อลเวงรักสองภพ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
“ท้าวเพื่อนท้าวแพงเจ้าข้า”
หญิงที่ชื่อรื่นเป็นคนนำเข้าไปในห้องบรรทมของพระธิดาฝาแฝด ตามด้วยโรยและน้อยศิลป์ไชยกับช่อชบา เจ้าหล่อนขานพระนามเจ้านายพลางยอบตัวคลานเข้าไปหมอบอยู่ใกล้ร่างอรชรของสตรีอ่อนเยาว์สองคน เธอทั้งสองกำลังนั่งพับเพียบเลือกเครื่องประดับอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่บนโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ยๆ
ช่อชบากวาดตามองเครื่องประทินโฉมบนโต๊ะเห็นว่ามีเพียงไม่กี่อย่าง ประกอบด้วยโถเคลือบใบเล็กใส่ผงสีเหลืองๆ คล้ายขมิ้น อีกโถใส่ผงสีแดงซึ่งคงเป็นชาดเอาไว้ทาปาก และมีโถคาดว่าบรรจุน้ำอบอีกจำนวนหนึ่ง โถกระเบื้องเคลือบเหล่านี้มีลวดลายสวยงามหลายขนาด ฝาเปิดอ้าออกให้เห็นสิ่งของภายใน
เห็นแล้วนึกฉงน ในสมัยโบราณเครื่องสำอางของหญิงสาวมีเท่านี้เอง ขนาดเป็นสตรีที่มีบรรดาศักดิ์สูงก็ยังแต่งให้สวยด้วยของเพียงแค่นี้ ช่างแตกต่างจากผู้หญิงในอนาคตที่แต่งหน้ากันเสียจนจำหน้าเดิมตัวเองแทบไม่ได้ พอลบเครื่องสำอางออกเหมือนกับเป็นคนละคน บางคนถ้าปลอมแปลงหน้าด้วยเครื่องสำอางยังไม่เป็นที่พอใจ ก็ศัลยกรรมเปลี่ยนหน้ามันเสียเลย ปลอมหน้ากันจนเดือดร้อนไปถึงลูกเต้าที่เกิดออกมาแล้วหน้าตาดันไม่เหมือนทั้งพ่อทั้งแม่ เห็นเคยเป็นข่าวโด่งดังก็มี
เธอเลื่อนสายตามาพิจารณาสาวสวยทั้งสองอีกครั้ง
ฝาแฝด...ช่อชบายืนจ้องสตรีทั้งคู่ที่มีใบหน้าคล้ายกันราวกับแกะอย่างนึกทึ่ง โอ้ ที่แท้พระเพื่อนพระแพงเป็นฝาแฝดกันจริงหรือนี่ แรกที่อ่านหนังสือวรรณคดีนึกว่าเป็นพี่น้องกันธรรมดาเสียอีก ทันทีนั้นร่างแฝงของโฆษกสาวก็ถูกดึงให้นั่งลง เล็บยาวของนางโรยเหน็บเข้าที่ท่อนแขนเธอพร้อมเสียงกระซิบด่า
“ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ได้ นังโง่ อยู่ต่อหน้าเจ้านายยังไม่รีบเข้าไปไหว้สาท้าวท่านอีก” แล้วนางโรยก็ยอบตัวลงคลานเร็วๆ ตามนางรื่นเข้าไป
พระพักตร์แฉล้มพริ้มเพราหันมามองพร้อมกันอย่างแปลกพระทัย แล้วต่างพากันย่นขนงเมื่อเห็นนางพี่เลี้ยงนำหน้าน้อยศิลป์ไชยกับบ่าวเกี๋ยง เดินพาเหรดตามกันเข้ามาถึงในห้องพักส่วนพระองค์ หนุ่มหน้าขาวรีบทรุดลงนั่งพนมมือไหว้อย่างรู้ว่าทำตัวไม่สมควร
“ไหว้สาบ่าเจ้า ท้าวเพื่อนท้าวแพง ข้าน้อยขอสูมาอภัยที่เข้ามาถึงในห้อง”
“น้อยศิลป์กับข้าเจ้าทั้งสองนำสิ่งประหลาดมาให้ชม และยังมีข่าวดีมาทูลเจ้าข้า” นางโรยเห็นอาการไม่พอพระทัยของเจ้านายก็เร่งบอกเร็วปรื๋อ
“แต่ต้องปิดไว้เป็นความลับขั้นสุดยอดนะเจ้าข้า ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้ชายคนเดียวในห้องกระซิบกระซาบเสริม ซึ่งดูจากท่าทางของเขาแล้ว อนุชาของเจ้าย่าคงจะมีความสนิทสนมกับพระธิดาทั้งสองมากอยู่ อาจถึงขั้นเป็นพระสหายคนสนิท ไม่เช่นนั้นรื่นกับโรยคงไม่กล้าพาเข้ามาถึงในที่ประทับแบบนี้ ชายหนุ่มทำปากจู๋แล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองเลียนแบบนางเกี๋ยงที่ทำให้ดูก่อนหน้า ยามเมื่อต้องการไม่ให้เอะอะ ซึ่งเขาคิดว่าเข้าท่าดี สองหญิงสูงศักดิ์มีท่าทีสนพระทัยขึ้นมา
