สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่า อเมริกา ล่าสุดที่ได้เจอมาครับ
ผมยื่นเอกสาร DS-160 ลงระบบประมาณ เดือน พฤษภาคม 66
และได้ทำการนัดสัมภาษณ์ ได้วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566 ช่วงเช้าครับ
เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเพลินจิต แล้วเดินมาที่สถานฑูตสหรัฐอเมริกา ครับ
ถึงหน้าสถานฑูต เวลา ประมาณ 7.30 น.
มีการตรวจพาสปอร์ต และรับใบไปตรวจเอกสารและสแกนกระเป๋าทุกอย่าง
ณ จุดนั้นให้ปิดมือถือ ปิด Apple watch หรือนาฬิกา Digital ทุกอย่าง
เสร็จแล้วไปยังจุดตรวจกระเป๋า พนักงานสถานฑูต แจ้งว่า มีอาหารในกระเป๋า ให้ทานก่อนเข้าหรือจะทื้ง ก็ได้
ผมเสียดายของ เลยยืนกินข้างนอก ก่อนเข้าไปใหม่อีก 5 นาที ถัดมา
จุดตรวจกระเป๋า รับฝากแต่ มือถือ และ นาฬิกา Digital ที่ปิดเครื่องแล้วเท่านั้น ถ้ายังไม่ปิด ไม่รับฝาก และสายชาร์จ หูฟังต่างๆด้วย ต้องฝากไว้ที่นี่ โดยจะได้รับกำไลข้อมือ คล้องไว้ เป็นหมายเลข ฝากของ มารับตอนออกจากสถานฑูต
พอผ่านด่านตรวจกระเป๋า เข้าไปจะพบจุดที่มีเจ้าหน้าที่ (หน้าตึก) ขอรูปถ่าย 1 รูป (ตรวจรูปถ่าย ว่าเกิน 6 เดือนหรือไม่ และก็ติ๊กในเอกสาร ชื่อ สกุล เวลาสัมภาษณ์ ตรงหรือไม่ ถ้าเกินจะต้องไปถ่ายรูปใหม่ โดยมีเครื่องถ่ายรูป ไว้ให้ (อยู่ในตึก) ราคาถ้าจำไม่ผิด หลัก 100+ บาท และ ตรวจพาสปอร์ตครับ จะมีการติดเลข EMS หลังพาสปอร์ตไว้ให้
หลังจากนั้น เข้าไปในตึก ห้องสัมภาษณ์ คิวยาวมาก เข้าไปรอคิว ราวๆ 1 ชั่วโมง ผมได้ช่องคิว เป็นพนักงานหญิงชาวไทย ช่องที่ 11 ขอดูรูปถ่ายว่าถ่ายนานเกิน 6 เดือนหรือไม่ ถ้าเกินเค้าจะแจ้งว่าให้ไปถ่ายใหม่ที่ตู้ และขอดูพาสปอร์ตถามว่า ขอวีซ่าท่องเที่ยวใช่มั้ยคะ ไม่ใช่วีซ่าราชการนะคะ (น่าจะดูจากข้อมูล DS-160 ผมทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แห่งหนึ่ง) ผมตอบ ใช่ครับ ขอวีซ่าไปเที่ยวครับ พนักงานแจ้งว่า OK ค่ะ รบกวนแสกนลายนิ้วมือตามแผ่นภาพที่แปะไว้ข้างๆช่องคิวที่เราอยู่ (คล้ายๆกับสแกนนิ้วผ่าน ตม.) เสร็จแล้วพนักงานแจ้งว่าให้ไปที่ช่องที่ 10 เป็นชาวต่างชาติผิวสี ซึ่งขอตรวจพาสปอร์ต และให้สแกนนิ้วมือ ด้านขวา ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วแจ้งว่าให้ไปต่อคิวเพื่อสัมภาษณ์ ซึ่งแถวยาวมาก
ห้องสัมภาษณ์กับคิวต่อแถว มันอยู่รวมกัน คือ ระหว่างรอต่อคิวอยู่ ในห้อง เราจะได้ยิน กงสุล ถาม และ คนถูกสัมภาษณ์ ตอบตลอดเวลา วันนั้น มีคนสัมภาษณ์ 2 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ ช่องเบอร์ 5 เป็นชาวต่างชาติผิวขาวดูสวยและใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส (ในใจคิดว่าอยากได้สัมภาษณ์กับคนนี้) ส่วนช่องเบอร์ 