รีวิวการสมัครและสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา B1/B2 ด้วยตนเอง (January 2024)

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะมารีวิวการสมัครและสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา (B1/B2) ด้วยตัวเองทั้งหมดค่ะ ขอแจ้งก่อนว่าโพสต์นี้ค่อนข้างยาว เราตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อเป็นประโยชน์กับหลายๆคนค่ะ

ข้อมูลคร่าวๆของเรา
-          ผู้หญิง อายุ 26 ปี 
-          อาชีพพนักงานบริษัท อายุงานเกือบ 4 ปี
-          ยังไม่เคยไปอเมริกา 
-          แพลนจะไปเที่ยวคนเดียว
-          ประเทศที่เคยไปคือ ฝรั่งเศส เยอรมัน ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง 
ตอนแรกเราก็แอบหวั่นๆ เพราะอ่านกระทู้ โพสต์และคอมเมนต์ในอินเทอร์เน็ตมาหลายอันบอกว่าผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวจะไม่ค่อยผ่านวีซ่า แต่พอมาคิดดูแล้ว เราตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ ไม่คิดจะทำผิดกฎอะไรนี่นา พอเก็บเงินได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเลยตัดสินใจลองสมัครวีซ่าอเมริกาดูค่ะ

ขั้นตอนแรก การกรอก DS 160

เราตั้งโจทย์ว่าข้อมูลทุกอย่างที่กรอกต้องเป็นความจริงและมีเหตุผลสนับสนุนว่าเราจะไม่โดดวีซ่าค่ะ
ก่อนจะกรอก DS 160 จริง เราเลยวางแผนการเดินทางคร่าวๆสอดคล้องกับข้อมูลเราก่อน ให้ท่านกงสุลอ่านแล้วรู้จักเราให้มากที่สุดค่ะ  โดยกรอก DS 160 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2023 และเลือกเดินทางเดือนเมษายน 2024 ช่วงสงกรานต์ประมาณ 1 สัปดาห์ ในส่วนอื่นๆพวกการศึกษา ครอบครัว รายได้ ประวัติการเดินทาง เราใส่ตามจริงทุกอย่างเลยค่ะ ส่วนการทำงาน มันจะมีช่องที่ให้อธิบายลักษณะงาน ส่วนตัวไม่ได้อธิบายเยอะมากเหมือนรีวิวของท่านอื่นๆ เราเขียนเป็นข้อๆให้กระชับแต่ครอบคลุมค่ะ 

เรื่องรูปถ่าย เราไปถ่ายที่ร้าน Big Camera แจ้งทางร้านว่ามาขอถ่ายรูปทำวีซ่าอเมริกาได้เลย พอถ่ายเสร็จทางร้านจะให้ไฟล์รูปและรูปจริงมา (ไฟล์รูปเอาไว้แนบตอนกรอก DS 160 ส่วนรูปจริงเอาไว้ยื่นตอนวันสัมภาษณ์ค่ะ)

ตรงจุดนี้เราให้เวลาค่อนข้างเยอะ อ่านดีๆ ค่อยๆกรอก และกรอกเองทั้งหมดจะได้จำข้อมูลทุกอย่างได้เพื่อเอาไปสัมภาษณ์ และที่สำคัญคือกรอกความจริง สมเหตุสมผล
เนื่องจากเป็นการสมัครครั้งแรกและไม่จ้าง agency เราเลยหาข้อมูลเองจากยูทูปกับกูเกิ้ล ขั้นตอนนี้ขอยกความดีความชอบให้กับยูทูปช่อง Gonoguide เราดู 2-3 รอบกว่าจะกรอกเองจริง มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
หลังจากกรอกข้อมูล ตรวจเช็คความเรียบร้อยจนมั่นใจแล้วก็กดส่งค่ะ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน

ขั้นตอนที่สอง การชำระเงิน

เราไปชำระเงินที่ธนาคารกรุงศรี ค่าวีซ่าตอนนั้น 7,050 บาท สำหรับเรา มันค่อนข้างแพงเลย จังหวะกำเงินไปจ่ายวันนั้นคือภาวนาว่าขอให้วีซ่าผ่านด้วยเถิด ไม่งั้นเสียดายเงินแย่เลย พอจ่ายเงินเสร็จ วันต่อมาช่วงบ่ายระบบก็เปิดให้เราเข้าไปกดวันนัดสัมภาษณ์ได้เลย 
*หลังชำระเงิน เจ้าหน้าที่จะให้หลักฐานการชำระเงินมา อันนี้ให้เก็บไว้เอาไปวันสัมภาษณ์วีซ่าด้วยค่ะ*

