...
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...
อื้อหือ สนิมเขรอะ สงสัยต้องทำความสะอาดวิกฉลองตรุษจีนสักหน่อย
วาเลนไทน์ด้วยหรือจารย์ ฤกษ์ดีสองเด้งเลยเนาะ
งั้นเปิดวิกหาเงินไปเที่ยวตรุษจีนกับวาเลนไทน์กันดีกว่า ...
ตอนนี้น่าจะมีเลิฟซีนด้วยหรือจารย์ .. ต้อนรับวาเลนไทน์ ..
น่าสนใจ ... เดี๋ยวเขียนบทให้ .. ฮิ ๆ
.................
.................
กราบสวัสดีเข้ากลางอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาที่เคารพรักทุกท่าน
ในช่วงใกล้วันขึ้นปีใหม่จีนควบวันแห่งความรักในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดี
ที่วิกสังกะสีของเราจะได้มีโอกาสนำเสนอละครสู่สายตาของท่านกันอีกครั้ง
อย่าได้รอช้า โปรดจูงมือบุตร ฉุดมือหลาน ประสานมือแฟน
ควงแขนกันเข้ามา .. ชมละครฟอร์มยักษ์ ประพันธ์โดยนักเขียน
นามอุโฆษ รับรองว่าสนุก ครบทุกรสชาติ แถมนำแสดงโดย
พระเอกหนุ่มรูปหล่อเหมือนตอไฟรนแห่งถนนนักเขียน
สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา .. ควักเงินในกระเป๋า
ซื้อตั๋วชมละคร ... ไพรมหากาฬ กาฬ กาฬ กาฬ
เอ้า !! .. เปิดม่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ..
................
ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/37359617
.................
อาทิตย์ยามเย็นใกล้ลับหายไปหลังขุนเขา รัตติกาลกำลังจะโอบรัด
อ้อมกอดเข้ามาในอีกไม่นานนัก สกุณาต่างร่อนกลับสู่รวงรัง
กระรางขาวฝูงใหญ่ส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่บนยอดไทรใหญ่ ได้ยินเก้ง
ร้องเก๊กแว่วมาแต่ไกล เป็นดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงได้อย่าง
ไพเราะไปตามครรลอง
หนุ่มใหญ่อัดบุหรี่หนัก ๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหย่อนก้นบุหรี่
ลงในกระบอกไว้ไผ่ที่แขวนกิ่งไม้ไว้ข้างตัว เอนกายทาบไปกับลำต้นของ
มะค่าใหญ่ที่ขึ้นมาขัดห้างนั่งอยู่ แหงนศีรษะพิงกับคบไม้เหม่อมอง
ไปยังขอบฟ้าอันแสนไกลด้วยดวงตาอันหรี่ซึม
เพื่อนฝูงจะรู้ไหมหนอว่าการที่เขาหายตัวไปจากถนนทิ้งเรื่องราวของ
น้องเจนจิราให้ผู้อ่านเฝ้ารอคอยอยู่นั้น เป็นเพราะเขาต้องระเห็จมาอยู่
เสียยังกลางดงพงไพรแห่งนี้
อาทิตย์กลมโตเปล่งประกายแดงเรื่อทาบกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน
บรรยากาศช่างงดงามเสียจนน่าหลงใหล ความเงียบสงัดของ
ธรรมชาติพาห้วงคำนึงของเขาล่องลอยต่อไปยังที่ไกลแสนไกล
จนจมดิ่งอยู่ในภวังค์ลึก