6 เป็นชาวต่างชาติผิวสีรูปร่างท้วม ดูใจดีเช่นกัน แต่ชอบช่องเบอร์ 5 มากกว่า หลังจากที่ฟังคนอื่นสัมภาษณ์ มีถามเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ไทยบ้าง โดยกงสุล เป็นชาวต่างชาติที่สามารถพูดไทยได้ (สำเนียงออกฝรั่ง) ผมก็เตรีมตัวตอบภาษาอังกฤษมาระดับหนึ่งครับ จังหวะนั้น เห็นคนไม่ผ่านเยอะนะครับ มีคำว่า not qualify หรือ คุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าสหรัฐ ก็มีคนจ๋อยๆ ซึมๆ กันไป
มาถึงจังหวะเรียกสัมภาษณ์ ผมได้ช่องเบอร์ 5 ที่ตั้งใจอยากได้จริงๆ กงสุลคนนี้สวยมากครับ ยิ้มเลย (รอคิวตรงนี้ราวๆ 30 นาที)
เล่า Background ผมก่อนนะครับ ส่วนตัว เป็นชายโสด อายุ 40 ต้นๆ ทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง อายุงานของการทำงานที่นี่ ราวๆ 10-11 ปี ประกอบวิชาชีพทางสายสาธารณสุข ครับ ฐานเงินเดือน 50,000+ ไม่รวมรายได้อื่นๆ ถ้ารวมรายได้อื่นๆ จะราวๆ 80,000 บาท ครั้งนี้ผมกรอกว่าไปเที่ยวคนเดียว ต้องการไป เที่ยวสหรัฐ เมือง... จ่ายเงินเอง และไม่มีคนรู้จักที่นั่น (จริงๆมีเพื่อนที่รู้จักที่นั้นนะครับ แต่ไม่ได้ลงข้อมูลไว้ เพราะเเดาว่ากงสุลอาจขอดูเอกสารคนที่เรารู้จัก เลยไม่อยากรบกวนเค้าครับ) ซึ่งผมเตรียมเอกสารไว้ดังนี้ **********แต่เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเลยครับ*********
1.statement ธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน รวมถึงใบรับรองเงินฝากในสหกรณ์ออมทรัพย์และหุ้นปันผลสหกรณ์ รวมกับราวๆ หลัก 7 ครับ
2.ใบประกอบวิชาชีพ
3.หลักฐานการศึกษา ปริญญาตรี และ ปริญญาโท
4.ใบรับรองการทำงาน
5.สำเนาทะเบีนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ บัตรบุคลากรทางการแพทย์
พอถึงคนสัมภาษณ์ช่องเบอร์ 5 ขอพาสปร์ตพร้อมรูปถ่าย 1 รูป
ผมพูดภาษาไทยใส่ก่อนครับ สวัสดีครับ ยิ้ม กงสุลคนสัมภาษณ์ ตอบ สวัสดีค่ะ (สำเนียงฝรั่ง) พร้อมยิ้มให้ หลังจากนั้น ถามเป็นภาษาไทยทั้งหมด ดังนี้ครับ
1.ไปทำอะไรที่สหรัฐฯ คะ
ตอบ ไปเที่ยวครับ
2.เคยไปประเทศไหนมาบ้างหรือได้วีซ่าประเทศไหนมาบ้างคะ
ตอบ ผมเน้นตอบประเทศที่ใช้วีซ่าไว้ก่อน เป็นประเทศแรกๆ ครับ ผมตอบ ดังนี้ ถ้าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาติดสถานการณ์ Covid ไปแค่ประเทศ จีน (เมืองซีอาน) และฮ่องกง ครับ แต่ก่อนสถานการณ์ Covid ได้ไป อังกฤษ (ไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนอยู่) 15 ปีผ่านมาแล้ว กงสุลตอบว่า Ok อังกฤษ มีประเทศอื่นอีกมั้ยคะ ทีนี้ก็บรรยายประเทศที่เคยไป รัสเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ พม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ฯลฯ ผมว่าเราเคยไประเทศไหน เค้าตรวจสอบในระบบได้ครับ และพยายามตอบให้ตรงกับที่กรอกใน DS-160
