จากที่ได้แบ่งปันวิธีฝึกสมาธิไปทั้ง ฌาน 1 2 3 แล้วนั้น ก็มาถึงฌานที่ 4 ครับ ฌานที่ 4 นี้เป็นฌานที่สำคัญในพระพุทธศาสนาถ้าว่ากันผลที่ได้จากการฝึกนั้น เราสามารถที่จะเห็นอะไรได้หลายอย่างครับ ตัวอย่างเช่น การแยกกันของ
ร่างกาย และ จิต ถ้าใครก็ตามที่ฝึกมาถึงฌาน 4 ได้นั้นคำตอบในเรื่อง
ร่างกายของเรา เราเป็นเจ้าของร่างกาย จะหมดไปทันที นอกจากนี้หากเรายังไม่สนใจที่จะไม่เจริญ
วิปัสนา สมาธิในฌาน 4 สามารถนำไปใช้ในการฝึกกรรมฐานกองอื่นๆได้อีกมากมายตามแต่ที่เราสนใจ เช่นถ้าเราอยากรู้ว่า นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่เพียงใด เราก็สามารถนำไปต่อยอดในสิ่งที่เราอยากรู้ อยากพิสูจน์ได้ครับ
วิธีการก็เหมือนเดิมครับใช้
" เสียง" เป็นครูฝึก
เนื่องจากสมาธิในฌาน 4 นี้มีความละเอียดมากจึงจะขอยก
คำสอนของครูบาอาจารย์มาอธิบายเพื่อเกิดความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นครับ
จตุตถฌาน หรือ จตุตถสมาบัติ
จตุตถะ แปลว่าที่ ๔ จตุตถฌานจึงแปลว่า ฌานที่ ๔ ฌานที่ ๔ นี้มีอารมณ์ ๒ เหมือนฌาน ๓ แต่ผิดกันที่ฌาน ๓ มีสุขกับเอกัคคตา สำหรับฌานที่ ๔ นี้ ตัดความสุข ออกเสียเหลือแต่ เอกัคคตา และเติมอุเบกขาเข้ามาแทน ฉะนั้น อารมณ์ของฌาน ๔ จึงมีอารมณ์ผิดแผกจากฌาน ๓ ตรงที่ตัดความสุขออกไป และเพิ่มการวางเฉยเข้ามา แทนที่
ฌาน 4
1. เอกกัคตา
2. อุเบกขา
อาการของฌาน ๔
ฌาน ๔ เมื่อนักปฏิบัติ ปฏิบัติถึงมีอาการดังนี้
1. จะไม่ปรากฏลมหายใจเหมือนสภาพฌานอื่นๆ เพราะลมละเอียดจน ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจ ในวิสุทธิมรรคท่านว่า ลมหายใจไม่มีเลย แต่บางอาจารย์ ท่านว่า ลมหายใจนั้นมี แต่ลมหายใจละเอียดจนไม่มีความรู้สึกว่าหายใจ ตามนัยวิสุทธิ- มรรคท่านกล่าวถึงคนที่ไม่มีลมหายใจไว้ ๔ จำพวกด้วยกัน คือ ๑. คนตาย ๒. คนดำน้ำ ๓. เด็กในครรภ์มารดา ๔.ท่านที่เข้าฌาน ๔ รวมความว่า ข้อสังเกตที่สังเกตได้ชัดเจน ในฌาน ๔ ที่เข้าถึงก็คือ ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจการที่ฌาน ๔ เมื่อเข้าถึงแล้ว และ ขณะที่ทรงอยู่ในระดับของฌาน ๔ ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจนี้เป็นความจริง มีนักปฏิบัติ หลายท่านที่พบเข้าแบบนี้ถึงกับร้องเอะอะโวยวายบอกว่าไม่เอาแล้วเพราะเกรงว่าจะตาย เพราะไม่มีลมหายใจบางรายที่อารมณ์สติสมบูรณ์หน่อยก็ถึงกับค้นคว้าควานหาลมหายใจ เมื่ออารมณ์จิตตกลงระดับต่ำกว่าฌานที่ ๔ ในที่สุดก็พบลมหายใจที่ปรากฏอยู่กับปลาย จมูกนั่นเอง