………………………
………………………
“พี่เปลว พี่เปลว“
เสียงเรียกพร้อมกับการจับปลายเท้าเขย่า กระชากให้หนุ่มใหญ่
หลุดจากห้วงภวังค์
เปลวขมวดคิ้ว จุ๊ปากออกมาอย่างหงุดหงิด
“มีอะไรวะไอ้สน อยู่ ๆ ก็มาเรียก น่ารำคาญจริง”
“เห็นพี่เหมือนจะเคลิ้มๆ ไปน่ะสิถึงเรียก พี่จะหลับแล้วเร๊อะ
ยังไม่มืดเลยนา เพิ่งจะโพล้เพล้แท้ ๆ “ หนุ่มสนพูดเสียงอ่อย
“แล้วมายุ่งอะไรกับข้าล่ะ เอ็งอยู่ผลัดแรกก็ถ่างตาไปสิ
ส่วนข้าจะหลับหรือไม่หลับจะไปเกี่ยวอะไรกัน”
“ก็มันเหงานี่นา ยามอาทิตย์เพิ่งลับหลังเขาอย่างนี้มันเงียบเหงาดีแท้
ผมเฝ้าอยู่พลัดแรกก็จริงแต่พี่ก็คุยกันบ้างสิ อีกตั้งนานกว่าจะมืด
จนมีพวกเก้งกวางออกมากินน้ำให้ส่อง นั่งบนห้างกันแค่สองคน
ถ้าไม่คุยกับพี่แล้วผมจะไปคุยกะใครที่ไหน”
“นั่นมันเรื่องของเอ็ง อย่ามากวนมาก ข้าจะนอน .. ให้ถึงเวลา
เปลี่ยนเวรแล้วค่อยมาปลุก หากยังไม่ถึงเวลาแล้วดันมาสะกิด
สะเการับรองเป็นถูกถีบตกห้าง”
หนุ่มใหญ่ว่าพลางขยับคู้ตัวตะแคงข้างให้
…………..
…………
“พี่ ๆ !! พี่เปลว... “
ชายหนุ่มควานมือหากล้องถ่ายรูปซึ่งวางอยู่ข้างกายเมื่อได้ยินเสียงเรียก
พลางงึมงำตอบออกไป
“ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วหรือไอ้สน รึว่ามีอะไรเข้ามาให้ดู”
หนุ่มสนหัวเราะก้าก
“ ... นี่มันตะวันส่องตูดแล้วพี่ ปู้โธ่ … เมื่อคืนเล่นนอนกรนเสียจนป่าแตก
แมวที่ไหนมันจะเข้ามาหา ไอ้ผมเลยขอนอนมั่ง นี่ก็เพิ่งตื่นมาเหมือนกัน”
“พูดเป็นเล่น ข้าน่ะหรือนอนกรน” เปลวพูดเสียงต่ำ ๆ
“ห๊ะ !! ยังไม่รับอีก คราวที่แล้วก็หลับคาห้องคาราโอเกะ กรนคร่อก ๆ
ดังเสียจนสาวนั่งดริ้งค์หนีกันกระเจิง จำไม่ได้เร๊อะ”
หนุ่มใหญ่ยิ้มเขิน “ไม่จริงน่า อย่าอำกันสิ”
“ให้ยายลิงน้อยกระทืบตายสิ ถ้าไอ้สนโกหก พี่กรนจริง ๆ “
หนุ่มสนทำหน้าขึงขัง
เปลวหัวเราะแหะอ้าปากหาวจนเห็นลิ้นไก่ เอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ
แล้วก็โบกมือ
“เออ ๆ ๆ ๆ กรนก็กรน ทำไมล่ะ คนนอนกรนแปลกตรงไหนรึ
ว่าแต่นอนกันเสียจนสาย ชักจะหิวแล้ว หาอะไรมารองท้องก่อนดีไหม..”
“ผมก็ว่างั้น แต่เมื่อวานเย็นก่อนขึ้นบนห้าง ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ แล้ว
ไม่เห็นมีผลหมากรากไม้อะไรให้กินได้สักอย่าง ”
เปลวจับคางนิ่งคิดอย่างไตร่ตรอง หันสำรวจไปรอบกาย
แต่แล้วก็ตบไหล่ชายหนุ่มรุ่นน้องดังป้าบ หัวเราะชอบใจเสียงดัง
“เจอแล้วไอ้สน เอาไอ้นี่แหละ มะ ! ขอยืมหนังสะติ๊กของเอ็งหน่อย ”
“พี่จะเอาไปยิงอะไร ...”
