ทำไมรัฐยังปล่อย.. ให้คนยิ่งจนยิ่งถูกเอาเปรียบ..

วิกฤติ “โกงเงินคนจนและด้อยโอกาส” ที่ลามไปครึ่งค่อนประเทศ...หลายคนรู้สังเวชใจว่าทำไมคนยิ่งจนยิ่งถูกเอาเปรียบ...แม้แต่ “ระบบราชการ” ยังสูบเลือดสูบเนื้อ “คนจน”...นับประสาอะไรกับประชาชนคนไทยในระดับรากหญ้าที่ยังพอมีแรงดิ้นรนวิ่งหาเงินกู้...จะไม่ถูกบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ...รวมทั้งบรรดาลิสซิ่ง...เช่าซื้อ...จำนำทะเบียนรถ... และธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) ...ร่วมกันขูดรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ...เอาจากลูกหนี้ในระดับรากหญ้าอย่างโหดร้ายทารุณ...บรรดาผู้ยากไร้ที่ด้อยโอกาสที่ถูก “ระบบราชการ” โกงอยู่ตอนนี้...ถ้าดูตามเม็ดเงินกล่าวได้ว่ายังเป็นแค่ “เศษกระพี้” ของคนในระดับรากหญ้าเผชิญอยู่....สังคมยังรู้สึกสังเวชใจ...!! อย่างนี้แล้วประชาชนในระดับรากหญ้าที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ถูกธุรกิจเหล่านี้สูบเลือดสูบเนื้อขูดรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ไปนั้น มีมากเป็นแสนเป็นล้านราย คิดเป็นเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาท...!! รัฐบาลและสังคมไทย...ควรหรือที่จะปล่อยผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย...??? โดยปล่อยให้ไม่มีหน่วยงานใดลงไปดูแล...

เอาแค่เครือข่ายของ “เสี่ยวิชัย ปั้นงาม” เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบที่จังหวัดปทุมธานีรายเดียว ที่ถูก “ดีเอสไอ” และปปง.ไล่เบี้ยยึดทรัพย์ไปเดือนก่อน ก็มีมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท เข้าไปแล้ว มีประชาชนตกเป็นเหยื่อนับหมื่นรายเลยทีเดียว หากรวมรายอื่นๆ ทั้งประเทศด้วยคงจะมีประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อนับเป็นล้านรายอย่างแน่นอน! …วันก่อนอ่านข่าวเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบก (มทบ.)ที่ 24 จังหวัดอุดรธานีสนธิกำลังเข้าตรวจยึดเอกสารของ “หจก.ภัทรยนตรกิจ” ในจังหวัดอุดรธานีที่ทำธุรกิจรับจำนอง ขายฝากบ้านที่ดินบังหน้าแต่กลับทำสัญญาอำพรางรีดดอกเบี้ยเอากับลูกหนี้สูงลิ่วถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน...และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าดำเนินการอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย... มีลูกหนี้ในจังหวัดอุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียงตกเป็นเหยื่อนับร้อยราย ก่อนเจ้าหน้าที่จะสั่งดำเนินคดีอาญาทำธุรกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกิน อัตรา พ.ศ.2560 ที่มีโทษทั้งแพ่งและอาญา

แต่ดูเหมือนปฏิบัติการกวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบของเจ้าหน้าที่ทหารข้างต้นจะไม่ทำให้ลิสซิ่ง และ นอนแบงก์อีกเป็นจำนวนมากสะทกสะท้านอะไรเลย...ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเอารัดเอาเปรียบประชาชนในระดับรากหญ้าต่อไป...แถมบางรายยังออกตัวว่าธุรกิจที่ตนเองทำอยู่นั้นไม่ใช่เช่าซื้อหรือลิสซิ่ง แต่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ที่มีสิทธิ์เรียกดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 15% ไม่รวมค่าธรรมเนียมเบิกเงินกู้ 7-8% ซึ่งยังต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งที่สัญญาที่บริษัทกระทำไว้กับลูกหนี้ระดับรากหญ้านั้นไม่ได้มีความแตกต่างไปจากสัญญาทาสที่ “เสี่ยวิชัย ปั้นงาม” และที่เสี่ยจำนองขายฝากเมืองอุดรธานีทำไว้กับลูกหนี้ที่เพิ่งถูกทหาร มทบ.ที่ 24 ทลายไปวันก่อนแม้แต่น้อย...

เพราะหากเป็นสินเชื่อที่บริษัทอ้างถึงไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ(P Loan) หรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบวิชาชีพ (นาโน ไฟแนนซ์) ที่รัฐเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมได้สูงถึง 28-36% ได้นั้น มันต้องเป็นสินเชื่อไร้หลักประกัน(Clean loan) เท่านั้น หาใช่สินเชื่อที่จะเรียกเอาหลักประกันจากลูกหนี้ได้… แต่ก็ให้น่าเศร้าของลูกหนี้ในระดับรากหญ้าเหล่านี้ กลับไม่มีหน่วยงานใดล้วงลูกลงมาจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง...ล่าสุดหลัง “กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้” ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมการปล่อยกู้ของลิสซิ่งและนอนแบงก์นอกลู่เหล่านี้...และดูเหมือน 1 ในกลุ่มธุรกิจ “นอนแบงก์” อย่าง บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ธุรกิจนอนแบงก์ในเครือแบงก์กรุงศรีอยุธยา...ที่คงจะเห็นเค้าลางอันยุ่งยากหากจะฝืนกระแสรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่อไป จึงได้ประกาศปรับลดดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถทุกชนิดเหลืออยู่แค่ 0.68% ต่อเดือน โดยไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติม อันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวรับกระแสตื่นตัวของผู้คนที่เริ่มรู้ทันเล่ห์กลของธุรกิจเหล่านี้...

ขณะที่ลิสซิ่งที่อ้างว่าเป็นผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายใหญ่สุดของเมืองไทยยังคงไม่สะท้านกับการที่หน่วยงานภาครัฐจะล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบธุรกิจ “ทำนาบนหลังคน” เหล่านี้ ราวกับว่าตนเองนั้นทำถูกกฎหมายเต็มประดา..ก็ไม่รู้ชะตากรรมของลูกหนี้ระดับรากหญ้าเรือนแสน หรือนับล้านคนนี้จะได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลเมื่อไหร่ จะต้องปูเสื่อรอไปถึงชาติหน้ากันเลยหรือไรท่านนายกฯตู่ที่เคารพ!!!

ที่มา : http://www.naewna.com/business/columnist/34807
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่