กระทู้นี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา และอัพเดทข่าวที่ว่าการขอวีซ่าอเมริกาเข้มงวดขึ้น!!! ตามที่มีข่าวว่าสถานทูตจะพิจารณาออกวีซ่าท่องเที่ยวให้ตามระยะเวลาและวัตถุประสงค์ที่ขอเข้าประเทศ โดยจะกำหนดจำนวนครั้งของการเข้าออก กำหนดในวีซ่าเลยว่าจะให้เข้าอเมริกาได้ที่สนามบินไหน ท่าไหน เมืองไหน รวมถึงกำหนดระยะเวลาของวีซ่าอย่างชัดเจนว่าจะใช้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่
ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่าผมเคยได้วีซ่า J-1 และไปอเมริกามาแล้ว (work and travel) เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ก็เข้าและออกประเทศตามวีซ่าที่เราได้มาถูกต้องทุกอย่าง ทีนี้เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 2017 ผมก็อยากจะไปเที่ยวอเมริกาอีกครั้ง ด้วยความที่มีญาติอยู่ที่นั่นและสามารถไปพักอยู่กับเขาได้อย่างสบาย ผมจึงได้ไปขอวีซ่าเข้าอเมริกาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นวีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 แต่ปรากฏว่าผมไม่ได้รับวีซ่า โดยเจ้าหน้าที่กงสุลสัมภาษณ์ผมไม่ถึง 5 นาที ด้วยคำถาม (เป็นภาษาอังกฤษ) ที่ว่า ...
-คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา ?
-คุณจะไปที่ไหนบ้าง /ไปกี่วัน ?
-คุณเคยได้วีซ่าอเมริกามาก่อนมั้ย ? (ขอดูพาสปอร์ต)
-คุณทำงานอะไร /ทำมานานแค่ไหน ?
-เงินเดือนเท่าไหร่ ?
-เคยเดินทางไปประเทศไหนมาบ้าง ?
-มีคนรู้จักหรือมีญาติอยู่ในอเมริกามั้ย ?
ผมก็ตอบไปตามความจริงทุกอย่าง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า Sorry, today I cannot grant you a Visa. พร้อมกับให้เอกสารชี้แจงใบเล็กๆ 1 ใบ ผมนี่ช็อค งง และทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าจะโดนปฏิเสธวีซ่าเลยไม่ได้ถาม/โต้แย้งอะไร และเดินออกมาเลย ตอนนั้นผมคิดว่าคงมีคำอธิบายอะไรอยู่ในใบเล็กๆที่เค้าให้มา แต่พอเดินออกมาพร้อมกับอ่านรายละเอียด เอกสารนั้นกลับบอกแค่ว่าเราไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่สมควรจะได้รับวีซ่าประเภทที่ขอ สรุปก็เสียเงินไปฟรีๆ ค่าวีซ่าตอนนั้น 160$ = 5,600 บาท และพอไม่ได้ไปอเมกาตามที่หวัง ช่วงปลายปีผมเลยไปเที่ยวยุโรปกับครอบครัวแทน
ทีนี้ เวลาผ่านไปเกือบครบปี ผมยังคงทำงานที่เดิม+เงินเดือนเพิ่มขึ้นตามปกติ ประกอบกับผมมีญาติได้ไปประจำการอยู่ที่สถานทูตไทยในอเมริกาพอดี ผมเลยให้ญาติช่วยออกหนังสือเชิญผมไปเยี่ยมโดยจะรับรองค่าใช้จ่ายทั้งอาหาร ที่พัก และค่าเดินทางของผมตลอดที่อยู่ที่นู่น ผมคิดว่าคราวนี้ผมมีโอกาสที่จะได้วีซ่าสูงกว่าคราวก่อนละ ถึงเวลาต้องลองเสี่ยงดูอีกครั้ง ณ ก.พ.2018 ค่าวีซ่า 5,440 บาท (ถูกลงตามอัตราแลกเปลี่ยน)
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา แต่สถานทูตอเมริกันไม่ปิดทำการ คนจึงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุลผู้หญิงแอฟริกันอเมริกัน เป็นเวลาเกือบ 15 นาที เป็นอะไรที่ยาวนานและบีบคั้นหัวใจมากๆ เห็นคนอื่นๆ 3-5 นาทีก็เสร็จ เริ่มจากคำถามง่ายๆแบบเดิมๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า
-คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา ?
-คุณจะไปที่ไหน /ไปกี่วัน /ไปกับใคร ?
-ขอดูพาสปอร์ตทุกเล่มของคุณหน่อย
-คุณทำงานอะไร /ทำมานานแค่ไหน ?
-คุณมีคนรู้จักหรือมีญาติอยู่ในอเมริกามั้ย /เค้าถือสัญชาติอเมริกันหรือเปล่า /เค้าได้สัญชาติอเมริกันมาได้ยังไง /เค้าทำอาชีพอะไร ?
-คุณมีเอกสารอะไรเกี่ยวกับเค้ามาให้ชั้นดูมั้ย ?
-แล้วคุณ .... (ญาติผมที่ทำงานอยู่สถานทูต) เป็นอะไรกับคุณ ? //ผมก็ตอบพร้อมจะยื่นจดหมายเชิญจากญาติให้ดู นางบอกว่า I don’t need to see anything จากนั้นก็ถามต่อว่า
-คุณมีวีซ่าเชงเก้น...คุณได้เดินทางไปยุโรปมาเมื่อไหร่ /ไปประเทศอะไร/ไปกับใคร ?
-ตอนนั้นใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ?
-คุณมีพี่น้องมั้ย ?
-พ่อแม่ทำงานอะไร ?
-ละไปครั้งนี้ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ?
พอหมดคำถาม นางก็พิมพ์ๆๆๆ ในคอม แล้วก็ทำท่ารอผลอะไรบางอย่างจากคอมของนาง พรางจิบกาแฟไปด้วย เดดแอร์ไปเกือบ 5 นาทีที่ผมยืนเฉยๆ สุดท้ายนางบอกว่า Your Visa has been Approved เห้ออออ โล่งงงงงงง ได้สักทีวีซ่าอเมกาาาาาาา
ผ่านไป 2 วัน ผมได้รับพาสปอร์ตคืน พร้อมกับวีซ่า 10 ปี!!!
ถัดมาอีกสัปดาห์นึง คุณพ่อผม ที่เพิ่งเกษียณจากบริษัทเอกชนมาได้ 1 ปี มีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจจะไปเที่ยวอเมริกาด้วย จึงไปยื่นขอวีซ่า ผมก็ได้เตรียมเอกสารจดหมายเชิญจากญาติ+แพลนท่องเที่ยว+Statement+ Bank Guarantee (เพราะพ่อไม่ได้มีรายได้ประจำแล้ว)
พ่อผมกลับมาเล่าให้ฟังว่า สัมภาษณ์ไม่ถึง 5นาที เจ้าหน้าที่กงสุลสัมภาษณ์แค่ไม่กี่คำถาม เช่น จะไปทำอะไรที่อเมริกา จะไปเมืองอะไร ไปกี่วัน ไปกับใคร ใครออกค่าใช้จ่าย และไม่ขอดูเอกสารอะไรทั้งสิ้น แล้วก็จบด้วย ผ่าน!!! ถัดมา 2 วัน ได้พาสปอร์ตคืน พร้อมกับวีซ่า 10 ปีอีกเช่นกัน
ผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นการแบ่งปันประสบการณ์/แนวคำถามต่างๆ เผื่อเป็นข้อมูลประกอบสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์วีซ่าในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งมีข่าวต่างๆนาๆ เกี่ยวกับเรื่องความเข้มงวดออกมามากมาย แต่สุดท้ายทั้งผมและพ่อ ก็ได้วีซ่ามา 10 ปียาวๆ ครับ แต่กว่าผมจะได้มา เล่นต้องเสียเงินไป 2 รอบ ดังนั้น การขอวีซ่าอเมริกา ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก แถมเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ เพราะเวลา 1 ปีที่ผมยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง ข้อมูลและหลักฐานของผมแทบไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่เลย แถมเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เตรียมไปคือไม่ดูเลย แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ
[CR] ขอแชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา ก.พ. 2017 และ มี.ค. 2018
ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่าผมเคยได้วีซ่า J-1 และไปอเมริกามาแล้ว (work and travel) เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ก็เข้าและออกประเทศตามวีซ่าที่เราได้มาถูกต้องทุกอย่าง ทีนี้เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 2017 ผมก็อยากจะไปเที่ยวอเมริกาอีกครั้ง ด้วยความที่มีญาติอยู่ที่นั่นและสามารถไปพักอยู่กับเขาได้อย่างสบาย ผมจึงได้ไปขอวีซ่าเข้าอเมริกาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นวีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 แต่ปรากฏว่าผมไม่ได้รับวีซ่า โดยเจ้าหน้าที่กงสุลสัมภาษณ์ผมไม่ถึง 5 นาที ด้วยคำถาม (เป็นภาษาอังกฤษ) ที่ว่า ...
-คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา ?
-คุณจะไปที่ไหนบ้าง /ไปกี่วัน ?
-คุณเคยได้วีซ่าอเมริกามาก่อนมั้ย ? (ขอดูพาสปอร์ต)
-คุณทำงานอะไร /ทำมานานแค่ไหน ?
-เงินเดือนเท่าไหร่ ?
-เคยเดินทางไปประเทศไหนมาบ้าง ?
-มีคนรู้จักหรือมีญาติอยู่ในอเมริกามั้ย ?
ผมก็ตอบไปตามความจริงทุกอย่าง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า Sorry, today I cannot grant you a Visa. พร้อมกับให้เอกสารชี้แจงใบเล็กๆ 1 ใบ ผมนี่ช็อค งง และทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าจะโดนปฏิเสธวีซ่าเลยไม่ได้ถาม/โต้แย้งอะไร และเดินออกมาเลย ตอนนั้นผมคิดว่าคงมีคำอธิบายอะไรอยู่ในใบเล็กๆที่เค้าให้มา แต่พอเดินออกมาพร้อมกับอ่านรายละเอียด เอกสารนั้นกลับบอกแค่ว่าเราไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่สมควรจะได้รับวีซ่าประเภทที่ขอ สรุปก็เสียเงินไปฟรีๆ ค่าวีซ่าตอนนั้น 160$ = 5,600 บาท และพอไม่ได้ไปอเมกาตามที่หวัง ช่วงปลายปีผมเลยไปเที่ยวยุโรปกับครอบครัวแทน
ทีนี้ เวลาผ่านไปเกือบครบปี ผมยังคงทำงานที่เดิม+เงินเดือนเพิ่มขึ้นตามปกติ ประกอบกับผมมีญาติได้ไปประจำการอยู่ที่สถานทูตไทยในอเมริกาพอดี ผมเลยให้ญาติช่วยออกหนังสือเชิญผมไปเยี่ยมโดยจะรับรองค่าใช้จ่ายทั้งอาหาร ที่พัก และค่าเดินทางของผมตลอดที่อยู่ที่นู่น ผมคิดว่าคราวนี้ผมมีโอกาสที่จะได้วีซ่าสูงกว่าคราวก่อนละ ถึงเวลาต้องลองเสี่ยงดูอีกครั้ง ณ ก.พ.2018 ค่าวีซ่า 5,440 บาท (ถูกลงตามอัตราแลกเปลี่ยน)
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา แต่สถานทูตอเมริกันไม่ปิดทำการ คนจึงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุลผู้หญิงแอฟริกันอเมริกัน เป็นเวลาเกือบ 15 นาที เป็นอะไรที่ยาวนานและบีบคั้นหัวใจมากๆ เห็นคนอื่นๆ 3-5 นาทีก็เสร็จ เริ่มจากคำถามง่ายๆแบบเดิมๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า
-คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา ?
-คุณจะไปที่ไหน /ไปกี่วัน /ไปกับใคร ?
-ขอดูพาสปอร์ตทุกเล่มของคุณหน่อย
-คุณทำงานอะไร /ทำมานานแค่ไหน ?
-คุณมีคนรู้จักหรือมีญาติอยู่ในอเมริกามั้ย /เค้าถือสัญชาติอเมริกันหรือเปล่า /เค้าได้สัญชาติอเมริกันมาได้ยังไง /เค้าทำอาชีพอะไร ?
-คุณมีเอกสารอะไรเกี่ยวกับเค้ามาให้ชั้นดูมั้ย ?
-แล้วคุณ .... (ญาติผมที่ทำงานอยู่สถานทูต) เป็นอะไรกับคุณ ? //ผมก็ตอบพร้อมจะยื่นจดหมายเชิญจากญาติให้ดู นางบอกว่า I don’t need to see anything จากนั้นก็ถามต่อว่า
-คุณมีวีซ่าเชงเก้น...คุณได้เดินทางไปยุโรปมาเมื่อไหร่ /ไปประเทศอะไร/ไปกับใคร ?
-ตอนนั้นใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ?
-คุณมีพี่น้องมั้ย ?
-พ่อแม่ทำงานอะไร ?
-ละไปครั้งนี้ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ?
พอหมดคำถาม นางก็พิมพ์ๆๆๆ ในคอม แล้วก็ทำท่ารอผลอะไรบางอย่างจากคอมของนาง พรางจิบกาแฟไปด้วย เดดแอร์ไปเกือบ 5 นาทีที่ผมยืนเฉยๆ สุดท้ายนางบอกว่า Your Visa has been Approved เห้ออออ โล่งงงงงงง ได้สักทีวีซ่าอเมกาาาาาาา
ผ่านไป 2 วัน ผมได้รับพาสปอร์ตคืน พร้อมกับวีซ่า 10 ปี!!!
ถัดมาอีกสัปดาห์นึง คุณพ่อผม ที่เพิ่งเกษียณจากบริษัทเอกชนมาได้ 1 ปี มีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจจะไปเที่ยวอเมริกาด้วย จึงไปยื่นขอวีซ่า ผมก็ได้เตรียมเอกสารจดหมายเชิญจากญาติ+แพลนท่องเที่ยว+Statement+ Bank Guarantee (เพราะพ่อไม่ได้มีรายได้ประจำแล้ว)
พ่อผมกลับมาเล่าให้ฟังว่า สัมภาษณ์ไม่ถึง 5นาที เจ้าหน้าที่กงสุลสัมภาษณ์แค่ไม่กี่คำถาม เช่น จะไปทำอะไรที่อเมริกา จะไปเมืองอะไร ไปกี่วัน ไปกับใคร ใครออกค่าใช้จ่าย และไม่ขอดูเอกสารอะไรทั้งสิ้น แล้วก็จบด้วย ผ่าน!!! ถัดมา 2 วัน ได้พาสปอร์ตคืน พร้อมกับวีซ่า 10 ปีอีกเช่นกัน
ผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นการแบ่งปันประสบการณ์/แนวคำถามต่างๆ เผื่อเป็นข้อมูลประกอบสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์วีซ่าในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งมีข่าวต่างๆนาๆ เกี่ยวกับเรื่องความเข้มงวดออกมามากมาย แต่สุดท้ายทั้งผมและพ่อ ก็ได้วีซ่ามา 10 ปียาวๆ ครับ แต่กว่าผมจะได้มา เล่นต้องเสียเงินไป 2 รอบ ดังนั้น การขอวีซ่าอเมริกา ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก แถมเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ เพราะเวลา 1 ปีที่ผมยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง ข้อมูลและหลักฐานของผมแทบไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่เลย แถมเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เตรียมไปคือไม่ดูเลย แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