สำหรับเด็กจบใหม่ การได้ทำงานกับบริษัทดีๆ เงินเดือนสูงๆ
ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากที่จะไขว่คว้าหามาได้หลังจากการจบการศึกษา
เมื่อปีที่แล้ว ผมเป็เด็กจบใหม่ โชคดีที่เมื่อเรียนจบปุ๊บก็ได้งานทำแทบจะในทันที
ด้วยตัวองค์กรณ์เองเป็นองค์กรณ์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
อีกทั้งเงินเดือนสตาทที่ค่อนข้างสูง ยังไม่รวมสวัสดิการ และโอทีที่มีทั้งวันธรรมดาและวันหยุดแบบไม่อั้น
ผมจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเซ็นสัญญาเข้าทำงานกับบริษัทแห่งนี้
ช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน ความรู้สึกยิ่งบอกว่า เห้ย...
โคตรดี
ตรงกับสายที่เราเรียนมา .... งานสบาย....ลูกน้องดี...หัวหน้าดี... ทำให้เราเกิดความคิดเลยว่า กูจะปักหลักที่นี่แหละวะ
นั่นคือช่วงแรกๆ ของการทำงาน....เน้นว่าช่วงแรกๆจริงๆ
อ่อ ลืมบอกไป ... ช่วงแรกๆที่เข้ามา จะมีคำถามเกิดขึ้นจากแทบทุกๆที่ ทุกๆคน ทุกๆระดับ .....
"รู้จักใครในนี้เนี่ย? ใครฝากเข้ามาเหรอ?" ..เราก็สงสัย แต่ก็ตอบไปว่า "ไม่มี"..
แต่ทุกคนก็จะตอบกลับมาเหมือนกันว่า .."ไม่จริงหรอก...เข้ามาระดับนี้เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีใครฝากเข้ามา" หรือไม่ก็ "ใหญ่จนบอกไม่ได้ล่ะสิ"
เอาตรงๆก็มีเอ๊ะใจนะ ทำไมเค้าถึงได้พูดได้ถามกันแบบนั้น เอาจริงๆตำแหน่งที่ผมเขามาก็ไม่ได้สูงอะไรมาก
แต่พออยู่ๆไปถึงได้เข้าใจ .... ทุกคนในแผนก ระดับเดียวกับผมก็ดี สูงกว่าก็ดี สูงถึงหัวหน้าเลยก็ว่าได้ ...ทุกคนล้วนเป็นญาติกัน
เป็นแม่ป้าน้าหลาน นั่นทำให้ผมเข้าใจถึงคำถามที่เค้าถามกัน
ที่กล่าวมาข้างต้น ....คือจุดเริ่มต้นของความอึดอัดในส่วนต่อไป
พออยู่ไป ทุกคนรับรู้ความจริงว่า ไม่มีใครฝาก ไม่มีใครเป็นแบ็คให้ผมเข้ามา บรรยากาศในการทำงานเริ่มเปลี่ยนไป
ผมเป็นคนที่หัวหน้าค่อนข้างไว้ใจ และมักจะถูกเรียกใช้งานเสมอ ดังนั้นผมจึงถูกเหม็นขี้หน้าจากคนระดับเดียวกัน
ซึ่งก็เป็นลูกหลานท่านนั่นแหละ แต่ท่านไม่รู้เลย.... จากการหมันไส้ กลายเป็นความเหยียด
ผมมักจะถุกลุกท่านหลานเธอในแผนกดูถูกอยู่เสมอ ทั้งเหยียดผิว เหยียดสถาบัน เหยียดหน้าตา พยายามหาปมด้อยในร่างกายมาเหน็บแนม
ร่วมถึงการสร้างเรื่องต่างๆ โดยเอาเรื่องจากการที่ผมไปลงสตอรี่ไอจีบ้าง เฟสบุ๊คส่วนตัวบ้าง มากระแนะกระแหน ไม่ก็เอามาสร้างเรื่องเม้ากัน
หนักสุดคือ ผมมีธุระต้องทำ หรือ ลาป่วย วันที่ไปทำงานก็ต้องไปนั่งแก้ข่าวว่าลาไปสัมภาสน์งานใหม่มาเหรอ ซึ่งคนที่ปล่อยก็คงรู้กันดี
คำพูดพวกนี้เอาเข้าจริงๆก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำให้โมโหเป็นบางครั้งเท่านั้น (บางทีเล่นถึงคนที่เรารักแบบไม่ให้เกียรติ)
ซึ่งต้องบอกก่อนกว่าผมเคยทำงานมาหลายที่ หลายอย่าง เจอคนมามากมาย ไม่มีใครเหมือนที่นี่
จุดแตกหักมันอยู่ที่ระดับที่สูงกว่าผมจะเอาลูกชายเค้าเข้ามาทำ แล้วมันไม่มีตำแหน่งว่างแล้ว....คุณคิดว่าจะเอาที่ไหนล่ะ?
