สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราอยากจะมารีวิวการเป็นออแพร์ที่อเมริกาตั้งแต่เริ่มสมัคร December 2023 - 2024 ตอนนี้ **ขอบอกทุกคนก่อนนะคะกระทู้นี้ยาว**
ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อเล็กค่ะ อายุ 26 ปี เรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ จากหมาวิยาลัยราชภัฏเชียงราย เรามาเป็นออแพร์ที่อเมริกาได้ 1ปีกับ 5เดือน กับ Engenius จะเกือบ 2ปีแล้ว555 เราตั้งใจจะอยู่ให้ครบ2ปีตั้งแต่ก่อนมาที่อเมริกาค่ะ
- ขั้นตอนแรกในการที่จะมาเป็น Au Pair เราต้องมาสมัครผ่านเอเจ้นนะคะ ของเราติดต่อไปทาง Facebook Page ของ Au Pair by Engenius International แล้วพี่เขาก็ทักกลับมาอย่างรวดร็วมาก555 พี่เขาก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์ว่า การเป็นออแพร์ต้องมีคุณสมบัติและต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ซึ่งคุณสมบัติก็ตามนี้เลยจ้า
1.ผู้สมัครโครงการ ออแพร์ ต้องเป็นเพศหญิงเท่านั้น
2.สัญชาติไทย
3.อายุระหว่าง 18 – 26 ปี (รับสมัครมาสุด 26 ปี 1 เดือน – ผู้สมัครต้องเดินทางเข้าอเมริกาก่อน อายุ 27 ปี)
4.จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า
5.มีวุฒิปริญญาตรีที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา พัฒนาการเด็ก หรือด้านสาธารณสุข หรือ มีประสบการณ์การดูแลเด็กเต็มเวลา เป็นพี่เลี้ยง ครูอนุบาล ครูในโรงเรียน พยาบาลหรือผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ อย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
6.มีใบขับขี่รถยนต์ในไทย
7.สถานภาพโสด ไม่เคยแต่งงาน และไม่เคยมีบุตร
8.สามารถอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตลอดโครงการอย่างน้อย 12 เดือน
9.สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี
10.ไม่มีประวัติอาชญากรรม
11.สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ ไม่มีโรคประจำตัว (ต้องตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลเท่านั้น)
12.สามารถว่ายน้ำได้
หลังจากนั้นเราก็ทำการสมัครกับพี่ๆทาง Line และเตรียมเอกสารเบื้องต้นและเงินค่าสมัครโครงการ
รายละเอียดสิ่งที่เราต้องจ่ายมีประมาณนี้ค่ะ
ค่าสมัครโครงการ เราจ่ายไปครั้งแรก 5,900 บาท ตอนนั้นจำได้ว่ามีทุนส่วนลด50%ด้วย จากนั้นเราก็เตรียมเอกสารต่างๆประมาณ2อาทิตย์เพราะต้องกลับไปเอาเอกสารและเซ็นเอกสาร กลับไปกลับมา เราเป็นคนจังหวัดเชียงรายและช่วงนั้นก็ทำงานห่างจากบ้าน เช่าหออยู่ในเมืองเชียงราย ระหว่างช่วงเตรียมเอกสารนั้น ก็ต้องเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กไปด้วย แต่เคสเรา ไม่ได้เก็บช่วงโมงเลี้ยงเด็กอะไรเลย เพราะเราทำงานที่โรงเรียนอยู่แล้ว และมีสอนพิเศษด้วย พี่เขาก็เลยบอกว่าเราสามารถเอาช่วงโมงจากที่สอนพิเศษและที่สอนจากโรงเรียนได้
