ท่ามกลางแรงลมพายุ
เสียงเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำลงบนหลังคาสังกะสี ช่วยกลบเสียงพูดคุยเบาเร้นของซายอและละมอได้ดี ทั้งสองพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเกาะแห่งนี้ที่พวกเขาเคยมาพักค้างอ้างแรมบ่อยหน เคยแม้กระทั่งมาสร้างที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราวยามทะเลหน้ามรสุม กำลังจะมีคนฝั่งเมืองทางโน้นมาครอบครองเหมือนพื้นที่ร้างว่างเปล่าบนฝั่งเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่คนมากอายุในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาบอกเล่าต่อกันมาว่าเคยไปพักค้างอ้างแรม เคยไปสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวได้ในฤดูมรสุม
แต่เมื่อหลายปีก่อนนั้น เมื่อคนฝั่งเมืองมาครอบครองพื้นที่ในลักษณะต่างๆ เพื่อทำเป็นโรงแรม รีสอร์ทจนเต็มทุกริมหาด นับแต่นั้นมาชนเผ่าของเขา ก็ต้องร่นถอยมาใช้ชีวิตเร่ร่อนไปมา ได้เพียงในน่านน้ำทะเลและหมู่เกาะน้อยใหญ่เหล่านี้เท่านั้น.. ..
แต่แล้วเวลานี้ เกาะน้อยๆแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นเหมือนริมฝั่งนั่นหรอกหรือไร การครอบครองยึดพื้นที่ของคนฝั่งเมืองรุกคืบผ่านน่านน้ำทะเลมาแล้วหรือ รุกคืบมาจนถึงเกาะเล็กๆแห่งนี้ แล้วจะลามลุกไปถึงเกาะไหนๆอีกกี่มากน้อย
การพูดคุยจบสิ้นลง แล้วทั้งสองคนทะเลก็พากันหลับใหลไปด้วยความล้า ท่ามกลางลมและพายุฝนที่มีทีท่าว่าจะไม่หยุดลงโดยง่ายเลยในค่ำคืนนี้..
แสงแห่งอรุณทำให้ซายอรู้สึกตัวตื่น เมื่อยามฟ้าสว่างมาได้ชั่วครู่ใหญ่.. เหมือนพายุฝนจะจางหายไปแล้วจนสิ้นเมื่อตอนฟ้าจวนสว่าง เพราะ ณ เวลานี้มีเพียงหยดน้ำเล็กๆ บางๆ เบาๆ ไหลลู่จากหลังคาสังกะสีปีกเดียว ตกกระทบพื้นหญ้าข้างล่างเป็นระยะ
ซายอกวาดสายตาไปทั่วเพิงพัก นึกงุนงงอยู่เล็กน้อย เมื่อไม่พบชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืน ..ชายหนุ่มลุกออกจากเพิงพัก กวาดสายตาไปไกลจนถึงบริเวณหน้าหาดที่เขาจอดเรือก่าบางไว้ ภาพที่เห็นตรงหน้ามีเรือยนต์ใหญ่อีกลำมาจอดเทียบข้างใกล้เรือของเขา ชายฉกรรจ์สามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืนที่เพิงแห่งนี้ ยืนพูดคุยกับใครบางคนอยู่ที่นั่น
ใครบางคนที่มองจากระยะไกลๆตรงนี้ คือชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง ไม่คุ้นตา
ซายอรีบกลับเข้ามาที่เพิงพัก ปลุกน้องให้ตื่นเพราะต้องรีบออกเรือไปยังเกาะใหญ่ เมื่อนึกถึงอาการป่วยไข้ของคนเป็นแม่ที่รอยาอยู่ ทำให้ละมอแทบไม่ได้ไถ่ถามความใดๆ นอกจากรีบเดินตามผู้เป็นพี่ออกไปยังเรือก่าบางตรงหน้าหาด ซายอรีบก้าวเท้าเดินไปยังบริเวณหน้าหาด ที่กลุ่มชายฉกรรจ์และหนุ่มสาวยืนพูดคุยกัน ในขณะที่ทั้งกลุ่มนั้นเริ่มทยอยหันมามองคนทะเลทั้งสอง ซึ่งกำลงมุ่งเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขา
และเมื่อซายอก้าวเดินมาอยู่ประจันหน้าคนทั้งหมด เขาก็เริ่มต้นคำถามไม่รีรอ “พวก -ึง สองคนใช่ไหมที่จะมาสร้างที่ทางบนเกาะนี้”
ละมอ ก้าวเท้าเดินมาประชิดอยู่หลังพี่ชาย จ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ
ชายหนุ่มรุ่นราวสามสิบต้นๆ ก้าวเท้ามายืนประจันคนทะเล “ใช่สิครับ ผมจะมาทำรีสอร์ทบนเกาะนี้”
อ่านต่อในครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 4 (ปฐมบท ทะเลแห่งชีวิต) / ตรีวิทย์ นฤดม
ท่ามกลางแรงลมพายุ
เสียงเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำลงบนหลังคาสังกะสี ช่วยกลบเสียงพูดคุยเบาเร้นของซายอและละมอได้ดี ทั้งสองพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเกาะแห่งนี้ที่พวกเขาเคยมาพักค้างอ้างแรมบ่อยหน เคยแม้กระทั่งมาสร้างที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราวยามทะเลหน้ามรสุม กำลังจะมีคนฝั่งเมืองทางโน้นมาครอบครองเหมือนพื้นที่ร้างว่างเปล่าบนฝั่งเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่คนมากอายุในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาบอกเล่าต่อกันมาว่าเคยไปพักค้างอ้างแรม เคยไปสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวได้ในฤดูมรสุม
แต่เมื่อหลายปีก่อนนั้น เมื่อคนฝั่งเมืองมาครอบครองพื้นที่ในลักษณะต่างๆ เพื่อทำเป็นโรงแรม รีสอร์ทจนเต็มทุกริมหาด นับแต่นั้นมาชนเผ่าของเขา ก็ต้องร่นถอยมาใช้ชีวิตเร่ร่อนไปมา ได้เพียงในน่านน้ำทะเลและหมู่เกาะน้อยใหญ่เหล่านี้เท่านั้น.. ..
