“เออ.. กูก็แค่จะพากันไปดูที่เตรียมฝังพ่อกับบีแต”
สีหน้าของบูแล คลายจากความสงสัยในบัดดล
แต่สำหรับบูงอ ความสงสัยบางอย่างยังไม่อาจจางจากใจได้ หล่อนหันมาบอกกล่าวหญิงสูงวัยว่าจะลองไปหาซานัมที่เรือน ทั้งๆที่เวลายามนี้ก็ดึกมากโข
บูงอก้าวเท้าออกจากเรือน มุ่งตรงยังที่พักของซานัมอย่างรีบเร่ง แต่เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเรือนของชายคนรัก ความงุนงงกลับเพิ่มทวี ภายในเรือนไร้แสงไฟจากตะเกียง ภายนอกกระท่อมก็มีเพียงความมืดมิด ซานัมหายไปไหน เป็นครั้งแรกที่เขาหายไปโดยไม่บอกกล่าวหล่อนเลยสักคำ
บูงอยืนครุ่นคิด นึกไม่ออกจะทำอย่างไรดี
แต่แล้ว.. ..คล้ายมีเงาวูบไหว สะท้อนแสงจากดวงจันทร์ ทาบทาลงตรงผนังกระท่อม หญิงสาวรีบหันหลังกลับ มองไปยังมะพร้าวต้นใหญ่ อันเป็นที่มาของเงาวูบไหวนั้น
“ใคร”
บูงอร้องถาม ทั้งๆที่ความหวาดกลัวมีมากกว่าครึ่ง เสียงสะท้อนเรียกของหล่อนไม่มีการขานรับใดๆ หญิงสาวค่อยๆก้าวเท้าเดินไปยังต้นมะพร้าวตรงหน้า หากแต่เมื่อมาถึง ค่อยๆเอียงคอมองตรงหลังต้นมะพร้าวตระหง่าน กลับเห็นเพียงความว่างเปล่ามืดมิด
ความหวาดกลัวในใจทบทวี
หล่อนมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด ที่เห็นเงาทะมึนวาบไหวของคนทาบลงตรงผนังกระท่อม ชีวิตของหล่อนอาจกำลังถูกใครสักคนตามมุ่งทำร้าย สัญชาตญาณบอกให้หล่อนรีบเดินทางกลับเรือนของตนทันที
บูงอพาตัวเองกลับถึงหน้าเรือนด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ครุ่นคิดไปนานา บูแลพาลางิวัยสามขวบเศษเข้านอนได้เมื่อครู่ เดินออกมาเห็นบูงอยืนกระสับกระส่ายอยู่ตรงหน้ากระท่อมพอดี
“ทำไกลับมาเร็วนัก”
หญิงวัยใหญ่ตั้งคำถาม หากบูงอไปหาคนรักของมันจริง น่าจะใช้เวลาพูดคุยมากกว่านี้
“กูไม่เจอใครอยู่ที่เรือนโน้นเลยสักคน”
บูงอให้คำตอบ ในใจยังสับสน กับเหตุการณ์แปลกๆ
“ไม่เจอ”
หญิงวัยใหญ่ทวนคำหลานสาวอย่างครุ่นคิด แปลกแท้ ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ดี ทั้งซานัมและบูงอมันรักกันปานใด ไม่มีหรอกสักครั้งที่ซานัมจะห่างหน้าหายตาไปจากบูงอและครอบครัวของหล่อน เว้นเสียแต่ล่องทะเลไกลไปหาปลา ที่จะไม่ได้ปะหน้าหนุ่มวัยฉกรรจ์รูปงาม
หากจะหาใครสักคนบนเกาะแสงจันทร์ ที่จะเทียบความงามดั่งชายกับซานัมได้ เห็นจะมีก็แต่ซายอ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ แม้จะดูไม่ออกว่าใครเหนือใคร หากแต่ส่วนแตกต่างก็มีให้เห็น.. ..
แววตาของซายอ จะดูสวยเศร้า
..แต่โครงใบหน้าของซานัม
ก็ได้เปรียบกว่าในความคมเข้ม
บูงอไม่ได้ตอบคำใดๆบูแลอีก หญิงสาวเดินเข้าเรือนไปอย่างสับสน หล่อนจะบอกอะไรได้มากกว่านี้เล่า เพราะบางเรื่องมันเกิดจากความผิดของหล่อน แล้วจริงๆซานัมจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อและพี่สาวของหล่อนหรืออย่างไร หล่อนก็ไม่อยากคาดเดาให้ทรมานใจ แต่ถ้าจะไม่ให้สงสัยเลยก็คงไม่ได้ เพราะจู่ๆเขาและครอบครัวของเขาทั้งหมด ก็มาหายตัวไปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ท่ามกลางปมการฆาตกรรม ที่ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้แบบนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่บูงอเริ่มมีความกลัวมากกว่าความสงสัย
หญิงสาวตัดสินใจบอกป้าบูแลก่อนเข้านอน เหมือนมีคนแอบติดตามหล่อนขณะเดินไปที่เรือนของซานัม จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจรู้ได้ มุ่งหมายเอาชีวิต..หรืออะไรที่อาจมากกว่านั้น
ความสงสัย หวาดกลัว ทวีรุนแรงมากขึ้นในจิตใจ
นับจากคืนนี้.. ..