2. อารมณ์จิตเมื่อเข้าสู่ระดับฌาน ๔ จะมีอารมณ์สงัดเงียบจากอารมณ์ ภายนอกจริง ๆ ดับเสียง คือ
ไม่ได้ยินเสียง ดับสุข ดับทุกข์ทางกายเสียจนหมดสิ้น มี อารมณ์โพลงสว่างไสวเกินกว่าฌานอื่นใด มีอารมณ์สงัดเงียบ ไม่เกี่ยวข้องด้วยร่างกาย เลย กายจะสุข จะทุกข์ มดจะกิน ริ้นจะกัดอันตรายใดๆ จะเกิด จิตในระหว่างตั้งอยู่สมาธิ ที่มีกำลังระดับฌาน ๔ จะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะ
ฌานนี้กายกับจิตแยกกันเด็ดขาดจริงๆ ไม่สนใจข้องแวะกันเลย ดังจะเห็นในเรื่องของลมหายใจ ความจริงร่างกายนี้จำเป็นมาก ในเรื่องหายใจเพราะลมหายใจเป็นพลังสำคัญของร่างกาย พลังอื่นใดหมดไป แต่อัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจยังปรากฏ ที่เรียกกันตามภาษาธรรมว่า ผัสสาหารยังมีอยู่ ร่างกาย ก็ยังไม่สลายตัว ถ้าลมหายใจที่เรียกว่าผัสสาหารหยุดเมื่อไร เมื่อนั้นก็ถึงอวสานของการ ทรงอยู่ของร่างกาย ฉะนั้น
ผลการปฏิบัติที่เข้าถึงระดับฌาน ๔ จึงจัดว่าลมหายใจยังคงมี ตามปกติที่ไม่รู้ว่าหายใจก็เพราะว่าจิตแยกออกจากกายอย่างเด็ดขาดโดยไม่รับรู้อาการ ของร่างกายเลย
เสี้ยนหนามของฌาน ๔
เสี้ยนหนาม หรือศัตรูตัวสำคัญของฌาน ๔ ก็คือ
"ลมหายใจ" เพราะถ้าปรากฏว่า มีลมหายใจปรากฏเมื่อเข้าฌาน ๔ ก็จงทราบเถิดว่า จิตของท่านมีสมาธิต่ำกว่าฌาน ๔ แล้วจงอย่าสนใจกับลมหายใจเลยเป็นอันขาด
อานิสงส์ของฌาน ๔
1. ท่านที่ทรงฌาน ๔ ไว้ได้ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ จะมีอารมณ์แช่มชื่นตลอดวัน เวลาจะแก้ปัญหาของตนเองได้อย่างอัศจรรย์
2. ท่านที่ได้ฌาน ๔ สามารถจะทรงวิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณได้ ถ้าท่านต้องการ
3. ท่านที่ได้ฌาน ๔ สามารถจะเอาฌาน ๔ เป็นกำลังของวิปัสสนาญาณชำระ กิเลสให้หมดสิ้นไป อย่างช้าภายใน ๗ ปี อย่างกลางภายใน ๗ เดือน อย่างเร็วภายใน ๗ วัน
4. หากท่านไม่เจริญวิปัสสนา ท่านทรงฌาน ๔ ไว้มิให้เสื่อม ขณะตาย ตาย ในระหว่างฌานที่จะได้ไปเกิดในพรหมโลกสองชั้นคือ ชั้นที่ ๑๐ และชั้นที่ ๑๑
........................................................................................................................................................................................................
