เราซื้อบัตรมาจากงานไทยเที่ยวไทยครั้งล่าสุดค่ะ จำราคาเต็มไม่ได้แต่ว่าถูกกว่าพอสมควรเลย พนักงานแนะนำให้โทรมาจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนนะคะ บอกว่าจะจัดที่นั่งริมหน้าต่างที่วิวสวยๆไว้ให้ ^^
ราคา 1,590.- net นี้จะไม่รวม soft drink นะคะ เราสั่ง free flow soft drink เพิ่มคนละ 150.- ค่ะ ไม่กินอะไรซ่าๆน่าจะเลี่ยนไม่ไหวจริงๆ ถ้าสั่งเป็นกระป๋องรวมๆแล้วราคาน่าจะเลย 150.- แน่ๆ (ตอนเดินในงานไทยเที่ยวไทยเห็นชื่อ Sparkling Sunday Brunch แอบเข้าใจผิดคิดว่าจะรวม free flow sparkling wine ด้วยซ้ำไป เงิบเลย 555) ถือว่าโอเคอยู่ ที่สำคัญคือคนที่มากิน Sparkling Sunday Brunch จะสามารถใช้บริการสระว่ายน้ำที่ติดกับห้องอาหารได้อีกด้วยค่ะ ถ้าพาเด็กๆมา เด็กๆก็สามารถเข้าไปใช้บริการ Kids room ได้ด้วย เราคิดว่าราคานี้ได้ทั้งบุฟเฟ่ต์ทั้งว่ายน้ำ คุ้มสุดๆไปเลย
เรามาถึงที่ห้องอาหารตอน 11:30 เวลาเปิดพอดี พนักงานพาเข้าไปนั่ง ที่โต๊ะมีชื่อวางจองไว้เรียบร้อยค่ะ ริมหน้าต่างจริงๆด้วย วิวดีแสงสวย ถูกใจสายถ่ายรูปอย่างเรา มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำกับสนามกอล์ฟด้วยค่ะ
ห้องอาหารที่นี่ไม่ใหญ่มาก (ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศรวมๆมาเลยมัวแต่สนใจอาหาร ต้องขออภัยด้วยค่า) อาหารแบบตักเองจะค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบ A la carte มีตัวอย่างอาหารวางไว้เป็นจานๆให้เรานำไม้หนีบที่มีเบอร์โต๊ะเราอยู่ไปหนีบไว้ที่จาน ชอบๆ เพราะบางที่จะให้เลือกเป็นเมนูซึ่งเราอ่านแค่ชื่อก็สตั๊นแล้ว ไม่สามารถจินตนาการถึงหน้าตาได้จริงๆ
หมวดอาหารคาว
เราจะเริ่มการรีวิวอาหารด้วยจานที่เป็น complimentary กันก่อนนะคะ
Complimentary dish ของที่นี่จะเป็น Boston Lobster ย่างคนละครึ่งตัวค่ะ มาซะเกรียมเลย เราว่าเผานานไปหน่อยเนื้อแห้งเลย
มาต่อกันที่ฝั่ง A la carte เค้าจะทำให้สดๆร้อนๆจานต่อจานกันเลยทีเดียว (หน้าไม่งอรอไม่นาน สั่งแป๊ปเดียวก็มาเสริฟแล้ว)
เราแนะนำว่าสั่งจำนวนเค้าตอนที่เอาไม้หนีบไปหนีบแล้วบอกว่าให้เค้าจัดมาในจานเดียวกันนะคะ อย่างฟัวกราเราก็ขอให้เค้ารวมๆมาในจานเดียวกันไปเลย ไม่งั้นไม่มีที่วางแน่ๆ จานย๊าวยาว
จะบอกว่าเมนูจานเดี่ยวจัดจานสวยและน่ากินซะทุกอย่างเลยค่ะ เราหนีบเอาๆจนพอเค้ามาเสริฟโต๊ะแทบไม่มีที่วางกันเลยทีเดียว จับจานนู้นจานนี้มารวมกันแทบไม่ทัน 555 คิดอยู่ว่าคราวหน้าถ้าได้มาอีกจะขอนั่งโต๊ะสำหรับ 4 คน
