อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 11

กระทู้สนทนา
# มาแล้วค่ะ นิยายพีเรียดอีกเรื่องของลิ เป็นอีกแนวที่ลิรักที่จะเขียนค่ะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เขียนมันอีก ลองอ่านดูนะคะ ติชมกันได้ ลิขอกำลังใจจากท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วยติดตามด้วยนะคะ #




ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/35875039
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/35891221
ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/36004158
ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/36009236
ตอนที่ 5
https://ppantip.com/topic/36027692
ตอนที่ 6
https://ppantip.com/topic/36034688
ตอนที่ 7-1
https://ppantip.com/topic/36052295
ตอนที่ 7 -2
https://ppantip.com/topic/36052295
ตอนที่ 8
https://ppantip.com/topic/36628497
ตอนที่ 9
https://ppantip.com/topic/36638252
ตอนที่ 10
https://ppantip.com/topic/36749983



อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 11



โดย...ล. วิลิศมาหรา


ความเดิม

พลับพลาชั่วคราวที่ประทับของกษัตริย์หนุ่มสร้างขึ้นง่ายๆ ด้วยทางมะพร้าวและผืนผ้าหนาๆ คลุมโดยรอบ ลักษณะคล้ายกระโจม ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำใสสะอาดเขียวเรื่อๆ สวยงามจริงอย่างคำอวดอ้าง

เมื่อทั้งหมดพากันมาถึงก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าพลับพลาไม่อิดเอื้อนแม้แต่น้อย อำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าไปเฝ้าทันทีที่เห็นว่า ทั้งหมดมากับพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้านายตัวเอง

ช่อชบาตามหลังคนอื่นๆ เข้ามาในพลับพลาซึ่งกว้างขวางพอสมควร เมื่อเข้ามาถึงจึงเยี่ยมหน้าจากข้างหลังทุกคนออกดู พลันสายตาก็ประสบเข้ากับร่างของบุรุษผู้หนึ่ง

พระลอ!

..........................................................



โอ้ย! ทรงพระหล่อจัง

ร่างแฝงของช่อชบาตะลึงงันเบิกตาจ้องร่างงามสง่าของผู้ชายตรงหน้า

งามสง่า...ต้องใช้คำนี้  เธอนึกในใจ

เพราะเขาไม่ใช่แค่เพียงหล่อเหลาอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าร่างสูงใหญ่แม้ตึงแน่นไปด้วยมัดกล้ามก็จริง แต่ดูสมส่วน ไม่ได้ล่ำบึ้กกล้ามโตเป็นก้ามปูแบบพระเอกนักบู๊ในหนังฮอลลีวูดอย่างที่เคยเห็น แต่ดูองอาจผึ่งผายมีสง่าราศี ซึ่งถ้าเปรียบไปแล้วก็คงเป็นอย่างที่ปัจจุบันเรียกว่ามี “ออร่า” นั่นเอง อาจเพราะผิวพรรณออกขาวอมเหลืองนวลเนียนนั่นด้วย แบบนี้กระมังคนโบราณถึงมักรำพันในบทกวีนิพนธ์ว่า “ผิวผ่องดังทองทา”

เขากำลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่กลางพลับพลา  มีทีท่าเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ใบหน้าคมสันหันมามองผู้เข้ามาใหม่ ช่อชบามองปะทะสายตาคมหวานของเขาเข้าก็ถึงกับมีอันต้องยืนตะลึงตาค้าง ตัวแข็งทื่อไปแบบนั้น

“อีเกี๋ยง ยืนค้ำง่าวให้นรกกินหัวอีกแล้ว ยังไม่รีบนั่งลงไหว้สาท้าวลอท่านอีก” จนมีเสียงกระซิบด่าจากรื่นที่ก้มลงหมอบกราบอยู่ข้างตัวเธอนั่นแหละ ถึงค่อยได้สติ ช่อชบาในร่างนางเกี๋ยงรีบยอบตัวลงนั่งยองๆ ยกมือไหว้ปะหลกๆ

“หมอบลง อีผีบ้า อยู่ในรั้วในวังตั้งหลายวัน ยังไม่รู้เรื่องอะไรอีกนะเมิง” นางพี่เลี้ยงคนเดิมเหลือบมองก่อนค้อนเธอตาคว่ำ ตวัดเสียงสั่งค่อยๆ ช่อชบาจึงนั่งราบลงแล้วหมอบตัวก้มกราบตามอย่างคนอื่นๆ ที่แท้บุรุษงามสง่าคนนี้ก็คือพระลอดิลกร่มฟ้านั่นเอง

