เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน งานเลี้ยงระดมทุนช่วยเหลือเด็กกำพร้าขององค์กรการกุศลระดับโลก เวียนครบปีมาบรรจบอีกครั้งแล้ว ทั้งที่ธีร์วราเหมือนเพิ่งก้าวเข้างานไปเมื่อวานนี้เอง
ปีก่อนหล่อนไม่ทันสนใจรายละเอียดในงานเพราะมัวตั้งสมาธิต่อกรกับสุเมธ ส่วนปีนี้งานเลี้ยงมีการแยกเวทีเป็นสองฝั่ง ทางขวาแสดงการขับเสภาโดยเน้นผลงานท่านสุนทรภู่กวีเอกของไทยเป็นหลัก สลับกับเวทีฝั่งซ้ายซึ่งใช้วงเปียโนทรีโอบรรเลงเพลงสากล คงเพราะเชิญบรรดาทูตจากหลายประเทศมาร่วมงานจึงจัดการแสดงแบบนี้ วัฒนธรรมแตกต่างทว่ากลับคลอเคียงกันไปได้อย่างน่าชม ตอนที่พวกหล่อนผ่านประตูห้องจัดเลี้ยงบนเวทีกำลังขับเสภาพอดี ชาวต่างชาติมุงดูกันเต็ม
“พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร”
จอภาพขนาดใหญ่แขวนเหนือเวทีฉายคำอธิบายสองภาษาว่าเป็นกลอนจากเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพให้ศัตรูคิดถึงบ้านจนไม่อยากจะรบ
เสียงขับเสภาไพเราะจับจิต ธีทัตฟังแล้วรำพึงขึ้น “จะว่าไปนี่ก็เท่ากับพี่กลับบ้านมาครบปีแล้วสิ”
“เรื่องของพี่มันน่าสนใจตรงไหน เราต่างหากล่ะ” พลางหยิบแก้วไวน์ยื่นส่งให้น้องชายและน้ำส้มสำหรับตัวเอง เอื้อนเอ่ยหน้าตาย “ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน...”
“...ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” ธีทัตยักคิ้วใส่คำแซว แถมยังชนแก้วต่อกลอนกับพี่สาวครึกครื้น
วันนี้เขาพาของขวัญมาด้วยคล้ายเป็นการเปิดตัวกลายๆ ดาราสาวดูสดใสขึ้นมากหลังสลัดแฟนเก่าพ้นตัวไปได้ เมื่อครู่เพิ่งควงแขนกันให้ช่างภาพถ่ายรูป ซึ่งการจากมะรุมมะตุ้มนั่นพรุ่งนี้คงเป็นข่าวดังไม่เบา จากนั้นของขวัญปลีกตัวไปคุยกับเพื่อนปล่อยพวกเขาเข้างานมาก่อน
ไม่นานหญิงสาวที่กำลังคิดถึงก็กลับมาพร้อมหนีบเพื่อนคนหนึ่งติดมาด้วย เป็นปารมีดาราสาวข้ามเพศนั่นเอง ธีร์วราทักทายอย่างเคยคุ้นแต่ธีทัตไม่รู้จัก จึงต้องแนะนำตัวกันก่อน
“นี่พี่กาย” ของขวัญแจกแจงกับสาวข้ามเพศ “น้องชายพี่แก้วค่ะ”
“...และแฟนของขวัญด้วยใช่ไหมคนเขาคุยกันให้แซด พี่เข้างานมาทีหลังยังรู้เลย”
ดาราสาวหน้าแดงส่วนธีทัตแค่หัวเราะน้อยๆ เห็นพวกเขามีความสุขธีร์วราพลอยแช่มชื่นไปด้วย ทุกคนสนทนาอย่างออกรส แม้ปารมีจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทคู่แข่งธีทัตก็ยังให้ความเป็นกันเอง ของขวัญเล่าว่ารู้จักและสนิทสนมกับปารมีจากงานภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง สาวข้ามเพศเย้าตอบว่าพอภาพยนตร์เรื่องนั้นเจ๊ง เลยไม่มีใครกล้าจ้างพวกเราร่วมงานกันอีก เรียกเสียงหัวเราะรอบวง
“ท่าทางสนุกกันจัง ขอผมร่วมด้วยได้ไหมครับ”
ธีทัตชะงัก สีหน้ากระด้างขึ้นทันควัน แต่ธีร์วราเพียงจิบเครื่องดื่มก่อนเริ่มพูด “ขอแนะนำของขวัญกับคุณมี่ให้รู้จักคุณกรินทร์ เจ้าของบริษัทสยามคอนเนคชั่นส์โลจิสติกส์นะจ๊ะ”
กรินทร์ก้มศีรษะทักทาย ใบหน้าซูบตอบของเขาห่างไกลความหล่อเหลาโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับธีทัต แต่ท่าทางภูมิฐานมั่นอกมั่นใจเสริมสร้างความน่าเกรงขามโดยไม่ต้องพยายาม กลบรัศมีธีทัตลงอย่างง่ายดาย จากสายตางงงันระคนทึ่งของปารมีและของขวัญคงทำให้ธีทัตพอรู้ตัว จึงยิ่งหงุดหงิดเป็นสองเท่า
“พี่แก้วอย่าเสวนากับคนพรรค์นี้เลย ไปเถอะ” พลางดึงแขนของขวัญเตรียมหนีห่าง กรินทร์จึงเอ่ยลอยๆ
“อ้าว เพิ่งเจอกันแท้ๆ น่าจะอยู่คุยสักหน่อยนะครับ”
“ไม่มีทาง ผมเกลียดคุณ!”