3.เคยไปต่างประเทศคนเดียวมั้ยคะ)
ตอบ เคยครับ
4.มีภรรยา แต่งงาน หรือ มีแฟนมั้ยคะ
ตอบ โสดครับ พร้อม ยิ้มให้
5.ขอดู statement ได้มั้ยคะ
ตอบ หยิบเอกสารมาเตรียมโชว์ statement แต่กงสุล แจ้งว่าไม่เป็นไรค่ะ พูดได้เลย ไม่ต้องแสดง ผมก็ตอบไปว่า อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ และ สหกรณ์ ราวๆ เลข 7 หลัก (แต่ตอบเป็นจำนวนไปนะครับ) กงสุลก็ Ok
6.กงสุลถามย้ำครั้งที่ 2 ว่า ขอถามอีกทีนะคะ เคยไปประเทศไหนมาบ้าง เพื่อทวนอีกครั้ง อาจได้ยินไม่ชัด เพราะในห้องเสียงคนสัมภาษณ์ข้างๆ ค่อนข้างจอแจ
ตอบ ผมตอบเหมือนเดิมกับข้อ 2
กงสุลแจ้งว่า วีซ่าคุณผ่านนะคะ พร้อมทั้งเอาพาสปอร์ต พร้อมรูปถ่ายไป
ผมก็ ขอบคุณครับ แล้วก็เดินออกมาด้านนอก พร้อมรับของที่เราฝากไว้หน้าตึก
สัมภาษณ์วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม เช้า พอวันพุธ 18 ตุลาคม ช่วงเย็น เห็นซองเอกสารพาสปอร์ตมาส่งบ้านแล้วครับ (บ้านผมอยู่ใน กทม ครับ)
เปิดวีซ่าดู ปรากฎว่าได้วีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 ระยะเวลา 10 ปี ครับ
เขียนไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน และข้อมูลให้เพื่อนๆ เตรียมตัวสัมภาษณ์ ครับ
ขอบคุณครับ
Review การสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา 16 ตุลาคม 2566 ผ่านง่าย ถ้าตอบตรงกับการกรอกในเอกสารDS-160
ผมยื่นเอกสาร DS-160 ลงระบบประมาณ เดือน พฤษภาคม 66
และได้ทำการนัดสัมภาษณ์ ได้วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566 ช่วงเช้าครับ
เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเพลินจิต แล้วเดินมาที่สถานฑูตสหรัฐอเมริกา ครับ
ถึงหน้าสถานฑูต เวลา ประมาณ 7.30 น.
มีการตรวจพาสปอร์ต และรับใบไปตรวจเอกสารและสแกนกระเป๋าทุกอย่าง
ณ จุดนั้นให้ปิดมือถือ ปิด Apple watch หรือนาฬิกา Digital ทุกอย่าง
เสร็จแล้วไปยังจุดตรวจกระเป๋า พนักงานสถานฑูต แจ้งว่า มีอาหารในกระเป๋า ให้ทานก่อนเข้าหรือจะทื้ง ก็ได้
ผมเสียดายของ เลยยืนกินข้างนอก ก่อนเข้าไปใหม่อีก 5 นาที ถัดมา
จุดตรวจกระเป๋า รับฝากแต่ มือถือ และ นาฬิกา Digital ที่ปิดเครื่องแล้วเท่านั้น ถ้ายังไม่ปิด ไม่รับฝาก และสายชาร์จ หูฟังต่างๆด้วย ต้องฝากไว้ที่นี่ โดยจะได้รับกำไลข้อมือ คล้องไว้ เป็นหมายเลข ฝากของ มารับตอนออกจากสถานฑูต
พอผ่านด่านตรวจกระเป๋า เข้าไปจะพบจุดที่มีเจ้าหน้าที่ (หน้าตึก) ขอรูปถ่าย 1 รูป (ตรวจรูปถ่าย ว่าเกิน 6 เดือนหรือไม่ และก็ติ๊กในเอกสาร ชื่อ สกุล เวลาสัมภาษณ์ ตรงหรือไม่ ถ้าเกินจะต้องไปถ่ายรูปใหม่ โดยมีเครื่องถ่ายรูป ไว้ให้ (อยู่ในตึก) ราคาถ้าจำไม่ผิด หลัก 100+ บาท และ ตรวจพาสปอร์ตครับ จะมีการติดเลข EMS หลังพาสปอร์ตไว้ให้