ชีวิตของพวกหล่อนสามคนป้าหลาน
จะไม่ปลอดภัยอย่างนั้นหรอกหรือ
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 26 (พระจันทร์สีเลือด)
“เออ.. กูก็แค่จะพากันไปดูที่เตรียมฝังพ่อกับบีแต”
สีหน้าของบูแล คลายจากความสงสัยในบัดดล
แต่สำหรับบูงอ ความสงสัยบางอย่างยังไม่อาจจางจากใจได้ หล่อนหันมาบอกกล่าวหญิงสูงวัยว่าจะลองไปหาซานัมที่เรือน ทั้งๆที่เวลายามนี้ก็ดึกมากโข
บูงอก้าวเท้าออกจากเรือน มุ่งตรงยังที่พักของซานัมอย่างรีบเร่ง แต่เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเรือนของชายคนรัก ความงุนงงกลับเพิ่มทวี ภายในเรือนไร้แสงไฟจากตะเกียง ภายนอกกระท่อมก็มีเพียงความมืดมิด ซานัมหายไปไหน เป็นครั้งแรกที่เขาหายไปโดยไม่บอกกล่าวหล่อนเลยสักคำ
บูงอยืนครุ่นคิด นึกไม่ออกจะทำอย่างไรดี
แต่แล้ว.. ..คล้ายมีเงาวูบไหว สะท้อนแสงจากดวงจันทร์ ทาบทาลงตรงผนังกระท่อม หญิงสาวรีบหันหลังกลับ มองไปยังมะพร้าวต้นใหญ่ อันเป็นที่มาของเงาวูบไหวนั้น
“ใคร”
บูงอร้องถาม ทั้งๆที่ความหวาดกลัวมีมากกว่าครึ่ง เสียงสะท้อนเรียกของหล่อนไม่มีการขานรับใดๆ หญิงสาวค่อยๆก้าวเท้าเดินไปยังต้นมะพร้าวตรงหน้า หากแต่เมื่อมาถึง ค่อยๆเอียงคอมองตรงหลังต้นมะพร้าวตระหง่าน กลับเห็นเพียงความว่างเปล่ามืดมิด
ความหวาดกลัวในใจทบทวี
หล่อนมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด ที่เห็นเงาทะมึนวาบไหวของคนทาบลงตรงผนังกระท่อม ชีวิตของหล่อนอาจกำลังถูกใครสักคนตามมุ่งทำร้าย สัญชาตญาณบอกให้หล่อนรีบเดินทางกลับเรือนของตนทันที
บูงอพาตัวเองกลับถึงหน้าเรือนด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ครุ่นคิดไปนานา บูแลพาลางิวัยสามขวบเศษเข้านอนได้เมื่อครู่ เดินออกมาเห็นบูงอยืนกระสับกระส่ายอยู่ตรงหน้ากระท่อมพอดี
“ทำไกลับมาเร็วนัก”
หญิงวัยใหญ่ตั้งคำถาม หากบูงอไปหาคนรักของมันจริง น่าจะใช้เวลาพูดคุยมากกว่านี้
“กูไม่เจอใครอยู่ที่เรือนโน้นเลยสักคน”
บูงอให้คำตอบ ในใจยังสับสน กับเหตุการณ์แปลกๆ
“ไม่เจอ”
หญิงวัยใหญ่ทวนคำหลานสาวอย่างครุ่นคิด แปลกแท้ ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ดี ทั้งซานัมและบูงอมันรักกันปานใด ไม่มีหรอกสักครั้งที่ซานัมจะห่างหน้าหายตาไปจากบูงอและครอบครัวของหล่อน เว้นเสียแต่ล่องทะเลไกลไปหาปลา ที่จะไม่ได้ปะหน้าหนุ่มวัยฉกรรจ์รูปงาม
หากจะหาใครสักคนบนเกาะแสงจันทร์ ที่จะเทียบความงามดั่งชายกับซานัมได้ เห็นจะมีก็แต่ซายอ ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ แม้จะดูไม่ออกว่าใครเหนือใคร หากแต่ส่วนแตกต่างก็มีให้เห็น.. ..
แววตาของซายอ จะดูสวยเศร้า
..แต่โครงใบหน้าของซานัม
ก็ได้เปรียบกว่าในความคมเข้ม
บูงอไม่ได้ตอบคำใดๆบูแลอีก หญิงสาวเดินเข้าเรือนไปอย่างสับสน หล่อนจะบอกอะไรได้มากกว่านี้เล่า เพราะบางเรื่องมันเกิดจากความผิดของหล่อน แล้วจริงๆซานัมจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อและพี่สาวของหล่อนหรืออย่างไร หล่อนก็ไม่อยากคาดเดาให้ทรมานใจ แต่ถ้าจะไม่ให้สงสัยเลยก็คงไม่ได้ เพราะจู่ๆเขาและครอบครัวของเขาทั้งหมด ก็มาหายตัวไปในคืนพระจันทร์เต็มดวง ท่ามกลางปมการฆาตกรรม ที่ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้แบบนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่บูงอเริ่มมีความกลัวมากกว่าความสงสัย
หญิงสาวตัดสินใจบอกป้าบูแลก่อนเข้านอน เหมือนมีคนแอบติดตามหล่อนขณะเดินไปที่เรือนของซานัม จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจรู้ได้ มุ่งหมายเอาชีวิต..หรืออะไรที่อาจมากกว่านั้น
ความสงสัย หวาดกลัว ทวีรุนแรงมากขึ้นในจิตใจ
นับจากคืนนี้.. ..
ชีวิตของพวกหล่อนสามคนป้าหลาน
จะไม่ปลอดภัยอย่างนั้นหรอกหรือ
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008