เสียงตะคอกทำเอาของขวัญกับปารมีสะดุ้ง ส่วนกรินทร์แค่ยักไหล่ “ส่วนใหญ่คนที่พูดเกลียดใส่หน้าผมน่ะ จริงๆ กลัวผมกันทั้งนั้นแหละ”
ธีทัตตัวสั่นด้วยความโมโหจนพี่สาวต้องก้าวขึ้นมาบังหน้าเขา เปลี่ยนเป็นคู่สนทนากับกรินทร์เสียเอง “สงสัยจัง คุณกรินทร์ได้ยินคนพูดแบบนั้นจากที่ไหน เพราะที่ดิฉันเคยฟังมา ส่วนใหญ่ชอบคุณกรินทร์จะตายไป”
“จริงหรือครับ”
“ค่ะ แต่ที่พูดว่าชอบจริงๆ แล้วอาจจะชังมากกว่าไหมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะขนาดพูดว่าเกลียดยังมีคนอุตส่าห์แปลว่ากลัว แล้วชอบกับชังจะแยกแยะได้หรือคะ”
กรินทร์หัวเราะลั่น “นอกจากเมียผมก็มีคุณนี่แหละที่ต่อปากสนุกดี มิน่า...กวางถึงชอบคุณมาก กำชับแล้วกำชับอีกห้ามผมแกล้งคุณ ไอ้ผมมันคนเชื่อฟังเมียซะด้วยสิ แต่ที่ผมคิดจะสู้ด้วยมันลายหงส์ไม่ใช่ตัวคุณธีร์วรานี่ครับ ถือว่าไม่ผิดกติกาเนอะ”
ธีร์วรานึกเหนื่อยใจแทนชาคริยาที่ต้องคอยกำราบคนแบบกรินทร์ทุกวี่ทุกวัน ชักสงสัยว่าชาคริยาทำอีท่าไหนผู้ชายเจ้าเล่ห์ถึงหลงรักจนยอมหงอขนาดนี้ ใช่...ยอมหงอแบบเจ้าเล่ห์ๆ นี่แหละ!
“วันนี้คุณกวางไม่มาด้วยหรือคะ”
“เธอต้องขึ้นเวรครับ เป็นพยาบาลงานยุ่งจะตาย ผมเลยมากับคนอื่น” เขายกมือเป็นสัญญาณ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจึงเดินมาสมทบ “ขอแนะนำนะครับ นี่คุณกำภู”
ดาราสองคนยกมือไหว้คนที่เพิ่งรู้จัก แต่ธีร์วรากับธีทัตจำได้ทันที ใครเล่าจะลืมเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางคู่แข่งอันดับสามไปได้ ชัดเจนแล้วว่ากรินทร์ทำงานกับใคร!