หลักฐานว่าขนาดมาเสริฟแค่ไม่กี่อย่างยังเต็มโต๊ะขนาดนี้
และแล้วขบวนเมนู A La carte ที่เราสั่งไว้เริ่มทยอยกันอย่างไม่ขาดสาย (ตอนช่วงพีคที่มาทีสี่ห้าอย่างติดกันแล้วบนโต๊ะไม่มีที่วางพี่พนักงานแอบยิ้ม เราก็นึกในใจอยากให้เค้าเสนอว่าให้ลากโต๊ะมาเพิ่มเอามั้ยมากๆเลย
)
-A La Carte จานที่ 1-
เปิดจานแรกด้วยเมนูที่เราปลื้มที่สุดวันนี้ "Pan seared foie gras" Presentation เอาไปเลย 10 เต็ม! สวยมากก เราถ่ายรูปอยู่นานเลย (เสียเวลากินไปกับการถ่ายรูปนี่แหละฉัน..) เคยไปสั่งฟัวกราที่โรงแรมอื่นส่วนใหญ่จะเสริฟแบบส่งตรงจากเตา ไม่มีการจัดเรียงอะไรใดๆ แถมบางที่ยังชุ่มน้ำมันเกินไปอีกต่างหาก แต่ที่นี่ทั้งการจัดวาง การปาดซอส รู้สึกเหมือนเป็นกรรมการใน Master Chef ยังไงยังงั้น ฟัวกราสุกกำลังดี ด้านนอกกรอบนิดๆ ด้านในฉ่ำๆ กัดแล้วให้สัมผัสมันๆละมุนสุดๆ มีบลูเบอร์รี่กับสตอเบอร์รี่มาด้วย ตัวซอสก็เปรี้ยวๆหน่อยเข้ากันดีมากๆ สั่งซ้ำไปสองรอบก็จัดจานมาสวยทั้งสองรอบเลย ยอมใจ
รอบที่ 1
รอบที่ 2
-A La Carte จานที่ 2-
จานนี้เป็นขาเป็ดหนังกรอบๆ เนื้อด้านในล่อน แต่แห้งไปหน่อย ปรุงรสมาไม่จัด มีคีนัวหุงมากำลังดี ให้ความรู้สึก healthy เบาๆ ซอสสีน้ำตาลอร่อยมาก น่าจะราดให้เยอะกว่านี้หน่อย ปริมาณโดยรวมเยอะเหมือน main course จานนี้เลยไม่ได้สั่งซ้ำค่ะ เดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน เราต้องเผื่อท้องไว้ชิมอย่างอื่นอีก แฮ่
-A La Carte จานที่ 3-
ตัดรสด้วยยำเปรี้ยวๆกันบ้างกับยำทูน่า ทูน่าสด เนื้อแน่นหวาน น้ำยำครบรส เราสั่งซ้ำไปสองรอบเลย
-A La Carte จานที่ 4-
จานนี้เป็นเมนูเนื้อ แต่เราไม่กินเนื้อ จานนี้แฟนสั่งค่ะ เค้าบอกว่าเนื้อน่าจะทำออกมาได้นุ่มกว่านี้แต่ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับนึง
มีเมนูเนื้ออีกจานที่มาจากโซน Carving feat. ด้วย parma ham กับมันบดค่ะ แอบชิมมันบดไปหน่อยนึง เนื้อสัมผัสเหลวๆแปลกๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
-A La Carte จานที่ 5-
ชอบการหยดซอสเขียวหวานจริงๆเลย มาแบบเป็นจุดเล็กๆน่าร้ากก ด้วยปริมาณที่น่าร้ากเราเลยไม่ค่อยได้รสเขียวหวานเท่าไหร่ แต่ไก่ทอดกรอบ อร่อยดีค่ะ เอามากินกับส้มตำเผ็ดๆ โอย เข้ากันสุดๆ
-A La Carte จานที่ 6-
ไข่ออนเซน ไข่ขาวสุกกำลังดี ไข่แดงเยิ้มๆ ล้อมด้วยซุปครีมทรัฟเฟิลหอมๆรสกลางๆกินรวมกันทุกอย่างก็อร่อยใช้ได้ มีกรูตองแต่งอยู่ที่ขอบจานสวยๆ แต่ดั๊นไม่กรอบอะ เสียไต