“เรื่องประหลาดอันใดฤาพี่...แล้วน้อยศิลป์ทำไมไม่รอเราอยู่ข้างนอก เราสองคนยังแต่งตัวไม่เสร็จดี เดี๋ยวมีคนเอาไปทูลเจ้าย่าว่าน้อยเข้ามาถึงในห้องเรา พวกท่านก็จะพากันโดนดุเอาอีกหรอก วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” หนึ่งในสองนางยังไม่วายกำชับ น้ำเสียงฟังดูเหมือนยังเคืองอยู่ซึ่งที่เคืองก็เป็นเพราะห่วงสหายหนุ่มจะโดนเจ้าย่าดุเอานั่นเอง นางพี่เลี้ยงรื่นเข้าใจสถานการณ์ รีบอธิบายโดยเร็ว
“อย่าเพิ่งกริ้วพวกข้าน้อยเลยเจ้าข้า ข้ารู้ดีว่าตำหนักนี้มักถูกเพ่งเล็งว่าชอบแหกกฎ ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ก่อนเข้ามาจึงไล่พวกบ่าวคนอื่นบนเรือนให้ลงไปจนหมดเสียก่อน ไม่มีผู้ใดรู้เห็นดอก ที่ต้องเข้ามาถึงในนี้ก็เพราะสิ่งที่จะทูลมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เล่าข้างนอกไม่ได้ แล้วก็มีบางอย่างต้องแสดงให้ทอดพระเนตรด้วย ข้าเจ้ากลัวว่าถ้าใครมาแอบเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อ มันจะเป็นอันตรายต่อสิ่งวิเศษของนางเกี๋ยง แต่อย่าทรงวิตกด้วยเรื่องนั้นเลย ฟังเรื่องนี้ดีกว่า...พวกข้าคิดหาวิธีให้พระลอได้ยลโฉมท้าวทั้งสองออกแล้ว ทอดพระเนตรสิ่งนี้ก่อนสิเจ้าข้า”
ทันทีที่ได้ยินพี่เลี้ยงเอ่ยชื่อพระลอออกมา สีพระพักตร์ของพระธิดาทั้งสองก็ดีขึ้นทันควัน ขนงขมวดยุ่งคลายออก แววเนตรของทั้งคู่พลันเปล่งประกายวาววาม สองนางกำนัลเห็นดังนั้นก็ยิ้มประจบ รื่นพยักหน้าให้ช่อชบาในคราบนางเกี๋ยงคลานเข่าเข้ามาสมทบ อดีตโฆษกสาวจึงคลานเข้าไปยื่นมือถือที่มีรูปตัวเองให้สาวงามบนตั่งไม้ทอดพระเนตร
“ว้าย...ผีหลอก” สองสาวพอเห็นรูปนางเกี๋ยงปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือก็พากันหวีดร้อง ผงะหนี แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา
“หน้านางเกี๋ยงเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”
“จุ๊ๆ อย่าส่งเสียงดังไปเจ้าข้าพระเพื่อน นี่ไม่ใช่ผีหลอกดอก แต่นางเกี๋ยงมันเรียกว่ากล้องถ่ายรูป...เพราะแบบนี้ไงข้าน้อยถึงต้องเข้ามาทูลบอกให้เก็บเป็นความลับ” นางรื่นทำปากจู๋เอานิ้วชี้แตะปากเหมือนอย่างที่น้อยศิลป์ไชยทำ รีบทูลสาวงามคนที่ตัวเองนั่งอยู่ชิด
“อันใดคือกล้องถ่ายรูป เจ้ากล่องกินคนนี่รึ” พระเพื่อนยกหัตถ์ขึ้นทาบอุระ ทรงถามขึ้นอีก
“ไม่ใช่กล่องกินคน แต่มันเป็นไอ้กล่องวิเศษเจ้าข้า พอเอามันจ่อหน้าเข้า หน้าเราก็จะเข้าไปอยู่ในนั้น” โรยช่วยทูล พระธิดาทั้งสองฟังแล้วทำพักตร์ยุ่ง แน่นอนว่าทั้งแตกตื่นตกพระทัยและฉงนสนเท่ห์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินคาดอะไร ช่อชบาคิดหาคำอธิบายเตรียมพร้อมไว้ในใจอยู่แล้ว
“นี่มันกล่องปีศาจ เอาไปไกลๆ เราเลย เดี๋ยวมันก็กินเราให้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วยกันกับนางเกี๋ยงหรอก” พระเพื่อนยังไม่คลายหวาดกลัว โบกหลังหัตถ์ไล่
“อย่าเพิ่งกลัวไปเลยทูนหัว ทอดพระเนตรนี่ก่อนเถิด”