กำภูหน้าตาค่อนข้างธรรมดา ที่โดดเด่นมีแค่จมูกซึ่งบานพะเยิบพะยาบ “สวัสดีครับคุณแก้วคุณกาย คงรู้จักกรินทร์หุ้นส่วนรายใหม่ของผมแล้วมั้ง”
ธีร์วราแอบแปลกใจ ตอนแรกนึกว่ากรินทร์แค่ทำงานให้บริษัทคู่แข่ง แต่ที่แท้ถึงขนาดร่วมทุนด้วย มิน่าถึงลงมือเอาจริงเอาจังเหลือเกิน
อันที่จริงลายหงส์กับบริษัทของกำภูมีประวัติกันมาค่อนข้างยาว ด้วยสมัยก่อนสองบริษัทตีคู่แข่งกันมาตลอด จนลายหงส์เริ่มทิ้งห่างสมัยธีรศักดิ์พี่ชายคนโตของธีร์วราบริหารงาน และพออมราก่อตั้งกำภูก็ยิ่งตามไม่ทัน กลายเป็นอันดับสามซึ่งสุมไฟแค้นแน่นอก วันนี้คือโอกาสที่เฝ้ารอมานาน กำภูจึงใส่ไม่ยั้ง
“ผมดึงกรินทร์มาเสริมให้บริษัทโตเร็วๆ บริหารงานด้วยเครือญาติมันล้าสมัยแล้ว ระวังก้าวหน้าไม่ทันนะครับ”
ประธานบอร์ดลายหงส์คลี่ยิ้มเยือกเย็นตามแบบฉบับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ และยินดีด้วยนะคะคุณกำภู...ในที่สุดก็หาผู้ลงทุนรายใหม่สำเร็จซะที”
คนฟังหน้าเสีย เรื่องที่บริษัทเขาโดนลายหงส์และอมราผลัดกันขยี้จนมีแต่คนอยากขายหุ้นทิ้งนั้นลือกระหึ่มในวงการมาหลายเดือนแล้ว แน่นอน...ธีร์วราตั้งใจเหน็บไปถึงกรินทร์ซึ่งทะเล่อทะล่าซื้อหุ้นของบริษัทที่กำลังขาลง แต่อีกฝ่ายกลับฉีกยิ้ม
“ผมล่ะอิจฉาลายหงส์มาก ซีซีที่เพิ่งเลิกขายก็โกยเงินมหาศาล แบบนี้ปีหน้าจะออกสินค้า limited edition อะไรมาขายอีกครับ ช่วงวาเลนไทน์ก็น่าสนใจนะ”
นี่เขารู้ความลับของลายหงส์ได้อย่างไร! หัวใจธีร์วรากระตุกวูบก่อนยั้งกิริยาทัน ถ้ากรินทร์ทราบแผนของหล่อนจริงๆ คงไม่เอามาพูดให้คู่แข่งรู้ตัวหรอก ที่แท้เขาแกล้งแหย่เพื่อตรวจสอบว่าการคาดเดาถูกต้องไหมเท่านั้น
คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 24
ปีก่อนหล่อนไม่ทันสนใจรายละเอียดในงานเพราะมัวตั้งสมาธิต่อกรกับสุเมธ ส่วนปีนี้งานเลี้ยงมีการแยกเวทีเป็นสองฝั่ง ทางขวาแสดงการขับเสภาโดยเน้นผลงานท่านสุนทรภู่กวีเอกของไทยเป็นหลัก สลับกับเวทีฝั่งซ้ายซึ่งใช้วงเปียโนทรีโอบรรเลงเพลงสากล คงเพราะเชิญบรรดาทูตจากหลายประเทศมาร่วมงานจึงจัดการแสดงแบบนี้ วัฒนธรรมแตกต่างทว่ากลับคลอเคียงกันไปได้อย่างน่าชม ตอนที่พวกหล่อนผ่านประตูห้องจัดเลี้ยงบนเวทีกำลังขับเสภาพอดี ชาวต่างชาติมุงดูกันเต็ม
“พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร”
จอภาพขนาดใหญ่แขวนเหนือเวทีฉายคำอธิบายสองภาษาว่าเป็นกลอนจากเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพให้ศัตรูคิดถึงบ้านจนไม่อยากจะรบ
เสียงขับเสภาไพเราะจับจิต ธีทัตฟังแล้วรำพึงขึ้น “จะว่าไปนี่ก็เท่ากับพี่กลับบ้านมาครบปีแล้วสิ”
“เรื่องของพี่มันน่าสนใจตรงไหน เราต่างหากล่ะ” พลางหยิบแก้วไวน์ยื่นส่งให้น้องชายและน้ำส้มสำหรับตัวเอง เอื้อนเอ่ยหน้าตาย “ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน...”
