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาอยู่ ตนคิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าจะมาประกาศชื่อผิด ไม่ใช่เล่นขายของ การประกาศชื่อคนที่สอบรับราชการต้องรอบคอบกว่านี้ ตนจึงได้ย้ำไปว่าให้สืบสวนสอบสวนอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม อย่างน้อยผอ.เขตพื้นที่ต้องมีความผิด และดำเนินการลงโทษทางวินัย
นายปารมี กล่าวว่า ในส่วนของน.ส.เบญญาภา ตนยังไม่ได้ติดต่อไป แต่จะสอบถามไปว่ายอมรับผลการสืบสวนสอบสวนหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็สามารถร้องเรียนเพิ่มได้ ตนจะขับเคลื่อนต่อให้ในกลไกของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาฯ ซึ่งตนอยากจะพูดเสริมว่าในครั้งที่น.ส.เบญญาภาสอบ มีวิชาเอกอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคม เขาถูกสั่งระงับไม่ให้เรียกบรรจุไปเลย จึงทำให้เสียโอกาส และตนมองว่าช้าไป เสียดายโอกาสแทนคนที่สอบได้ที่ 1 ที่ไม่ใช่วิชาเดียวกันกับน.ส.เบญญาภา พวกเขาก็รอจะไปเป็นครู โรงเรียนก็เปิดเทอมเป็นเดือนแล้ว แต่ไม่มีครูไปสอนในบางวิชา ฉะนั้น ทำให้เสียโอกาสทั้งครูและนักเรียน
ผอ.ทีดีอาร์ไอ แนะ 4 ข้อ ปรับโครงสร้างภาษี ทยอยขึ้นแวต ครั้งละ 1% – เก็บบนฐานทรัพย์สิน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4941124
ภาษีแวต – ผอ.ทีดีอาร์ไอ แนะ 4 ข้อ ปรับโครงสร้างภาษี ทยอยขึ้นแวต ครั้งละ 1% – เก็บบนฐานทรัพย์สิน
จากกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ศึกษาแนวทางการปรับปรุงการจัดเก็บภาษี อาทิ ปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 15% ปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% สอดคล้อง Global Minimum Tax พร้อมศึกษาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 15% เพื่อดึงคนเก่งเข้ามาทำงานในไทย และลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนั้น
ล่าสุด (6 ธ.ค.) ดร.สมชัย จิตสุชน ผอ.การวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เขียนถึง ข้อเสนอปรับรายละเอียดมาตรการภาษี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
1. ภาษี VAT ควรขึ้น แต่ค่อยเป็นค่อยไป เช่นขึ้น 1% ก่อนแล้วหาจังหวะในอนาคตขึ้นทีละ 1% แต่ไม่ประกาศล่วงหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) ได้ แล้วไปจบที่ 10% ภายใน 5 ปี
1.1 รัฐบาลสัญญาและทำตามสัญญาว่าจะเอาเงินภาษี VAT ที่เพิ่มขึ้นได้มาใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ต่อคนจน ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบางเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเลย แต่ไม่ใช่ประชานิยมระยะสั้น
2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ควรเป็น flat rate อย่างที่เสนอ แม้จะมีข้อดีบางข้อ เช่นคำนวณง่าย ทำให้คนอยากทำงานมีรายได้สูงๆ โดยไม่ต้องกลัวอัตราภาษีสูงตามไปด้วย แต่ข้อเสียมากกว่าคือไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ
2.1 ควรพิจารณาปรับลดพวกค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ให้ประโยชน์กับคนรายได้สูง
2.2 ถ้าจะใช้ flat rate ควรใช้กับเงินได้จากดอกเบี้ยและปันผลที่ปัจจุบันแยกคำนวณมากกว่า
3. ภาษีเงินนิติบุคคล ถ้าจะลดเหลือ 15% ก็ควรยกเลิกสิทธิประโยชน์ BOI ไปด้วย จะได้แฟร์และดึงดูดการลงทุนอย่างทั่วถึงแทนที่จะเป็นบางอุตสาหกรรมที่ก็ไม่รู้ว่าให้ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเท่าไรกันแน่ ใช้มาตรการอื่นดึงดูดแทนดีกว่า เช่นพัฒนาทักษะแรงงานไทย ปรับเลิกกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ป้องกันการเรียกใต้โต๊ะของ ขรก. สารพัดสี
4. สำคัญคืออย่าลืมเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สิน เช่น capital gain, windfall tax ด้วยนะจ๊ะ (กินยาไรไปถึงลืมได้อะ)
https://www.facebook.com/somchai.jitsuchon/posts/pfbid0sMCsW9PuBFHRxhepFhW95EcqLtDqWyQZq1y9yviCNuhem4hvWHoQKcx7Ybk9Fc7Jl