นางรื่นเห็นเจ้านายยังไม่เข้าพระทัย ก็คว้าสิ่งที่ตัวเองเรียกว่ากล่องวิเศษมาจากมือของช่อชบา แล้วจิ้มนิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ปรื้ดๆ อย่างชำนาญ เพราะได้เลื่อนดูก่อนเข้ามาในนี้แล้วหลายครั้ง
รูปถ่ายในกล้องมือถือรูปต่อไปก็อวดต่อสายตาของทุกคนทันที มันเป็นรูปถ่ายของช่อชบากับเพื่อนพริตตี้หนุ่มสาวถ่ายแบบกันที่สระว่ายน้ำ ตัวเธอเองจึงอยู่ในชุดว่ายน้ำแบบสองชิ้น ส่วนบรรดานายแบบก็ใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวอวดหุ่นหล่อล่ำ บางท่าเพื่อนพริตตี้สาวสวยนึกสนุกก็ทำท่าจูจุ๊บโอบกอดกับเพื่อนนายแบบด้วยกัน ช่อชบาเพิ่งถ่ายแบบเสร็จก่อนจะมาประสบกับชะตากรรมพิสดารในงานโมบายโชว์
“ช่างบัดสีนัก”
...นั่นไง นึกแล้วเชียว...ภาพบนหน้าจอมือถือย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คนในยุคนี้อย่างแน่นอน อย่าว่าแต่หนุ่มสาวจูบกอดกันให้คนอื่นดูอย่างที่เห็นในรูปเลย แม้แต่ถูกเนื้อต้องตัวกันก่อนแต่งงานยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ธรรมเนียมโบราณเหล่านี้ช่อชบาเคยรู้มาก่อน เธอครางในอกอย่างอ่อนใจกับท่าทีของคนต่างยุค หน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อเห็นพระเพื่อนอุทานก่อนเบือนพักตร์หนี แต่แล้วท้าวแพงที่ดูจะกล้าหาญกว่าพระภคินีกลับแย่งเอาเจ้ากล่องวิเศษนั้นมาเพ่งมอง
“เล่าเรื่องเจ้ากล่องวิเศษนี้ให้เราฟังซิว่ามันเป็นยังไง ทำไมผู้คนถึงเข้าไปอยู่ในนี้ได้” ทรงหันมาไต่ถามอย่างสนพระทัย นางโรยรุนหลังนางกำนัลจำเป็นให้เข้าไปใกล้เจ้านายตัวเอง
“เอ้า อีเกี๋ยง จงอธิบายขยายความให้ท้าวเธอฟังบัดเดี๋ยวนี้”
ช่อชบากลืนน้ำลายเอื้อก เวรกรรมอะไรหนอถึงทำให้เธอต้องมาอยู่หลงยุคเป็นพันปีแบบนี้ เรื่องที่จะเล่ามันเล่าได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ แล้วจะเล่ายังไงให้พวกเขาเข้าใจได้ แม้แต่คนที่คิดว่าพอจะพูดกันให้เข้าใจได้อย่างคนในห้องตอนนี้ก็เถอะ
สาวหลงยุคถอนหายใจยาว พยายามตั้งสติคิดหาคำพูดเพื่อสื่อสารกับทุกคนให้เข้าใจง่ายที่สุด รู้ว่ามันออกจะยากเย็นจนแทบมองไม่เห็นทาง แต่เธอก็ต้องพยายาม เพราะว่ามันเป็นทางรอดเพียงทางเดียวที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องอาญาหัวขาดไปเสียก่อน
“สิ่งที่อยู่ในกล้อง...เอ้อ ในกล่องวิเศษนี้ ที่บ้านข้าเจ้าเรียกว่ารูปถ่าย”หญิงดวงซวยซึ่งหลุดเข้ามาในยุคล้านนาดึกดำบรรพ์เริ่มอธิบาย เธอแบมือขอโทรศัพท์คืน ครั้นนึกได้ก็เลยยกมือไหว้ปลกๆ
“ขอกล่องนั่นคืนมาก่อน แล้วข้าเจ้าจะเล่าให้ฟังเจ้าข้า” พระแพงผู้น้องส่งกล่องที่นางเกี๋ยงเรียกว่ากล้องถ่ายรูปคืนให้อย่างไม่ค่อยเต็มพระทัยนัก
“เอ้า...เอาคืนไป แล้วรีบเล่ามาเดี๋ยวนี้”
“เอิ่ม...รูปนี้คืออีเกี๋ยง” หญิงเคยสวยชี้นิ้วไปที่รูปหน้าแป้นแล้นดั้งแมบ ที่เพิ่งถ่ายตัวเองเมื่อมาถึง
“แบบนี้เขาเรียกว่าถ่ายรูป” เธอกดกล้องเป็นโหมดถ่ายรูปแล้วหันไปถ่ายหนุ่มหน้าขาว
...แชะ ชายหนุ่มสะดุ้งร้อง เฮ้ย! ขึ้นมาทันใด ช่อชบาจึงรีบกดรูปให้ดู
