เมื่อหลุดออกมาจากอุโมงค์เล็กๆ ทั้งบูงอและซานัมก็ยืนอยู่บนแผ่นดินเวิ้งว้างที่มีสุสานคนตาย ทั้งสองรีบเดินไปยังแผ่นผาข้างหน้าอีกชั้น และแทรกตัวไปตามทางเดินแคบๆ เพื่อออกสู่หน้าผาภายนอกตรงเวิ้งน้ำทะเลอันถูกโอบล้อมด้วยขุนผาอีกชั้น
แผ่นผาแห่งขุนเขาโอบล้อม..
เรียงตัวกันเป็นเหมือนวงกลมสามวง
มีเพียงที่ว่างแทรกตรงกลางแคบๆ
ให้พอหลุดตัวเข้าไปได้ในแต่ละวงเขา
คือธรรมชาติรังสรรค์ แต่ก็ช่างเหมือนความฝัน..
เพราะหากมองจากที่สูง ขุนเขาทั้งหมด
มันเหมือนเส้นวงกลมสามวง เรียงต่อกัน
ขุนเขาวงแรก เป็นพื้นที่ราบเต็มไปด้วยไม้ป่า
ขุนเขาวงที่สอง นอกจากไม้ป่าแล้ว
..ยังมีแอ่งทะเลสาบน้ำจืดอันกว้างใหญ่
และขุนเขาวงสุดท้าย เป็นผืนน้ำทะเลสีฟ้า..
เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่ในหุบเขาวงสุดท้าย สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นไปตามที่พ่อใหญ่มาดีนะบอกกล่าว ร่องรอยการต่อสู้ รอยเลือดที่แห้งติดหน้าผาและโขดหินบางก้อน สะท้อนใจบูงอนัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน มันเกิดจากน้ำมือของใคร
“กูจะต้องรู้ให้ได้ ว่าใครมันฆ่าพ่อกูกับอีบีแต”
หญิงสาวจ้องมองรอยเลือดแห้งกรังติดอยู่ตามหน้าผา และมีบางรอยติดอยู่ตามเพชรดิบ แสงสะท้อนสีทองของพระอาทิตย์ยามบ่าย แม้จะส่องแสงกระทบเพชรดิบที่เกาะกระจายอยู่ทั่วแผ่นผาใหญ่ เป็นแสงแวบวับกระจ่างแจ่มไปทั่วอาณาบริเวณ แต่ก็ไม่อาจลบความทุกข์เศร้าในใจของหญิงสาวได้เลยสักน้อย
ซานัมกวาดสายตาไปทั่วขุนเขาโอบล้อม
เหมือนต้องการสำรวจหาอะไรบางอย่าง สายตาเปลี่ยนจากจับจ้องแผ่นผา เริ่มกวาดมองตามพื้นทรายด้านล่าง แล้วพลันสายตาของเขา ก็พบสายสร้อยสีเงินคุ้นๆฝังจมอยู่ในพื้นทราย หัวใจของซานัมเต้นรัวในบัดดล.. แต่แล้วในชั่ววินาที เขารีบใช้เท้ากวาดทรายทับสร้อยสีเงินเส้นนั้นไว้จนจมมิด
เป็นจังหวะเดียวกับที่บูงอกำลังค่อยๆหันหน้ามา “มีอะไรเหรอ..”
สีหน้าตระหนกตื่นน้อยๆ และท่าทีบางอย่างของซานัม ทำให้หญิงสาวเหมือนไม่เข้าใจ
“เออ..”
ซานัมพยายามกลบเกลื่อนความตระหนกตื่น
“เปล่า.. ไม่มีอะไรหรอก”
หากแล้วความเศร้าใจที่ประดังประเด ก็ทำให้บูงอกลับไม่ได้สนใจท่าทีของชายคนรักต่อ เพราะยังมีเรื่องราวที่ทำให้หล่อนต้องครุ่นคิด คนที่ฆ่าพ่อกับพี่สาวของหล่อน มันต้องการอะไร แล้วทำไมการฆ่า มันถึงเจาะจงเกิดขึ้นที่ตรงนี้..
