เป็นเวลากว่าหกปีแล้วที่บูงอไม่ได้ไปร่วมพิธีงานฉลองที่หน้าหาด เพราะคืนนี้เป็นคืนแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่สุดในชีวิตของหล่อน และเหตุการณ์สูญเสียนั้นก็ทำให้บูงอต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาจนถึงทุกวันนี้ หากจะเหลือญาติมิตรให้ไม่ว้าเหว่ใจบ้าง ไม่รู้สึกว่าเป็นมนุษย์โดดเดี่ยวคนเดียวบนโลก ก็คือบูแลผู้เป็นพี่สาวของพ่อและลางิลูกชายคนเดียวของบูแล
คืนนี้ทุกๆปีเมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงที่ท้ายเกาะฝั่งตะวันออก
บูงอจะมายืนอยู่ที่นี่ ตรงเหลี่ยมผาสูงชันซึ่งโอบล้อมตั้งวางเป็นดั่งฉากคั่นทางก้าวเดินออกไปหาตัวหาดทรายด้านนอก ผาสูงชันที่ทอดตัวยาวโอบล้อมพื้นที่เป็นวงกลมออกมาจากฝั่งซ้ายและขวา เหมือนเป็นสิ่งจงใจปั้นแต่งของธรรมชาติ ให้เหลือทางเปิดตรงกลางเพียงเล็กน้อย เพียงแค่คนๆเดียวเดินผ่านได้ และเป็นช่องที่ตรงกับการขึ้นของพระจันทร์ พอดิบพอดีในคืนวันเพ็ญเพียงปีละครั้ง
เมื่อพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมฟ้าฝั่งตะวันตก
แสงแรกแห่งจันทร์ก็จะปรากฏขึ้นจากขอบผืนทะเลทีละนิดทีละน้อย ตรงช่องว่างกลางขอบหน้าผาสูงชันพอดิบพอดี เป็นลำแสงสีทองน้อยๆ ที่เล็ดลอดทอดตัวเข้ามาภายในบริเวณพื้นที่ด้านหลังของหน้าผาสูงชัน อันเป็นแอ่งหุบเขา เป็นสุสาน..ฝังร่างวิญญาณบรรพบุรุษของหล่อนและซายอมาช้านาน..
มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติยิ่งใหญ่ตระการตา
บูงอยืนจ้องมองแสงสีทองอร่ามแห่งจันทร์ ที่ทอดตัวเป็นลำแสงเล็กๆเข้ามาตรงลานสุสานเวิ้งว้าง อันถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันรอบด้าน ซึ่งใครก็ตามหากจะเข้ามายังสุสานแห่งนี้ต้องรู้ทางพิเศษ ซึ่งก็มีเฉพาะมอแกนเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้ดี
ยิปซีสาวร่างสูงระหง ผิวสีแทนดั่งทรายละเอียด ใบหน้าคมเข้ม รูปตาคมกริบเหมือนเมล็ดฝักทอง และผมที่ดำดกยาวเป็นลอนสลวยในชุดพื้นเมืองของชนเผ่าที่มีอาภรณ์ปิดมิดชิด ตามการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ด้วยอิทธิพลของฝั่งเมืองบางเสี้ยว หล่อนยังคงยืนจ้องมองตรงที่ดวงจันทร์สีทองเต็มดวง ค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่ตรงกลางช่องว่างของแนวแผ่นภูผา เป็นเส้นตรงดิ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์
สักพัก..บูงอค่อยๆก้าวเท้าเดินตรงไปยังช่องว่างเล็กๆของขอบผาสูงชันตรงหน้า และเมื่อมาถึงตรงช่องว่างทางเดิน หล่อนก็ค่อยๆเบี่ยงพาตัวเอง เดินออกไปตามช่องทางดังกล่าว
อัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ยังไม่จบสิ้น..เพียงเมื่อร่างของหล่อนหลุดออกจากด้านหลังผาสูงชัน ก้าวเท้ามายืนอยู่ด้านนอกอันเป็นพื้นที่ของชาดหาดท้ายเกาะ มหัศจรรย์แห่งหุบเขาและท้องทะเล เหมือนจะยังต้องการแสดงความยิ่งใหญ่อันพิศวงของมันอย่างไม่สิ้นสุด
พื้นที่ตรงหน้าชายหาดถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันอีกครั้ง ตัวของหน้าผาทั้งฝั่งซ้ายและขวาทอดยาวยื่นออกไปไกลในทะเล และโค้งตัวเหมือนจะมาบรรจบกันเป็นวงกลมอีกหน
มันมีเพียงพื้นที่ช่องว่างตรงกลางเล็กๆตรงหน้า..เหมือนวงผาก่อนหน้า เป็นแนวขนานพอดีกับขอบผาสูงชันชั้นในของสุสาน ตรงที่ลำแสงสีทองของพระจันทร์ ทอดตัวเข้ามา ช่องว่างน้อยๆ.. ที่แม้เรือพายลำเล็กๆ ก็ไม่อาจผ่านเข้ามายังอาณาบริเวณทะเลปิดส่วนนี้ได้เลย
มันเป็นเพียงช่องทางของน้ำทะเลด้านใน เชื่อมต่อน้ำทะเลกว้างใหญ่ของโลกภายนอก..
ความงดงามของโขดหินผาเบื้องหน้า แม้ในยามค่ำคืนมืดมิดก็ยังคงเห็นเค้ารางของความงามแห่งธรรมชาติ ความเขียวครึ้มของไม้ป่านานาพันธุ์ ความวกวนพันลึกของเหล่าเถาวัลย์ เป็นดั่งสายสร้อยระย้าตามหน้าผาเหล่านั้น
มิหนำน้ำทะเลเบื้องล่าง ก็นิ่งแสนนิ่ง ใสแสนใส
เห็นแม้แต่เหล่าฝูงปลาทะเลนานา กำลังแหวกว่าย..
แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่า
..แสงวิบวับเป็นประกาย ที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโขดหินผาอัคนีอันสูงชันเบื้องหลังบูงอ คือแสงแห่งเพชรแท้ ที่เกาะติดอยู่ตามเนื้อของผาหิน ที่ถูกกัดกร่อน..ด้วยแรงลมและคลื่นทะเลมากว่าพันปี เงาสะท้อนเป็นลำแสงเล็กๆของดวงจันทร์บางส่วน ฉายสะท้อนให้เห็นความแวววาวของเพชรดิบทั่วบริเวณนั้น เหมือนไม่ใช่ความจริง
หากแต่อัญมณีล้ำค่าไม่ได้อยู่ในความสนใจของบูงอ
เหตุการณ์เลวร้าย..ที่เกิดตรงหน้าผาแห่งนี้เมื่อหกปีก่อนต่างหากเล่า ที่ทำให้หล่อนกำลังหวนนึกถึงและพลอยทำให้หล่อนชิงชังอัญมณีล้ำค่าพวกนี้นัก หินมีประกายพวกนี้นะหรือ ที่นำมาซึ่งการแย่งชิงฆาตกรรม ล้างผลาญชีวิตทุกคนในครอบครัวของหล่อนไปจนหมดสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่พ่อ และพี่สาวอันเป็นอดีตคนรักของซายอ
..และเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น ยังพรากชีวิตพ่อของซายอไปด้วยอีกคน เหตุการณ์ที่ซายอเห็นว่าหล่อนเป็นต้นเหตุ เป็นคนนำพาความเลวร้ายมาสู่ชนเผ่าของพวกเขา อย่างไม่น่าให้อภัย.. ..
มันเป็นความชิงชังมาดร้ายที่ซายอมีต่อหล่อนมานับแต่นั้น
และชาตินี้ทั้งชาติ..ก็อย่าหวังเลยว่าจะให้อภัยกันได้ แม้จนวันตาย
......................................................................