หนุ่มรุ่นน้องกล่าวอย่างงุนงง แต่ก็ดึงหนังสะติ๊กที่เหน็บเอวไว้ส่งให้โดยดี
“เอ็งเห็นกะปอมหนุ่มสาวสองตัวที่กำลังล้างหน้าไก่ ฉลองวาเลนไทน์
กันอยู่ตรงนั้นไหม ”
เปลวเอียงกายมาชี้ให้ดูยังต้นมะม่วงป่าเบื้องหน้า
เด็กหนุ่มหัวเราะก้ากเมื่อมองไปตามที่ลูกพี่ชี้
“เห็นแล้ว โอ้โฮ ไอ้พวกนี้คึกแต่เช้าเลยแฮะ ว่าแต่เรายิงมันมากิน
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไม่บาปแย่หรือ ดีไม่ดีกรรมย้อนมา
พี่เป็นได้ตายคาอกเชียวนา”
หนุ่มใหญ่โบกมือ
“นั่นเอาไว้ว่ากันอีกทีไอ้สน แต่ตอนนี้ต้องเอาพวกมันมารองท้องก่อน
จัดการแล้วก็โยนใส่กองไฟ สุกแล้วก็สับหัวโป้ก ลอกเอาหนังออก
เหลือแต่เนื้อขาว ๆ ผ่าท้องเอาไส้ออกแล้วทาเกลือลงไป ย่างต่ออีกสักแป๊บ
ก็ใช้ได้แล้ว รับรองอร่อย เอ็งคอยดู..”
ว่าพลางชายหนุ่มก็บรรจงเล็งหนังสติ๊กไปยังกิ้งก่าหนุ่มสาวที่กำลัง
คร่อมกันอยู่ ...
“เฟี๊ยววววววววว .. “ “โป๊ก !! .. “
“ตุ๊บ !! .. “
แล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปอย่างน่าสมเพช (ทั้งคนและกิ้งก่า) ทุลักทุเล
และเอร็ดอร่อย ….
………….
………….
(ใส่ฉากอีโรติคให้แล้วนะจารย์ .. ฮิ ๆ ...)
@@@ ไพรมหากาฬ ตอนตามรอย (เสี่ย) เสือดำ ตอน 2 @@@
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...
อื้อหือ สนิมเขรอะ สงสัยต้องทำความสะอาดวิกฉลองตรุษจีนสักหน่อย
วาเลนไทน์ด้วยหรือจารย์ ฤกษ์ดีสองเด้งเลยเนาะ
งั้นเปิดวิกหาเงินไปเที่ยวตรุษจีนกับวาเลนไทน์กันดีกว่า ...
ตอนนี้น่าจะมีเลิฟซีนด้วยหรือจารย์ .. ต้อนรับวาเลนไทน์ ..
น่าสนใจ ... เดี๋ยวเขียนบทให้ .. ฮิ ๆ
.................
.................
กราบสวัสดีเข้ากลางอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาที่เคารพรักทุกท่าน
ในช่วงใกล้วันขึ้นปีใหม่จีนควบวันแห่งความรักในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดี
ที่วิกสังกะสีของเราจะได้มีโอกาสนำเสนอละครสู่สายตาของท่านกันอีกครั้ง
อย่าได้รอช้า โปรดจูงมือบุตร ฉุดมือหลาน ประสานมือแฟน
ควงแขนกันเข้ามา .. ชมละครฟอร์มยักษ์ ประพันธ์โดยนักเขียน
นามอุโฆษ รับรองว่าสนุก ครบทุกรสชาติ แถมนำแสดงโดย
พระเอกหนุ่มรูปหล่อเหมือนตอไฟรนแห่งถนนนักเขียน
สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา .. ควักเงินในกระเป๋า
ซื้อตั๋วชมละคร ... ไพรมหากาฬ กาฬ กาฬ กาฬ
เอ้า !! .. เปิดม่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ..
................
ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/37359617
.................
