ขุนเขาเขียวทะมึนตระหง่าน.. ตั้งวางเด่นดั่งภาพวาดอยู่กลางเกาะใหญ่
แผ่นน้ำทะเลสีฟ้าครามใส โอบล้อมเกาะแสงจันทร์นั้นไว้ เหมือนภาพปั้นแต่ง มากกว่าความจริง.. ..
เรือก่าบางลำเล็กแล่นผ่านแผ่นน้ำมุ่งตรงสู่เกาะตรงหน้า และเมื่อจวนใกล้ถึงริมฝั่งชายหาด เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เบาลง จนดับสนิท เมื่อเรือแน่นิ่งจอดเทียบริมหาด ซายอและละมอช่วยกันเก็บข้าวของลงจากเรือ ที่ริมหาดทรายขาวไม่ไกลตา หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนรอท่าการกลับมาของคนทั้งสอง เมื่อซายอและละมอเดินก้าวเท้าลุยน้ำทะเลมาจนถึงริมหาดทราย หญิงสาววัยดรุณที่ยืนรอท่านั้นก็วิ่งตรงมาหาทันที
“ทำไมกลับมากันช้านัก ไม่ห่วงแม่หรือไง”
หญิงสาวเจ้าเปิดด้วยคำตำหนิไม่พอใจ วัยวันของหล่อน..ดูห่างจากละมอไม่มากนัก
“ก็เมื่อคืนพายุลง -ึงไม่เห็นหรืออีนีลอ”
ละมอเถียงคำคืน ไม่พอใจคำตำหนิของน้องสาวตรงหน้า
“กูว่า พายุไม่เห็นจะแรง”
นีลอน้องสาว เหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการโต้เถียง
“ทะเลมันกว้างใหญ่ จากที่กูอยู่ตรงพายุลงกว่าจะกลับมาถึงเกาะก็กินเวลาหลายเวลา แผ่นฟ้าก็ออกจะไพศาล -ึงคิดว่าฝนมันจะตกลงเต็มแผ่นฟ้าทุกที่หรือไง” ละมอให้เหตุผล มองหญิงสาววัยรองจากหล่อนอย่างขุ่นใจ
ซายอมองน้องสาวสองคนถกเถียงไม่ยอมความกัน อย่างนึกรำคาญ “พอเถอะพวก-ึง รีบเข้าบ้านไปดูแม่ก่อนดีกว่า กูชักห่วงนัก”
“ฉันดูแลแม่อย่างดี พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
นีลอกล่าวคำใส่พี่ชายอย่างนึกเคือง คือความเคืองในหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
“เอาเถอะ ดูแลดีก็ดีแล้ว” ว่าคำเสร็จ ซายอก็รีบก้าวเดินนำหน้าหญิงสาวทั้งสอง ตรงเข้าไปตามทางร่มครึ้มของดงมะพร้าวน้อยใหญ่ ที่อยู่จากริมหาดไม่ไกลนัก
ดงมะพร้าว อาณาบริเวณช่างดูไพศาลรอบเกาะ แต่เมื่อก้าวเท้าผ่านดงมะพร้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ จะพบพื้นดินโล่งกว้างเป็นที่ตั้งของกระท่อมยกพื้นสูงมุงหลังคาด้วยใบจาก เรียงรายไปทั่วในรูปทรงคล้ายๆกันมากมายหลายสิบหลังคาเรือน กระจายห่างกันบ้าง ชิดกันบ้าง ทั่วอาณาบริเวณ เหมือนชุมชนเล็กๆที่มีชีวิตอยู่กับทะเล และขุนเขาซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่ด้านหลัง
บ้านของซายอเป็นกระท่อมหลังแรกสุด หากเดินตรงมาจากชายหาดผ่านดงมะพร้าว กระท่อมยกพื้นอันเป็นบ้านหลังแรกสุดที่ดูใหญ่โตกว่าหลังใดๆ และนอกจากคำว่าบ้าน มันยังเป็นสถานที่ชุมนุมรวมตัวกันของคนในหมู่บ้านยามมีเรื่องสำคัญทุกเรื่องราว เสมอเหมือนเป็นที่รวมใจ เป็นผู้นำอันน่าไว้ใจในศรัทธาแห่งเผ่าพันธุ์ ศรัทธาที่กำเนิดนั้น มาจากผู้เป็นพ่อของซายอ