เสียงกรีดร้องของป้าบูแล ดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งเกาะ
เมื่อตะวันสิ้นแสงสุดท้าย ในค่ำคืนนี้ เมื่อหกปีที่แล้วมา
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 19 (คลื่นแห่งความหลัง)
เป็นเวลากว่าหกปีแล้วที่บูงอไม่ได้ไปร่วมพิธีงานฉลองที่หน้าหาด เพราะคืนนี้เป็นคืนแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่สุดในชีวิตของหล่อน และเหตุการณ์สูญเสียนั้นก็ทำให้บูงอต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาจนถึงทุกวันนี้ หากจะเหลือญาติมิตรให้ไม่ว้าเหว่ใจบ้าง ไม่รู้สึกว่าเป็นมนุษย์โดดเดี่ยวคนเดียวบนโลก ก็คือบูแลผู้เป็นพี่สาวของพ่อและลางิลูกชายคนเดียวของบูแล
คืนนี้ทุกๆปีเมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงที่ท้ายเกาะฝั่งตะวันออก
บูงอจะมายืนอยู่ที่นี่ ตรงเหลี่ยมผาสูงชันซึ่งโอบล้อมตั้งวางเป็นดั่งฉากคั่นทางก้าวเดินออกไปหาตัวหาดทรายด้านนอก ผาสูงชันที่ทอดตัวยาวโอบล้อมพื้นที่เป็นวงกลมออกมาจากฝั่งซ้ายและขวา เหมือนเป็นสิ่งจงใจปั้นแต่งของธรรมชาติ ให้เหลือทางเปิดตรงกลางเพียงเล็กน้อย เพียงแค่คนๆเดียวเดินผ่านได้ และเป็นช่องที่ตรงกับการขึ้นของพระจันทร์ พอดิบพอดีในคืนวันเพ็ญเพียงปีละครั้ง
เมื่อพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมฟ้าฝั่งตะวันตก
แสงแรกแห่งจันทร์ก็จะปรากฏขึ้นจากขอบผืนทะเลทีละนิดทีละน้อย ตรงช่องว่างกลางขอบหน้าผาสูงชันพอดิบพอดี เป็นลำแสงสีทองน้อยๆ ที่เล็ดลอดทอดตัวเข้ามาภายในบริเวณพื้นที่ด้านหลังของหน้าผาสูงชัน อันเป็นแอ่งหุบเขา เป็นสุสาน..ฝังร่างวิญญาณบรรพบุรุษของหล่อนและซายอมาช้านาน..
มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติยิ่งใหญ่ตระการตา
บูงอยืนจ้องมองแสงสีทองอร่ามแห่งจันทร์ ที่ทอดตัวเป็นลำแสงเล็กๆเข้ามาตรงลานสุสานเวิ้งว้าง อันถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันรอบด้าน ซึ่งใครก็ตามหากจะเข้ามายังสุสานแห่งนี้ต้องรู้ทางพิเศษ ซึ่งก็มีเฉพาะมอแกนเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้ดี
ยิปซีสาวร่างสูงระหง ผิวสีแทนดั่งทรายละเอียด ใบหน้าคมเข้ม รูปตาคมกริบเหมือนเมล็ดฝักทอง และผมที่ดำดกยาวเป็นลอนสลวยในชุดพื้นเมืองของชนเผ่าที่มีอาภรณ์ปิดมิดชิด ตามการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ด้วยอิทธิพลของฝั่งเมืองบางเสี้ยว หล่อนยังคงยืนจ้องมองตรงที่ดวงจันทร์สีทองเต็มดวง ค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่ตรงกลางช่องว่างของแนวแผ่นภูผา เป็นเส้นตรงดิ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์
สักพัก..บูงอค่อยๆก้าวเท้าเดินตรงไปยังช่องว่างเล็กๆของขอบผาสูงชันตรงหน้า และเมื่อมาถึงตรงช่องว่างทางเดิน หล่อนก็ค่อยๆเบี่ยงพาตัวเอง เดินออกไปตามช่องทางดังกล่าว
อัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ยังไม่จบสิ้น..เพียงเมื่อร่างของหล่อนหลุดออกจากด้านหลังผาสูงชัน ก้าวเท้ามายืนอยู่ด้านนอกอันเป็นพื้นที่ของชาดหาดท้ายเกาะ มหัศจรรย์แห่งหุบเขาและท้องทะเล เหมือนจะยังต้องการแสดงความยิ่งใหญ่อันพิศวงของมันอย่างไม่สิ้นสุด
พื้นที่ตรงหน้าชายหาดถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันอีกครั้ง ตัวของหน้าผาทั้งฝั่งซ้ายและขวาทอดยาวยื่นออกไปไกลในทะเล และโค้งตัวเหมือนจะมาบรรจบกันเป็นวงกลมอีกหน
มันมีเพียงพื้นที่ช่องว่างตรงกลางเล็กๆตรงหน้า..เหมือนวงผาก่อนหน้า เป็นแนวขนานพอดีกับขอบผาสูงชันชั้นในของสุสาน ตรงที่ลำแสงสีทองของพระจันทร์ ทอดตัวเข้ามา ช่องว่างน้อยๆ.. ที่แม้เรือพายลำเล็กๆ ก็ไม่อาจผ่านเข้ามายังอาณาบริเวณทะเลปิดส่วนนี้ได้เลย
มันเป็นเพียงช่องทางของน้ำทะเลด้านใน เชื่อมต่อน้ำทะเลกว้างใหญ่ของโลกภายนอก..
ความงดงามของโขดหินผาเบื้องหน้า แม้ในยามค่ำคืนมืดมิดก็ยังคงเห็นเค้ารางของความงามแห่งธรรมชาติ ความเขียวครึ้มของไม้ป่านานาพันธุ์ ความวกวนพันลึกของเหล่าเถาวัลย์ เป็นดั่งสายสร้อยระย้าตามหน้าผาเหล่านั้น
มิหนำน้ำทะเลเบื้องล่าง ก็นิ่งแสนนิ่ง ใสแสนใส
เห็นแม้แต่เหล่าฝูงปลาทะเลนานา กำลังแหวกว่าย..
แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่า
..แสงวิบวับเป็นประกาย ที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโขดหินผาอัคนีอันสูงชันเบื้องหลังบูงอ คือแสงแห่งเพชรแท้ ที่เกาะติดอยู่ตามเนื้อของผาหิน ที่ถูกกัดกร่อน..ด้วยแรงลมและคลื่นทะเลมากว่าพันปี เงาสะท้อนเป็นลำแสงเล็กๆของดวงจันทร์บางส่วน ฉายสะท้อนให้เห็นความแวววาวของเพชรดิบทั่วบริเวณนั้น เหมือนไม่ใช่ความจริง
หากแต่อัญมณีล้ำค่าไม่ได้อยู่ในความสนใจของบูงอ
เหตุการณ์เลวร้าย..ที่เกิดตรงหน้าผาแห่งนี้เมื่อหกปีก่อนต่างหากเล่า ที่ทำให้หล่อนกำลังหวนนึกถึงและพลอยทำให้หล่อนชิงชังอัญมณีล้ำค่าพวกนี้นัก หินมีประกายพวกนี้นะหรือ ที่นำมาซึ่งการแย่งชิงฆาตกรรม ล้างผลาญชีวิตทุกคนในครอบครัวของหล่อนไปจนหมดสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่พ่อ และพี่สาวอันเป็นอดีตคนรักของซายอ
..และเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น ยังพรากชีวิตพ่อของซายอไปด้วยอีกคน เหตุการณ์ที่ซายอเห็นว่าหล่อนเป็นต้นเหตุ เป็นคนนำพาความเลวร้ายมาสู่ชนเผ่าของพวกเขา อย่างไม่น่าให้อภัย.. ..
มันเป็นความชิงชังมาดร้ายที่ซายอมีต่อหล่อนมานับแต่นั้น
และชาตินี้ทั้งชาติ..ก็อย่าหวังเลยว่าจะให้อภัยกันได้ แม้จนวันตาย
......................................................................
เสียงกรีดร้องของป้าบูแล ดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งเกาะ
เมื่อตะวันสิ้นแสงสุดท้าย ในค่ำคืนนี้ เมื่อหกปีที่แล้วมา
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008