อาทิตย์ยามเย็นใกล้ลับหายไปหลังขุนเขา รัตติกาลกำลังจะโอบรัด
อ้อมกอดเข้ามาในอีกไม่นานนัก สกุณาต่างร่อนกลับสู่รวงรัง
กระรางขาวฝูงใหญ่ส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่บนยอดไทรใหญ่ ได้ยินเก้ง
ร้องเก๊กแว่วมาแต่ไกล เป็นดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงได้อย่าง
ไพเราะไปตามครรลอง
หนุ่มใหญ่อัดบุหรี่หนัก ๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหย่อนก้นบุหรี่
ลงในกระบอกไว้ไผ่ที่แขวนกิ่งไม้ไว้ข้างตัว เอนกายทาบไปกับลำต้นของ
มะค่าใหญ่ที่ขึ้นมาขัดห้างนั่งอยู่ แหงนศีรษะพิงกับคบไม้เหม่อมอง
ไปยังขอบฟ้าอันแสนไกลด้วยดวงตาอันหรี่ซึม
เพื่อนฝูงจะรู้ไหมหนอว่าการที่เขาหายตัวไปจากถนนทิ้งเรื่องราวของ
น้องเจนจิราให้ผู้อ่านเฝ้ารอคอยอยู่นั้น เป็นเพราะเขาต้องระเห็จมาอยู่
เสียยังกลางดงพงไพรแห่งนี้
อาทิตย์กลมโตเปล่งประกายแดงเรื่อทาบกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน
บรรยากาศช่างงดงามเสียจนน่าหลงใหล ความเงียบสงัดของ
ธรรมชาติพาห้วงคำนึงของเขาล่องลอยต่อไปยังที่ไกลแสนไกล
จนจมดิ่งอยู่ในภวังค์ลึก
………………………
………………………
“พี่เปลว พี่เปลว“
เสียงเรียกพร้อมกับการจับปลายเท้าเขย่า กระชากให้หนุ่มใหญ่
หลุดจากห้วงภวังค์
เปลวขมวดคิ้ว จุ๊ปากออกมาอย่างหงุดหงิด
“มีอะไรวะไอ้สน อยู่ ๆ ก็มาเรียก น่ารำคาญจริง”
“เห็นพี่เหมือนจะเคลิ้มๆ ไปน่ะสิถึงเรียก พี่จะหลับแล้วเร๊อะ
ยังไม่มืดเลยนา เพิ่งจะโพล้เพล้แท้ ๆ “ หนุ่มสนพูดเสียงอ่อย
“แล้วมายุ่งอะไรกับข้าล่ะ เอ็งอยู่ผลัดแรกก็ถ่างตาไปสิ
ส่วนข้าจะหลับหรือไม่หลับจะไปเกี่ยวอะไรกัน”
“ก็มันเหงานี่นา ยามอาทิตย์เพิ่งลับหลังเขาอย่างนี้มันเงียบเหงาดีแท้
ผมเฝ้าอยู่พลัดแรกก็จริงแต่พี่ก็คุยกันบ้างสิ อีกตั้งนานกว่าจะมืด
จนมีพวกเก้งกวางออกมากินน้ำให้ส่อง นั่งบนห้างกันแค่สองคน
ถ้าไม่คุยกับพี่แล้วผมจะไปคุยกะใครที่ไหน”
“นั่นมันเรื่องของเอ็ง อย่ามากวนมาก ข้าจะนอน .. ให้ถึงเวลา
เปลี่ยนเวรแล้วค่อยมาปลุก หากยังไม่ถึงเวลาแล้วดันมาสะกิด
สะเการับรองเป็นถูกถีบตกห้าง”
หนุ่มใหญ่ว่าพลางขยับคู้ตัวตะแคงข้างให้
…………..
