ช่วงนี้ข่าวมหกรรมโกงมีออกมาให้เห็นกันมากมาย ทั้ง โกงเงินคนจน และ โกงเงินเด็กนักเรียน ที่ลามไปทั่วประเทศ
แต่นั่นเป็นการฉ้อโกงในหน่วยงานของรัฐ ยังมีกลโกงของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบรรดาลิสซิ่งเช่าซื้อและธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ที่เอาเปรียบขูดรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมมหาโหดกับคนรากหญ้าที่เดือดร้อนอยู่แล้ว ให้หมดสิ้นเนื้อประดาตัว แทนที่จะลืมตาอ้าปากได้ กลับจมดิ่งลงดินไปอีก
ประชาชนระดับรากหญ้าที่ตกเป็นเหยื่อธุรกิจเหล่านี้มีมากเป็นแสนเป็นล้านราย คิดเป็นเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาท แต่กลับยังไม่มีหน่วยงานรัฐไหนสนใจดูแล
วันก่อน เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.ที่ 24 จังหวัดอุดรธานี สนธิกำลังเข้าตรวจยึดเอกสารของ หจก.ภัทรยนตรกิจ ในจังหวัดอุดรธานีที่รับจำนอง ขายฝากบ้านที่ดิน โดยทำสัญญาอำพรางรีดดอกเบี้ยกับลูกหนี้สูงลิ่วถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน
แถมเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าดำเนินการอะไรต่อมิอะไรยุ่บยับ มีลูกหนี้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
แต่การกวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบนั้น มิอาจทำให้ลิสซิ่งและนอนแบงก์ทั้งหลายสะทกสะท้าน ยังคงขูดรีดประชาชนต่อไป
อย่างหน้ากันเฉย โดยอ้างว่าธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ใช่เช่าซื้อหรือลิสซิ่ง แต่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ที่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 15% ไม่รวมค่าธรรมเนียมเบิกเงินกู้ 7-8 % ซึ่งต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด
ทั้งที่ สัญญาที่ทำกับลูกหนี้นั้นไม่แตกต่างไปจากสัญญาทาสของนายทุนเงินกู้นอกระบบในจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกทหารทลายไป
หากเป็นสินเชื่อที่บริษัทอ้างถึง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (P Loan) หรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบวิชาชีพ (นาโน ไฟแนนซ์) ที่รัฐเปิดทางให้เรียกดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมได้สูงถึง 28-36% แต่นั้นต้องเป็นสินเชื่อไร้หลักประกัน (Clean loan) เท่านั้น หาใช่สินเชื่อที่จะเรียกเอาหลักประกันจากลูกหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีบางราย อย่างบริษัท เงินติดล้อ จำกัด เครือแบงก์กรุงศรีอยุธยา ที่คงเห็นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง จึงประกาศปรับลดดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถทุกชนิดเหลือแค่ 0.68% ต่อเดือน และไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติม
แต่ยังมีลีสซิ่งที่อ้างว่าเป็นผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ของเมืองไทย ยังมีความสุขกับการ ทำนาบนหลังคน ไม่รู้ร้อน รู้หนาวกับการ ขูดรีดรากหญ้า
ดังนั้น กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ ที่เคยยื่นเรื่องร้องเรียนถึง ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมไปแล้ว หวังจะได้เห็นมาตรการเพื่อจัดการกับลิสซิ่งและนอนแบงก์นอกลู่เหล่านี้ อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด เพื่อคืนความสุขให้กับลูกหนี้โดยพลัน
ที่มา :
https://www.matichon.co.th/news/907447
“บิ๊กตู่” ช่วยด้วย.. ลีสซิ่งรีดดอกเบี้ยโหด
แต่นั่นเป็นการฉ้อโกงในหน่วยงานของรัฐ ยังมีกลโกงของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบรรดาลิสซิ่งเช่าซื้อและธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ที่เอาเปรียบขูดรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมมหาโหดกับคนรากหญ้าที่เดือดร้อนอยู่แล้ว ให้หมดสิ้นเนื้อประดาตัว แทนที่จะลืมตาอ้าปากได้ กลับจมดิ่งลงดินไปอีก
ประชาชนระดับรากหญ้าที่ตกเป็นเหยื่อธุรกิจเหล่านี้มีมากเป็นแสนเป็นล้านราย คิดเป็นเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาท แต่กลับยังไม่มีหน่วยงานรัฐไหนสนใจดูแล
วันก่อน เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.ที่ 24 จังหวัดอุดรธานี สนธิกำลังเข้าตรวจยึดเอกสารของ หจก.ภัทรยนตรกิจ ในจังหวัดอุดรธานีที่รับจำนอง ขายฝากบ้านที่ดิน โดยทำสัญญาอำพรางรีดดอกเบี้ยกับลูกหนี้สูงลิ่วถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน
แถมเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าดำเนินการอะไรต่อมิอะไรยุ่บยับ มีลูกหนี้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
แต่การกวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบนั้น มิอาจทำให้ลิสซิ่งและนอนแบงก์ทั้งหลายสะทกสะท้าน ยังคงขูดรีดประชาชนต่อไป
อย่างหน้ากันเฉย โดยอ้างว่าธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ใช่เช่าซื้อหรือลิสซิ่ง แต่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ที่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 15% ไม่รวมค่าธรรมเนียมเบิกเงินกู้ 7-8 % ซึ่งต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด
ทั้งที่ สัญญาที่ทำกับลูกหนี้นั้นไม่แตกต่างไปจากสัญญาทาสของนายทุนเงินกู้นอกระบบในจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกทหารทลายไป
หากเป็นสินเชื่อที่บริษัทอ้างถึง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (P Loan) หรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบวิชาชีพ (นาโน ไฟแนนซ์) ที่รัฐเปิดทางให้เรียกดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมได้สูงถึง 28-36% แต่นั้นต้องเป็นสินเชื่อไร้หลักประกัน (Clean loan) เท่านั้น หาใช่สินเชื่อที่จะเรียกเอาหลักประกันจากลูกหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีบางราย อย่างบริษัท เงินติดล้อ จำกัด เครือแบงก์กรุงศรีอยุธยา ที่คงเห็นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง จึงประกาศปรับลดดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถทุกชนิดเหลือแค่ 0.68% ต่อเดือน และไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติม
แต่ยังมีลีสซิ่งที่อ้างว่าเป็นผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ของเมืองไทย ยังมีความสุขกับการ ทำนาบนหลังคน ไม่รู้ร้อน รู้หนาวกับการ ขูดรีดรากหญ้า
ดังนั้น กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ ที่เคยยื่นเรื่องร้องเรียนถึง ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมไปแล้ว หวังจะได้เห็นมาตรการเพื่อจัดการกับลิสซิ่งและนอนแบงก์นอกลู่เหล่านี้ อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด เพื่อคืนความสุขให้กับลูกหนี้โดยพลัน
ที่มา : https://www.matichon.co.th/news/907447