สักพักเมื่อพอแน่ใจเค้าลางบางอย่าง
ทั้งสองจึงเดินทางกลับเข้าไปหมู่บ้าน และแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง ซานัมมาส่งบูงอถึงหน้าเรือน เมื่อคนรักหนุ่มของหล่อนเดินลับตาไปแล้ว บูงอจึงกลับเข้าเรือนไป
แสงอาทิตย์ยามบ่ายยังคงเจิดจ้า
แต่จิตใจของซานัม สับสนและร้อนแรงยิ่งกว่า
ร่างคล้อยหลังของซานัม แอบย้อนเดินกลับมาดูจนแน่ใจว่าบูงอกลับเข้าไปอยู่ในเรือนแล้วจริงๆ จากนั้นเขาจึงรีบบ่ายหน้ามุ่งตรงกลับไปที่หน้าผาเพชรอีกครั้ง....
เมื่อย้อนกลับมาถึงหน้าผาเพชร
ซานัมรีบเขี่ยทรายตรงจุดเดิม ที่เขากลบสร้อยสีเงินเอาไว้เมื่อครู่ แต่เมื่อทั้งเขี่ย ทั้งขุด ทั้งค้น ทั้งคุ้ย เม็ดทรายจนทั่ว กลับไม่พบ ซานัมใจหายวาบ กวาดสายตามองรอบหุบเขาโอบล้อมของหน้าผาเพชร อย่างหวั่นตระหนก สงสัย สับสน และหวาดกลัว
สายสร้อยสีเงิน.. เวลาเพียงไม่กี่นาที
มันหายจากที่ตรงนี้ไปได้อย่างไรกัน....
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
ความเดิม ตอนที่ 23 https://ppantip.com/topic/37552337
หุบเขาแสงจันทร์ ตอนที่ 24 (พระจันทร์สีเลือด)
เมื่อหลุดออกมาจากอุโมงค์เล็กๆ ทั้งบูงอและซานัมก็ยืนอยู่บนแผ่นดินเวิ้งว้างที่มีสุสานคนตาย ทั้งสองรีบเดินไปยังแผ่นผาข้างหน้าอีกชั้น และแทรกตัวไปตามทางเดินแคบๆ เพื่อออกสู่หน้าผาภายนอกตรงเวิ้งน้ำทะเลอันถูกโอบล้อมด้วยขุนผาอีกชั้น
แผ่นผาแห่งขุนเขาโอบล้อม..
เรียงตัวกันเป็นเหมือนวงกลมสามวง
มีเพียงที่ว่างแทรกตรงกลางแคบๆ
ให้พอหลุดตัวเข้าไปได้ในแต่ละวงเขา
คือธรรมชาติรังสรรค์ แต่ก็ช่างเหมือนความฝัน..
เพราะหากมองจากที่สูง ขุนเขาทั้งหมด
มันเหมือนเส้นวงกลมสามวง เรียงต่อกัน
ขุนเขาวงแรก เป็นพื้นที่ราบเต็มไปด้วยไม้ป่า
ขุนเขาวงที่สอง นอกจากไม้ป่าแล้ว
..ยังมีแอ่งทะเลสาบน้ำจืดอันกว้างใหญ่
และขุนเขาวงสุดท้าย เป็นผืนน้ำทะเลสีฟ้า..