…………
“พี่ ๆ !! พี่เปลว... “
ชายหนุ่มควานมือหากล้องถ่ายรูปซึ่งวางอยู่ข้างกายเมื่อได้ยินเสียงเรียก
พลางงึมงำตอบออกไป
“ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วหรือไอ้สน รึว่ามีอะไรเข้ามาให้ดู”
หนุ่มสนหัวเราะก้าก
“ ... นี่มันตะวันส่องตูดแล้วพี่ ปู้โธ่ … เมื่อคืนเล่นนอนกรนเสียจนป่าแตก
แมวที่ไหนมันจะเข้ามาหา ไอ้ผมเลยขอนอนมั่ง นี่ก็เพิ่งตื่นมาเหมือนกัน”
“พูดเป็นเล่น ข้าน่ะหรือนอนกรน” เปลวพูดเสียงต่ำ ๆ
“ห๊ะ !! ยังไม่รับอีก คราวที่แล้วก็หลับคาห้องคาราโอเกะ กรนคร่อก ๆ
ดังเสียจนสาวนั่งดริ้งค์หนีกันกระเจิง จำไม่ได้เร๊อะ”
หนุ่มใหญ่ยิ้มเขิน “ไม่จริงน่า อย่าอำกันสิ”
“ให้ยายลิงน้อยกระทืบตายสิ ถ้าไอ้สนโกหก พี่กรนจริง ๆ “
หนุ่มสนทำหน้าขึงขัง
เปลวหัวเราะแหะอ้าปากหาวจนเห็นลิ้นไก่ เอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ
แล้วก็โบกมือ
“เออ ๆ ๆ ๆ กรนก็กรน ทำไมล่ะ คนนอนกรนแปลกตรงไหนรึ
ว่าแต่นอนกันเสียจนสาย ชักจะหิวแล้ว หาอะไรมารองท้องก่อนดีไหม..”
“ผมก็ว่างั้น แต่เมื่อวานเย็นก่อนขึ้นบนห้าง ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ แล้ว
ไม่เห็นมีผลหมากรากไม้อะไรให้กินได้สักอย่าง ”
เปลวจับคางนิ่งคิดอย่างไตร่ตรอง หันสำรวจไปรอบกาย
แต่แล้วก็ตบไหล่ชายหนุ่มรุ่นน้องดังป้าบ หัวเราะชอบใจเสียงดัง
“เจอแล้วไอ้สน เอาไอ้นี่แหละ มะ ! ขอยืมหนังสะติ๊กของเอ็งหน่อย ”
“พี่จะเอาไปยิงอะไร ...”
หนุ่มรุ่นน้องกล่าวอย่างงุนงง แต่ก็ดึงหนังสะติ๊กที่เหน็บเอวไว้ส่งให้โดยดี
“เอ็งเห็นกะปอมหนุ่มสาวสองตัวที่กำลังล้างหน้าไก่ ฉลองวาเลนไทน์
กันอยู่ตรงนั้นไหม ”
เปลวเอียงกายมาชี้ให้ดูยังต้นมะม่วงป่าเบื้องหน้า
เด็กหนุ่มหัวเราะก้ากเมื่อมองไปตามที่ลูกพี่ชี้
“เห็นแล้ว โอ้โฮ ไอ้พวกนี้คึกแต่เช้าเลยแฮะ ว่าแต่เรายิงมันมากิน
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไม่บาปแย่หรือ ดีไม่ดีกรรมย้อนมา
พี่เป็นได้ตายคาอกเชียวนา”
หนุ่มใหญ่โบกมือ
“นั่นเอาไว้ว่ากันอีกทีไอ้สน แต่ตอนนี้ต้องเอาพวกมันมารองท้องก่อน
จัดการแล้วก็โยนใส่กองไฟ สุกแล้วก็สับหัวโป้ก ลอกเอาหนังออก
เหลือแต่เนื้อขาว ๆ ผ่าท้องเอาไส้ออกแล้วทาเกลือลงไป ย่างต่ออีกสักแป๊บ
ก็ใช้ได้แล้ว รับรองอร่อย เอ็งคอยดู..”
ว่าพลางชายหนุ่มก็บรรจงเล็งหนังสติ๊กไปยังกิ้งก่าหนุ่มสาวที่กำลัง
คร่อมกันอยู่ ...
“เฟี๊ยววววววววว .. “ “โป๊ก !! .. “
“ตุ๊บ !! .. “
แล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปอย่างน่าสมเพช (ทั้งคนและกิ้งก่า) ทุลักทุเล
และเอร็ดอร่อย ….
………….
………….
(ใส่ฉากอีโรติคให้แล้วนะจารย์ .. ฮิ ๆ ...)