ซายอก้าวเท้าขึ้นไปบนกระท่อม น้องสาวสองคนก้าวเดินขึ้นมาตามหลัง กิริยาทีท่าของเด็กสาวสองคนวัยใกล้เคียง ดูไม่ถูกคอกันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ..เมื่อก้าวเข้ามาภายในตัวกระท่อม ภาพที่ซายอเห็นตรงหน้าคือหญิงผิวคล้ำวัยชรายังคงนอนซม อยู่บนพื้นปูด้วยผ้านวมบางๆ ที่ริมหน้าต่างด้านในสุดของตัวเรือนข้างๆคนป่วย มีชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งเฝ้าดูอาการอย่างห่วงใย
“อาการแม่กูดีขึ้นบ้างหรือยัง พ่อผี”
ซายอถามคำด้วยความห่วงใยทันที เมื่อพ่อเฒ่าปอซอเขยิบที่ทาง ให้ซายอก้าวลงมานั่งข้างๆหญิงชราที่ยังคงนอนซมพิษไข้
“ไม่ดีขึ้นเลย มีแต่จะหนักขึ้นนะซายอ”
พ่อเฒ่าปอซอ หมอผีประจำหมู่บ้าน บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ผีพ่อผีแม่ตัวใดนะ มันถึงมีความอาฆาตกันปานนี้ หรือหมู่บ้านเรามันจะมีอาเพศสองเดือนมานี่คนของพวกเรามันหายไปกับน้ำทะเลหลายคนแล้วนะ”
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / ตรีวิทย์ นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 6 (ทะเลปริศนา) /ตรีวิทย์ นฤดม
ขุนเขาเขียวทะมึนตระหง่าน.. ตั้งวางเด่นดั่งภาพวาดอยู่กลางเกาะใหญ่
แผ่นน้ำทะเลสีฟ้าครามใส โอบล้อมเกาะแสงจันทร์นั้นไว้ เหมือนภาพปั้นแต่ง มากกว่าความจริง.. ..
เรือก่าบางลำเล็กแล่นผ่านแผ่นน้ำมุ่งตรงสู่เกาะตรงหน้า และเมื่อจวนใกล้ถึงริมฝั่งชายหาด เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เบาลง จนดับสนิท เมื่อเรือแน่นิ่งจอดเทียบริมหาด ซายอและละมอช่วยกันเก็บข้าวของลงจากเรือ ที่ริมหาดทรายขาวไม่ไกลตา หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนรอท่าการกลับมาของคนทั้งสอง เมื่อซายอและละมอเดินก้าวเท้าลุยน้ำทะเลมาจนถึงริมหาดทราย หญิงสาววัยดรุณที่ยืนรอท่านั้นก็วิ่งตรงมาหาทันที
“ทำไมกลับมากันช้านัก ไม่ห่วงแม่หรือไง”
หญิงสาวเจ้าเปิดด้วยคำตำหนิไม่พอใจ วัยวันของหล่อน..ดูห่างจากละมอไม่มากนัก
“ก็เมื่อคืนพายุลง -ึงไม่เห็นหรืออีนีลอ”
ละมอเถียงคำคืน ไม่พอใจคำตำหนิของน้องสาวตรงหน้า
“กูว่า พายุไม่เห็นจะแรง”
นีลอน้องสาว เหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการโต้เถียง
“ทะเลมันกว้างใหญ่ จากที่กูอยู่ตรงพายุลงกว่าจะกลับมาถึงเกาะก็กินเวลาหลายเวลา แผ่นฟ้าก็ออกจะไพศาล -ึงคิดว่าฝนมันจะตกลงเต็มแผ่นฟ้าทุกที่หรือไง” ละมอให้เหตุผล มองหญิงสาววัยรองจากหล่อนอย่างขุ่นใจ