กลับมาที่ตัวผมเองนะครับ ฌาน 4 นี้ถือว่าค่อนข้างใช้เวลานานสำหรับผม เพราะเวลาส่วนใหญ่ที่ผมฝึกนั้นจะเป็นช่วงก่อนนอน 1-2 ชม และส่วนใหญ่จะฝึกในห้องพระครับ ห้องพระที่บ้านไม่มีแอร์ และช่วงที่ผมฝึกส่วนใหญ่จะเน้นฝึกช่วงหน้าร้อน และ ช่วงหน้าฝน คือ หน้าร้อนต้องเอาให้หนักลองดูว่า ถ้าไม่เปิดแอร์ห้องร้อนแบบนั้นเราเอาอยู่มั้ย ทั้งอากาศร้อน ทั้งเสียง เราเอาอยู่มั้ย แรกๆก็เอาเรื่องครับเหงื่อสะพรั่ง และช่วงหน้าฝน วันใหนฝนตกหนักวันนั้นกำไร เพราะไม่ต้องไปเปิดเสียง และมียุงนิดหน่อยพอมาบินไปมาเพื่อทดสอบเรา เอาเสียงฝน และยุง เป็นครูทดสอบ ผมฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ครั้งวันแรกที่ฝึกจนกระทั่งได้ประสบการณ์ครบดังที่มาแบ่งปันก็กินเวลาเป็นปีครับ
ดังที่กล่าวมาในหลายๆครั้งว่าที่นำมาวิธีมาแบ่งปันนี้ก็เพื่อจะให้ทราบว่าฌานใหนเป็นอะไรยังไงแค่นั้นครับ ในส่วนอื่นที่จะพบในช่วงการฝึกนั้นก็ขอให้เป็นประสบการณ์ของแต่ละคน และในการปฏิบัติจริงๆของสมาธินั้นเราไม่ได้ฝึก
เพื่อจะเอาฌาน 1 2 3 4 แต่เราฝึกเพื่อที่จะเอากำลังของฌานนั้นไปใช้สำหรับ
เจริญวิปัสนา เพื่อให้เกิด ปัญญา รู้แจ้งใน ทุกข์ และสามารถ ดับทุกข์ได้ในที่สุด
ที่ได้นำมาแบ่งปันนี้พอมีประโยชน์สำหรับหลายคนที่ฝึกอยู่นะครับ หากมีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ และหากสิ่งที่นำมาแบ่งปันมียังประโยชน์แก่ใครเพียงใด ก็ขอยกความดีและบุญกุศลนี้ให้แด่ครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนแนะนำมาครับ
ปล. กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียวครับ
แบ่งปันวิธีฝึกเพื่อให้ได้ " จตุตถฌาน หรือฌาน 4 " สามารถทำที่บ้านได้ง่ายๆทุกวัน
วิธีการก็เหมือนเดิมครับใช้ " เสียง" เป็นครูฝึก
เนื่องจากสมาธิในฌาน 4 นี้มีความละเอียดมากจึงจะขอยก คำสอนของครูบาอาจารย์มาอธิบายเพื่อเกิดความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นครับ
จตุตถฌาน หรือ จตุตถสมาบัติ
จตุตถะ แปลว่าที่ ๔ จตุตถฌานจึงแปลว่า ฌานที่ ๔ ฌานที่ ๔ นี้มีอารมณ์ ๒ เหมือนฌาน ๓ แต่ผิดกันที่ฌาน ๓ มีสุขกับเอกัคคตา สำหรับฌานที่ ๔ นี้ ตัดความสุข ออกเสียเหลือแต่ เอกัคคตา และเติมอุเบกขาเข้ามาแทน ฉะนั้น อารมณ์ของฌาน ๔ จึงมีอารมณ์ผิดแผกจากฌาน ๓ ตรงที่ตัดความสุขออกไป และเพิ่มการวางเฉยเข้ามา แทนที่
ฌาน 4
1. เอกกัคตา
2. อุเบกขา
อาการของฌาน ๔
ฌาน ๔ เมื่อนักปฏิบัติ ปฏิบัติถึงมีอาการดังนี้