ผมลาออกมาได้ประมาณสามเดือนแล้ว แต่อยากจะฝากข้อคิดถึงน้องๆ ที่จบใหม่สักหน่อยว่า .."เพื่อนร่วมงานที่ดีคือโบนัสของจริง"
ปล. กับลุกน้อง และหัวหน้า ผมโอเคนะครับ พูดถึงหัวหน้า เค้าเป็นญาติพี่น้องกัน แต่เค้าไม่ได้มารับรู้เรื่องพวกนี้หรอก
เรื่องนี้ผมมั่นใจไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร...หนึ่งปีเศษที่ผ่านมาแทนทุกคำตอบครับ
ประสบการณ์ 1 ปี ของเด็กจบใหม่ ที่ไม่หอมหวานเหมือนที่คิดไว้ตอนเรียน
ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากที่จะไขว่คว้าหามาได้หลังจากการจบการศึกษา
เมื่อปีที่แล้ว ผมเป็เด็กจบใหม่ โชคดีที่เมื่อเรียนจบปุ๊บก็ได้งานทำแทบจะในทันที
ด้วยตัวองค์กรณ์เองเป็นองค์กรณ์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
อีกทั้งเงินเดือนสตาทที่ค่อนข้างสูง ยังไม่รวมสวัสดิการ และโอทีที่มีทั้งวันธรรมดาและวันหยุดแบบไม่อั้น
ผมจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเซ็นสัญญาเข้าทำงานกับบริษัทแห่งนี้
ช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน ความรู้สึกยิ่งบอกว่า เห้ย...โคตรดี
ตรงกับสายที่เราเรียนมา .... งานสบาย....ลูกน้องดี...หัวหน้าดี... ทำให้เราเกิดความคิดเลยว่า กูจะปักหลักที่นี่แหละวะ
นั่นคือช่วงแรกๆ ของการทำงาน....เน้นว่าช่วงแรกๆจริงๆ
อ่อ ลืมบอกไป ... ช่วงแรกๆที่เข้ามา จะมีคำถามเกิดขึ้นจากแทบทุกๆที่ ทุกๆคน ทุกๆระดับ .....
"รู้จักใครในนี้เนี่ย? ใครฝากเข้ามาเหรอ?" ..เราก็สงสัย แต่ก็ตอบไปว่า "ไม่มี"..
แต่ทุกคนก็จะตอบกลับมาเหมือนกันว่า .."ไม่จริงหรอก...เข้ามาระดับนี้เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีใครฝากเข้ามา" หรือไม่ก็ "ใหญ่จนบอกไม่ได้ล่ะสิ"
เอาตรงๆก็มีเอ๊ะใจนะ ทำไมเค้าถึงได้พูดได้ถามกันแบบนั้น เอาจริงๆตำแหน่งที่ผมเขามาก็ไม่ได้สูงอะไรมาก
แต่พออยู่ๆไปถึงได้เข้าใจ .... ทุกคนในแผนก ระดับเดียวกับผมก็ดี สูงกว่าก็ดี สูงถึงหัวหน้าเลยก็ว่าได้ ...ทุกคนล้วนเป็นญาติกัน
เป็นแม่ป้าน้าหลาน นั่นทำให้ผมเข้าใจถึงคำถามที่เค้าถามกัน
ที่กล่าวมาข้างต้น ....คือจุดเริ่มต้นของความอึดอัดในส่วนต่อไป
พออยู่ไป ทุกคนรับรู้ความจริงว่า ไม่มีใครฝาก ไม่มีใครเป็นแบ็คให้ผมเข้ามา บรรยากาศในการทำงานเริ่มเปลี่ยนไป
ผมเป็นคนที่หัวหน้าค่อนข้างไว้ใจ และมักจะถูกเรียกใช้งานเสมอ ดังนั้นผมจึงถูกเหม็นขี้หน้าจากคนระดับเดียวกัน
ซึ่งก็เป็นลูกหลานท่านนั่นแหละ แต่ท่านไม่รู้เลย.... จากการหมันไส้ กลายเป็นความเหยียด
ผมมักจะถุกลุกท่านหลานเธอในแผนกดูถูกอยู่เสมอ ทั้งเหยียดผิว เหยียดสถาบัน เหยียดหน้าตา พยายามหาปมด้อยในร่างกายมาเหน็บแนม
ร่วมถึงการสร้างเรื่องต่างๆ โดยเอาเรื่องจากการที่ผมไปลงสตอรี่ไอจีบ้าง เฟสบุ๊คส่วนตัวบ้าง มากระแนะกระแหน ไม่ก็เอามาสร้างเรื่องเม้ากัน
หนักสุดคือ ผมมีธุระต้องทำ หรือ ลาป่วย วันที่ไปทำงานก็ต้องไปนั่งแก้ข่าวว่าลาไปสัมภาสน์งานใหม่มาเหรอ ซึ่งคนที่ปล่อยก็คงรู้กันดี
คำพูดพวกนี้เอาเข้าจริงๆก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำให้โมโหเป็นบางครั้งเท่านั้น (บางทีเล่นถึงคนที่เรารักแบบไม่ให้เกียรติ)
ซึ่งต้องบอกก่อนกว่าผมเคยทำงานมาหลายที่ หลายอย่าง เจอคนมามากมาย ไม่มีใครเหมือนที่นี่
จุดแตกหักมันอยู่ที่ระดับที่สูงกว่าผมจะเอาลูกชายเค้าเข้ามาทำ แล้วมันไม่มีตำแหน่งว่างแล้ว....คุณคิดว่าจะเอาที่ไหนล่ะ?
ผมลาออกมาได้ประมาณสามเดือนแล้ว แต่อยากจะฝากข้อคิดถึงน้องๆ ที่จบใหม่สักหน่อยว่า .."เพื่อนร่วมงานที่ดีคือโบนัสของจริง"
ปล. กับลุกน้อง และหัวหน้า ผมโอเคนะครับ พูดถึงหัวหน้า เค้าเป็นญาติพี่น้องกัน แต่เค้าไม่ได้มารับรู้เรื่องพวกนี้หรอก
เรื่องนี้ผมมั่นใจไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร...หนึ่งปีเศษที่ผ่านมาแทนทุกคำตอบครับ