คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
จิต เจตสิก และรูป เห็นเป็นธาตุ ไม่เกิด ดับ
ที่เกิดดับคือสิ่งที่ไปปรุงแต่ง
อุปาทาน คือ ตัวที่จิต(ธาตุรู้)ไปยึด ใน สิ่งที่ไปปรุงแต่ง เกิด ดับ
จิต(ธาตุรู้)ไม่มีอุปาทาน ก็ไม่มีธรรมะอะไรเลยในจิต ก็ไม่มีธรรมะที่ไปปรุงแต่ง
ก็ไม่มีอะไรเกิด ดับ จิต(ธาตุรู้)ก็พบนิพพาน
ที่เกิดดับคือสิ่งที่ไปปรุงแต่ง
อุปาทาน คือ ตัวที่จิต(ธาตุรู้)ไปยึด ใน สิ่งที่ไปปรุงแต่ง เกิด ดับ
จิต(ธาตุรู้)ไม่มีอุปาทาน ก็ไม่มีธรรมะอะไรเลยในจิต ก็ไม่มีธรรมะที่ไปปรุงแต่ง
ก็ไม่มีอะไรเกิด ดับ จิต(ธาตุรู้)ก็พบนิพพาน
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป พบพระนิพพาน
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ฯ
แปลความว่า ชนทั้งหลายใด จักระวังจิต ซึ่งไปไกล ไปเดี่ยว ไม่มีสรีระ (รูปร่าง)
มีคูหาเป็นที่อาศัย ไว้ได้ ชนทั้งหลายจะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร หมายถึงพบพระนิพพาน
เพราะพ้นจากเครื่องผูกมาร
มีจิตดวงเดียวไม่เกิดไม่ดับ
เพราะจิตเดียว ท่องเที่ยวไป ตามภูมิ ที่ตนติดข้องอยู่
จิตติดข้องอยู่ ที่ติดอยู่ ที่หลงอยู่ ที่เจืออยู่ในกามตัณหา
โลภมูลจิต เป็นจิตที่มีรากเง้าเค้ามูลเกิดมาจาก ความอยากได้
ความต้องการ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความติดใจ ความชอบใจในอารมณ์
รวมความว่าจิตจำพวกนี้ มีโลภะเป็นตัวนำ
ไม่มีวิญญาณ ไปอยาก จิตดวงเดิมไปอยาก
โทสมูลจิต เป็นจิตที่มีรากเง้าเค้ามูลเกิดมาจาก ความไม่ชอบใจ เสียใจ กลุ้มใจ รำคาญใจ หงุดหงิด โกรธ เกลียด กลัว ประทุษร้าย ทำลาย รวมความว่าไม่อยากได้ในอารมณ์นั้น มีโทสะเป็นตัวนำ
ไม่มีวิญญาณ ไปรำคาญใจ หงุดหงิด โกรธ เกลียด จิตดวงเดิมไปโกรธ
โมหมูลจิต เป็นจิตที่มีรากเง้าเค้ามูลเกิดมาจาก ความหลง ความงมงาย ความไม่รู้เหตุผลต้นปลาย มีโมหะเป็นตัวนำ
ไม่มีวิญญาณมีความหลง ความงมงาย จิตดวงเดิมไปหลง
หรือเป็นจิตที่ส่วนมากท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในกามภูมิ พอเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตก็ไปชอบ
พอใจที่จะเป็นรูปพรหม จิตก็ท่องเที่ยวอยู่ในรูปภูมิ พอจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จิตก็ไปที่ใหม่
จิตไปสู่อรูปฌาณ พอใจที่จะเป็นอรูปพรหมหรือ เป็นจิตที่ท่องเที่ยวอยู่ใน อรูปภูมิ
จิตเบื่อหน่าย ในโลกียะ จิตก็หาทางพ้น จากโลกียภูมิ
จิตประเภทที่กำลังพ้นและพ้นแล้วจากโลกทั้ง ๓
เป็นจิตดวงเดิมทั้งสิ้น เป็นจิตคนเดิม จิตปภัสสร
ไม่เกิดไม่ดับ ตั้งแต่ปุถุชน ไปจนถึงอรหันต์