ได้ยินเสียงหัวเราะจากพระองค์ดังขึ้นอย่างขำขัน แสดงว่าทรงไม่ถือสาหาความอะไรกับตัวเอง ก็เลยส่งยิ้มแห้งๆ ให้พระองค์มั่ง ทีนี้เธอเลยถูกนางรื่นเอาข้อศอกกระทุ้งสีข้างเข้าให้ สองนางพี่เลี้ยงช่วยกันถลึงตาใส่คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คงนึกขุ่นเคืองที่เธอบังอาจมายิ้มหัวกับเจ้านาย

ช่อชบาครางอูย...เปลี่ยนมายิ้มแหยๆ ให้ผู้หญิงทั้งสองที่พากันขมุบขมิบปากด่าแล้วเมินหน้าหนี

พระลอไม่ทรงใส่พระทัยกับผู้หญิงทั้งสาม ตรัสถามพี่เลี้ยงของพระองค์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าช่อชบาว่า

“พี่แก้วพี่ขวัญพาใครมาด้วยรึ ดูท่าทีมิใช่ชาวบ้านแถวนี้ ดูเหมือนจะเป็นคนในรั้วในวังของเมืองสรองหรือมิใช่”

คงเพราะกิริยาท่าที ตลอดจนเครื่องแต่งกายของคนทั้งหมด ที่น่าจะบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมให้ทรงสังเกตเห็น พระองค์จึงถามแบบนั้น พลางหันไปมองทางน้อยศิลป์ไชยผู้ซึ่งเงยหน้าขึ้นสบพระเนตรด้วย

“เป็นเช่นนั้นเจ้าข้า ผู้น้อยทั้งหมดมาจากตำหนักของสองพระธิดาเมืองสรอง”

น้อยศิลป์ไชยเป็นคนทูลเสียเอง สาวผู้มาจากอนาคตชำเลืองมองคนพูด รู้สึกชอบใจหนุ่มน้อยคนนี้มากขึ้นทุกที เขามีลักษณะของผู้นำโดยแท้จนน่าจะได้เป็นใหญ่เป็นโตต่อไปในบ้านเมืองได้ไม่ยาก แต่น่าแปลกที่น้อยศิลป์ไชยไม่เคยมีบันทึกอยู่ในหน้าไหนของประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นตำนานพื้นบ้านหรือเรื่องเล่าปรำปราใดๆ ซึ่งยิ่งทำให้ช่อชบาอยากรู้มากว่า ชีวิตของเขาจะดำเนินไปยังไงต่อ

“เจ้าว่ากระไรนะ พวกเจ้าเป็นคนของพระเพื่อนพระแพงเช่นนั้นฤา” ทรงอุทานถามเสียงดัง เนตรคมหวานราวอิสตรีฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดี

“ถูกต้องแล้วเจ้าข้า แล้วที่พวกข้าน้อยพากันดั้นด้นมาเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ก็เพื่อจะนำสารจากพระนางทั้งสองมาถวาย ขอได้โปรดทอดพระเนตรเถิดเจ้าข้า...นางเกี๋ยง ถวายรูปภาพในกล่องวิเศษของเจ้าให้กับท้าวท่านเถิด”

ได้ยินหนุ่มน้อยบอกดังนั้นช่อชบาก็ไม่รอช้า ขณะนี้บทบาทของเธอได้มาถึงแล้ว จะคลานเข่าเข้าไปก็ไม่ทันใจ เพราะเข่าบางๆ ของตัวเองมันง่อนแง่นเหมือนจะหลุดออกจากเบ้า ร่างผอมเหลืองจึงตัดสินใจลุกขึ้น ก้าวพรวดเข้าไปยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดโปรแกรมภาพเอาไว้เรียบร้อยแล้วให้ทอดพระเนตร ไม่สนใจเสียงจุปากห้ามจากนางพี่เลี้ยงทั้งสอง

ร่างงามสง่าผงะไปข้างหลังนิดหนึ่งเพราะคงคาดไม่ถึง แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องพระพักตร์ก็ทรงอึ้ง พระองค์ยกหัตถ์ห้ามนายแก้วนายขวัญที่ถลันเข้ารวบตัวนางหญิงผู้เหิมเกริมไว้ทันควัน

“มิเป็นไรดอก พี่ทั้งสองปล่อยนางเถอะ นางไม่เป็นอันตรายอันใด ไหน...ขอข้าดูมันใหม่ซิ”

ทรงปรามพี่เลี้ยงหนุ่มใหญ่ก่อนตรัสกับช่อชบา ชายทั้งคู่จึงปล่อยตัวเธอเป็นอิสระแล้วถอยกลับไปนั่งคุกเข่าที่เดิม แต่สายตายังจ้องแน่วระแวดระวังร่างผอมกระหร่องที่ลุกพรวดพราดเข้าไปหาเจ้านายของพวกตน ช่อชบามองค้อนพวกเขาปะหลับปะเหลือก ก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ทอดพระเนตรอีกครั้ง