-A La Carte จานที่ 7-
เนื้อปลา Sea bass สดดีแต่ตัวเนื้อเหมือนจะไม่ได้ปรุงรสมาเลยคิดว่าค่อนข้างจืด ซอส X.O. รสคล้ายๆพริกเผา กินคู่กับเนื้อปลาแล้วก็ใช้ได้
**ดูขนาดของจานกับอาหารจิ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมโต๊ะเราวางไม่พอ
**
-A La Carte จานที่ 8-
แกะหมักมารสอร่อยแบบไม่ต้องจิ้มซอสเพิ่ม เนื้อไม่มีกลิ่นสาปแต่ว่าเหนียวไปหน่อย ถ้านุ่มกว่านี้น่าจะอร่อยเลย
จริงๆมีเมนู A La Carte ให้ลองเยอะกว่านี้เยอะเลยค่ะ ทั้งต้มยำกุ้ง ข้าวผัด และเมนูเนื้อต่างๆ แต่เราลองหมดทุกอย่างไม่ไหวจริงๆค่า ณ จุดนี้อยากจะมีซัก 4 กระเพาะ
โซนอาหารอิตาเลี่ยน
• พิซซ่าแป้งเหนียวไปหน่อย รสชาติทั่วไป ไม่อร่อยแบบโดดเด่นอะไร แอบตัดกำลังน่าดูเลย
• ไส้กรอกดูอวบอัดน่ากินมากเลย หยิบมา 1 ชิ้น แอบผิดหวังเบาๆเพราะรสชาติธรรมดาอีกเช่นกัน แป้งเยอะไปหน่อยด้วย
• เฟรนช์ฟรายด์ทอดใหม่ๆกรอบดีค่ะ ตักมาหลายรอบเลย ข้างๆเฟรนช์ฟรายด์มีพวกของทอดอย่างอื่นด้วยค่ะ ตอนแรกเราว่าจะลองเทมปุระแต่หยิบที่คีบไปจะคีบ สัมผัสได้ถึงความเหี่ยวเลยเปลี่ยนใจ
โซนอาหารญี่ปุ่น
ปลาดิบมีทั้งปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเนื้อขาว ซาบะดอง หนวดปลาหมึก ปูอัด แซลมอนกับทูน่าเนื้อแน่นสดทีเดียว
Salmon Sashimi
Tuna Sashimi
อันนี้จำชื่อปลาไม่ได้ แต่เนื้อไม่เหนียว อร่อยดีค่ะ
ปูอัดและหนวดปลาหมึก
ซูชิและโรลต่างๆ
ซาบะดองส่วนใหญ่จะสไลซ์บางทำเป็นหน้าซูชิแต่ได้กินเป็นซาชิมิไม่อั้นนี่ฟินมากค่า
ปลาหมึกก็เนื้อไม่เหนียวมาก พวกซูชิกับมากิเราไม่ได้ชิมเลย โซโล่ปลาดิบล้วนๆ กลัวข้าวทำหนักท้องเดี๋ยวจะกินอย่างอื่นไม่ลง
ซ้ำน้องม่อนเพิ่ม แอบมีอกเป็ดรมควันกับ bacon bits มาแจม
Seafood on ice
มัวแต่คีบเลยลืมถ่ายรูปโซนมาเลย ได้มาแต่รูปที่ตักมาแล้ว แฮ่
• หอยนางรมตัวไม่ใหญ่แต่ก็สดใช้ได้ ปูก็ใช้ได้ ส่วนขาปูนี่ดันเนื้อออกมากินง่ายมาก ออกมาเป็นแท่งๆ สวยจนนึกว่าเอาปูอัดมาใส่ในขาปูเลย 555
• มีปลาหมึกตัวจิ๋วๆด้วย ตักมาเพราะอยากลองและด้วยขนาดที่มันน่าร้ากกกล้วนๆเลย ปลาหมึกเนื้อเด้ง กรุบๆ ไม่เหนียว ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดใช้ได้เลย
โซนส้มตำ ยำหมูย่าง อาหารประเภทแกงๆ
