สวัสดีค่ะ
วันนี้ได้โอกาสมาแชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาเพื่อส่งต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวค่ะ ก่อนที่จขกท.จะเริ่มกรอกฟอร์ม DS-160 รวมถึงการจองวันสัมภาษณ์ จขกท.เข้ามาเก็บข้อมูลจากหลายๆ กระทู้ที่ชาวพันทิปมาแชร์ไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากจริงๆ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
เริ่มกันเลยนะคะ
.
หลังจากได้อ่านข้อมูลในเว็บ
https://th.usembassy.gov/visas/nonimmigrant-visas/ จนพอเข้าใจแล้ว ก็มาเริ่มที่การกรอกฟอร์ม DS-160
ทุกท่านสามารถหากระทู้แนะนำการกรอกแบบฟอร์ม ซึ่งมีชาวพันทิปหลายท่านทำกระทู้ไว้ได้ละเอียดดีมากค่ะ ระหว่างที่กรอก DS-160 ก็ใช้ Application ID ไปสมัครในเว็บ
https://portal.ustraveldocs.com/ เพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและจองวันนัดสัมภาษณ์ไว้ก่อนเลย ไม่ต้องรอให้กรอกฟอร์มจนเสร็จนะคะ เพราะยังมีเวลาให้แก้ไขข้อมูลได้เรื่อยๆ แล้วค่อยไปถ่ายรูป+อัพโหลดรูปใน DS-160 สัก 2 อาทิตย์ก่อนจะถึงวันนัดสัมภาษณ์ จากนั้นค่อยกดส่งฟอร์ม DS-160 อย่างน้อยก่อนวันนัดสัมภาษณ์ 3 วันทำการ
สเต็ปแรก - การกรอก DS-160
เนื่องจากจขกท.อ่านประสบการณ์จากหลายๆ ท่านที่มาแชร์ทั้งที่วีซ่าผ่าน และไม่ผ่าน (ทั้งๆ ที่บางท่านก็เคยได้วีซ่ามาแล้ว) บ้างก็ว่าที่วีซ่าไม่ผ่านอาจจะเพราะเป็นสาวโสดเดินทางคนเดียว และ/หรือ มีคนรู้จักที่นั่น ก็อาจเป็นเหตุในการถูกปฏิเสธวีซ่า จขกท.เข้าข่ายทั้งสองอย่างก็เลยมีความหวั่นใจอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ตัดสินใจกรอกข้อมูลตามจริงทุกอย่าง ไม่มีปิดบังใดๆ เนื่องจากวีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีที่หมดอายุไปแล้ว จขกท.เดินทางไปอแมริกาก็กรอกในใบตม.แจ้งว่าไปพักกับคนรู้จักทุกครั้ง ถ้าคราวนี้กรอกว่าไม่มีคนรู้จัก อาจจะโดนสงสัย เพราะทางสถานทูตต้องมีประวัติของเราเก็บไว้แน่นอน ที่สำคัญจขกท.กรอกในส่วนของการทำงานค่อนข้างเยอะ ตั้งใจเขียนให้เจ้าหน้าที่กงสุลอ่านแล้วเข้าใจได้ว่างานของเราคืออะไร สำคัญยังไง งานที่รับผิดชอบหลักๆ มีอะไรบ้าง แต่ไม่เยิ่นเย้อค่ะ
ข้อมูลส่วนตัวคร่าวๆ ของจขกท
.
1. ก่อนเหตุการณ์911 จขกท.เคยได้วีซ่าท่องเที่ยวครั้งแรกหลังจากเรียนจบปริญญาตรีและทำงานได้ 1 ปี ไปขอพร้อมกับของคุณแม่ เพื่อเดินทางไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนปริญญาโทที่ซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนเหตุการณ์ 911 เป็นการสุ่มเรียกสัมภาษณ์ แต่จขกท.ไม่ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์ จขกท.ได้วีซ่าท่องเที่ยว 3 เดือน ส่วนคุณแม่ได้วีซ่า 10 ปี ตอนกรอกแบบฟอร์มก็แจ้งไปตามจริงว่าไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนอยู่ที่นั่นได้ 1 ปีแล้ว
.
2. เคยได้วีซ่านักเรียน 5 ปี ไม่ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์ เป็นการขอวีซ่าก่อนเหตุการณ์ 911 แล้วก็เกิดเหตุการณ์ 911 ในปีนั้น (จขกท.เรียนและกลับไทยก่อนวีซ่าครบ 5 ปี)
.
3. เคยได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี หลังจากกลับจากอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน หลังเหตุการณ์ 911 ผู้สมัครทุกคนต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ (ทำงานได้เกือบ 2 ปี จึงไปขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกครั้ง) เดินทางด้วยวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ละครั้งทาง immigration จะสแตมป์ให้ 6 เดือน จขกท.อยู่ประมาณ 14-16 วันในแต่ละครั้ง ไม่เคยอยู่เกินวันที่กรอกไว้ในใบตม.ขาเข้าอเมริกา
เพิ่มเติม
1. จขกท.ยังไม่ได้แต่งงาน ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทสัญชาติอเมริกัน อายุงาน 10+ปี
2. แจ้งไปตามความจริงว่ามีคนรู้จัก เป็นเพื่อนผู้ชายชาวอเมริกันที่เคยทำงานด้วยกัน
3. ไม่ได้กรอกแผนการเดินทางที่แน่นอนในฟอร์ม DS-160 แต่ก็ทำแผนเที่ยวไปด้วยเผื่อถูกถาม
4. ไม่ได้ให้เพื่อนชาวอเมริกันทำจดหมายเชิญใดๆ
5. นอกจากประเทศอเมริกา เคยเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง จีน พม่า ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์
.
สเต็ปสอง - การชำระเงินที่ธนาคารกรุงศรี
ทุกท่านสามารถหากระทู้แนะนำการกรอกแบบฟอร์ม ซึ่งมีชาวพันทิปหลายท่านทำกระทู้ได้ละเอียดดีมากค่ะ
ระหว่างที่กรอก DS-160 ก็สมัครในเว็บ
https://portal.ustraveldocs.com/ เพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและจองวันนัดสัมภาษณ์ไว้ก่อนเลย เพราะคิวแน่นมากค่ะ
.
สเต็ปสาม - การสัมภาษณ์
จขกท.นัดคิววันที่ 12 เมษายน เวลา 8.15 น. ไปถึงหน้าสถานฑูต คิดว่าเพราะส่วนใหญ่หยุดสงกรานต์กันแล้ว รถไม่ติด ไปถึงอย่างไว ตอน 7.30 น. ยังไม่มีการต่อแถวหน้าสถานฑูตเลย แป๊บนึงก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามาเรื่องขอวีซ่าใช่ไหม แล้วพาไปรอหน้าประตู จึงมีเจ้าหน้าที่มาขอพาสปอร์ตเล่มล่าสุด ไปติด tracking number เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งว่าให้ปิดโทรศัพท์ด้วย จขกท.จึงขอถ่ายรูปตัว tracking number ที่แปะหลังเล่มพาสปอร์ตก่อนค่อยปิดโทรศัพท์ จากนั้นจึงผ่านเข้าประตูด้านหน้า ต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อฝากโทรศัพท์ จขกท.ใช้กระเป๋าสะพายใบเล็กจึงเอาเข้าไปด้วยได้ค่ะ
.
เดินผ่านประตูเข้าไปส่วนด้านในสถานฑูต เดินไปหน่อย จะมีเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่เคอยช็ครูปถ่ายว่าใช้ได้ไหม
ไปเข้าแถวเช็คพาสปอร์ตที่ Booth 15 แสกนลายนิ้วมือที่ Booth 11 // จากนั้นก็เข้าแถวเพื่อสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล (Consular officer) ชาวอเมริกันเช้านี้เปิดทำการอยู่ 2 Booth คือ Booth 5 เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลหนุ่ม ท่าทางใจดี และ Booth 8 เจ้าหน้าที่กงสุลเป็นสุภาพสตรีดูท่าทางใจดีเหมือนกัน
จขกท.ได้คิวสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล Booth 5 จขกท.เดินเข้าไปพร้อมไหว้สวัสดีตามมารยาทไทยเลยค่ะ
.
สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดตามนี้ค่ะ
ระหว่างการสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่กงสุลมองหน้าจอคอมและพิมพ์บางอย่างไปด้วย สลับกับหันมองหน้าจขกท.เพื่อถามคำถาม
.
จขกท: สวัสดีค่ะ (พร้อมยกมือไหว้), Good Morning.
Consular officer: Good Morning, How are you?
จขกท: I'm good, and you?
Consular officer: I'm fine, thanks. Your passport, please.
จขกท: All my passports? (จขกทเอาเล่มเก่าไปด้วยรวมเล่มล่าสุดก็ 5 เล่ม ซึ่งเล่มล่าสุดเพิ่งทำมาใหม่เลย)
Consular officer: Just the current one.
จขกท: OK, this one.
เจ้าหน้าที่กงสุลรับพาสปอร์ตไปดูและพิมพ์คอม แล้วหันมาถามไปด้วย
Consular officer: What do you do for a living?
จขกท: I'm xxx engineer.
Consular officer: Why do you want to go to United States?
จขกท: I'd like to go for vacation and to visit my friend.
Consular officer: Where?
จขกท: Indiana.
Consular officer: How did you know each other?
จขกท: We used to work togerther in the same project in xxx, Thailand.
Consular officer: OK. Your visa is approved.
จขกท: Thank you, ขอบคุณค่ะ. Have a nice day! (วินาทีนั้นรู้สึกงงๆ ว่า ผ่านแล้ว?? ถามแค่นี้เหรอ)
Consular officer: Thanks, you too.
เอกสารที่เตรียมไปทั้งหมดแต่เจ้าหน้าที่กงสุล ขอแต่ passport เล่มล่าสุดเท่านั้นค่ะ
1. พาสปอร์ต
2. รูปถ่ายสี ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ (พื้นหลังสีขาว) - ส่งคืนมาให้พร้อมกับพาสปอร์ตที่มีวีซ่า
.
เอกสารต่างๆ ที่เตรียมไป แต่เจ้าหน้าที่กงสุลไม่เรียกดูเลย
3. สำเนา ทะเบียนบ้าน - ไม่ดู
4. สำเนา บัตรประชาชน - ไม่ดู
5. ใบยืนยันการขอวีซ่าตามแบบฟอร์ม DS-160 (Print หลังจากลงทะเบียนข้อมูลในระบบออนไลน์) - ไม่ดู
6. ใบนัดสัมภาษณ์ (Print หลังจากลงทะเบียนนัดวันเวลาสัมภาษณ์ในระบบออนไลน์) - ไม่ดู
7. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริง - ไม่ดู
8. แผนการเดินทาง แสดงว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน เมืองอะไร พักที่ไหน - ไม่ดู
9. หลักฐานแสดงรายได้ ได้แก่ รายการเดินบัญชี (Bank Statement) และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร - ไม่ดู
10. หนังสือรับรองการทำงาน - ไม่ดู
11. สลิปเงินเดือนย้องหลัง 6 เดือน - ไม่ดู
จขกท.นัดสัมภาษณ์วันที่ 12 เมษายน สถานฑูตหยุดเทศกาลสงกรานต์ เปิดทำการวันที่ 17 เมษายน ได้รับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า วันที่ 18 เมษายน
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ
รีวิววีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา 2024
วันนี้ได้โอกาสมาแชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาเพื่อส่งต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวค่ะ ก่อนที่จขกท.จะเริ่มกรอกฟอร์ม DS-160 รวมถึงการจองวันสัมภาษณ์ จขกท.เข้ามาเก็บข้อมูลจากหลายๆ กระทู้ที่ชาวพันทิปมาแชร์ไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากจริงๆ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
เริ่มกันเลยนะคะ
.
หลังจากได้อ่านข้อมูลในเว็บ https://th.usembassy.gov/visas/nonimmigrant-visas/ จนพอเข้าใจแล้ว ก็มาเริ่มที่การกรอกฟอร์ม DS-160
ทุกท่านสามารถหากระทู้แนะนำการกรอกแบบฟอร์ม ซึ่งมีชาวพันทิปหลายท่านทำกระทู้ไว้ได้ละเอียดดีมากค่ะ ระหว่างที่กรอก DS-160 ก็ใช้ Application ID ไปสมัครในเว็บ https://portal.ustraveldocs.com/ เพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและจองวันนัดสัมภาษณ์ไว้ก่อนเลย ไม่ต้องรอให้กรอกฟอร์มจนเสร็จนะคะ เพราะยังมีเวลาให้แก้ไขข้อมูลได้เรื่อยๆ แล้วค่อยไปถ่ายรูป+อัพโหลดรูปใน DS-160 สัก 2 อาทิตย์ก่อนจะถึงวันนัดสัมภาษณ์ จากนั้นค่อยกดส่งฟอร์ม DS-160 อย่างน้อยก่อนวันนัดสัมภาษณ์ 3 วันทำการ
สเต็ปแรก - การกรอก DS-160
เนื่องจากจขกท.อ่านประสบการณ์จากหลายๆ ท่านที่มาแชร์ทั้งที่วีซ่าผ่าน และไม่ผ่าน (ทั้งๆ ที่บางท่านก็เคยได้วีซ่ามาแล้ว) บ้างก็ว่าที่วีซ่าไม่ผ่านอาจจะเพราะเป็นสาวโสดเดินทางคนเดียว และ/หรือ มีคนรู้จักที่นั่น ก็อาจเป็นเหตุในการถูกปฏิเสธวีซ่า จขกท.เข้าข่ายทั้งสองอย่างก็เลยมีความหวั่นใจอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ตัดสินใจกรอกข้อมูลตามจริงทุกอย่าง ไม่มีปิดบังใดๆ เนื่องจากวีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีที่หมดอายุไปแล้ว จขกท.เดินทางไปอแมริกาก็กรอกในใบตม.แจ้งว่าไปพักกับคนรู้จักทุกครั้ง ถ้าคราวนี้กรอกว่าไม่มีคนรู้จัก อาจจะโดนสงสัย เพราะทางสถานทูตต้องมีประวัติของเราเก็บไว้แน่นอน ที่สำคัญจขกท.กรอกในส่วนของการทำงานค่อนข้างเยอะ ตั้งใจเขียนให้เจ้าหน้าที่กงสุลอ่านแล้วเข้าใจได้ว่างานของเราคืออะไร สำคัญยังไง งานที่รับผิดชอบหลักๆ มีอะไรบ้าง แต่ไม่เยิ่นเย้อค่ะ
ข้อมูลส่วนตัวคร่าวๆ ของจขกท
.
1. ก่อนเหตุการณ์911 จขกท.เคยได้วีซ่าท่องเที่ยวครั้งแรกหลังจากเรียนจบปริญญาตรีและทำงานได้ 1 ปี ไปขอพร้อมกับของคุณแม่ เพื่อเดินทางไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนปริญญาโทที่ซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนเหตุการณ์ 911 เป็นการสุ่มเรียกสัมภาษณ์ แต่จขกท.ไม่ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์ จขกท.ได้วีซ่าท่องเที่ยว 3 เดือน ส่วนคุณแม่ได้วีซ่า 10 ปี ตอนกรอกแบบฟอร์มก็แจ้งไปตามจริงว่าไปเยี่ยมพี่ชายที่เรียนอยู่ที่นั่นได้ 1 ปีแล้ว
.
2. เคยได้วีซ่านักเรียน 5 ปี ไม่ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์ เป็นการขอวีซ่าก่อนเหตุการณ์ 911 แล้วก็เกิดเหตุการณ์ 911 ในปีนั้น (จขกท.เรียนและกลับไทยก่อนวีซ่าครบ 5 ปี)
.
3. เคยได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี หลังจากกลับจากอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน หลังเหตุการณ์ 911 ผู้สมัครทุกคนต้องเข้ารับการสัมภาษณ์ (ทำงานได้เกือบ 2 ปี จึงไปขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกครั้ง) เดินทางด้วยวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ละครั้งทาง immigration จะสแตมป์ให้ 6 เดือน จขกท.อยู่ประมาณ 14-16 วันในแต่ละครั้ง ไม่เคยอยู่เกินวันที่กรอกไว้ในใบตม.ขาเข้าอเมริกา
เพิ่มเติม
1. จขกท.ยังไม่ได้แต่งงาน ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทสัญชาติอเมริกัน อายุงาน 10+ปี
2. แจ้งไปตามความจริงว่ามีคนรู้จัก เป็นเพื่อนผู้ชายชาวอเมริกันที่เคยทำงานด้วยกัน
3. ไม่ได้กรอกแผนการเดินทางที่แน่นอนในฟอร์ม DS-160 แต่ก็ทำแผนเที่ยวไปด้วยเผื่อถูกถาม
4. ไม่ได้ให้เพื่อนชาวอเมริกันทำจดหมายเชิญใดๆ
5. นอกจากประเทศอเมริกา เคยเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง จีน พม่า ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์
.
สเต็ปสอง - การชำระเงินที่ธนาคารกรุงศรี
ทุกท่านสามารถหากระทู้แนะนำการกรอกแบบฟอร์ม ซึ่งมีชาวพันทิปหลายท่านทำกระทู้ได้ละเอียดดีมากค่ะ
ระหว่างที่กรอก DS-160 ก็สมัครในเว็บ https://portal.ustraveldocs.com/ เพื่อไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมและจองวันนัดสัมภาษณ์ไว้ก่อนเลย เพราะคิวแน่นมากค่ะ
.
สเต็ปสาม - การสัมภาษณ์
จขกท.นัดคิววันที่ 12 เมษายน เวลา 8.15 น. ไปถึงหน้าสถานฑูต คิดว่าเพราะส่วนใหญ่หยุดสงกรานต์กันแล้ว รถไม่ติด ไปถึงอย่างไว ตอน 7.30 น. ยังไม่มีการต่อแถวหน้าสถานฑูตเลย แป๊บนึงก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามาเรื่องขอวีซ่าใช่ไหม แล้วพาไปรอหน้าประตู จึงมีเจ้าหน้าที่มาขอพาสปอร์ตเล่มล่าสุด ไปติด tracking number เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งว่าให้ปิดโทรศัพท์ด้วย จขกท.จึงขอถ่ายรูปตัว tracking number ที่แปะหลังเล่มพาสปอร์ตก่อนค่อยปิดโทรศัพท์ จากนั้นจึงผ่านเข้าประตูด้านหน้า ต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อฝากโทรศัพท์ จขกท.ใช้กระเป๋าสะพายใบเล็กจึงเอาเข้าไปด้วยได้ค่ะ
.