ซายอมองน้องสาวสองคนถกเถียงไม่ยอมความกัน อย่างนึกรำคาญ “พอเถอะพวก-ึง รีบเข้าบ้านไปดูแม่ก่อนดีกว่า กูชักห่วงนัก”
“ฉันดูแลแม่อย่างดี พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
นีลอกล่าวคำใส่พี่ชายอย่างนึกเคือง คือความเคืองในหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
“เอาเถอะ ดูแลดีก็ดีแล้ว” ว่าคำเสร็จ ซายอก็รีบก้าวเดินนำหน้าหญิงสาวทั้งสอง ตรงเข้าไปตามทางร่มครึ้มของดงมะพร้าวน้อยใหญ่ ที่อยู่จากริมหาดไม่ไกลนัก
ดงมะพร้าว อาณาบริเวณช่างดูไพศาลรอบเกาะ แต่เมื่อก้าวเท้าผ่านดงมะพร้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ จะพบพื้นดินโล่งกว้างเป็นที่ตั้งของกระท่อมยกพื้นสูงมุงหลังคาด้วยใบจาก เรียงรายไปทั่วในรูปทรงคล้ายๆกันมากมายหลายสิบหลังคาเรือน กระจายห่างกันบ้าง ชิดกันบ้าง ทั่วอาณาบริเวณ เหมือนชุมชนเล็กๆที่มีชีวิตอยู่กับทะเล และขุนเขาซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่ด้านหลัง
บ้านของซายอเป็นกระท่อมหลังแรกสุด หากเดินตรงมาจากชายหาดผ่านดงมะพร้าว กระท่อมยกพื้นอันเป็นบ้านหลังแรกสุดที่ดูใหญ่โตกว่าหลังใดๆ และนอกจากคำว่าบ้าน มันยังเป็นสถานที่ชุมนุมรวมตัวกันของคนในหมู่บ้านยามมีเรื่องสำคัญทุกเรื่องราว เสมอเหมือนเป็นที่รวมใจ เป็นผู้นำอันน่าไว้ใจในศรัทธาแห่งเผ่าพันธุ์ ศรัทธาที่กำเนิดนั้น มาจากผู้เป็นพ่อของซายอ
ซายอก้าวเท้าขึ้นไปบนกระท่อม น้องสาวสองคนก้าวเดินขึ้นมาตามหลัง กิริยาทีท่าของเด็กสาวสองคนวัยใกล้เคียง ดูไม่ถูกคอกันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ..เมื่อก้าวเข้ามาภายในตัวกระท่อม ภาพที่ซายอเห็นตรงหน้าคือหญิงผิวคล้ำวัยชรายังคงนอนซม อยู่บนพื้นปูด้วยผ้านวมบางๆ ที่ริมหน้าต่างด้านในสุดของตัวเรือนข้างๆคนป่วย มีชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งเฝ้าดูอาการอย่างห่วงใย
“อาการแม่กูดีขึ้นบ้างหรือยัง พ่อผี”
ซายอถามคำด้วยความห่วงใยทันที เมื่อพ่อเฒ่าปอซอเขยิบที่ทาง ให้ซายอก้าวลงมานั่งข้างๆหญิงชราที่ยังคงนอนซมพิษไข้
“ไม่ดีขึ้นเลย มีแต่จะหนักขึ้นนะซายอ”
พ่อเฒ่าปอซอ หมอผีประจำหมู่บ้าน บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ผีพ่อผีแม่ตัวใดนะ มันถึงมีความอาฆาตกันปานนี้ หรือหมู่บ้านเรามันจะมีอาเพศสองเดือนมานี่คนของพวกเรามันหายไปกับน้ำทะเลหลายคนแล้วนะ”
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / ตรีวิทย์ นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008