หลังจากนั้น เข้าไปในตึก ห้องสัมภาษณ์ คิวยาวมาก เข้าไปรอคิว ราวๆ 1 ชั่วโมง ผมได้ช่องคิว เป็นพนักงานหญิงชาวไทย ช่องที่ 11 ขอดูรูปถ่ายว่าถ่ายนานเกิน 6 เดือนหรือไม่ ถ้าเกินเค้าจะแจ้งว่าให้ไปถ่ายใหม่ที่ตู้ และขอดูพาสปอร์ตถามว่า ขอวีซ่าท่องเที่ยวใช่มั้ยคะ ไม่ใช่วีซ่าราชการนะคะ (น่าจะดูจากข้อมูล DS-160 ผมทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แห่งหนึ่ง) ผมตอบ ใช่ครับ ขอวีซ่าไปเที่ยวครับ พนักงานแจ้งว่า OK ค่ะ รบกวนแสกนลายนิ้วมือตามแผ่นภาพที่แปะไว้ข้างๆช่องคิวที่เราอยู่ (คล้ายๆกับสแกนนิ้วผ่าน ตม.) เสร็จแล้วพนักงานแจ้งว่าให้ไปที่ช่องที่ 10 เป็นชาวต่างชาติผิวสี ซึ่งขอตรวจพาสปอร์ต และให้สแกนนิ้วมือ ด้านขวา ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วแจ้งว่าให้ไปต่อคิวเพื่อสัมภาษณ์ ซึ่งแถวยาวมาก
ห้องสัมภาษณ์กับคิวต่อแถว มันอยู่รวมกัน คือ ระหว่างรอต่อคิวอยู่ ในห้อง เราจะได้ยิน กงสุล ถาม และ คนถูกสัมภาษณ์ ตอบตลอดเวลา วันนั้น มีคนสัมภาษณ์ 2 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ ช่องเบอร์ 5 เป็นชาวต่างชาติผิวขาวดูสวยและใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส (ในใจคิดว่าอยากได้สัมภาษณ์กับคนนี้) ส่วนช่องเบอร์ 6 เป็นชาวต่างชาติผิวสีรูปร่างท้วม ดูใจดีเช่นกัน แต่ชอบช่องเบอร์ 5 มากกว่า หลังจากที่ฟังคนอื่นสัมภาษณ์ มีถามเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ไทยบ้าง โดยกงสุล เป็นชาวต่างชาติที่สามารถพูดไทยได้ (สำเนียงออกฝรั่ง) ผมก็เตรีมตัวตอบภาษาอังกฤษมาระดับหนึ่งครับ จังหวะนั้น เห็นคนไม่ผ่านเยอะนะครับ มีคำว่า not qualify หรือ คุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าสหรัฐ ก็มีคนจ๋อยๆ ซึมๆ กันไป
มาถึงจังหวะเรียกสัมภาษณ์ ผมได้ช่องเบอร์ 5 ที่ตั้งใจอยากได้จริงๆ กงสุลคนนี้สวยมากครับ ยิ้มเลย (รอคิวตรงนี้ราวๆ 30 นาที)
เล่า Background ผมก่อนนะครับ ส่วนตัว เป็นชายโสด อายุ 40 ต้นๆ ทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง อายุงานของการทำงานที่นี่ ราวๆ 10-11 ปี ประกอบวิชาชีพทางสายสาธารณสุข ครับ ฐานเงินเดือน 50,000+ ไม่รวมรายได้อื่นๆ ถ้ารวมรายได้อื่นๆ จะราวๆ 80,000 บาท ครั้งนี้ผมกรอกว่าไปเที่ยวคนเดียว ต้องการไป เที่ยวสหรัฐ เมือง... จ่ายเงินเอง และไม่มีคนรู้จักที่นั่น (จริงๆมีเพื่อนที่รู้จักที่นั้นนะครับ แต่ไม่ได้ลงข้อมูลไว้ เพราะเเดาว่ากงสุลอาจขอดูเอกสารคนที่เรารู้จัก เลยไม่อยากรบกวนเค้าครับ) ซึ่งผมเตรียมเอกสารไว้ดังนี้ **********แต่เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเลยครับ*********