มีโซนส้มตำด้วยอะ ชอบบุฟเฟ่ต์ที่มีส้มตำ เปลี่ยนรสได้ดีมากเลย ทำให้ไม่เลี่ยน แถมเป็นของโปรดเราเลย ไม่พลาดแน่นอน พอเดินไปด้อมๆมองๆก็มีพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์ค่ะ ถามว่าเอาเผ็ดมั้ย เราเป็นคนชอบกินเผ็ดมากเลยบอกไปว่าขอเผ็ดๆค่ะ มาถึงหน้าตาน่ากินใช้ได้เลย เปรี้ยวหวานเค็มครบรส ถั่วคั่วเยอะดี สดไม่หืนๆแป้งๆ แต่รวมๆแล้วไม่เผ็ดง่ะ หรือเรากินเผ็ดไป ไม่แน่ใจ
ตอนเดินไปโฟกัสอยู่แค่ส้มตำสั่งเสร็จก็กลับโต๊ะเลย ตอนหมดเวลาเดินผ่านเพิ่งจะเห็นว่ามีเมนูไทยๆอีกเพียบเลยที่ยังไม่ได้ลอง เสียจัยยยย
โซนสลัด
มีผักให้เลือกหลากหลายชนิด น้ำสลัดก็มีหลายแบบ ทั้งแบบครีม แบบใส มีน้ำมันมะกอกเป็นขวดไว้ใช้ราดสลัด มีเครื่องเคียงต่างๆนานาเช่นปลาเค็ม เบคอนบิทส์ อกเป็ดรมควัน กรูตอง (ไม่กรอบเลย เจ้าไม่สมควรเป็นกรูตอง!) มีชามไม้ใบใหญ่กับช้อนไว้ให้ตักผักและน้ำสลัดมาเคล้าให้เข้ากันก่อนจะตักใส่ชาม โซนข้างๆจะมีสลัดที่คลุกไว้เรียบร้อยให้ตักเลยก็สะดวกดี มีอะโวคาโด้ แซลมอนรมควันชิ้นใหญ่เนื้อแน่น สด ไม่เค็มไป กินกับสลัดเข้ากันดีมากๆเลย
มี Tomato Mozzarella Salad ด้วย มอซซาเรลล่าสดสีขาวเนื้อเด้งๆ อร่อยมาก หากินทั่วไปไม่ค่อยได้เพราะส่วนใหญ่จะนิยมกินแบบขูดฝอยสีออกเหลืองๆใส่ตามพวกพิซซ่าหรือผักโขมอบชีสซะมากกว่า เราคลุกสลัดเองในชามไม้แล้วตักมอซซาเรลล่ามา on top แอบเพิ่มอะโวคาโด้มาอีก มีฟามเฮลตี้สุดๆ
โซนชีสและ cold cuts
มีชีสให้เลือกหลากหลายชนิด ชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ถูกใจอยู่ไม่กี่ชนิดค่ะ แต่ละแบบช่างมีรูปรสกลิ่นเสียง(?) ที่เป็นเอกลักษณ์เหลือเกินจริงๆ กินกับ Cold cuts ต่างๆ พาร์มาแฮมมาเป็นขากันเลยทีเดียว ส่วนตัวเราชอบ Chorizo เป็นพิเศษค่ะ เพราะสมัยเรียนอยู่อังกฤษชอบซื้อมากินแก้คิดถึงกุนเชียง กลับมาไทยละรู้สึกแพงเลยไม่ค่อยได้กิน วันนี้ก็จัดเต็มไปเลย
โซนพาสต้า
มีเส้นพาสต้าให้เลือกหลายแบบ อยากให้เชฟทำอะไรก็สั่งได้เลยค่ะ ทั้งเพสโต้ คาโบนาร่า ไวท์ครีม มีครบ แต่เรากลัวจะเลี่ยนเลยถามเชฟว่าทำแบบเผ็ดๆได้ไหม เชฟเลยแนะนำเป็นเพนเน่ผัดพริกกระเทียม สำหรับเราเราว่าไม่เผ็ดอีกแล้ว (จะกินเผ็ดไปไหน 555) รสปรุงมากลมกล่อม เพนเน่สุกกำลังดี ถ้าเป็นในรายการทำอาหารจะบอกว่าสุกแบบ Al dente (น่อวว พูดละดูเท่ขึ้นมาเลยทีเดียว ขอบคุณรายการ Masterchef สำหรับศัพท์ใหม่ค่า 555) หอมกระเทียมแต่เสียอย่างเดียวมันมากกกก ชุ่มน้ำมันสุดๆ ต้องตักเส้นขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมันก่อนกิน