ต่อมาค่ะ หลังจากที่เราสมัครเรียบร้อยแล้ว พี่เขาก็จะตรวจสอบเอกสารของเราว่าขาดตกบกพร่อง ต้องแก้ไขอะไรมั้ย ช่วงระหว่างนั้นเราก็จะต้องทำวิดีโอแนะนำตัว,เขียนจดหมายถึง Host Family cที่เราจะแมตช์และ Photo Collage พี่เอเจ้นเขามีตัวอย่างในการทำวิดีโอแนะนำตัว การเขียนจดหมายและ Photo Collage ให้เราพอดูเป็นตัวอย่างค่ะ
เราใช้ระยะเวลาในการทำวิดีโอ,เขียนจดหมายถึงโฮสและ ทำ Photo Collage รวมถึงการแก้ไขต่างๆอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่าได้นะ ใครที่ไม่มีผิดพลาดไม่ได้แก้อะไรก็น่าจะเร็วกว่าเรานะ555 หลังจากที่เราทุกอย่างเรียบร้อย พี่เอเจ้นจะเอาข้อมูล, วิดีโอต่างที่เราทำ ขึ้นโปร์ไฟล์ออนไลน์ โฮสแต่ละครอบครัวก็จะเห็นโปรไฟล์ของเรา และถ้าครอบครัวไหนสนใจ เขาก็จะทักมาหาเราผ่าน Message ของโครงการทาง Email
ช่วงระหว่างนั้นเราก็โฮสทักมานะคะ เราสามารถถามพี่เอเจ้นได้ว่ามีโฮสมาดูโปรไฟล์เราบ้างมั้ย ของเรารอประมาณ 2-3 อาทิตย์ กว่าจะมาดูโปรไฟล์เรา แล้วโฮสครอบครัวแรกก็ทักมาค่ะ โฮสอยู่ที่รัฐ Minnesota แต่เราไม่ได้ไปต่อกับครอบครัวนี้ เพราะโฮสบอกว่าอยากให้มาประมาณ April 2023 เราก็นอยด์อยู่นิดนึง เพราะตอนนั้นอยากไปอเมริกาเร็วๆ555 จากนั้นเราก็รอครอบครัวต่อไปค่ะ ครอบครัวที่2 รอประมาณ 2อาทิตย์ แล้วโฮสก็ทักมาจ้า โฮสก็แนะนำตัวว่าชื่ออะไร มีเด็กเท่านี้ เด็กๆชอบทำกิจกรรมอะไร ครอบครัวเป็นลักษณะแบบไหน เราก็อ่านๆไป ซึ่งก็รู้สึกว่าตรงกับไลฟ์สไตล์เราดีนะ ตอนนั้นเรามองหาครอบครัวที่เป็นคริสเตียน ซึ่งโฮสก็เป็นคริสเตียนด้วย อ่านกฎต่างของบ้านก็รู้สึกว่าไม่ได้แย่อะไรเรารับได้ เช่นแบบ No curfew, no alcohol, no guest overnight, เวลาใช้รถทำธุระส่วนตัวจ่ายน้ำมันเอง ซึ่งเราก็โอเคมากๆกับตรงนี้ โฮสครอบครัวนี้อยู่ที่ Madison South Dakota ซึ่งไม่เคยได้ยินรัฐนี้มาก่อน เราก็ไป search Google ดู ผลลัพธ์ก็คือแทบไม่มีอะไรเลย ที่เด่นๆก็มีแต่ Mount Rushmore ยิ่งค้นหาว่า Madison South Dakota ก็คือไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่ใจเราก็อยากรีบไปอเมริกาแล้วอ่ะตอนนั้น โฮสก็บอกเราว่าเป็นเมืองเล็กๆนะ ไม่ค่อยมีความสะดวกสบายเท่าไหร่ หิมะก็ตกเยอะมากๆ เราก็แบบโอเคหมดเลยตอนนั้น555 จากนั้นเราก็แมตช์กับโฮสเลยจ้า เราแมตช์เดือน April 2023 เรา interview กับโฮส อาทิตย์แรกที่เราได้คุยกัน และหลังจากนั้นเราก็คุยกันอีกเยอะมากๆทาง Email ยาวเป็น Paragraphเลย ถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง แชร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยและอเมริกา ว่าความเป็นอยู่ยังไงบ้าง บลาๆ หลังจากแมตช์กับโฮสแล้ว เราก็บอกพี่เอเจ้นว่า เราแมตช์กับโฮสแล้วนะ ทางพี่เค้าก็ทำการจองสัมภาษณ์ให้เราเลย เราเลือกที่เชียงใหม่ ตอนนั้นได้คิวจองสัมภาษณ์เดือน August 5, 2023 แต่พี่เค้าช่วยเราเลื่อนคิวสัมภาษณ์ให้เราเป็น May 10, 2023
หลังจากนั้นค่ะ พี่เอเจ้นก็จะให้คำถามการสัมภาษณ์ให้เราไปเตรียมตัวฝึกซ้อม ด้วยตัวเองก่อน แล้วพี่เค้าก็จะนัดซ้อมสัมภาษณ์ก่อนไปสัมภาษณ์จริงกับสถานกงสุล
คำถามสัมภาษณ์จำได้ว่ามีประมาณ5คำถาม ตามนี้ค่ะ
1. Can you please introduce yourself?
2. What do you do for a living?
3. Where do you know Aupair program from?
4. What is your plan when you return your home country?
5. Why do you want to be an Aupair?
เราขอข้ามไปในวันสัมภาษณ์จริงเลยละกันนะคะ!
วันสัมภาษณ์ วันที่ May 10, 2023 ที่เชียงใหม่ค่ะ เราเดินทางด้วยGreen Bus ค่ะ เพราะเราอยู่เชียงราย ไปเชียงใหม่ก็ง่ายเลย นั่งรถไปเลยค่ะ 3 ชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะถึงที่หมาย คือที่โรงแรมใกล้สถานกงสุลเลยทุกคน เราค้างที่โรงแรมเพราะว่าได้คิวสัมภาษณ์เช้า 8 โมง
เพื่อนเราไปเป็นด้วย1คน เราและเพื่อนนัดกันไปเชียงใหม่ก่อนวันสัมภาษณ์ ไปเดินเที่ยวแถวประตูท่าแพ ไปเดินเล่น มช และอีกหลายๆที่เลย ให้สมองผ่อนคลายก่อนสัมภาษณ์วันจริง555
May 10, 2023 วันสัมภาษณ์ก็มาถึงแล้วทุกคน! เราตื่น6 โมง มาล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว เพื่อสัมภาษณ์ วันสัมภาษณ์เราใส่เสื้อยูนิฟอร์มของโรงเรียนที่เราทำงานอยู่, กระโปรงทรงเอ และเสื้อสูททับ จากนั้นเราก็ออกเดินทางจ้า จะบอกว่าเราเดินไปที่สถานทูตนะทุกคน เพราะอยู่ใกล้มาก เดิน10-12 นาทีก็ถึงแล้ว
และแล้วเราก็เดินมาถึง เรามาถึงก่อนเวลาสัก 7:30 น สถานกงสุลเปิด 8 โมง คนที่มาถึงก่อนเวลาเจ้าหน้าที่จะให้เรารอข้างนอกก่อนค่ะ ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ถึงจะเปิดประตูให้และเรียกตามเวลานัดสัมภาษณ์ของเรา
พอถึงคิวเรา เรายื่น Passport และยื่นใบที่ จนท.ด่านก่อนๆ จัดไว้ให้
สัมภาษณ์กับคนหนุ่มหล่อค่ะ555 👨🏻💻
สัมภาษณ์ครั้งเดียวผ่านด้วยน้าาาา🎉✅
ภาพในหัวของการสัมภาษณ์ เรานึกว่าต้องนั่งสัมภาษณ์ตัวต่อตัวในห้อง แต่ยืนสัมภาษณ์จ้า งงมาก
เข้าคำถามสัมภาษณ์เท่าที่จำได้ตอนนั้นเลยละกันนะ
👨🏻💻: Hello, how are you?
👧🏻: Hello, I’m pretty good thank you!
ขณะที่สัมภาษณ์คนสัมภาษณ์ ก็ดูจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย คิดว่าน่าจะดูเอกสาร DS-160 ของเรา
👨🏻💻: Are you working at school right?
👧🏻: Yes, I am. Current I am working at Anuban Chaing Rai School as a teacher assistant in the 5th grade.
👨🏻💻: That’s great!
👨🏻💻: Why do you want to be an Au Pair?
👧🏻: I would like to have an authentic experience using English daily with English native speaker. In addition, I can increase my child caring and teaching skills to build on my future career when I return to Thailand. Since I have planed to work as an English teacher in my hometown, I can develop both myself and teaching for Thai children.
👨🏻💻: Alright. Congratulation!
👧🏻: Oh thank you so much!
คือแบบ สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรอ? ฉันสัมภาษณ์ผ่านแล้วหรอ? คือเรางงมาก เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่เหมือนสัมภาษณ์เลยทุกคน เหมือนทักทาย พูดคุยกันเฉยๆอ่ะ
ก่อนเข้าไปสัมภาษณ์ก็บอกกับตัวเองว่า อย่าตื่นเต้นมากนะ ทำตัวสบายๆ ถ้ามันใช่ มันก็ใช่แหละ และเราก็อธิฐานและวางใจในพระเจ้า อย่างที่บอกว่าเราเป็นคริสเตียน เราไม่ได้ไปมูที่ไหนเลยค่ะ เราก็อธิฐานหนักมากและฝากทุกอย่างไว้พระเจ้าค่ะ ก็อยากขอบคุณพระเจ้ามากๆที่ตอบคำถามให้เราได้ผ่านวีซ่าและได้ไปอเมริกา ใกล้แล้ว เหลือแค่รอบินจ้า
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราก็รีบแจ้งให้พี่เอเจ้นและโฮสเรารู้เลยว่า เราผ่านแล้วนะ แล้วพี่ๆก็เตรียมทำการจองตั๋วเครื่องบินต่างๆ แล้วแจ้งกลับมาหาเราอีกที 2 อาทิตย์ถัดมาว่า บินวันที่ June 18, 2023 เวลา 2 AM. ก่อนจะบินพี่เอเจ้นก็โทรมาอธิบายเรื่องตั๋วเครื่องบิน ต้องเดินทางยังไง ต่อเครื่องยังไง ไปลงที่ไหนบ้าง ซึ่งพี่เอเจ้นบอกว่าเคสไฟล์ทของเราคือแบบสุดมาก สุดยังไง ก็คือต่อเครื่องหลายที่มาก จาก BKK Thailand- DXB Dubai 6hrs 10 mins / DXB Dubai- MXP Itali 6hrs 35 mins / MXP Itali- JFK New York 8hrs 45 mins แต่ๆบินด้วย สายการบิน Emiratesค่ะ โหดมากกก ในใจก็คือคิดนะว่า กูจะรอดมั้ยว่ะ แต่ดีใจมากที่จะได้บินกับสายการบิน Emirates ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้บินกับ Emirates เลย จนมาถึงวันนี้ ก็ภูมิใจในตัวเองมาก
ขอข้ามไปวับบินเลยนะคะ
เราบินจากเชียงรายไปสุวรรณภูมิบ่ายวันวันที่17 มิถุนายน 2023 และเราก็นั่งรอและเดินอยู่ในสนามบินจนถึงบินเลย ระหว่างรอถึงเวลา พี่เอเจ้นที่ดูแลเราก็มาหาและพาเราไปเลี้ยงข้าวก่อนจะบิน555 พี่เขาใจดี่และสวยมากกกกก
จากนั้นก็ถึงเวลาบินแล้วค่ะทุกคน ตื่นเต้นมากกก ไม่มีความกลัวใดๆ ความอยากไปอเมริกานั้น555
เอาเป็นว่ามาถึง New Yorkแล้วนะทุกคน มาถึงเกือบเที่ยงคืนได้ บอกได้คำเดียวฉันเหนื่อยมากนะ กว่าจะมาถึงที่นี่ประเทศแห่งความฝัน โอ้ยยยย ขอสลบก่อนนะคะคืนนี้ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ
Good morning ทุกคน เช้าแล้ว วันนี้วันที่ June 19, 2023 เราต้องปฐมนิเทศที่ New York กับเพื่อนๆจากต่างประเทศและแชร์วัฒนธรรมของเราและของเขาตอนวันสุดท้ายคือ วันที่ June 22, 2023 ซึ่งสนุกมากที่ได้ร่วมกิจกรรมด้วยกัน เพื่อนๆน่ารักมาก ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนกัน ส่วนอิฉันคือคนไทยคนเดียวที่หลงหมู่ แต่เพื่อนแต่คนก็เฟรนลี่มาก เราก็พูดภาษาอังกฤษสื่อสารกับเขาตลอดระยะเวลาปฐมนิเทศ จนถึงวันสุดท้ายที่เราต้องจากกัน
ภาพบรรยากาศที่New Yok ค่ะ
เรากับเพื่อนตั้งใจว่าจะไปที่เทพีเสรีภาพ แต่วันนั้นตั๋วหมด ก็เลยจบที่ต้องล่องเรือ Ferry ไป
มีต่อ Part2 นะคะทุกคน
รีวิวการเป็นออแพร์ที่อเมริกา ตั้งแต่เริ่มต้นสมัคร จนได้ไปและใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา Part1
ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อเล็กค่ะ อายุ 26 ปี เรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ จากหมาวิยาลัยราชภัฏเชียงราย เรามาเป็นออแพร์ที่อเมริกาได้ 1ปีกับ 5เดือน กับ Engenius จะเกือบ 2ปีแล้ว555 เราตั้งใจจะอยู่ให้ครบ2ปีตั้งแต่ก่อนมาที่อเมริกาค่ะ
- ขั้นตอนแรกในการที่จะมาเป็น Au Pair เราต้องมาสมัครผ่านเอเจ้นนะคะ ของเราติดต่อไปทาง Facebook Page ของ Au Pair by Engenius International แล้วพี่เขาก็ทักกลับมาอย่างรวดร็วมาก555 พี่เขาก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์ว่า การเป็นออแพร์ต้องมีคุณสมบัติและต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ซึ่งคุณสมบัติก็ตามนี้เลยจ้า
1.ผู้สมัครโครงการ ออแพร์ ต้องเป็นเพศหญิงเท่านั้น
2.สัญชาติไทย
3.อายุระหว่าง 18 – 26 ปี (รับสมัครมาสุด 26 ปี 1 เดือน – ผู้สมัครต้องเดินทางเข้าอเมริกาก่อน อายุ 27 ปี)
4.จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า
5.มีวุฒิปริญญาตรีที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา พัฒนาการเด็ก หรือด้านสาธารณสุข หรือ มีประสบการณ์การดูแลเด็กเต็มเวลา เป็นพี่เลี้ยง ครูอนุบาล ครูในโรงเรียน พยาบาลหรือผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ อย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
6.มีใบขับขี่รถยนต์ในไทย
7.สถานภาพโสด ไม่เคยแต่งงาน และไม่เคยมีบุตร
8.สามารถอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตลอดโครงการอย่างน้อย 12 เดือน
9.สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี
10.ไม่มีประวัติอาชญากรรม
11.สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ ไม่มีโรคประจำตัว (ต้องตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลเท่านั้น)
12.สามารถว่ายน้ำได้
เราใช้ระยะเวลาในการทำวิดีโอ,เขียนจดหมายถึงโฮสและ ทำ Photo Collage รวมถึงการแก้ไขต่างๆอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่าได้นะ ใครที่ไม่มีผิดพลาดไม่ได้แก้อะไรก็น่าจะเร็วกว่าเรานะ555 หลังจากที่เราทุกอย่างเรียบร้อย พี่เอเจ้นจะเอาข้อมูล, วิดีโอต่างที่เราทำ ขึ้นโปร์ไฟล์ออนไลน์ โฮสแต่ละครอบครัวก็จะเห็นโปรไฟล์ของเรา และถ้าครอบครัวไหนสนใจ เขาก็จะทักมาหาเราผ่าน Message ของโครงการทาง Email
ช่วงระหว่างนั้นเราก็โฮสทักมานะคะ เราสามารถถามพี่เอเจ้นได้ว่ามีโฮสมาดูโปรไฟล์เราบ้างมั้ย ของเรารอประมาณ 2-3 อาทิตย์ กว่าจะมาดูโปรไฟล์เรา แล้วโฮสครอบครัวแรกก็ทักมาค่ะ โฮสอยู่ที่รัฐ Minnesota แต่เราไม่ได้ไปต่อกับครอบครัวนี้ เพราะโฮสบอกว่าอยากให้มาประมาณ April 2023 เราก็นอยด์อยู่นิดนึง เพราะตอนนั้นอยากไปอเมริกาเร็วๆ555 จากนั้นเราก็รอครอบครัวต่อไปค่ะ ครอบครัวที่2 รอประมาณ 2อาทิตย์ แล้วโฮสก็ทักมาจ้า โฮสก็แนะนำตัวว่าชื่ออะไร มีเด็กเท่านี้ เด็กๆชอบทำกิจกรรมอะไร ครอบครัวเป็นลักษณะแบบไหน เราก็อ่านๆไป ซึ่งก็รู้สึกว่าตรงกับไลฟ์สไตล์เราดีนะ ตอนนั้นเรามองหาครอบครัวที่เป็นคริสเตียน ซึ่งโฮสก็เป็นคริสเตียนด้วย อ่านกฎต่างของบ้านก็รู้สึกว่าไม่ได้แย่อะไรเรารับได้ เช่นแบบ No curfew, no alcohol, no guest overnight, เวลาใช้รถทำธุระส่วนตัวจ่ายน้ำมันเอง ซึ่งเราก็โอเคมากๆกับตรงนี้ โฮสครอบครัวนี้อยู่ที่ Madison South Dakota ซึ่งไม่เคยได้ยินรัฐนี้มาก่อน เราก็ไป search Google ดู ผลลัพธ์ก็คือแทบไม่มีอะไรเลย ที่เด่นๆก็มีแต่ Mount Rushmore ยิ่งค้นหาว่า Madison South Dakota ก็คือไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่ใจเราก็อยากรีบไปอเมริกาแล้วอ่ะตอนนั้น โฮสก็บอกเราว่าเป็นเมืองเล็กๆนะ ไม่ค่อยมีความสะดวกสบายเท่าไหร่ หิมะก็ตกเยอะมากๆ เราก็แบบโอเคหมดเลยตอนนั้น555 จากนั้นเราก็แมตช์กับโฮสเลยจ้า เราแมตช์เดือน April 2023 เรา interview กับโฮส อาทิตย์แรกที่เราได้คุยกัน และหลังจากนั้นเราก็คุยกันอีกเยอะมากๆทาง Email ยาวเป็น Paragraphเลย ถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง แชร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยและอเมริกา ว่าความเป็นอยู่ยังไงบ้าง บลาๆ หลังจากแมตช์กับโฮสแล้ว เราก็บอกพี่เอเจ้นว่า เราแมตช์กับโฮสแล้วนะ ทางพี่เค้าก็ทำการจองสัมภาษณ์ให้เราเลย เราเลือกที่เชียงใหม่ ตอนนั้นได้คิวจองสัมภาษณ์เดือน August 5, 2023 แต่พี่เค้าช่วยเราเลื่อนคิวสัมภาษณ์ให้เราเป็น May 10, 2023
หลังจากนั้นค่ะ พี่เอเจ้นก็จะให้คำถามการสัมภาษณ์ให้เราไปเตรียมตัวฝึกซ้อม ด้วยตัวเองก่อน แล้วพี่เค้าก็จะนัดซ้อมสัมภาษณ์ก่อนไปสัมภาษณ์จริงกับสถานกงสุล
คำถามสัมภาษณ์จำได้ว่ามีประมาณ5คำถาม ตามนี้ค่ะ
1. Can you please introduce yourself?
2. What do you do for a living?
3. Where do you know Aupair program from?
4. What is your plan when you return your home country?
5. Why do you want to be an Aupair?
เราขอข้ามไปในวันสัมภาษณ์จริงเลยละกันนะคะ!
วันสัมภาษณ์ วันที่ May 10, 2023 ที่เชียงใหม่ค่ะ เราเดินทางด้วยGreen Bus ค่ะ เพราะเราอยู่เชียงราย ไปเชียงใหม่ก็ง่ายเลย นั่งรถไปเลยค่ะ 3 ชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะถึงที่หมาย คือที่โรงแรมใกล้สถานกงสุลเลยทุกคน เราค้างที่โรงแรมเพราะว่าได้คิวสัมภาษณ์เช้า 8 โมง
เพื่อนเราไปเป็นด้วย1คน เราและเพื่อนนัดกันไปเชียงใหม่ก่อนวันสัมภาษณ์ ไปเดินเที่ยวแถวประตูท่าแพ ไปเดินเล่น มช และอีกหลายๆที่เลย ให้สมองผ่อนคลายก่อนสัมภาษณ์วันจริง555
May 10, 2023 วันสัมภาษณ์ก็มาถึงแล้วทุกคน! เราตื่น6 โมง มาล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว เพื่อสัมภาษณ์ วันสัมภาษณ์เราใส่เสื้อยูนิฟอร์มของโรงเรียนที่เราทำงานอยู่, กระโปรงทรงเอ และเสื้อสูททับ จากนั้นเราก็ออกเดินทางจ้า จะบอกว่าเราเดินไปที่สถานทูตนะทุกคน เพราะอยู่ใกล้มาก เดิน10-12 นาทีก็ถึงแล้ว
และแล้วเราก็เดินมาถึง เรามาถึงก่อนเวลาสัก 7:30 น สถานกงสุลเปิด 8 โมง คนที่มาถึงก่อนเวลาเจ้าหน้าที่จะให้เรารอข้างนอกก่อนค่ะ ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ถึงจะเปิดประตูให้และเรียกตามเวลานัดสัมภาษณ์ของเรา
พอถึงคิวเรา เรายื่น Passport และยื่นใบที่ จนท.ด่านก่อนๆ จัดไว้ให้
สัมภาษณ์กับคนหนุ่มหล่อค่ะ555 👨🏻💻
สัมภาษณ์ครั้งเดียวผ่านด้วยน้าาาา🎉✅
ภาพในหัวของการสัมภาษณ์ เรานึกว่าต้องนั่งสัมภาษณ์ตัวต่อตัวในห้อง แต่ยืนสัมภาษณ์จ้า งงมาก
เข้าคำถามสัมภาษณ์เท่าที่จำได้ตอนนั้นเลยละกันนะ
👨🏻💻: Hello, how are you?
👧🏻: Hello, I’m pretty good thank you!
ขณะที่สัมภาษณ์คนสัมภาษณ์ ก็ดูจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย คิดว่าน่าจะดูเอกสาร DS-160 ของเรา
👨🏻💻: Are you working at school right?
👧🏻: Yes, I am. Current I am working at Anuban Chaing Rai School as a teacher assistant in the 5th grade.
👨🏻💻: That’s great!
👨🏻💻: Why do you want to be an Au Pair?
👧🏻: I would like to have an authentic experience using English daily with English native speaker. In addition, I can increase my child caring and teaching skills to build on my future career when I return to Thailand. Since I have planed to work as an English teacher in my hometown, I can develop both myself and teaching for Thai children.
👨🏻💻: Alright. Congratulation!
👧🏻: Oh thank you so much!
คือแบบ สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรอ? ฉันสัมภาษณ์ผ่านแล้วหรอ? คือเรางงมาก เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่เหมือนสัมภาษณ์เลยทุกคน เหมือนทักทาย พูดคุยกันเฉยๆอ่ะ
ก่อนเข้าไปสัมภาษณ์ก็บอกกับตัวเองว่า อย่าตื่นเต้นมากนะ ทำตัวสบายๆ ถ้ามันใช่ มันก็ใช่แหละ และเราก็อธิฐานและวางใจในพระเจ้า อย่างที่บอกว่าเราเป็นคริสเตียน เราไม่ได้ไปมูที่ไหนเลยค่ะ เราก็อธิฐานหนักมากและฝากทุกอย่างไว้พระเจ้าค่ะ ก็อยากขอบคุณพระเจ้ามากๆที่ตอบคำถามให้เราได้ผ่านวีซ่าและได้ไปอเมริกา ใกล้แล้ว เหลือแค่รอบินจ้า
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราก็รีบแจ้งให้พี่เอเจ้นและโฮสเรารู้เลยว่า เราผ่านแล้วนะ แล้วพี่ๆก็เตรียมทำการจองตั๋วเครื่องบินต่างๆ แล้วแจ้งกลับมาหาเราอีกที 2 อาทิตย์ถัดมาว่า บินวันที่ June 18, 2023 เวลา 2 AM. ก่อนจะบินพี่เอเจ้นก็โทรมาอธิบายเรื่องตั๋วเครื่องบิน ต้องเดินทางยังไง ต่อเครื่องยังไง ไปลงที่ไหนบ้าง ซึ่งพี่เอเจ้นบอกว่าเคสไฟล์ทของเราคือแบบสุดมาก สุดยังไง ก็คือต่อเครื่องหลายที่มาก จาก BKK Thailand- DXB Dubai 6hrs 10 mins / DXB Dubai- MXP Itali 6hrs 35 mins / MXP Itali- JFK New York 8hrs 45 mins แต่ๆบินด้วย สายการบิน Emiratesค่ะ โหดมากกก ในใจก็คือคิดนะว่า กูจะรอดมั้ยว่ะ แต่ดีใจมากที่จะได้บินกับสายการบิน Emirates ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้บินกับ Emirates เลย จนมาถึงวันนี้ ก็ภูมิใจในตัวเองมาก
ขอข้ามไปวับบินเลยนะคะ
เราบินจากเชียงรายไปสุวรรณภูมิบ่ายวันวันที่17 มิถุนายน 2023 และเราก็นั่งรอและเดินอยู่ในสนามบินจนถึงบินเลย ระหว่างรอถึงเวลา พี่เอเจ้นที่ดูแลเราก็มาหาและพาเราไปเลี้ยงข้าวก่อนจะบิน555 พี่เขาใจดี่และสวยมากกกกก
จากนั้นก็ถึงเวลาบินแล้วค่ะทุกคน ตื่นเต้นมากกก ไม่มีความกลัวใดๆ ความอยากไปอเมริกานั้น555
เอาเป็นว่ามาถึง New Yorkแล้วนะทุกคน มาถึงเกือบเที่ยงคืนได้ บอกได้คำเดียวฉันเหนื่อยมากนะ กว่าจะมาถึงที่นี่ประเทศแห่งความฝัน โอ้ยยยย ขอสลบก่อนนะคะคืนนี้ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ
Good morning ทุกคน เช้าแล้ว วันนี้วันที่ June 19, 2023 เราต้องปฐมนิเทศที่ New York กับเพื่อนๆจากต่างประเทศและแชร์วัฒนธรรมของเราและของเขาตอนวันสุดท้ายคือ วันที่ June 22, 2023 ซึ่งสนุกมากที่ได้ร่วมกิจกรรมด้วยกัน เพื่อนๆน่ารักมาก ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนกัน ส่วนอิฉันคือคนไทยคนเดียวที่หลงหมู่ แต่เพื่อนแต่คนก็เฟรนลี่มาก เราก็พูดภาษาอังกฤษสื่อสารกับเขาตลอดระยะเวลาปฐมนิเทศ จนถึงวันสุดท้ายที่เราต้องจากกัน
ภาพบรรยากาศที่New Yok ค่ะ