1. จะไม่ปรากฏลมหายใจเหมือนสภาพฌานอื่นๆ เพราะลมละเอียดจน ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจ ในวิสุทธิมรรคท่านว่า ลมหายใจไม่มีเลย แต่บางอาจารย์ ท่านว่า ลมหายใจนั้นมี แต่ลมหายใจละเอียดจนไม่มีความรู้สึกว่าหายใจ ตามนัยวิสุทธิ- มรรคท่านกล่าวถึงคนที่ไม่มีลมหายใจไว้ ๔ จำพวกด้วยกัน คือ ๑. คนตาย ๒. คนดำน้ำ ๓. เด็กในครรภ์มารดา ๔.ท่านที่เข้าฌาน ๔ รวมความว่า ข้อสังเกตที่สังเกตได้ชัดเจน ในฌาน ๔ ที่เข้าถึงก็คือ ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจการที่ฌาน ๔ เมื่อเข้าถึงแล้ว และ ขณะที่ทรงอยู่ในระดับของฌาน ๔ ไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจนี้เป็นความจริง มีนักปฏิบัติ หลายท่านที่พบเข้าแบบนี้ถึงกับร้องเอะอะโวยวายบอกว่าไม่เอาแล้วเพราะเกรงว่าจะตาย เพราะไม่มีลมหายใจบางรายที่อารมณ์สติสมบูรณ์หน่อยก็ถึงกับค้นคว้าควานหาลมหายใจ เมื่ออารมณ์จิตตกลงระดับต่ำกว่าฌานที่ ๔ ในที่สุดก็พบลมหายใจที่ปรากฏอยู่กับปลาย จมูกนั่นเอง
2. อารมณ์จิตเมื่อเข้าสู่ระดับฌาน ๔ จะมีอารมณ์สงัดเงียบจากอารมณ์ ภายนอกจริง ๆ ดับเสียง คือ ไม่ได้ยินเสียง ดับสุข ดับทุกข์ทางกายเสียจนหมดสิ้น มี อารมณ์โพลงสว่างไสวเกินกว่าฌานอื่นใด มีอารมณ์สงัดเงียบ ไม่เกี่ยวข้องด้วยร่างกาย เลย กายจะสุข จะทุกข์ มดจะกิน ริ้นจะกัดอันตรายใดๆ จะเกิด จิตในระหว่างตั้งอยู่สมาธิ ที่มีกำลังระดับฌาน ๔ จะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะฌานนี้กายกับจิตแยกกันเด็ดขาดจริงๆ ไม่สนใจข้องแวะกันเลย ดังจะเห็นในเรื่องของลมหายใจ ความจริงร่างกายนี้จำเป็นมาก ในเรื่องหายใจเพราะลมหายใจเป็นพลังสำคัญของร่างกาย พลังอื่นใดหมดไป แต่อัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจยังปรากฏ ที่เรียกกันตามภาษาธรรมว่า ผัสสาหารยังมีอยู่ ร่างกาย ก็ยังไม่สลายตัว ถ้าลมหายใจที่เรียกว่าผัสสาหารหยุดเมื่อไร เมื่อนั้นก็ถึงอวสานของการ ทรงอยู่ของร่างกาย ฉะนั้น ผลการปฏิบัติที่เข้าถึงระดับฌาน ๔ จึงจัดว่าลมหายใจยังคงมี ตามปกติที่ไม่รู้ว่าหายใจก็เพราะว่าจิตแยกออกจากกายอย่างเด็ดขาดโดยไม่รับรู้อาการ ของร่างกายเลย
เสี้ยนหนามของฌาน ๔
เสี้ยนหนาม หรือศัตรูตัวสำคัญของฌาน ๔ ก็คือ "ลมหายใจ" เพราะถ้าปรากฏว่า มีลมหายใจปรากฏเมื่อเข้าฌาน ๔ ก็จงทราบเถิดว่า จิตของท่านมีสมาธิต่ำกว่าฌาน ๔ แล้วจงอย่าสนใจกับลมหายใจเลยเป็นอันขาด
อานิสงส์ของฌาน ๔