“นี่ไง...ถ่ายรูปคือเอากล่องนี่ส่องไปที่หน้าเรา แล้วมันจะคัดลอกเอาหน้าเราเข้าไปอยู่ในนี้ เอิ่ม...เหมือนการวาดรูปนั่นแหละ แต่ไม่ต้องใช้มือวาด เจ้ากล่องวิเศษนี่มันจะวาดให้เอง เข้าใจกันใช่ไหม...เจ้าข้า”
ชายหญิงทั้งหมดซึ่งพากันล้อมวงเข้ามาดูล้วนทำสีหน้าพิศวงอยู่พักหนึ่ง แต่พอสาวจากอนาคตเปรียบให้ฟังถึงการวาดรูปก็ดูเหมือนจะเข้าใจกันขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าตัวเองพอจะสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจได้ ช่อชบาจึงอธิบายต่อ
“ส่วนรูปอื่นในกล่องวิเศษนี้เป็นรูปของข้าเจ้า...ในอีกภพหนึ่ง ซึ่งที่นั่นข้าเจ้าไม่ใช่นางเกี๋ยง ในภพที่จากมา การถ่ายรูปอวดหุ่นตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา บางคนยังเอาไปใส่ในยูทูป...อืม ช่างมันเถอะ ข้ามๆ...ไอ้เรื่องยูทูปนี่ยิ่งอธิบายยากเข้าไปใหญ่ คงไม่มีใครเข้าใจหรอก...เอาเป็นว่า...เราถ่ายรูปตัวเองแล้วเอาไปให้คนอื่นดูได้ด้วย เหมือนวาดรูปเอาไปให้คนอื่นดูน่ะ”
ตอนนี้คงมีแต่ต้องทำให้คนกลุ่มนี้เข้าใจว่าตัวเธอเป็นใครมาจากไหนเท่านั้น เธอจึงจะสามารถอยู่ที่นี่อย่างสบายตัวสบายใจขึ้นมาบ้าง เพราะหากมีพรรคพวกเอาไว้คอยช่วยเหลือก็คงอยู่อย่างปลอดภัยไปจนกว่าจะหาทางกลับคืนสู่โลกปัจจุบันของตัวเองได้
“เจ้า...เจ้าไม่ใช่นางเกี๋ยง งั้นก็แสดงว่าเจ้าตายในภพของเจ้าแล้วมาเข้าสิงนางเกี๋ยงที่นี่ล่ะสิ แล้วเจ้ากล่องวิเศษนี่ล่ะเป็นมายังไง เจ้ากับผู้ชายคนนั้นแก้ผ้าอวดเนื้ออวดนมอยู่ในกล่องให้คนดู โดยไม่ต้องอายใครก็ได้เชียวฤา น่าแปลกมาก”
พระเพื่อนผู้พี่เบิกเนตรกว้างถามอย่างไม่หายคลางแคลง ช่อชบาส่ายหน้าช้าๆ อธิบายเสียงเศร้า
“ข้าเจ้าตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าตัวเองข้ามภพข้ามชาติมาสิงร่างนางเกี๋ยงที่นี่ ข้าเจ้ามาพร้อมเจ้ากล่องวิเศษนี้ รูปทั้งหมดในกล่องก็คือตัวข้าเจ้าเองกับคนรักในภพที่ข้ามมา ข้าเจ้าเป็นคนเมืองเชียงใหม่ของพ่อขุนเม็งราย อยู่ที่โน่นข้าเจ้าชื่อว่าช่อชบา”
คนทั้งหมดยิ่งทำหน้างงหนัก จ้องมายังร่างนางเกี๋ยงที่พวกตนเพิ่งรู้ว่าถูกช่อชบาเข้าสิงเป็นตาเดียว
“เชียงใหม่อันใด หรือเจ้ามาจากหิรัญนครเงินยาง พญาลัวะได้สร้างเชียงขึ้นใหม่ฤา” น้อยศิลป์ไชยซักไซร้ จากคำถามของเขาแสดงว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นผู้ที่มีความรู้รอบตัวกว้างขวางดีทีเดียว
“หาไม่ก็คงเป็นคนแว่นแคว้นหริภุญไชยของพญาทิตตะ”
ตายละวา...สาวเชียงใหม่ร้องครางในใจ สงสัย ณ เวลานี้เชียงใหม่คงยังไม่เกิดเป็นแน่ เธอเม้มปากครุ่นคิด
“เอางี้ ข้าเจ้าข้ามมาจากอนาคตอีกพันกว่าปีข้างหน้า ข้าเจ้าคงเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดไม่ได้ ท่านทั้งหลายดูนี่ดีกว่า...มันคือรถยนต์”
ช่อชบาจำได้ว่าเธออัดวีดีโอหน้าห้างสรรพสินค้าเอาไว้ด้วย จึงคลิกเปิดมันออกอย่างว่อง ภาพรถราวิ่งผ่าน ผู้คนเดินขวักไขว่จอแจจึงปรากฏขึ้นต่อสายตาของชายหญิงในยุคโบราณทั้งห้า ซึ่งแต่ละคนต่างพากันตกตะลึง ปากอ้าตาค้างไปตาม ๆ กัน
จบตอน
อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 4
โดย...ล. วิลิศมาหรา
“ท้าวเพื่อนท้าวแพงเจ้าข้า”
หญิงที่ชื่อรื่นเป็นคนนำเข้าไปในห้องบรรทมของพระธิดาฝาแฝด ตามด้วยโรยและน้อยศิลป์ไชยกับช่อชบา เจ้าหล่อนขานพระนามเจ้านายพลางยอบตัวคลานเข้าไปหมอบอยู่ใกล้ร่างอรชรของสตรีอ่อนเยาว์สองคน เธอทั้งสองกำลังนั่งพับเพียบเลือกเครื่องประดับอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่บนโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ยๆ
ช่อชบากวาดตามองเครื่องประทินโฉมบนโต๊ะเห็นว่ามีเพียงไม่กี่อย่าง ประกอบด้วยโถเคลือบใบเล็กใส่ผงสีเหลืองๆ คล้ายขมิ้น อีกโถใส่ผงสีแดงซึ่งคงเป็นชาดเอาไว้ทาปาก และมีโถคาดว่าบรรจุน้ำอบอีกจำนวนหนึ่ง โถกระเบื้องเคลือบเหล่านี้มีลวดลายสวยงามหลายขนาด ฝาเปิดอ้าออกให้เห็นสิ่งของภายใน
เห็นแล้วนึกฉงน ในสมัยโบราณเครื่องสำอางของหญิงสาวมีเท่านี้เอง ขนาดเป็นสตรีที่มีบรรดาศักดิ์สูงก็ยังแต่งให้สวยด้วยของเพียงแค่นี้ ช่างแตกต่างจากผู้หญิงในอนาคตที่แต่งหน้ากันเสียจนจำหน้าเดิมตัวเองแทบไม่ได้ พอลบเครื่องสำอางออกเหมือนกับเป็นคนละคน บางคนถ้าปลอมแปลงหน้าด้วยเครื่องสำอางยังไม่เป็นที่พอใจ ก็ศัลยกรรมเปลี่ยนหน้ามันเสียเลย ปลอมหน้ากันจนเดือดร้อนไปถึงลูกเต้าที่เกิดออกมาแล้วหน้าตาดันไม่เหมือนทั้งพ่อทั้งแม่ เห็นเคยเป็นข่าวโด่งดังก็มี
เธอเลื่อนสายตามาพิจารณาสาวสวยทั้งสองอีกครั้ง
ฝาแฝด...ช่อชบายืนจ้องสตรีทั้งคู่ที่มีใบหน้าคล้ายกันราวกับแกะอย่างนึกทึ่ง โอ้ ที่แท้พระเพื่อนพระแพงเป็นฝาแฝดกันจริงหรือนี่ แรกที่อ่านหนังสือวรรณคดีนึกว่าเป็นพี่น้องกันธรรมดาเสียอีก ทันทีนั้นร่างแฝงของโฆษกสาวก็ถูกดึงให้นั่งลง เล็บยาวของนางโรยเหน็บเข้าที่ท่อนแขนเธอพร้อมเสียงกระซิบด่า
“ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ได้ นังโง่ อยู่ต่อหน้าเจ้านายยังไม่รีบเข้าไปไหว้สาท้าวท่านอีก” แล้วนางโรยก็ยอบตัวลงคลานเร็วๆ ตามนางรื่นเข้าไป
พระพักตร์แฉล้มพริ้มเพราหันมามองพร้อมกันอย่างแปลกพระทัย แล้วต่างพากันย่นขนงเมื่อเห็นนางพี่เลี้ยงนำหน้าน้อยศิลป์ไชยกับบ่าวเกี๋ยง เดินพาเหรดตามกันเข้ามาถึงในห้องพักส่วนพระองค์ หนุ่มหน้าขาวรีบทรุดลงนั่งพนมมือไหว้อย่างรู้ว่าทำตัวไม่สมควร
“ไหว้สาบ่าเจ้า ท้าวเพื่อนท้าวแพง ข้าน้อยขอสูมาอภัยที่เข้ามาถึงในห้อง”
“น้อยศิลป์กับข้าเจ้าทั้งสองนำสิ่งประหลาดมาให้ชม และยังมีข่าวดีมาทูลเจ้าข้า” นางโรยเห็นอาการไม่พอพระทัยของเจ้านายก็เร่งบอกเร็วปรื๋อ
“แต่ต้องปิดไว้เป็นความลับขั้นสุดยอดนะเจ้าข้า ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้ชายคนเดียวในห้องกระซิบกระซาบเสริม ซึ่งดูจากท่าทางของเขาแล้ว อนุชาของเจ้าย่าคงจะมีความสนิทสนมกับพระธิดาทั้งสองมากอยู่ อาจถึงขั้นเป็นพระสหายคนสนิท ไม่เช่นนั้นรื่นกับโรยคงไม่กล้าพาเข้ามาถึงในที่ประทับแบบนี้ ชายหนุ่มทำปากจู๋แล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองเลียนแบบนางเกี๋ยงที่ทำให้ดูก่อนหน้า ยามเมื่อต้องการไม่ให้เอะอะ ซึ่งเขาคิดว่าเข้าท่าดี สองหญิงสูงศักดิ์มีท่าทีสนพระทัยขึ้นมา