**เดี๋ยวมาต่อโซนของหวานใน comment นะคะ ตัวอักษรจะเกินซะละ**
[CR] พาชิมบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน Sparkling Sunday Brunch ห้องอาหาร The Latest Recipe ณ โรงแรม Le Meridien สุวรรณภูมิ
ราคา 1,590.- net นี้จะไม่รวม soft drink นะคะ เราสั่ง free flow soft drink เพิ่มคนละ 150.- ค่ะ ไม่กินอะไรซ่าๆน่าจะเลี่ยนไม่ไหวจริงๆ ถ้าสั่งเป็นกระป๋องรวมๆแล้วราคาน่าจะเลย 150.- แน่ๆ (ตอนเดินในงานไทยเที่ยวไทยเห็นชื่อ Sparkling Sunday Brunch แอบเข้าใจผิดคิดว่าจะรวม free flow sparkling wine ด้วยซ้ำไป เงิบเลย 555) ถือว่าโอเคอยู่ ที่สำคัญคือคนที่มากิน Sparkling Sunday Brunch จะสามารถใช้บริการสระว่ายน้ำที่ติดกับห้องอาหารได้อีกด้วยค่ะ ถ้าพาเด็กๆมา เด็กๆก็สามารถเข้าไปใช้บริการ Kids room ได้ด้วย เราคิดว่าราคานี้ได้ทั้งบุฟเฟ่ต์ทั้งว่ายน้ำ คุ้มสุดๆไปเลย
เรามาถึงที่ห้องอาหารตอน 11:30 เวลาเปิดพอดี พนักงานพาเข้าไปนั่ง ที่โต๊ะมีชื่อวางจองไว้เรียบร้อยค่ะ ริมหน้าต่างจริงๆด้วย วิวดีแสงสวย ถูกใจสายถ่ายรูปอย่างเรา มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำกับสนามกอล์ฟด้วยค่ะ
ห้องอาหารที่นี่ไม่ใหญ่มาก (ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศรวมๆมาเลยมัวแต่สนใจอาหาร ต้องขออภัยด้วยค่า) อาหารแบบตักเองจะค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบ A la carte มีตัวอย่างอาหารวางไว้เป็นจานๆให้เรานำไม้หนีบที่มีเบอร์โต๊ะเราอยู่ไปหนีบไว้ที่จาน ชอบๆ เพราะบางที่จะให้เลือกเป็นเมนูซึ่งเราอ่านแค่ชื่อก็สตั๊นแล้ว ไม่สามารถจินตนาการถึงหน้าตาได้จริงๆ
หมวดอาหารคาว
เราจะเริ่มการรีวิวอาหารด้วยจานที่เป็น complimentary กันก่อนนะคะ
Complimentary dish ของที่นี่จะเป็น Boston Lobster ย่างคนละครึ่งตัวค่ะ มาซะเกรียมเลย เราว่าเผานานไปหน่อยเนื้อแห้งเลย
มาต่อกันที่ฝั่ง A la carte เค้าจะทำให้สดๆร้อนๆจานต่อจานกันเลยทีเดียว (หน้าไม่งอรอไม่นาน สั่งแป๊ปเดียวก็มาเสริฟแล้ว)
เราแนะนำว่าสั่งจำนวนเค้าตอนที่เอาไม้หนีบไปหนีบแล้วบอกว่าให้เค้าจัดมาในจานเดียวกันนะคะ อย่างฟัวกราเราก็ขอให้เค้ารวมๆมาในจานเดียวกันไปเลย ไม่งั้นไม่มีที่วางแน่ๆ จานย๊าวยาว
จะบอกว่าเมนูจานเดี่ยวจัดจานสวยและน่ากินซะทุกอย่างเลยค่ะ เราหนีบเอาๆจนพอเค้ามาเสริฟโต๊ะแทบไม่มีที่วางกันเลยทีเดียว จับจานนู้นจานนี้มารวมกันแทบไม่ทัน 555 คิดอยู่ว่าคราวหน้าถ้าได้มาอีกจะขอนั่งโต๊ะสำหรับ 4 คน