“...ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” ธีทัตยักคิ้วใส่คำแซว แถมยังชนแก้วต่อกลอนกับพี่สาวครึกครื้น
วันนี้เขาพาของขวัญมาด้วยคล้ายเป็นการเปิดตัวกลายๆ ดาราสาวดูสดใสขึ้นมากหลังสลัดแฟนเก่าพ้นตัวไปได้ เมื่อครู่เพิ่งควงแขนกันให้ช่างภาพถ่ายรูป ซึ่งการจากมะรุมมะตุ้มนั่นพรุ่งนี้คงเป็นข่าวดังไม่เบา จากนั้นของขวัญปลีกตัวไปคุยกับเพื่อนปล่อยพวกเขาเข้างานมาก่อน
ไม่นานหญิงสาวที่กำลังคิดถึงก็กลับมาพร้อมหนีบเพื่อนคนหนึ่งติดมาด้วย เป็นปารมีดาราสาวข้ามเพศนั่นเอง ธีร์วราทักทายอย่างเคยคุ้นแต่ธีทัตไม่รู้จัก จึงต้องแนะนำตัวกันก่อน
“นี่พี่กาย” ของขวัญแจกแจงกับสาวข้ามเพศ “น้องชายพี่แก้วค่ะ”
“...และแฟนของขวัญด้วยใช่ไหมคนเขาคุยกันให้แซด พี่เข้างานมาทีหลังยังรู้เลย”
ดาราสาวหน้าแดงส่วนธีทัตแค่หัวเราะน้อยๆ เห็นพวกเขามีความสุขธีร์วราพลอยแช่มชื่นไปด้วย ทุกคนสนทนาอย่างออกรส แม้ปารมีจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทคู่แข่งธีทัตก็ยังให้ความเป็นกันเอง ของขวัญเล่าว่ารู้จักและสนิทสนมกับปารมีจากงานภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง สาวข้ามเพศเย้าตอบว่าพอภาพยนตร์เรื่องนั้นเจ๊ง เลยไม่มีใครกล้าจ้างพวกเราร่วมงานกันอีก เรียกเสียงหัวเราะรอบวง
“ท่าทางสนุกกันจัง ขอผมร่วมด้วยได้ไหมครับ”
ธีทัตชะงัก สีหน้ากระด้างขึ้นทันควัน แต่ธีร์วราเพียงจิบเครื่องดื่มก่อนเริ่มพูด “ขอแนะนำของขวัญกับคุณมี่ให้รู้จักคุณกรินทร์ เจ้าของบริษัทสยามคอนเนคชั่นส์โลจิสติกส์นะจ๊ะ”
กรินทร์ก้มศีรษะทักทาย ใบหน้าซูบตอบของเขาห่างไกลความหล่อเหลาโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับธีทัต แต่ท่าทางภูมิฐานมั่นอกมั่นใจเสริมสร้างความน่าเกรงขามโดยไม่ต้องพยายาม กลบรัศมีธีทัตลงอย่างง่ายดาย จากสายตางงงันระคนทึ่งของปารมีและของขวัญคงทำให้ธีทัตพอรู้ตัว จึงยิ่งหงุดหงิดเป็นสองเท่า
“พี่แก้วอย่าเสวนากับคนพรรค์นี้เลย ไปเถอะ” พลางดึงแขนของขวัญเตรียมหนีห่าง กรินทร์จึงเอ่ยลอยๆ
“อ้าว เพิ่งเจอกันแท้ๆ น่าจะอยู่คุยสักหน่อยนะครับ”
“ไม่มีทาง ผมเกลียดคุณ!”
เสียงตะคอกทำเอาของขวัญกับปารมีสะดุ้ง ส่วนกรินทร์แค่ยักไหล่ “ส่วนใหญ่คนที่พูดเกลียดใส่หน้าผมน่ะ จริงๆ กลัวผมกันทั้งนั้นแหละ”
ธีทัตตัวสั่นด้วยความโมโหจนพี่สาวต้องก้าวขึ้นมาบังหน้าเขา เปลี่ยนเป็นคู่สนทนากับกรินทร์เสียเอง “สงสัยจัง คุณกรินทร์ได้ยินคนพูดแบบนั้นจากที่ไหน เพราะที่ดิฉันเคยฟังมา ส่วนใหญ่ชอบคุณกรินทร์จะตายไป”
“จริงหรือครับ”
“ค่ะ แต่ที่พูดว่าชอบจริงๆ แล้วอาจจะชังมากกว่าไหมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะขนาดพูดว่าเกลียดยังมีคนอุตส่าห์แปลว่ากลัว แล้วชอบกับชังจะแยกแยะได้หรือคะ”
กรินทร์หัวเราะลั่น “นอกจากเมียผมก็มีคุณนี่แหละที่ต่อปากสนุกดี มิน่า...กวางถึงชอบคุณมาก กำชับแล้วกำชับอีกห้ามผมแกล้งคุณ ไอ้ผมมันคนเชื่อฟังเมียซะด้วยสิ แต่ที่ผมคิดจะสู้ด้วยมันลายหงส์ไม่ใช่ตัวคุณธีร์วรานี่ครับ ถือว่าไม่ผิดกติกาเนอะ”
ธีร์วรานึกเหนื่อยใจแทนชาคริยาที่ต้องคอยกำราบคนแบบกรินทร์ทุกวี่ทุกวัน ชักสงสัยว่าชาคริยาทำอีท่าไหนผู้ชายเจ้าเล่ห์ถึงหลงรักจนยอมหงอขนาดนี้ ใช่...ยอมหงอแบบเจ้าเล่ห์ๆ นี่แหละ!