“ช่างประหลาดนัก มันคืออะไรกันแน่ คล้ายดังภาพวาด แต่ก็มิใช่”  

สมกับเป็นกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ปกครองผู้คนมากมาย...ช่อชบานึกชมพระองค์ในใจ เพราะพระลอไม่ได้แสดงท่าทีตกพระทัยจนลนลานเสียพระจริยา เพียงผงะออกห่างแล้วก็กลับมาจ้องพิจารณาดูสิ่งแปลกประหลาดเบื้องพระพักตร์ใหม่ ทรงเอื้อมมารับเอาโทรศัพท์มือถือไปทอดพระเนตรใกล้ๆ อย่างตื่นเต้น

“เอ๊ะ...ผู้หญิงสวยสองคนนั้นเข้าไปอยู่ข้างในกล่องประหลาดนี้ได้ยังไง” หลังเพ่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ก็ตรัสถามขึ้นอย่างพิศวงงงวย

“ที่ทรงเห็นมิใช่คนจริงเจ้าข้า มันเรียกว่ารูปภาพ คล้ายกับภาพวาดแต่ก็มิใช่ภาพวาด เพียงแค่เอากล่องวิเศษนี้ชูขึ้นข้างหน้าเรา มันก็จะบันทึกใบหน้าท่าทางเราไว้โดยไม่ต้องให้ช่างมาวาดภาพเราเลยเจ้าข้า...เกี๋ยง เจ้าจงทำให้ท้าวท่านประจักษ์เถิด” น้อยศิลป์ไชยเป็นคนอธิบาย เขาบอกให้ช่อชบาแสดงความมหัศจรรย์ของเจ้ากล่องวิเศษให้เป็นที่ประจักษ์

“เอ้อ ถ้างั้น ข้าน้อยขอกล่องวิเศษคืนมาก่อนเจ้าข้า”

ช่อชบาแบมือขอโทรศัพท์คืน ซึ่งพระลอก็ทรงยื่นมันคืนให้กับนางหญิงตัวผอมเหลืองราวผีโขมด ผู้ซึ่งพระองค์รู้สึกว่ามีท่าทางเฉลียวฉลาด แววตาของนางส่อถึงสติปัญญาอันเฉียบแหลม ผิดกับรูปร่างภายนอกราวกับไม่ใช่คนๆ เดียวกัน รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของนางหญิงร่างอัปลักษณ์ผู้นี้

ช่อชบาในคราบนางเกี๋ยงรับโทรศัพท์มาแล้วก็รีบเปิดโปรแกรมถ่ายภาพ ภาวนาในใจว่าอย่าให้แบตเตอร์รี่หมดเอาตอนนี้เสียก่อน เพราะมันเป็นตอนที่สำคัญที่สุด จากนั้นก็ยื่นมันไปตรงหน้า หันหน้ากล้องไปทางร่างหล่อเหลาของพระลอ ก่อนกดแชะ ทันทีนั้นกล้องก็บันทึกพระพักตร์คมคายเอาไว้ได้สำเร็จ หญิงสาวกดดูก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ทอดพระเนตรอีกครั้ง และเมื่อทรงเห็นภาพตัวพระองค์เองในโทรศัพท์ก็ทรงอุทานเสียงหลง

“โอ้ เป็นไปได้ยังไง ตัวข้าเข้าไปอยู่ในกล่องวิเศษได้ราวกับเทพยดาเนรมิตให้เช่นนี้”

“เป็นไปแล้วเจ้าข้า และรูปสาวสวยสองคนในนั้นก็ใช้วิธีเดียวกันกับเมื่อครู่ นางทั้งสองก็คือพระธิดาเพื่อนแพงของข้าน้อยเองเจ้าข้า”

นางพี่เลี้ยงโรยรีบกราบทูลด้วยอาการแย้มยิ้มแก้มปริ ด้วยรู้สึกปลื้มที่ได้ยินพระลอตรัสชมเจ้านายตัวเอง ซึ่งคำตอบของนางก็ทำให้กษัติรย์หนุ่มดวงเนตรแวววาวกระจ่างใสในบัดดล

“เป็นภาพของพระนางสองพี่น้องเองรึเจ้า ภาพเห็นชัดเหมือนคนจริงๆ มิใช่ภาพวาดจากช่างวาดอย่างที่เคยเห็น โอ...ช่างงดงามยิ่ง นางทั้งสองสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน”

จบตอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่