เดินผ่านประตูเข้าไปส่วนด้านในสถานฑูต เดินไปหน่อย จะมีเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่เคอยช็ครูปถ่ายว่าใช้ได้ไหม
ไปเข้าแถวเช็คพาสปอร์ตที่ Booth 15 แสกนลายนิ้วมือที่ Booth 11 // จากนั้นก็เข้าแถวเพื่อสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล (Consular officer) ชาวอเมริกันเช้านี้เปิดทำการอยู่ 2 Booth คือ Booth 5 เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลหนุ่ม ท่าทางใจดี และ Booth 8 เจ้าหน้าที่กงสุลเป็นสุภาพสตรีดูท่าทางใจดีเหมือนกัน
จขกท.ได้คิวสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล Booth 5 จขกท.เดินเข้าไปพร้อมไหว้สวัสดีตามมารยาทไทยเลยค่ะ
.
สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดตามนี้ค่ะ
ระหว่างการสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่กงสุลมองหน้าจอคอมและพิมพ์บางอย่างไปด้วย สลับกับหันมองหน้าจขกท.เพื่อถามคำถาม
.
จขกท: สวัสดีค่ะ (พร้อมยกมือไหว้), Good Morning.
Consular officer: Good Morning, How are you?
จขกท: I'm good, and you?
Consular officer: I'm fine, thanks. Your passport, please.
จขกท: All my passports? (จขกทเอาเล่มเก่าไปด้วยรวมเล่มล่าสุดก็ 5 เล่ม ซึ่งเล่มล่าสุดเพิ่งทำมาใหม่เลย)
Consular officer: Just the current one.
จขกท: OK, this one.
เจ้าหน้าที่กงสุลรับพาสปอร์ตไปดูและพิมพ์คอม แล้วหันมาถามไปด้วย
Consular officer: What do you do for a living?
จขกท: I'm xxx engineer.
Consular officer: Why do you want to go to United States?
จขกท: I'd like to go for vacation and to visit my friend.
Consular officer: Where?
จขกท: Indiana.
Consular officer: How did you know each other?
จขกท: We used to work togerther in the same project in xxx, Thailand.
Consular officer: OK. Your visa is approved.
จขกท: Thank you, ขอบคุณค่ะ. Have a nice day! (วินาทีนั้นรู้สึกงงๆ ว่า ผ่านแล้ว?? ถามแค่นี้เหรอ)
Consular officer: Thanks, you too.
เอกสารที่เตรียมไปทั้งหมดแต่เจ้าหน้าที่กงสุล ขอแต่ passport เล่มล่าสุดเท่านั้นค่ะ
1. พาสปอร์ต
2. รูปถ่ายสี ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ (พื้นหลังสีขาว) - ส่งคืนมาให้พร้อมกับพาสปอร์ตที่มีวีซ่า
.
เอกสารต่างๆ ที่เตรียมไป แต่เจ้าหน้าที่กงสุลไม่เรียกดูเลย
3. สำเนา ทะเบียนบ้าน - ไม่ดู
4. สำเนา บัตรประชาชน - ไม่ดู
5. ใบยืนยันการขอวีซ่าตามแบบฟอร์ม DS-160 (Print หลังจากลงทะเบียนข้อมูลในระบบออนไลน์) - ไม่ดู
6. ใบนัดสัมภาษณ์ (Print หลังจากลงทะเบียนนัดวันเวลาสัมภาษณ์ในระบบออนไลน์) - ไม่ดู
7. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริง - ไม่ดู
8. แผนการเดินทาง แสดงว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน เมืองอะไร พักที่ไหน - ไม่ดู
9. หลักฐานแสดงรายได้ ได้แก่ รายการเดินบัญชี (Bank Statement) และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร - ไม่ดู
10. หนังสือรับรองการทำงาน - ไม่ดู
11. สลิปเงินเดือนย้องหลัง 6 เดือน - ไม่ดู
จขกท.นัดสัมภาษณ์วันที่ 12 เมษายน สถานฑูตหยุดเทศกาลสงกรานต์ เปิดทำการวันที่ 17 เมษายน ได้รับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่า วันที่ 18 เมษายน
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