“วันนี้คุณกวางไม่มาด้วยหรือคะ”
“เธอต้องขึ้นเวรครับ เป็นพยาบาลงานยุ่งจะตาย ผมเลยมากับคนอื่น” เขายกมือเป็นสัญญาณ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจึงเดินมาสมทบ “ขอแนะนำนะครับ นี่คุณกำภู”
ดาราสองคนยกมือไหว้คนที่เพิ่งรู้จัก แต่ธีร์วรากับธีทัตจำได้ทันที ใครเล่าจะลืมเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางคู่แข่งอันดับสามไปได้ ชัดเจนแล้วว่ากรินทร์ทำงานกับใคร!
กำภูหน้าตาค่อนข้างธรรมดา ที่โดดเด่นมีแค่จมูกซึ่งบานพะเยิบพะยาบ “สวัสดีครับคุณแก้วคุณกาย คงรู้จักกรินทร์หุ้นส่วนรายใหม่ของผมแล้วมั้ง”
ธีร์วราแอบแปลกใจ ตอนแรกนึกว่ากรินทร์แค่ทำงานให้บริษัทคู่แข่ง แต่ที่แท้ถึงขนาดร่วมทุนด้วย มิน่าถึงลงมือเอาจริงเอาจังเหลือเกิน
อันที่จริงลายหงส์กับบริษัทของกำภูมีประวัติกันมาค่อนข้างยาว ด้วยสมัยก่อนสองบริษัทตีคู่แข่งกันมาตลอด จนลายหงส์เริ่มทิ้งห่างสมัยธีรศักดิ์พี่ชายคนโตของธีร์วราบริหารงาน และพออมราก่อตั้งกำภูก็ยิ่งตามไม่ทัน กลายเป็นอันดับสามซึ่งสุมไฟแค้นแน่นอก วันนี้คือโอกาสที่เฝ้ารอมานาน กำภูจึงใส่ไม่ยั้ง
“ผมดึงกรินทร์มาเสริมให้บริษัทโตเร็วๆ บริหารงานด้วยเครือญาติมันล้าสมัยแล้ว ระวังก้าวหน้าไม่ทันนะครับ”
ประธานบอร์ดลายหงส์คลี่ยิ้มเยือกเย็นตามแบบฉบับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ และยินดีด้วยนะคะคุณกำภู...ในที่สุดก็หาผู้ลงทุนรายใหม่สำเร็จซะที”
คนฟังหน้าเสีย เรื่องที่บริษัทเขาโดนลายหงส์และอมราผลัดกันขยี้จนมีแต่คนอยากขายหุ้นทิ้งนั้นลือกระหึ่มในวงการมาหลายเดือนแล้ว แน่นอน...ธีร์วราตั้งใจเหน็บไปถึงกรินทร์ซึ่งทะเล่อทะล่าซื้อหุ้นของบริษัทที่กำลังขาลง แต่อีกฝ่ายกลับฉีกยิ้ม
“ผมล่ะอิจฉาลายหงส์มาก ซีซีที่เพิ่งเลิกขายก็โกยเงินมหาศาล แบบนี้ปีหน้าจะออกสินค้า limited edition อะไรมาขายอีกครับ ช่วงวาเลนไทน์ก็น่าสนใจนะ”
นี่เขารู้ความลับของลายหงส์ได้อย่างไร! หัวใจธีร์วรากระตุกวูบก่อนยั้งกิริยาทัน ถ้ากรินทร์ทราบแผนของหล่อนจริงๆ คงไม่เอามาพูดให้คู่แข่งรู้ตัวหรอก ที่แท้เขาแกล้งแหย่เพื่อตรวจสอบว่าการคาดเดาถูกต้องไหมเท่านั้น