1. ท่านที่ทรงฌาน ๔ ไว้ได้ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ จะมีอารมณ์แช่มชื่นตลอดวัน เวลาจะแก้ปัญหาของตนเองได้อย่างอัศจรรย์
2. ท่านที่ได้ฌาน ๔ สามารถจะทรงวิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณได้ ถ้าท่านต้องการ
3. ท่านที่ได้ฌาน ๔ สามารถจะเอาฌาน ๔ เป็นกำลังของวิปัสสนาญาณชำระ กิเลสให้หมดสิ้นไป อย่างช้าภายใน ๗ ปี อย่างกลางภายใน ๗ เดือน อย่างเร็วภายใน ๗ วัน
4. หากท่านไม่เจริญวิปัสสนา ท่านทรงฌาน ๔ ไว้มิให้เสื่อม ขณะตาย ตาย ในระหว่างฌานที่จะได้ไปเกิดในพรหมโลกสองชั้นคือ ชั้นที่ ๑๐ และชั้นที่ ๑๑
........................................................................................................................................................................................................
กลับมาที่ตัวผมเองนะครับ ฌาน 4 นี้ถือว่าค่อนข้างใช้เวลานานสำหรับผม เพราะเวลาส่วนใหญ่ที่ผมฝึกนั้นจะเป็นช่วงก่อนนอน 1-2 ชม และส่วนใหญ่จะฝึกในห้องพระครับ ห้องพระที่บ้านไม่มีแอร์ และช่วงที่ผมฝึกส่วนใหญ่จะเน้นฝึกช่วงหน้าร้อน และ ช่วงหน้าฝน คือ หน้าร้อนต้องเอาให้หนักลองดูว่า ถ้าไม่เปิดแอร์ห้องร้อนแบบนั้นเราเอาอยู่มั้ย ทั้งอากาศร้อน ทั้งเสียง เราเอาอยู่มั้ย แรกๆก็เอาเรื่องครับเหงื่อสะพรั่ง และช่วงหน้าฝน วันใหนฝนตกหนักวันนั้นกำไร เพราะไม่ต้องไปเปิดเสียง และมียุงนิดหน่อยพอมาบินไปมาเพื่อทดสอบเรา เอาเสียงฝน และยุง เป็นครูทดสอบ ผมฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ครั้งวันแรกที่ฝึกจนกระทั่งได้ประสบการณ์ครบดังที่มาแบ่งปันก็กินเวลาเป็นปีครับ
ดังที่กล่าวมาในหลายๆครั้งว่าที่นำมาวิธีมาแบ่งปันนี้ก็เพื่อจะให้ทราบว่าฌานใหนเป็นอะไรยังไงแค่นั้นครับ ในส่วนอื่นที่จะพบในช่วงการฝึกนั้นก็ขอให้เป็นประสบการณ์ของแต่ละคน และในการปฏิบัติจริงๆของสมาธินั้นเราไม่ได้ฝึกเพื่อจะเอาฌาน 1 2 3 4 แต่เราฝึกเพื่อที่จะเอากำลังของฌานนั้นไปใช้สำหรับ เจริญวิปัสนา เพื่อให้เกิด ปัญญา รู้แจ้งใน ทุกข์ และสามารถ ดับทุกข์ได้ในที่สุด
ที่ได้นำมาแบ่งปันนี้พอมีประโยชน์สำหรับหลายคนที่ฝึกอยู่นะครับ หากมีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ และหากสิ่งที่นำมาแบ่งปันมียังประโยชน์แก่ใครเพียงใด ก็ขอยกความดีและบุญกุศลนี้ให้แด่ครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนแนะนำมาครับ
ปล. กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียวครับ