แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา (B1/B2)

เราจะขอเล่าในส่วนวันสัมภาษณ์เลยนะคะ เพราะเห็นว่าขั้นตอนการสมัครออนไลน์มีเพื่อนๆ คนอื่นเคยรีวิวมาบ้างแร้ว ขออนุญาตแปะกระทู้นี่นะคะ ละเอียดดี เราก็อ่านกระทู้นี้ก่อนสมัครออนไลน์ค่ะ http://ppantip.com/topic/31818923

ความจริงสัมภาษณ์ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.แล้ว แต่ไม่มีเวลาว่างมารีวิว สัมภาษณ์เสร็จก็ไปต่างจังหวัดทันทีค่ะ นี่เพิ่งกลับมากทม. ก็เลยมารีวิวเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ โดยเฉพาะสาวโสดค่ะ

เอกสารที่เราเตรียมไป
1. ใบ confirmation DS-160 (ที่มีรูปเราและรหัสบาร์โค้ด) ใบนี้สำคัญมากนะคะ ญาติเราไปสัมภาษณ์ถัดจากเราไปหนึ่งวันแล้วไม่รู้ว่าต้องเอาใบนี้ไปด้วย นางหน้ามืดตาตั้งหาที่ปริ้นท์ใหญ่เลย เสียค่าปริ้นท์ไป 200 -_-
2. พาสปอร์ต
3. จดหมายรับรองจากที่ทำงาน ระบุว่าเราทำงานอะไร ทำมาแล้วกี่ปี ได้รับอนุญาตให้มีวันหยุดถึงวันที่เท่าไร และจะกลับมาทำงานวันไหน
4. จดหมาย reference จากคุณลุงฝรั่งค่ะ (เราจะเดินทางไปกะคุณลุง คุณป้า คุณลุงเป็นชาวอเมริกันค่ะ ในจม.คุณลุงระบุว่าชื่ออะไร ถือพาสปอร์ตสหรัฐฯเลขอะไร ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองไทย รับรองว่าเราจะเดินทางไปกลับกะเค้า)
5. สมุดบัญชีเงินเดือนค่ะ ไม่ได้เอาแบงค์สเตทเม้นท์ไป เพราะเพื่อนที่ทำงานบอกว่า นางก็ไม่ได้เอาไป เอาแต่สมุดบัญชีให้กงสุลดูแล้วบอกว่าไม่อยาก waste paper
6. ทะเบียนเล่มจริง เป็นเจ้าบ้านนะเคอะ คานบ้านแข็งแรงมากค่ะ
7. ตั๋วเครื่องบินไปกลับค่ะ (อุตส่าห์บอกคุณลุงแล้วว่า อย่าพึ่งซื้อ เรากลัวไม่ได้วีซ่า คุณลุงถามว่าทำไมกลัวไม่ได้ เราตอบว่า เพราะเราเป็นผู้หญิงสวยและโสด เด๋วกงสุลจะหาว่าเราไปsettle down กะใครที่นู่น......5555 อย่าไปสนใจรายละเอียดนี้นะคะ ขอป่วงเล่นๆ คลายเครียดค่ะ)

ขั้นตอนก่อนสัมภาษณ์
1. เรานัด 7.00 ไปถึง 6.45 ก็ต่อแถว ซึ่งมีคนมาก่อนเราแล้วค่ะ แต่บางคนไมได้จองคิว 7.00 ก็ยังเข้าไม่ได้นะคะ ต้องต่ออีกแถวนึง ส่วนคนที่จอง 7.00 ก็ได้ต่อแถวและเดินเข้าไปก่อนค่ะ ระหว่างรอจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนไทยมาตรวจ DS-160 ว่าตรงกะชื่อที่จองคิวไว้ไหม และให้บัตรเคลือบพลาสติกแก่เราค่ะ
2. Security check แนะนำว่าให้เอาของไปน้อยชิ้นที่สุดค่ะ เอาแต่เอกสาร กระเป๋าสตางค์ และมือถือก็พอค่ะ ส่วนของต้องห้ามต่างๆ ทางสถานทูตไม่รับฝากนะคะ (ไปดูในเว็บสถานทูตได้ค่ะว่าเค้าห้ามนำอะไรเข้าไปบ้าง) ต้องเอาไปฝากข้างนอกเสียค่าฝากอีก 100 บาท สถานทูตรับฝากแค่มือถือเครื่องเดียวเท่านั้น ฝากพร้อมกับบัตรประชาชนค่ะ คืนบัตรพลาสติกให้เจ้าหน้าที่ เค้าจะให้แท็กคล้องมือเรา ซึ่งแท็กนี้เอามาคืนตอนรับมือถือค่ะ แล้วนำกระเป๋ากะเอกสารทั้งหมดผ่านเครื่องสแกน มีคุณยายข้างหลังมากะลูกสาวน่าจะขอวีซ่าถาวร (ดันไปได้ยินเค้าคุยกันค่ะ) กระเป๋าของทั้งคุณยายและลูกสาวถูกตีกลับคืน แถมยามผู้หญิงก็พูดเสียงดังถามหาว่ากระเป๋าใคร พอเอาตะไบกะกรรไกรตัดเล็บออกแร้ว สแกนรอบที่2 กระเป๋าคุณยายก็ไม่ผ่านอีก ยามโวยวายใหญ่ว่ามีมีดอยู่ คุณยายก็ตอบเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้เราไม่แน่ใจว่าอีสานหรือเขมร ยามต้องเรียกลูกสาวเค้ามาคุยด้วย พอเปิดกระเป๋าค้นกันเจอมีดปอกผลไม้เลยค่ะ!!!!! ห่อด้วยกระดาษตั้งหลายชั้น คุณยายคงนึกว่าเค้าคงไม่รู้ สแกนไม่เห็นใช่ไหมเคอะ?
เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเช็กกระเป๋าตัวเองดีๆ นะคะจะได้ไม่เสียเวลาแบบนี้
3. เจ้าหน้าที่คนไทยสองคนตรวจเอกสาร 3 อย่างที่สำคัญคือ confirmation form DS-160, จดหมายรับรองจากที่ทำงาน และพาสปอร์ตค่ะ ส่วนตั๋วเครื่องบินที่เราเตรียมเค้าบอกว่าไม่ใช่ เราก็ใส่กลับแฟ้มของเราไป เจ้าหน้าที่จะใส่แฟ้มใสที่ทางสถานทูตเตรียมให้ เจ้าหน้าให้สติกเกอร์คลิปไว้กะเอกสารของเรา สติกเกอร์ระบุที่อยู่ที่เราเคยกรอกในตอนสมัครออนไลน์ให้เราจดเลข EMS ซึ่งบนสติกเกอร์ที่อยู่ค่ะ
4. สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่คนไทยที่ช่อง 1-3 แต่วันที่เราไปเปิดแค่ช่องที่2-3 ค่ะซึ่งเราโดนถามว่า

จนท: เคยไปสหรัฐอเมริกาไหมคะ
เรา: เคยค่ะ เมื่อ10 ปีที่แล้ว
จนท: ขอดูหน่อยค่ะ
(เรายื่นพาสปอร์ตเดิมให้ ถ้าใครมีวีซ่าอเมริกาในพาสปอร์ตเล่มเก่าอย่าทิ้งนะคะ เก็บไว้ค่ะแล้วมายื่นตอนสัมภาษณ์)
จนท: จะไปอเมริกาทำไมคะ ไปหาใครหรือป่าว
เรา: ป่าวค่ะ ไปเที่ยวกับคุณลุงคุณป้าค่ะ
จนท: จริงหรอคะ
เรา: จริงค่ะ
จนท: เอานิ้วซ้ายสแกนสี่นิ้วค่ะ.....นิ้วขวาสี่นิ้วค่ะ....นิ้วโป้งค่ะ (อันนี้จำไม่ได้นะคะว่านิ้วโป้งสองนิ้วสแกนพร้อมกันอ่ะป่าว)

แหม......อยากจะบอกคุณเจ้าหน้าที่ว่า ดิฉันไม่มีผู้ชายซ่อนในอเมริกาหรือที่ไหนบนโลกนี้ทั้งนั้นแระค่ะ

5. เข้าไปช่อง 9 ทีละ 10 คน เจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้หญิงให้สแกนนิ้วอีกครั้ง แล้วนางไปให้ "ไปนอนรอ"ค่ะ ----งงเล็กน้อย นอนตรงไหนอ่ะตัวเองมันไม่มีที่ สงสัยนางตั้งใจจะบอกให้เรานั่งรอค่ะ เพียงแต่นางคงยังพูดไทยไม่ชัด

6. สัมภาษณ์กับกงสุลค่ะ เข้าจะเรียกที่ละ10 คนเช่นกัน ให้ยืนรอ ช่องไหนว่างก็เดินเข้าไป ให้สังเกตดีค่ะ เราได้ช่อง 12 ซึ่งกงสุลหล่อมากกกกกกก ชะนีละลายค่ะ อย่าใจร้ายกะชะนีนะเคอะ ชะนีไม่ได้จะไปจับผู้ชายที่อเมริกาค่ะ คนก่อนหน้าเราที่สัมภาษณ์กับกงสุลช่อง 12 ก็เป็นผู้หญิงโสด แล้วกงสุลถามว่า คนที่ไปพักด้วยเป็นแฟนหรือป่าว นางบอกว่าเคยคบกันแต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว มันห่างกันความสัมพันธ์เลยไปกันไม่ได้ แร้วเค้าก็ถามถึงการงานของผู้หญิงคนนี้ นางเป็นเจ้าของธุรกิจ นางก็โชว์เอกสารเกี่ยวกับธุรกิจนาง แล้วก็อธิบายงานของนางไป นางก็ได้วีซ่าไป เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เค้าตอบแบบจริงใจ ตอบด้วยความจริงไม่โกหก ประกอบกับการงานมั่นคงเลยได้ไป (ไม่ได้ตั้งใจเจือกนะคะ ต่อหลังนางพอดีเลยได้ยินค่ะ) ส่วนของเรา เค้าสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ ตอนก่อนสัมภาษณ์ก็ไม่ได้มีให้เลือกภาษา กงสุลพูดไทยชัดมากค่ะ

เรา: สวัสดีค่ะ (พร้อมยกมือไหว้งามๆ)
กงสุล: สวัสดีครับ เคยไปสหรัฐอเมริกามาก่อนใช่ไหมคะ
เรา: เคยค่ะ เมื่อ10 ปีที่แล้ว
กงสุล: แล้วนี่จะไปทำไมครับ ไปที่ไหน
เรา: ไปเที่ยวค่ะ ไปไอดาโฮ
กงสุล: ไปกับใครครับ
เรา: ไปกับคุณลุงคุณป้า ไปบ้านเกิดของคุณลุง (กงสุลมองหน้าเราอย่างสงสัยเล็กน้อย) คุณลุงเป็นชาวอเมริกัน เป็นสามีของคุณป้าดิฉันเอง คุณลุงคุณป้าชวนไปเที่ยวค่ะ
กงสุล (ดูเอกสารเราไปด้วยแล้วถามว่า): คุณเป็นครูใช่ไหมครับ
เรา: ใช่ค่ะ
กงสุล: การเดินทางครั้งนี้ใครออกใช้จ่ายให้ครับ
เรา (พูดชื่อคุณลุงไปด้วยความเคยชิน): Uncle.... คุณลุงค่ะ สามีของคุณป้า (ความจริงแร้วเราไม่ได้ให้คุณลุงออกให้ทั้งหมดหรอกค่ะ เราออกด้วย แหม...โตจนจะขึ้นคานป่านนี้เอาเงินคุณลุงเป็นเด็กๆ ไปก็น่าเกลียดค่ะ)

กงสุลก็เงียบไปแร้วอ่านเอกสารเรา เราก็เอาล่ะ งานจะเข้าชะนีไหม ก็เลยพูดว่า มีตั๋วเครื่องบินไปกลับด้วยจะดูไหมคะ แล้วยื่นตั๋วเครื่องบินไป กงสุลก็บอกว่าไม่ต้องครับ

กงสุล (นำเอกสารของเราทั้งหมดใส่แฟ้ม แล้วบอกว่า): เรียบร้อยแล้วครับอีกสองสามวันวีซ่าจะไปถึงที่อยู่ของคุณครับ
เรา: ขอบคุณมากค่ะ (ไหว้งามๆ)

แต่ในใจ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ได้แล้วววววววววว ทริปฉลองคานทองประจำปีจะจัดขึ้นที่อเมริกา แต่เรายังไม่รู้นะคะว่าจะได้วีซ่ากี่ปี เพราะให้เพื่อนบ้านเรารับจดหมายให้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยรู้กัน สาเหตุที่เราได้อาจเป็นเพราะ
- เรามีหน้าที่การงานมั่นคง ทำงานมาระยะหนึ่ง
- คราวที่แร้วที่ไป ไปแล้วก็กลับ ไม่ได้ไปแรด หรือทำความเดือดร้อนให้คนในประเทศนั้น
- เราแต่งตัวสุภาพค่ะ
- เอกสารเราเป๊ะทุกสิ่งอัน
- เราตอบทุกอย่างด้วยความจริงใจค่ะ (มีบิดเบือนเล็กน้อยตอนถามว่าใครออกค่าใช้จ่ายให้ พอดีในจม.คุณลุงดันเขียนว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้เราหมด แต่เอาจริงๆ อย่างที่บอกเราไม่ให้คุณลุงออกทุกอย่างให้เราหรอกค่ะ)

เราคิดว่าถ้าเพื่อนๆ จะไปสัมภาษณ์ต้องเตรียมตัวดีๆ กรอกใบสมัครออนไลน์ตามความเป็นจริง เตรียมเอกสารให้ครบที่ยืนยันว่ายังไงฉันก็จะกลับมาเมืองไทยนะคะ เมืองไทยคือบ้านของฉัน ประกอบกับลุคของเราต้องดูเรียบร้อยให้เกียรติสถานที่ เราก็แต่งตัวคุณครู๊ คุณครูมากเลย เวลาตอบคำถามตอบตามความเป็นจริง ฉะฉาน มั่นใจ ไม่ดูลอกแลก เอกสารเตรียมไปเผื่อก่อนเถอะค่ะ เค้าไม่ใช้ก็อีกเรื่อง เราเตรียมตั๋วเครื่องบิน ทะเบียนบ้าน และสมุดบัญชีไปก็ไม่ได้ใช้ แต่มีไว้มันก็อุ่นใจกว่าใช่ไหมคะ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินอย่าลอกเลียนแบบนะคะ คุณลุงเราก็เปรี้ยวเกิ๊น.....

โชคดีทุกคนค่ะ

ถ้าผิดพลาดหรือไร้สาระประการใดขออภัยด้วยนะคะ (ไหว้งามๆ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่