ขั้นตอนที่สาม การนัดสัมภาษณ์

ตอนเปิดหาคิววันนัดสัมภาษณ์ช่วงแรกๆ คิวยาวไปถึงมีนา เราเลยกดเข้าไปดูบ่อยมาก เกือบทุกชั่วโมงเพื่อดูคิวหลุด แต่เข้าบ่อยเกินจนโดนระบบล็อค 2 รอบ รอบละ 72 ชั่วโมง เข้าไปดูวันนัดไม่ได้ ช่วงนั้นใจจะขาดค่ะ 5555 และพอระบบปลดล็อค ได้คิว 1 มีนาก็เลยจองๆไปก่อน แต่คอยเปิดดูคิวเรื่อยๆ จนมีคิวปลายมกราคม 2024 โผล่มา เรารีบกดจองด้วยความไวแสง จนได้นัดสัมภาษณ์วันที่ 29 มกราคม เวลา 09.15 น. ที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นวัน เวลาที่พอใจค่ะ
ระหว่างรอวันสัมภาษณ์ ก็เตรียมเอกสารและซ้อมพูด ด้วยความเป็นคนตื่นเต้นง่ายกับอะไรแบบนี้ เตรียมตัวไปก่อน ดีที่สุดค่ะ เริ่มจากรวมคำถามที่คิดว่าท่านกงสุลจะอยากรู้ กูเกิ้ลหาคำถามที่ถูกถามบ่อยเวลาสัมภาษณ์ และซ้อมพูดไปเรื่อยๆ

ส่วนเอกสาร เราเตรียมไปดังนี้
-          พาสปอร์ตทุกเล่ม
-          ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์ (ปริ้นออกมาหลังจากกดจองคิวเสร็จ)
-          DS 160 confirmation (จะได้หลังจากกดส่ง DS 160 ในระบบ)
-          หลักฐานการจ่ายเงินค่าวีซ่า (ได้จากธนาคารหลังจากชำระเงินเสร็จ)
-          รูปถ่าย (ขนาด 2x2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว)
-          ใบรับรองการทำงาน (ขอ 1 เดือนก่อนสัมภาษณ์)
-          แพลนเที่ยว (ใส่ไฟล์ท โรงแรมและสถานที่ที่คิดว่าจะไป โดยข้อมูลต้องตรงกับ DS 160)
-          Bank Statement 6 เดือน (จำนวนเงินครอบคลุมค่าใช้จ่ายตลอดทริป ขอจากแอปธนาคารก่อนวันสัมภาษณ์ 3 วัน)
-          สลิปเงินเดือน 6 เดือนย้อนหลัง 
-          ทะเบียนบ้าน
-          ใบยืนยันการเสียภาษี

ขั้นตอนการสัมภาษณ์

พอถึงวันสัมภาษณ์ เราไปถึงสถานทูตตอน 08.45 น. ก่อนเวลาสัมภาษณ์จริงประมาณครึ่งชั่วโมง จริงๆไม่ต้องรอถึงเวลานัด สามารถเริ่มเข้าคิวได้เลยค่ะ ด้านหน้าจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารและดูว่าเรามาตรงกับวันที่เราจองมาจริงหรือไม่ จากนั้นก็แปะสติกเกอร์เลข EMS ไว้ด้านหลังพาสปอร์ต ข้อมูลตรงนี้สามารถถ่ายรูปหรือจดเก็บไว้ได้ค่ะ เพราะหากสัมภาษณ์ผ่าน เราจะได้เอาเลขนี้ไปเช็คสถานะการจัดส่งพาสปอร์ต จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ เข้าเครื่องตรวจค้น ฝากของและเดินเข้าไปยังจุดนัดสัมภาษณ์ค่ะ 

วันที่เราไป คนเยอะประมาณนึง แต่ด้วยการจัดการที่เป็นระบบของสถานทูต คิวก็ไหลไปเรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ด่านแรกจะเจอเจ้าหน้าที่คนไทยเรียกเข้าไปสัมภาษณ์คร่าวๆก่อนว่าเราชื่ออะไร เคยเปลี่ยนชื่อมั้ย ไปทำอะไรที่อเมริกา ไปกับใคร แล้วให้เราสแกนนิ้วมือซ้ายและขวา จังหวะเอานิ้วไปทาบบนเครื่อง มือเราสั่นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ตื่นเต้นสุดๆ แต่ว่าก็ผ่านมาได้ ต่อไปก็เข้าคิวสัมภาษณ์จริงกับท่านกงสุล คนที่มาสัมภาษณ์มีหลากหลายแบบ ทั้งแบบครอบครัว นักศึกษา วัยทำงาน พระสงฆ์ ต่างชาติ วันนั้นมีท่านกงสุลอยู่ 4 คน เป็นผู้ชาย 3 ผู้หญิง 1 เราไม่รู้ว่าใครใจดีหรือไม่ใจดี เพราะค่อนข้างตื่นเต้นเลยโฟกัสอยู่ที่ตัวเอง ซ้อมตอบคำถามในหัว แต่ระหว่างรอ พอจะเห็นว่าบางคนสัมภาษณ์นาน บางคนสัมภาษณ์แปปเดียว แล้วแต่จริงๆค่ะ รอไปรอมาก็ถึงคิว เราได้สัมภาษณ์กับท่านกงสุลผู้ชายช่องเลข 6 และสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สรุปบทสนทนาได้ประมาณนี้ค่ะ