เมื่อก้าวมาหยุดยืนอยู่ในหุบเขาวงสุดท้าย สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นไปตามที่พ่อใหญ่มาดีนะบอกกล่าว ร่องรอยการต่อสู้ รอยเลือดที่แห้งติดหน้าผาและโขดหินบางก้อน สะท้อนใจบูงอนัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน มันเกิดจากน้ำมือของใคร
“กูจะต้องรู้ให้ได้ ว่าใครมันฆ่าพ่อกูกับอีบีแต”
หญิงสาวจ้องมองรอยเลือดแห้งกรังติดอยู่ตามหน้าผา และมีบางรอยติดอยู่ตามเพชรดิบ แสงสะท้อนสีทองของพระอาทิตย์ยามบ่าย แม้จะส่องแสงกระทบเพชรดิบที่เกาะกระจายอยู่ทั่วแผ่นผาใหญ่ เป็นแสงแวบวับกระจ่างแจ่มไปทั่วอาณาบริเวณ แต่ก็ไม่อาจลบความทุกข์เศร้าในใจของหญิงสาวได้เลยสักน้อย
ซานัมกวาดสายตาไปทั่วขุนเขาโอบล้อม
เหมือนต้องการสำรวจหาอะไรบางอย่าง สายตาเปลี่ยนจากจับจ้องแผ่นผา เริ่มกวาดมองตามพื้นทรายด้านล่าง แล้วพลันสายตาของเขา ก็พบสายสร้อยสีเงินคุ้นๆฝังจมอยู่ในพื้นทราย หัวใจของซานัมเต้นรัวในบัดดล.. แต่แล้วในชั่ววินาที เขารีบใช้เท้ากวาดทรายทับสร้อยสีเงินเส้นนั้นไว้จนจมมิด
เป็นจังหวะเดียวกับที่บูงอกำลังค่อยๆหันหน้ามา “มีอะไรเหรอ..”
สีหน้าตระหนกตื่นน้อยๆ และท่าทีบางอย่างของซานัม ทำให้หญิงสาวเหมือนไม่เข้าใจ
“เออ..”
ซานัมพยายามกลบเกลื่อนความตระหนกตื่น
“เปล่า.. ไม่มีอะไรหรอก”
หากแล้วความเศร้าใจที่ประดังประเด ก็ทำให้บูงอกลับไม่ได้สนใจท่าทีของชายคนรักต่อ เพราะยังมีเรื่องราวที่ทำให้หล่อนต้องครุ่นคิด คนที่ฆ่าพ่อกับพี่สาวของหล่อน มันต้องการอะไร แล้วทำไมการฆ่า มันถึงเจาะจงเกิดขึ้นที่ตรงนี้..
สักพักเมื่อพอแน่ใจเค้าลางบางอย่าง
ทั้งสองจึงเดินทางกลับเข้าไปหมู่บ้าน และแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง ซานัมมาส่งบูงอถึงหน้าเรือน เมื่อคนรักหนุ่มของหล่อนเดินลับตาไปแล้ว บูงอจึงกลับเข้าเรือนไป
แสงอาทิตย์ยามบ่ายยังคงเจิดจ้า
แต่จิตใจของซานัม สับสนและร้อนแรงยิ่งกว่า
ร่างคล้อยหลังของซานัม แอบย้อนเดินกลับมาดูจนแน่ใจว่าบูงอกลับเข้าไปอยู่ในเรือนแล้วจริงๆ จากนั้นเขาจึงรีบบ่ายหน้ามุ่งตรงกลับไปที่หน้าผาเพชรอีกครั้ง....
เมื่อย้อนกลับมาถึงหน้าผาเพชร
ซานัมรีบเขี่ยทรายตรงจุดเดิม ที่เขากลบสร้อยสีเงินเอาไว้เมื่อครู่ แต่เมื่อทั้งเขี่ย ทั้งขุด ทั้งค้น ทั้งคุ้ย เม็ดทรายจนทั่ว กลับไม่พบ ซานัมใจหายวาบ กวาดสายตามองรอบหุบเขาโอบล้อมของหน้าผาเพชร อย่างหวั่นตระหนก สงสัย สับสน และหวาดกลัว
สายสร้อยสีเงิน.. เวลาเพียงไม่กี่นาที
มันหายจากที่ตรงนี้ไปได้อย่างไรกัน....
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
ความเดิม ตอนที่ 23 https://ppantip.com/topic/37552337