“
ป้าบูแล กูมีปลากับอาหารทะเลมาฝากเยอะเลย”
บูงอเอ่ยคำ เมื่อก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงมอแกนสูงวัย
“หนนี้ -ึงได้ปลาได้เงินมาเยอะไหม”
บูแลเอ่ยคำถามกับหญิงสาวอย่างคนชิดเชื้อ ขณะที่เด็กชายลางิผละจากตัวหญิงสาว เดินเข้ามากอดเอวของหญิงมอแกนสูงวัยแทน
“ปีนี้โชคดีหน่อย ปลาที่ทะเลฝั่งนอกชุกเหลือเกิน”
บูงอบอกเล่าอย่างยิ้มแย้ม มองลางิที่กำลังโอบกอดแม่ของมันอย่างสุขใจ
“ตอน -ึงไม่อยู่เดือนก่อน ไอ้ลางิมันป่วยหนัก ดีนะที่พ่อผีปอซอช่วยทำพิธีปัดรังควานพวกผีร้าย ไม่งั้นป่านนี้มันคงได้เป็นผีด้วยอีกคน”
บูแลบอกเล่าถึงทุกข์สุขของเหตุการณ์ในยามที่หญิงสาวออกล่องทะเลไกล
บูงอทำหน้างุนงง จ้องมองลางิอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสองป้าหลานระหว่างหญิงสูงวัยและหญิงสาว ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องราวเหล่านั้นเหล่านี้อีกชั่วครู่ใหญ่ และมีชาวบ้านมอแกนบางคนที่คุ้นเคยเข้ามาร่วมพูดคุยด้วย จนสักพักกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่เดินกลับออกมาตรงหน้าหาดอีกครั้ง หลังจากเดินสำรวจดูพื้นที่บางส่วนของเกาะจนเรียบร้อย
เสียงพูดคุยของบูงอหยุดชะงัก เมื่อเหลียวไปเห็นกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่ สายตาของหล่อนที่จ้องมองคนกลุ่มนั้น กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ เต็มไปด้วยความสงสัยขุ่นมัว
“พวกจากฝั่งเมือง เห็นว่าจะมาพัฒนาความเจริญให้พวกเรา”
ป้าบูแลบอกกล่าว เมื่อเห็นทีท่าจ้องมองอย่างสงสัยของบูงอ
“แล้วใครยอมให้พวกมันขึ้นมาบนนี้”
ขึ้นชื่อว่าคนฝั่งเมือง ใจทั้งใจของบูงอไม่เคยมีไมตรีให้ด้วยเลย
“กูเอง”
เสียงของซายอดังขึ้น ขัดคำสนทนาของป้าหลาน บูงอหันขวับไปมองเจ้าของเสียงนั้น เพราะหล่อนไม่คิดสนใจเขามาตั้งแต่แรก ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าเรื่องราวไหนๆ และก่อนจะมีคำสนทนาต่อกันมากกว่านี้ หญิงสาวกลับเลี่ยงที่จะพูดจาต่อ หล่อนหันไปบอกผู้เป็นป้าอย่างขึงขัง
“กูจะกลับไปที่เรือนก่อน มาลางิ -ึงไปกับกู”
ยิปซีสาวเอ่ยคำชักชวนเด็กน้อย คนที่หล่อนไว้ใจที่สุดคนหนึ่งในเกาะนี้ และเด็กน้อยลางิก็ว่าตามแต่โดยง่าย เรือนของหล่อนอยู่ตรงท้ายหมู่บ้านติดพื้นที่ป่า อันเป็นเส้นทางที่จะไปยังเชิงเขา
บูงอเดินตรงไปข้างหน้ายังหมู่ทิวต้นมะพร้าวน้อยใหญ่
และสวนกับกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่ตรงกลางทาง
การเดินดุ่ยๆของยิปซีสาวเกือบสวนชนกับพวกเขา หากแต่ต่างฝ่ายต่างเอี้ยวตัวหลบทัน และเมื่อเอี้ยวตัวได้พ้น บูงอก็หยุดชะงัก ค่อยๆหันมามองคนฝั่งเมืองทั้งกลุ่ม ในขณะที่คณะทั้งหมดก็หยุดชะงัก ต่างค่อยๆเอี้ยวหันมามองยิปซีสาวด้วยเช่นกัน
ตาสบตาสบประสาน..
ระหว่างสายตาขุ่นมัวของบูงอ กับสายตาเป็นมิตรของคุณดุจเดือน สายตาที่แสดงออกซึ่งความขัดแย้ง จ้องมองกันและกันอยู่ชั่วครู่ สักพัก..บูงอตัดสินใจหันหลังให้ ก่อนพาตัวเองและเด็กชายลางิเดินหายลับเข้าไปในดงมะพร้าวกว้างใหญ่ตรงหน้า
คณะพัฒนาพื้นที่ ซึ่งนำโดยนายอำเภอน้ำนิ่งละความสนใจจากมอแกนสาว ท่าทางไม่เป็นมิตรของหล่อน เหมือนติดอยู่ในใจดุจเดือนมากกว่าใครๆ คงเพราะหล่อนเป็นคนอ่อนไหว จึงรับความรู้สึกต่างๆได้ง่ายและจำนาน....
