บทความเรื่อง "คุณกำลังเป็น พระโสดาบัน อยู่หรือไม่?"


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถ้าพูด  ในแง่ของทฤษฏีสังโยชน์  คุณจะต้องตัดละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้เด็ดขาด คุณถึงจะเป็นพระโสดาบัน
แต่ถ้าพูด  ในแง่ของการตรวจสอบตนเองว่าเป็นพระโสดาบัน  คุณก็จะต้องใช้หลัก  แว่นธรรม    [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ถ้าพูด  ในแง่ของการปฏิบัติ  ของการเข้าถึงธรรม ก็จะมีจุดให้คุณสังเกตได้ ก็คือ......
จิตของผู้ที่  "เข้าใกล้"  ความเป็นพระโสดาบัน คนนั้นๆจะมีอนุสสติ6 ประจำอยู่ในจิตตลอดเวลา (ทรงอนุสสติ6)  
พุทธานุสสติ, ธัมมานุสสติ, สังฆานุสสติ, สีลานุสสติ, มรณานุสสติ, อุปมานุสสติ(มีนิพพานเป็นอารมณ์)

คือวันทั้งวัน ไม่ว่าคุณ จะคิด-จะพูด-จะทำ อะไร จิตของคุณจะอยู่ในกรอบของการมี อนุสสติ6 ประจำใจอยู่ตลอดเวลา  (ให้สังเกตตรงจุดนี้)

เมื่อมีอนุสสติ6 อยู่ในจิตตลอดเวลาแล้ว เวลามีอะไรเกิดขึ้นหรือมากระทบ ก็จะ มีสติรู้ตัว มากำกับไม่ให้ทำผิดศีล จึงทรงความเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ได้ตลอด
เขาจึงเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ ที่มีอธิศีลได้ (เคร่งครัดในศีลอย่างยิ่ง)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

((((( เคล็ดลับในการมีศีล 5 บริสุทธิ์ )))))
ทุกๆเช้า ก่อนที่จะคุณจะออกจากบ้าน เวลาที่คุณจะอาราธนาพระให้ช่วยคุ้มครองตัว ให้คุณสมาทานศีล และตรวจสอบศีล5ของคุณ ก่อนออกจากบ้าน

1.เว้นจากการฆ่าสัตว์ และทรมานสัตว์
2.เว้นจากการลักทรัพย์ หรือทรัพย์ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้
3.เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
4.เว้นจากการพูดเท็จ
5.เว้นจากการดื่มสุราเมรัย และเครื่องดองของมึนเมาทุกชนิด

พอคุณท่องศีลข้อใดขึ้นมา ก็ให้คุณเอาจิตนึกถามตัวเองดูว่า......
"เรายังบกพร่องในศีลข้อนี้อยู่หรือไม่?"  และ  "เหตุผลใดหรือสิ่งใดที่ทำให้เรายังบกพร่องในศีลข้อนี้อยู่?"  (หามันให้เจอ)

เป็นการเจริญสติตามรู้ดูจิตของตัวเอง  เพ่งโทษโจษความผิดของตนเอง  เพื่อให้เห็นกิเลสในจิตของตัวเองทุกเช้า (อย่างน้อยวันละ1ครั้งตอนเช้า ก็ยังดี)
เพื่อให้รู้ถึงเหตุความบกพร่องในศีลของตนเอง  ว่าเหตุใดคุณถึงยังมีความลังเลในการถือศีลข้อนี้อยู่?  (พอรู้สาเหตุแล้ว จะได้แก้ไขได้ถูกจุด)  
(ถามตัวเองด้วยศีลทุกข้อ ทีละข้อๆ คุณจะต้องมีคำตอบให้กับตัวเองทุกข้อ อย่าปล่อยผ่าน)

ถ้าวันใด ที่คุณไล่ตรวจศีล5ครบหมดทุกข้อ แล้วไม่เจอข้อบกพร่อง  ไม่เจอจิตสกปรกที่ยังมีเจตนาล่วงศีลผู้อื่นซ่อนอยู่เลยซักข้อเดียว  ก็ถือว่า  "พอใช้"