“เรื่องประหลาดอันใดฤาพี่...แล้วน้อยศิลป์ทำไมไม่รอเราอยู่ข้างนอก เราสองคนยังแต่งตัวไม่เสร็จดี เดี๋ยวมีคนเอาไปทูลเจ้าย่าว่าน้อยเข้ามาถึงในห้องเรา พวกท่านก็จะพากันโดนดุเอาอีกหรอก วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” หนึ่งในสองนางยังไม่วายกำชับ น้ำเสียงฟังดูเหมือนยังเคืองอยู่ซึ่งที่เคืองก็เป็นเพราะห่วงสหายหนุ่มจะโดนเจ้าย่าดุเอานั่นเอง นางพี่เลี้ยงรื่นเข้าใจสถานการณ์ รีบอธิบายโดยเร็ว
“อย่าเพิ่งกริ้วพวกข้าน้อยเลยเจ้าข้า ข้ารู้ดีว่าตำหนักนี้มักถูกเพ่งเล็งว่าชอบแหกกฎ ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ก่อนเข้ามาจึงไล่พวกบ่าวคนอื่นบนเรือนให้ลงไปจนหมดเสียก่อน ไม่มีผู้ใดรู้เห็นดอก ที่ต้องเข้ามาถึงในนี้ก็เพราะสิ่งที่จะทูลมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เล่าข้างนอกไม่ได้ แล้วก็มีบางอย่างต้องแสดงให้ทอดพระเนตรด้วย ข้าเจ้ากลัวว่าถ้าใครมาแอบเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อ มันจะเป็นอันตรายต่อสิ่งวิเศษของนางเกี๋ยง แต่อย่าทรงวิตกด้วยเรื่องนั้นเลย ฟังเรื่องนี้ดีกว่า...พวกข้าคิดหาวิธีให้พระลอได้ยลโฉมท้าวทั้งสองออกแล้ว ทอดพระเนตรสิ่งนี้ก่อนสิเจ้าข้า”
ทันทีที่ได้ยินพี่เลี้ยงเอ่ยชื่อพระลอออกมา สีพระพักตร์ของพระธิดาทั้งสองก็ดีขึ้นทันควัน ขนงขมวดยุ่งคลายออก แววเนตรของทั้งคู่พลันเปล่งประกายวาววาม สองนางกำนัลเห็นดังนั้นก็ยิ้มประจบ รื่นพยักหน้าให้ช่อชบาในคราบนางเกี๋ยงคลานเข่าเข้ามาสมทบ อดีตโฆษกสาวจึงคลานเข้าไปยื่นมือถือที่มีรูปตัวเองให้สาวงามบนตั่งไม้ทอดพระเนตร
“ว้าย...ผีหลอก” สองสาวพอเห็นรูปนางเกี๋ยงปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือก็พากันหวีดร้อง ผงะหนี แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา
“หน้านางเกี๋ยงเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”
“จุ๊ๆ อย่าส่งเสียงดังไปเจ้าข้าพระเพื่อน นี่ไม่ใช่ผีหลอกดอก แต่นางเกี๋ยงมันเรียกว่ากล้องถ่ายรูป...เพราะแบบนี้ไงข้าน้อยถึงต้องเข้ามาทูลบอกให้เก็บเป็นความลับ” นางรื่นทำปากจู๋เอานิ้วชี้แตะปากเหมือนอย่างที่น้อยศิลป์ไชยทำ รีบทูลสาวงามคนที่ตัวเองนั่งอยู่ชิด
“อันใดคือกล้องถ่ายรูป เจ้ากล่องกินคนนี่รึ” พระเพื่อนยกหัตถ์ขึ้นทาบอุระ ทรงถามขึ้นอีก
“ไม่ใช่กล่องกินคน แต่มันเป็นไอ้กล่องวิเศษเจ้าข้า พอเอามันจ่อหน้าเข้า หน้าเราก็จะเข้าไปอยู่ในนั้น” โรยช่วยทูล พระธิดาทั้งสองฟังแล้วทำพักตร์ยุ่ง แน่นอนว่าทั้งแตกตื่นตกพระทัยและฉงนสนเท่ห์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินคาดอะไร ช่อชบาคิดหาคำอธิบายเตรียมพร้อมไว้ในใจอยู่แล้ว
“นี่มันกล่องปีศาจ เอาไปไกลๆ เราเลย เดี๋ยวมันก็กินเราให้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วยกันกับนางเกี๋ยงหรอก” พระเพื่อนยังไม่คลายหวาดกลัว โบกหลังหัตถ์ไล่
“อย่าเพิ่งกลัวไปเลยทูนหัว ทอดพระเนตรนี่ก่อนเถิด”