หลักฐานว่าขนาดมาเสริฟแค่ไม่กี่อย่างยังเต็มโต๊ะขนาดนี้
และแล้วขบวนเมนู A La carte ที่เราสั่งไว้เริ่มทยอยกันอย่างไม่ขาดสาย (ตอนช่วงพีคที่มาทีสี่ห้าอย่างติดกันแล้วบนโต๊ะไม่มีที่วางพี่พนักงานแอบยิ้ม เราก็นึกในใจอยากให้เค้าเสนอว่าให้ลากโต๊ะมาเพิ่มเอามั้ยมากๆเลย )
-A La Carte จานที่ 1-
เปิดจานแรกด้วยเมนูที่เราปลื้มที่สุดวันนี้ "Pan seared foie gras" Presentation เอาไปเลย 10 เต็ม! สวยมากก เราถ่ายรูปอยู่นานเลย (เสียเวลากินไปกับการถ่ายรูปนี่แหละฉัน..) เคยไปสั่งฟัวกราที่โรงแรมอื่นส่วนใหญ่จะเสริฟแบบส่งตรงจากเตา ไม่มีการจัดเรียงอะไรใดๆ แถมบางที่ยังชุ่มน้ำมันเกินไปอีกต่างหาก แต่ที่นี่ทั้งการจัดวาง การปาดซอส รู้สึกเหมือนเป็นกรรมการใน Master Chef ยังไงยังงั้น ฟัวกราสุกกำลังดี ด้านนอกกรอบนิดๆ ด้านในฉ่ำๆ กัดแล้วให้สัมผัสมันๆละมุนสุดๆ มีบลูเบอร์รี่กับสตอเบอร์รี่มาด้วย ตัวซอสก็เปรี้ยวๆหน่อยเข้ากันดีมากๆ สั่งซ้ำไปสองรอบก็จัดจานมาสวยทั้งสองรอบเลย ยอมใจ
รอบที่ 1
รอบที่ 2
-A La Carte จานที่ 2-
จานนี้เป็นขาเป็ดหนังกรอบๆ เนื้อด้านในล่อน แต่แห้งไปหน่อย ปรุงรสมาไม่จัด มีคีนัวหุงมากำลังดี ให้ความรู้สึก healthy เบาๆ ซอสสีน้ำตาลอร่อยมาก น่าจะราดให้เยอะกว่านี้หน่อย ปริมาณโดยรวมเยอะเหมือน main course จานนี้เลยไม่ได้สั่งซ้ำค่ะ เดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน เราต้องเผื่อท้องไว้ชิมอย่างอื่นอีก แฮ่
-A La Carte จานที่ 3-
ตัดรสด้วยยำเปรี้ยวๆกันบ้างกับยำทูน่า ทูน่าสด เนื้อแน่นหวาน น้ำยำครบรส เราสั่งซ้ำไปสองรอบเลย
-A La Carte จานที่ 4-
จานนี้เป็นเมนูเนื้อ แต่เราไม่กินเนื้อ จานนี้แฟนสั่งค่ะ เค้าบอกว่าเนื้อน่าจะทำออกมาได้นุ่มกว่านี้แต่ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับนึง
มีเมนูเนื้ออีกจานที่มาจากโซน Carving feat. ด้วย parma ham กับมันบดค่ะ แอบชิมมันบดไปหน่อยนึง เนื้อสัมผัสเหลวๆแปลกๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
-A La Carte จานที่ 5-
ชอบการหยดซอสเขียวหวานจริงๆเลย มาแบบเป็นจุดเล็กๆน่าร้ากก ด้วยปริมาณที่น่าร้ากเราเลยไม่ค่อยได้รสเขียวหวานเท่าไหร่ แต่ไก่ทอดกรอบ อร่อยดีค่ะ เอามากินกับส้มตำเผ็ดๆ โอย เข้ากันสุดๆ
-A La Carte จานที่ 6-
ไข่ออนเซน ไข่ขาวสุกกำลังดี ไข่แดงเยิ้มๆ ล้อมด้วยซุปครีมทรัฟเฟิลหอมๆรสกลางๆกินรวมกันทุกอย่างก็อร่อยใช้ได้ มีกรูตองแต่งอยู่ที่ขอบจานสวยๆ แต่ดั๊นไม่กรอบอะ เสียไต