ท่างกงสุล: สวัสดีครับ สบายดีมั้ย
เรา: สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ // ยื่นพาสปอร์ต
ท่านกงสุล: ทำไมถึงเดินทางไปอเมริกา
เรา: ไปท่องเที่ยวที่บอสตันค่ะ
ท่านกงสุล: บอสตันหรอครับ ไปเมื่อไหร่ นานแค่ไหน
เรา: ไปช่วงเดือนเมษายน 1 สัปดาห์ค่ะ
ท่านกงสุล: ทำไมถึงเลือกบอสตัน
เรา: เพราะคิดว่าบอสตันเป็นเมืองที่น่ารัก เดินทางสะดวก และรู้สึกสนใจศิลปะ สถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่นั่นค่ะ
ท่านกงสุล: พยักหน้าเล็กน้อย // ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่
เรา: ทำงานตำแหน่ง XXX บริษัท XXX เป็นเวลา 3 ปี 7 เดือนค่ะ
ท่านกงสุล: ตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง
เรา: (ตรงนี้เราอธิบายการทำงานของเราตาม DS 160 เลย)
ท่างกงสุล: ชอบทำงานที่นี่มั้ย
เรา: ชอบนะคะ เพื่อนร่วมงานน่ารักดี
ท่านกงสุล: รู้จักใครในอเมริกามั้ย
เรา: ไม่รู้จักเลยค่ะ
ท่านกงสุล: ไปเที่ยวคนเดียวเลยหรอ ทำไมถึงไปคนเดียว 
เรา: เที่ยวคนเดียวมันง่ายดีค่ะ จัดการสิ่งต่างๆง่าย 
ท่านกงสุล: ยิ้มๆและพยักหน้า // เคยไปเที่ยวประเทศไหนมาบ้าง
เรา: ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไปฝรั่งเศส เยอรมันและลาวค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเคยไปเวียดนาม สิงคโปร์และฮ่องกงด้วย 
ท่านกงสุล: พยักหน้าและตะล๊อกต๊อกแต๊กกับคอมอยู่แปปนึง // อืมมม วีซ่าผ่านแล้วนะครับ พาสปอร์ตจะถูกจัดส่งไปให้ภายใน 7 วัน 
เรา: ขอบคุณค่ะ // ยิ้มสยามมมมพร้อมยกมือไหว้ แล้วเดินออกไป

จังหวะนั้นเรารีบเดินออกมาก่อน กลัวท่านกงสุลเปลี่ยนใจ 5555 แล้วก็ไปเอาโทรศัพท์และบัตรประชาชนที่ฝากไว้ด้านหน้า เดินออกมาเป็นอันจบการสัมภาษณ์วีซ่า เราสัมภาษณ์เสร็จตอน 09.30 ใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มตรวจเอกสารจนสัมภาษณ์เสร็จประมาณ 45 นาที ส่วนเอกสารที่เตรียมไป ท่านกงสุลไม่ขอดูอะไรเลยค่ะ หยิบไปแต่พาสปอร์ตอันล่าสุด จากนั้นก็รอพาสปอร์ตจัดส่งมาให้ประมาณ 2 วัน (เราอยู่ในกรุงเทพ) ได้วีซ่ามา 10 ปีค่ะ 

ขอเพิ่มเติมเรื่องการแต่งกายนะคะ เราใส่ชุดทำงานเราไปเลย เป็นกางเกงขายาวสีดำและเสื้อเชิ้ตยาวสีขาว ชุดพนักงานออฟฟิศธรรมดาค่ะ

หลักๆแล้ว เรานำเสนอความจริงและสอดคล้องกับข้อมูลของเราที่กรอกไปใน DS 160 ค่ะ กรอกยังไง ก็ตอบไปแบบนั้น และเวลาท่านกงสุลถามอะไร พยายามตอบให้ตรงคำถาม พร้อมเสริมข้อมูลเล็กน้อยไม่ให้ห้วนจนเกินไป และเป็นข้อมูลที่ช่วยทำให้ท่านกงสุลเห็นภาพมากขึ้นค่ะ 
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนไม่มากก็น้อย เพราะตอนเราทำเรื่องยื่นวีซ่าเอง ก็คอยหาข้อมูลตามเพจและกระทู้ต่างๆเหมือนกัน ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่