นางรื่นเห็นเจ้านายยังไม่เข้าพระทัย ก็คว้าสิ่งที่ตัวเองเรียกว่ากล่องวิเศษมาจากมือของช่อชบา แล้วจิ้มนิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ปรื้ดๆ อย่างชำนาญ เพราะได้เลื่อนดูก่อนเข้ามาในนี้แล้วหลายครั้ง
รูปถ่ายในกล้องมือถือรูปต่อไปก็อวดต่อสายตาของทุกคนทันที มันเป็นรูปถ่ายของช่อชบากับเพื่อนพริตตี้หนุ่มสาวถ่ายแบบกันที่สระว่ายน้ำ ตัวเธอเองจึงอยู่ในชุดว่ายน้ำแบบสองชิ้น ส่วนบรรดานายแบบก็ใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวอวดหุ่นหล่อล่ำ บางท่าเพื่อนพริตตี้สาวสวยนึกสนุกก็ทำท่าจูจุ๊บโอบกอดกับเพื่อนนายแบบด้วยกัน ช่อชบาเพิ่งถ่ายแบบเสร็จก่อนจะมาประสบกับชะตากรรมพิสดารในงานโมบายโชว์
“ช่างบัดสีนัก”
...นั่นไง นึกแล้วเชียว...ภาพบนหน้าจอมือถือย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คนในยุคนี้อย่างแน่นอน อย่าว่าแต่หนุ่มสาวจูบกอดกันให้คนอื่นดูอย่างที่เห็นในรูปเลย แม้แต่ถูกเนื้อต้องตัวกันก่อนแต่งงานยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ธรรมเนียมโบราณเหล่านี้ช่อชบาเคยรู้มาก่อน เธอครางในอกอย่างอ่อนใจกับท่าทีของคนต่างยุค หน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อเห็นพระเพื่อนอุทานก่อนเบือนพักตร์หนี แต่แล้วท้าวแพงที่ดูจะกล้าหาญกว่าพระภคินีกลับแย่งเอาเจ้ากล่องวิเศษนั้นมาเพ่งมอง
“เล่าเรื่องเจ้ากล่องวิเศษนี้ให้เราฟังซิว่ามันเป็นยังไง ทำไมผู้คนถึงเข้าไปอยู่ในนี้ได้” ทรงหันมาไต่ถามอย่างสนพระทัย นางโรยรุนหลังนางกำนัลจำเป็นให้เข้าไปใกล้เจ้านายตัวเอง
“เอ้า อีเกี๋ยง จงอธิบายขยายความให้ท้าวเธอฟังบัดเดี๋ยวนี้”
ช่อชบากลืนน้ำลายเอื้อก เวรกรรมอะไรหนอถึงทำให้เธอต้องมาอยู่หลงยุคเป็นพันปีแบบนี้ เรื่องที่จะเล่ามันเล่าได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ แล้วจะเล่ายังไงให้พวกเขาเข้าใจได้ แม้แต่คนที่คิดว่าพอจะพูดกันให้เข้าใจได้อย่างคนในห้องตอนนี้ก็เถอะ
สาวหลงยุคถอนหายใจยาว พยายามตั้งสติคิดหาคำพูดเพื่อสื่อสารกับทุกคนให้เข้าใจง่ายที่สุด รู้ว่ามันออกจะยากเย็นจนแทบมองไม่เห็นทาง แต่เธอก็ต้องพยายาม เพราะว่ามันเป็นทางรอดเพียงทางเดียวที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องอาญาหัวขาดไปเสียก่อน
“สิ่งที่อยู่ในกล้อง...เอ้อ ในกล่องวิเศษนี้ ที่บ้านข้าเจ้าเรียกว่ารูปถ่าย”หญิงดวงซวยซึ่งหลุดเข้ามาในยุคล้านนาดึกดำบรรพ์เริ่มอธิบาย เธอแบมือขอโทรศัพท์คืน ครั้นนึกได้ก็เลยยกมือไหว้ปลกๆ
“ขอกล่องนั่นคืนมาก่อน แล้วข้าเจ้าจะเล่าให้ฟังเจ้าข้า” พระแพงผู้น้องส่งกล่องที่นางเกี๋ยงเรียกว่ากล้องถ่ายรูปคืนให้อย่างไม่ค่อยเต็มพระทัยนัก
“เอ้า...เอาคืนไป แล้วรีบเล่ามาเดี๋ยวนี้”
“เอิ่ม...รูปนี้คืออีเกี๋ยง” หญิงเคยสวยชี้นิ้วไปที่รูปหน้าแป้นแล้นดั้งแมบ ที่เพิ่งถ่ายตัวเองเมื่อมาถึง
“แบบนี้เขาเรียกว่าถ่ายรูป” เธอกดกล้องเป็นโหมดถ่ายรูปแล้วหันไปถ่ายหนุ่มหน้าขาว
...แชะ ชายหนุ่มสะดุ้งร้อง เฮ้ย! ขึ้นมาทันใด ช่อชบาจึงรีบกดรูปให้ดู