-A La Carte จานที่ 7-
เนื้อปลา Sea bass สดดีแต่ตัวเนื้อเหมือนจะไม่ได้ปรุงรสมาเลยคิดว่าค่อนข้างจืด ซอส X.O. รสคล้ายๆพริกเผา กินคู่กับเนื้อปลาแล้วก็ใช้ได้
**ดูขนาดของจานกับอาหารจิ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมโต๊ะเราวางไม่พอ **
-A La Carte จานที่ 8-
แกะหมักมารสอร่อยแบบไม่ต้องจิ้มซอสเพิ่ม เนื้อไม่มีกลิ่นสาปแต่ว่าเหนียวไปหน่อย ถ้านุ่มกว่านี้น่าจะอร่อยเลย
จริงๆมีเมนู A La Carte ให้ลองเยอะกว่านี้เยอะเลยค่ะ ทั้งต้มยำกุ้ง ข้าวผัด และเมนูเนื้อต่างๆ แต่เราลองหมดทุกอย่างไม่ไหวจริงๆค่า ณ จุดนี้อยากจะมีซัก 4 กระเพาะ
โซนอาหารอิตาเลี่ยน
• พิซซ่าแป้งเหนียวไปหน่อย รสชาติทั่วไป ไม่อร่อยแบบโดดเด่นอะไร แอบตัดกำลังน่าดูเลย
• ไส้กรอกดูอวบอัดน่ากินมากเลย หยิบมา 1 ชิ้น แอบผิดหวังเบาๆเพราะรสชาติธรรมดาอีกเช่นกัน แป้งเยอะไปหน่อยด้วย
• เฟรนช์ฟรายด์ทอดใหม่ๆกรอบดีค่ะ ตักมาหลายรอบเลย ข้างๆเฟรนช์ฟรายด์มีพวกของทอดอย่างอื่นด้วยค่ะ ตอนแรกเราว่าจะลองเทมปุระแต่หยิบที่คีบไปจะคีบ สัมผัสได้ถึงความเหี่ยวเลยเปลี่ยนใจ
โซนอาหารญี่ปุ่น
ปลาดิบมีทั้งปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเนื้อขาว ซาบะดอง หนวดปลาหมึก ปูอัด แซลมอนกับทูน่าเนื้อแน่นสดทีเดียว
Salmon Sashimi
Tuna Sashimi
อันนี้จำชื่อปลาไม่ได้ แต่เนื้อไม่เหนียว อร่อยดีค่ะ
ปูอัดและหนวดปลาหมึก
ซูชิและโรลต่างๆ
ซาบะดองส่วนใหญ่จะสไลซ์บางทำเป็นหน้าซูชิแต่ได้กินเป็นซาชิมิไม่อั้นนี่ฟินมากค่า
ปลาหมึกก็เนื้อไม่เหนียวมาก พวกซูชิกับมากิเราไม่ได้ชิมเลย โซโล่ปลาดิบล้วนๆ กลัวข้าวทำหนักท้องเดี๋ยวจะกินอย่างอื่นไม่ลง
ซ้ำน้องม่อนเพิ่ม แอบมีอกเป็ดรมควันกับ bacon bits มาแจม
Seafood on ice
มัวแต่คีบเลยลืมถ่ายรูปโซนมาเลย ได้มาแต่รูปที่ตักมาแล้ว แฮ่
• หอยนางรมตัวไม่ใหญ่แต่ก็สดใช้ได้ ปูก็ใช้ได้ ส่วนขาปูนี่ดันเนื้อออกมากินง่ายมาก ออกมาเป็นแท่งๆ สวยจนนึกว่าเอาปูอัดมาใส่ในขาปูเลย 555
• มีปลาหมึกตัวจิ๋วๆด้วย ตักมาเพราะอยากลองและด้วยขนาดที่มันน่าร้ากกกล้วนๆเลย ปลาหมึกเนื้อเด้ง กรุบๆ ไม่เหนียว ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดใช้ได้เลย
โซนส้มตำ ยำหมูย่าง อาหารประเภทแกงๆ
มีโซนส้มตำด้วยอะ ชอบบุฟเฟ่ต์ที่มีส้มตำ เปลี่ยนรสได้ดีมากเลย ทำให้ไม่เลี่ยน แถมเป็นของโปรดเราเลย ไม่พลาดแน่นอน พอเดินไปด้อมๆมองๆก็มีพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์ค่ะ ถามว่าเอาเผ็ดมั้ย เราเป็นคนชอบกินเผ็ดมากเลยบอกไปว่าขอเผ็ดๆค่ะ มาถึงหน้าตาน่ากินใช้ได้เลย เปรี้ยวหวานเค็มครบรส ถั่วคั่วเยอะดี สดไม่หืนๆแป้งๆ แต่รวมๆแล้วไม่เผ็ดง่ะ หรือเรากินเผ็ดไป ไม่แน่ใจ