1.statement ธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน รวมถึงใบรับรองเงินฝากในสหกรณ์ออมทรัพย์และหุ้นปันผลสหกรณ์ รวมกับราวๆ หลัก 7 ครับ
2.ใบประกอบวิชาชีพ
3.หลักฐานการศึกษา ปริญญาตรี และ ปริญญาโท
4.ใบรับรองการทำงาน
5.สำเนาทะเบีนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ บัตรบุคลากรทางการแพทย์
พอถึงคนสัมภาษณ์ช่องเบอร์ 5 ขอพาสปร์ตพร้อมรูปถ่าย 1 รูป
ผมพูดภาษาไทยใส่ก่อนครับ สวัสดีครับ ยิ้ม กงสุลคนสัมภาษณ์ ตอบ สวัสดีค่ะ (สำเนียงฝรั่ง) พร้อมยิ้มให้ หลังจากนั้น ถามเป็นภาษาไทยทั้งหมด ดังนี้ครับ
1.ไปทำอะไรที่สหรัฐฯ คะ
ตอบ ไปเที่ยวครับ
2.เคยไปประเทศไหนมาบ้างหรือได้วีซ่าประเทศไหนมาบ้างคะ
ตอบ ผมเน้นตอบประเทศที่ใช้วีซ่าไว้ก่อน เป็นประเทศแรกๆ ครับ ผมตอบ ดังนี้ ถ้าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาติดสถานการณ์ Covid ไปแค่ประเทศ จีน (เมืองซีอาน) และฮ่องกง ครับ แต่ก่อนสถานการณ์ Covid ได้ไป อังกฤษ (ไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนอยู่) 15 ปีผ่านมาแล้ว กงสุลตอบว่า Ok อังกฤษ มีประเทศอื่นอีกมั้ยคะ ทีนี้ก็บรรยายประเทศที่เคยไป รัสเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ พม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ฯลฯ ผมว่าเราเคยไประเทศไหน เค้าตรวจสอบในระบบได้ครับ และพยายามตอบให้ตรงกับที่กรอกใน DS-160
3.เคยไปต่างประเทศคนเดียวมั้ยคะ)
ตอบ เคยครับ
4.มีภรรยา แต่งงาน หรือ มีแฟนมั้ยคะ
ตอบ โสดครับ พร้อม ยิ้มให้
5.ขอดู statement ได้มั้ยคะ
ตอบ หยิบเอกสารมาเตรียมโชว์ statement แต่กงสุล แจ้งว่าไม่เป็นไรค่ะ พูดได้เลย ไม่ต้องแสดง ผมก็ตอบไปว่า อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ และ สหกรณ์ ราวๆ เลข 7 หลัก (แต่ตอบเป็นจำนวนไปนะครับ) กงสุลก็ Ok
6.กงสุลถามย้ำครั้งที่ 2 ว่า ขอถามอีกทีนะคะ เคยไปประเทศไหนมาบ้าง เพื่อทวนอีกครั้ง อาจได้ยินไม่ชัด เพราะในห้องเสียงคนสัมภาษณ์ข้างๆ ค่อนข้างจอแจ
ตอบ ผมตอบเหมือนเดิมกับข้อ 2
กงสุลแจ้งว่า วีซ่าคุณผ่านนะคะ พร้อมทั้งเอาพาสปอร์ต พร้อมรูปถ่ายไป
ผมก็ ขอบคุณครับ แล้วก็เดินออกมาด้านนอก พร้อมรับของที่เราฝากไว้หน้าตึก
สัมภาษณ์วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม เช้า พอวันพุธ 18 ตุลาคม ช่วงเย็น เห็นซองเอกสารพาสปอร์ตมาส่งบ้านแล้วครับ (บ้านผมอยู่ใน กทม ครับ)
เปิดวีซ่าดู ปรากฎว่าได้วีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 ระยะเวลา 10 ปี ครับ
เขียนไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน และข้อมูลให้เพื่อนๆ เตรียมตัวสัมภาษณ์ ครับ
ขอบคุณครับ