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / ตรีวิทย์ นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 17 (คลื่นแห่งความหลัง)
“ป้าบูแล กูมีปลากับอาหารทะเลมาฝากเยอะเลย”
บูงอเอ่ยคำ เมื่อก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงมอแกนสูงวัย
“หนนี้ -ึงได้ปลาได้เงินมาเยอะไหม”
บูแลเอ่ยคำถามกับหญิงสาวอย่างคนชิดเชื้อ ขณะที่เด็กชายลางิผละจากตัวหญิงสาว เดินเข้ามากอดเอวของหญิงมอแกนสูงวัยแทน
“ปีนี้โชคดีหน่อย ปลาที่ทะเลฝั่งนอกชุกเหลือเกิน”
บูงอบอกเล่าอย่างยิ้มแย้ม มองลางิที่กำลังโอบกอดแม่ของมันอย่างสุขใจ
“ตอน -ึงไม่อยู่เดือนก่อน ไอ้ลางิมันป่วยหนัก ดีนะที่พ่อผีปอซอช่วยทำพิธีปัดรังควานพวกผีร้าย ไม่งั้นป่านนี้มันคงได้เป็นผีด้วยอีกคน”
บูแลบอกเล่าถึงทุกข์สุขของเหตุการณ์ในยามที่หญิงสาวออกล่องทะเลไกล
บูงอทำหน้างุนงง จ้องมองลางิอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสองป้าหลานระหว่างหญิงสูงวัยและหญิงสาว ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องราวเหล่านั้นเหล่านี้อีกชั่วครู่ใหญ่ และมีชาวบ้านมอแกนบางคนที่คุ้นเคยเข้ามาร่วมพูดคุยด้วย จนสักพักกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่เดินกลับออกมาตรงหน้าหาดอีกครั้ง หลังจากเดินสำรวจดูพื้นที่บางส่วนของเกาะจนเรียบร้อย
เสียงพูดคุยของบูงอหยุดชะงัก เมื่อเหลียวไปเห็นกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่ สายตาของหล่อนที่จ้องมองคนกลุ่มนั้น กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ เต็มไปด้วยความสงสัยขุ่นมัว
“พวกจากฝั่งเมือง เห็นว่าจะมาพัฒนาความเจริญให้พวกเรา”
ป้าบูแลบอกกล่าว เมื่อเห็นทีท่าจ้องมองอย่างสงสัยของบูงอ
“แล้วใครยอมให้พวกมันขึ้นมาบนนี้”
ขึ้นชื่อว่าคนฝั่งเมือง ใจทั้งใจของบูงอไม่เคยมีไมตรีให้ด้วยเลย
“กูเอง”
เสียงของซายอดังขึ้น ขัดคำสนทนาของป้าหลาน บูงอหันขวับไปมองเจ้าของเสียงนั้น เพราะหล่อนไม่คิดสนใจเขามาตั้งแต่แรก ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ว่าเรื่องราวไหนๆ และก่อนจะมีคำสนทนาต่อกันมากกว่านี้ หญิงสาวกลับเลี่ยงที่จะพูดจาต่อ หล่อนหันไปบอกผู้เป็นป้าอย่างขึงขัง
“กูจะกลับไปที่เรือนก่อน มาลางิ -ึงไปกับกู”
ยิปซีสาวเอ่ยคำชักชวนเด็กน้อย คนที่หล่อนไว้ใจที่สุดคนหนึ่งในเกาะนี้ และเด็กน้อยลางิก็ว่าตามแต่โดยง่าย เรือนของหล่อนอยู่ตรงท้ายหมู่บ้านติดพื้นที่ป่า อันเป็นเส้นทางที่จะไปยังเชิงเขา
บูงอเดินตรงไปข้างหน้ายังหมู่ทิวต้นมะพร้าวน้อยใหญ่
และสวนกับกลุ่มคณะพัฒนาพื้นที่ตรงกลางทาง
การเดินดุ่ยๆของยิปซีสาวเกือบสวนชนกับพวกเขา หากแต่ต่างฝ่ายต่างเอี้ยวตัวหลบทัน และเมื่อเอี้ยวตัวได้พ้น บูงอก็หยุดชะงัก ค่อยๆหันมามองคนฝั่งเมืองทั้งกลุ่ม ในขณะที่คณะทั้งหมดก็หยุดชะงัก ต่างค่อยๆเอี้ยวหันมามองยิปซีสาวด้วยเช่นกัน
ตาสบตาสบประสาน..
ระหว่างสายตาขุ่นมัวของบูงอ กับสายตาเป็นมิตรของคุณดุจเดือน สายตาที่แสดงออกซึ่งความขัดแย้ง จ้องมองกันและกันอยู่ชั่วครู่ สักพัก..บูงอตัดสินใจหันหลังให้ ก่อนพาตัวเองและเด็กชายลางิเดินหายลับเข้าไปในดงมะพร้าวกว้างใหญ่ตรงหน้า
คณะพัฒนาพื้นที่ ซึ่งนำโดยนายอำเภอน้ำนิ่งละความสนใจจากมอแกนสาว ท่าทางไม่เป็นมิตรของหล่อน เหมือนติดอยู่ในใจดุจเดือนมากกว่าใครๆ คงเพราะหล่อนเป็นคนอ่อนไหว จึงรับความรู้สึกต่างๆได้ง่ายและจำนาน....
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / ตรีวิทย์ นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008