ตอนเดินไปโฟกัสอยู่แค่ส้มตำสั่งเสร็จก็กลับโต๊ะเลย ตอนหมดเวลาเดินผ่านเพิ่งจะเห็นว่ามีเมนูไทยๆอีกเพียบเลยที่ยังไม่ได้ลอง เสียจัยยยย
โซนสลัด
มีผักให้เลือกหลากหลายชนิด น้ำสลัดก็มีหลายแบบ ทั้งแบบครีม แบบใส มีน้ำมันมะกอกเป็นขวดไว้ใช้ราดสลัด มีเครื่องเคียงต่างๆนานาเช่นปลาเค็ม เบคอนบิทส์ อกเป็ดรมควัน กรูตอง (ไม่กรอบเลย เจ้าไม่สมควรเป็นกรูตอง!) มีชามไม้ใบใหญ่กับช้อนไว้ให้ตักผักและน้ำสลัดมาเคล้าให้เข้ากันก่อนจะตักใส่ชาม โซนข้างๆจะมีสลัดที่คลุกไว้เรียบร้อยให้ตักเลยก็สะดวกดี มีอะโวคาโด้ แซลมอนรมควันชิ้นใหญ่เนื้อแน่น สด ไม่เค็มไป กินกับสลัดเข้ากันดีมากๆเลย
มี Tomato Mozzarella Salad ด้วย มอซซาเรลล่าสดสีขาวเนื้อเด้งๆ อร่อยมาก หากินทั่วไปไม่ค่อยได้เพราะส่วนใหญ่จะนิยมกินแบบขูดฝอยสีออกเหลืองๆใส่ตามพวกพิซซ่าหรือผักโขมอบชีสซะมากกว่า เราคลุกสลัดเองในชามไม้แล้วตักมอซซาเรลล่ามา on top แอบเพิ่มอะโวคาโด้มาอีก มีฟามเฮลตี้สุดๆ
โซนชีสและ cold cuts
มีชีสให้เลือกหลากหลายชนิด ชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ถูกใจอยู่ไม่กี่ชนิดค่ะ แต่ละแบบช่างมีรูปรสกลิ่นเสียง(?) ที่เป็นเอกลักษณ์เหลือเกินจริงๆ กินกับ Cold cuts ต่างๆ พาร์มาแฮมมาเป็นขากันเลยทีเดียว ส่วนตัวเราชอบ Chorizo เป็นพิเศษค่ะ เพราะสมัยเรียนอยู่อังกฤษชอบซื้อมากินแก้คิดถึงกุนเชียง กลับมาไทยละรู้สึกแพงเลยไม่ค่อยได้กิน วันนี้ก็จัดเต็มไปเลย
โซนพาสต้า
มีเส้นพาสต้าให้เลือกหลายแบบ อยากให้เชฟทำอะไรก็สั่งได้เลยค่ะ ทั้งเพสโต้ คาโบนาร่า ไวท์ครีม มีครบ แต่เรากลัวจะเลี่ยนเลยถามเชฟว่าทำแบบเผ็ดๆได้ไหม เชฟเลยแนะนำเป็นเพนเน่ผัดพริกกระเทียม สำหรับเราเราว่าไม่เผ็ดอีกแล้ว (จะกินเผ็ดไปไหน 555) รสปรุงมากลมกล่อม เพนเน่สุกกำลังดี ถ้าเป็นในรายการทำอาหารจะบอกว่าสุกแบบ Al dente (น่อวว พูดละดูเท่ขึ้นมาเลยทีเดียว ขอบคุณรายการ Masterchef สำหรับศัพท์ใหม่ค่า 555) หอมกระเทียมแต่เสียอย่างเดียวมันมากกกก ชุ่มน้ำมันสุดๆ ต้องตักเส้นขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมันก่อนกิน
**เดี๋ยวมาต่อโซนของหวานใน comment นะคะ ตัวอักษรจะเกินซะละ**
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น