“นี่ไง...ถ่ายรูปคือเอากล่องนี่ส่องไปที่หน้าเรา แล้วมันจะคัดลอกเอาหน้าเราเข้าไปอยู่ในนี้ เอิ่ม...เหมือนการวาดรูปนั่นแหละ แต่ไม่ต้องใช้มือวาด เจ้ากล่องวิเศษนี่มันจะวาดให้เอง เข้าใจกันใช่ไหม...เจ้าข้า”
ชายหญิงทั้งหมดซึ่งพากันล้อมวงเข้ามาดูล้วนทำสีหน้าพิศวงอยู่พักหนึ่ง แต่พอสาวจากอนาคตเปรียบให้ฟังถึงการวาดรูปก็ดูเหมือนจะเข้าใจกันขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าตัวเองพอจะสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจได้ ช่อชบาจึงอธิบายต่อ
“ส่วนรูปอื่นในกล่องวิเศษนี้เป็นรูปของข้าเจ้า...ในอีกภพหนึ่ง ซึ่งที่นั่นข้าเจ้าไม่ใช่นางเกี๋ยง ในภพที่จากมา การถ่ายรูปอวดหุ่นตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา บางคนยังเอาไปใส่ในยูทูป...อืม ช่างมันเถอะ ข้ามๆ...ไอ้เรื่องยูทูปนี่ยิ่งอธิบายยากเข้าไปใหญ่ คงไม่มีใครเข้าใจหรอก...เอาเป็นว่า...เราถ่ายรูปตัวเองแล้วเอาไปให้คนอื่นดูได้ด้วย เหมือนวาดรูปเอาไปให้คนอื่นดูน่ะ”
ตอนนี้คงมีแต่ต้องทำให้คนกลุ่มนี้เข้าใจว่าตัวเธอเป็นใครมาจากไหนเท่านั้น เธอจึงจะสามารถอยู่ที่นี่อย่างสบายตัวสบายใจขึ้นมาบ้าง เพราะหากมีพรรคพวกเอาไว้คอยช่วยเหลือก็คงอยู่อย่างปลอดภัยไปจนกว่าจะหาทางกลับคืนสู่โลกปัจจุบันของตัวเองได้
“เจ้า...เจ้าไม่ใช่นางเกี๋ยง งั้นก็แสดงว่าเจ้าตายในภพของเจ้าแล้วมาเข้าสิงนางเกี๋ยงที่นี่ล่ะสิ แล้วเจ้ากล่องวิเศษนี่ล่ะเป็นมายังไง เจ้ากับผู้ชายคนนั้นแก้ผ้าอวดเนื้ออวดนมอยู่ในกล่องให้คนดู โดยไม่ต้องอายใครก็ได้เชียวฤา น่าแปลกมาก”
พระเพื่อนผู้พี่เบิกเนตรกว้างถามอย่างไม่หายคลางแคลง ช่อชบาส่ายหน้าช้าๆ อธิบายเสียงเศร้า
“ข้าเจ้าตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าตัวเองข้ามภพข้ามชาติมาสิงร่างนางเกี๋ยงที่นี่ ข้าเจ้ามาพร้อมเจ้ากล่องวิเศษนี้ รูปทั้งหมดในกล่องก็คือตัวข้าเจ้าเองกับคนรักในภพที่ข้ามมา ข้าเจ้าเป็นคนเมืองเชียงใหม่ของพ่อขุนเม็งราย อยู่ที่โน่นข้าเจ้าชื่อว่าช่อชบา”
คนทั้งหมดยิ่งทำหน้างงหนัก จ้องมายังร่างนางเกี๋ยงที่พวกตนเพิ่งรู้ว่าถูกช่อชบาเข้าสิงเป็นตาเดียว
“เชียงใหม่อันใด หรือเจ้ามาจากหิรัญนครเงินยาง พญาลัวะได้สร้างเชียงขึ้นใหม่ฤา” น้อยศิลป์ไชยซักไซร้ จากคำถามของเขาแสดงว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นผู้ที่มีความรู้รอบตัวกว้างขวางดีทีเดียว
“หาไม่ก็คงเป็นคนแว่นแคว้นหริภุญไชยของพญาทิตตะ”
ตายละวา...สาวเชียงใหม่ร้องครางในใจ สงสัย ณ เวลานี้เชียงใหม่คงยังไม่เกิดเป็นแน่ เธอเม้มปากครุ่นคิด
“เอางี้ ข้าเจ้าข้ามมาจากอนาคตอีกพันกว่าปีข้างหน้า ข้าเจ้าคงเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดไม่ได้ ท่านทั้งหลายดูนี่ดีกว่า...มันคือรถยนต์”
ช่อชบาจำได้ว่าเธออัดวีดีโอหน้าห้างสรรพสินค้าเอาไว้ด้วย จึงคลิกเปิดมันออกอย่างว่อง ภาพรถราวิ่งผ่าน ผู้คนเดินขวักไขว่จอแจจึงปรากฏขึ้นต่อสายตาของชายหญิงในยุคโบราณทั้งห้า ซึ่งแต่ละคนต่างพากันตกตะลึง ปากอ้าตาค้างไปตาม ๆ กัน