แค่ "พอใช้" เพราะว่าคุณยังไม่ได้ออกจากบ้าน ออกไปเจอปัจจัยภายนอก ที่เป็นสิ่งเร้ามากระทบกาย-กระทบใจ ที่จะทำให้กิเลสของคุณกำเริบได้
(แล้วค่อยไปตามดูจิตของตัวเองในระหว่างวันอีกทีหนึ่ง โดยใช้ มหาสติปัฏฐาน4 ครอบการกระทำทั้งหมดของคุณ ทั้งวัน-ทั้งคืน ที่ตื่นอยู่)

แต่เป้าหมายในการถือศีล ของผู้ที่ปฏิบัติตนเพื่อความเป็นพระโสดาบันนั้น ไม่ใช่แค่ศีล5ของคุณจะต้องไม่บกพร่อง หรือไม่ขาดเท่านั้น
แต่คุณจะต้องถือศีลจนถึงขั้น มีศีล5บริสุทธิ์ (เพราะพระโสดาบัน มีศีล5บริสุทธิ์)

การถือศีล5บริสุทธิ์ ก็คือ ศีลทุกข้อคุณจะต้อง  ไม่ทำผิดศีลด้วยตนเอง,  ไม่ยุยงให้ผู้อื่นทำผิดศีล,  และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำผิดศีลแล้ว  (เด็ดขาดทุกข้อ)
(ย้ำว่า "เด็ดขาด" ไม่มีความลังเลในการถือศีลทุกข้อ)

จิตปุถุชน ยังต้องคอยประคองศีลอยู่ ยังมีอารมณ์ในการถือศีลไม่เด็ดขาด  สาเหตุหลักก็มาจากความเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ยังไม่เพียงพอ
(คนส่วนมากที่ยังลังเลในการถือศีลอยู่ ก็เพราะลังเลคิดว่าเรื่องนรกสวรรค์อาจจะไม่มีจริง อาจจะคิดว่าเป็นแค่กุศโลบายให้คนกระทำแต่ความดีเท่านั้น)
(แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่านรกสวรรค์มีจริงแท้แน่นอน จะทำให้อารมณ์ในการถือศีลของคุณเปลี่ยนไป คุณจะไม่กล้าทำผิดศีลอีก)
(หรือจะพูดอธิบายได้ง่ายๆว่า คุณจะมั่นคงในศีลได้มากเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้ามากเท่าไหร่? นั่นเอง)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สังโยชน์3 เขียนเรียงกันตามลำดับความยากในการตัดละ (ข้อไหนยิ่งลึก ยิ่งตัดละได้ยากกว่าข้อต้น)  
เพราะฉนั้น ในทางปฏิบัติ ผู้ที่ปฏิบัติตนเพื่อความเป็นพระโสดาบันนั้น จะมุ่งเน้นโฟกัสไปที่การปฏิบัติตนให้เป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ (มีอธิศีล) เป็นเป้าหมาย
แต่ไม่มีใครที่จะเคร่งครัดตนเองไปจนถึงขั้นมีศีลบริสุทธิ์ได้  ถ้าเขาไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอย่างถึงที่สุด  และยังประมาทในความตายอยู่

เพราะฉนั้น.....

ถ้าคุณมีอารมณ์ไม่หลงลืมความตาย ตระหนักรู้ว่า  "รู้ว่าเราจะต้องตาย"  แน่นอน                     (สักกายทิฏฐิ ขั้นต้นของพระโสดาบัน)
และเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถึงที่สุด ไม่ลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย       (วิจิกิจฉา)    
การถือศีลของคุณก็จะเคร่งครัดจนถึงขั้นมีศีลบริสุทธิ์ได้                                                       (สีลัพพตปรามาส)

เพราะฉนั้น ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าตัวเองอาจจะกำลังเป็น พระโสดาบัน อยู่หรือเปล่า?  (ก็ไม่ต้องให้ใครมาบอก แค่ไล่ข้อศีล5ข้อ ในจิตของคุณเองดูก็รู้)
ถ้าคุณยังมีความลังเลในการถือศีล5อยู่  แม้แต่ข้อเดียว  คุณก็ไม่ใช่พระโสดาบันแน่  

"ไม่มีใครเป็นพระอริยะเจ้า โดยความบังเอิญ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่