แต่แล้วเวลานี้ เกาะน้อยๆแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นเหมือนริมฝั่งนั่นหรอกหรือไร การครอบครองยึดพื้นที่ของคนฝั่งเมืองรุกคืบผ่านน่านน้ำทะเลมาแล้วหรือ รุกคืบมาจนถึงเกาะเล็กๆแห่งนี้ แล้วจะลามลุกไปถึงเกาะไหนๆอีกกี่มากน้อย
การพูดคุยจบสิ้นลง แล้วทั้งสองคนทะเลก็พากันหลับใหลไปด้วยความล้า ท่ามกลางลมและพายุฝนที่มีทีท่าว่าจะไม่หยุดลงโดยง่ายเลยในค่ำคืนนี้..
แสงแห่งอรุณทำให้ซายอรู้สึกตัวตื่น เมื่อยามฟ้าสว่างมาได้ชั่วครู่ใหญ่.. เหมือนพายุฝนจะจางหายไปแล้วจนสิ้นเมื่อตอนฟ้าจวนสว่าง เพราะ ณ เวลานี้มีเพียงหยดน้ำเล็กๆ บางๆ เบาๆ ไหลลู่จากหลังคาสังกะสีปีกเดียว ตกกระทบพื้นหญ้าข้างล่างเป็นระยะ
ซายอกวาดสายตาไปทั่วเพิงพัก นึกงุนงงอยู่เล็กน้อย เมื่อไม่พบชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืน ..ชายหนุ่มลุกออกจากเพิงพัก กวาดสายตาไปไกลจนถึงบริเวณหน้าหาดที่เขาจอดเรือก่าบางไว้ ภาพที่เห็นตรงหน้ามีเรือยนต์ใหญ่อีกลำมาจอดเทียบข้างใกล้เรือของเขา ชายฉกรรจ์สามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืนที่เพิงแห่งนี้ ยืนพูดคุยกับใครบางคนอยู่ที่นั่น
ใครบางคนที่มองจากระยะไกลๆตรงนี้ คือชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง ไม่คุ้นตา
ซายอรีบกลับเข้ามาที่เพิงพัก ปลุกน้องให้ตื่นเพราะต้องรีบออกเรือไปยังเกาะใหญ่ เมื่อนึกถึงอาการป่วยไข้ของคนเป็นแม่ที่รอยาอยู่ ทำให้ละมอแทบไม่ได้ไถ่ถามความใดๆ นอกจากรีบเดินตามผู้เป็นพี่ออกไปยังเรือก่าบางตรงหน้าหาด ซายอรีบก้าวเท้าเดินไปยังบริเวณหน้าหาด ที่กลุ่มชายฉกรรจ์และหนุ่มสาวยืนพูดคุยกัน ในขณะที่ทั้งกลุ่มนั้นเริ่มทยอยหันมามองคนทะเลทั้งสอง ซึ่งกำลงมุ่งเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขา
และเมื่อซายอก้าวเดินมาอยู่ประจันหน้าคนทั้งหมด เขาก็เริ่มต้นคำถามไม่รีรอ “พวก -ึง สองคนใช่ไหมที่จะมาสร้างที่ทางบนเกาะนี้”
ละมอ ก้าวเท้าเดินมาประชิดอยู่หลังพี่ชาย จ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ
ชายหนุ่มรุ่นราวสามสิบต้นๆ ก้าวเท้ามายืนประจันคนทะเล “ใช่สิครับ ผมจะมาทำรีสอร์ทบนเกาะนี้”
อ่านต่อในครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008