@@@ ไพรมหากาฬ ตอนตามรอย (เสี่ย) เสือดำ ตอน 2 @@@

...

แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...


อื้อหือ  สนิมเขรอะ สงสัยต้องทำความสะอาดวิกฉลองตรุษจีนสักหน่อย

วาเลนไทน์ด้วยหรือจารย์ ฤกษ์ดีสองเด้งเลยเนาะ

งั้นเปิดวิกหาเงินไปเที่ยวตรุษจีนกับวาเลนไทน์กันดีกว่า ...


ตอนนี้น่าจะมีเลิฟซีนด้วยหรือจารย์  .. ต้อนรับวาเลนไทน์ ..

น่าสนใจ ... เดี๋ยวเขียนบทให้ .. ฮิ ๆ

.................
.................

กราบสวัสดีเข้ากลางอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาที่เคารพรักทุกท่าน
ในช่วงใกล้วันขึ้นปีใหม่จีนควบวันแห่งความรักในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดี
ที่วิกสังกะสีของเราจะได้มีโอกาสนำเสนอละครสู่สายตาของท่านกันอีกครั้ง

อย่าได้รอช้า  โปรดจูงมือบุตร  ฉุดมือหลาน  ประสานมือแฟน  
ควงแขนกันเข้ามา   .. ชมละครฟอร์มยักษ์  ประพันธ์โดยนักเขียน
นามอุโฆษ  รับรองว่าสนุก ครบทุกรสชาติ   แถมนำแสดงโดย
พระเอกหนุ่มรูปหล่อเหมือนตอไฟรนแห่งถนนนักเขียน

สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา  ..  ควักเงินในกระเป๋า
ซื้อตั๋วชมละคร ... ไพรมหากาฬ กาฬ กาฬ กาฬ


เอ้า !! .. เปิดม่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ..



................
ตอนที่ 1   https://ppantip.com/topic/37359617

.................


อาทิตย์ยามเย็นใกล้ลับหายไปหลังขุนเขา รัตติกาลกำลังจะโอบรัด
อ้อมกอดเข้ามาในอีกไม่นานนัก   สกุณาต่างร่อนกลับสู่รวงรัง  
กระรางขาวฝูงใหญ่ส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่บนยอดไทรใหญ่  ได้ยินเก้ง
ร้องเก๊กแว่วมาแต่ไกล  เป็นดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงได้อย่าง
ไพเราะไปตามครรลอง  

หนุ่มใหญ่อัดบุหรี่หนัก ๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหย่อนก้นบุหรี่
ลงในกระบอกไว้ไผ่ที่แขวนกิ่งไม้ไว้ข้างตัว เอนกายทาบไปกับลำต้นของ
มะค่าใหญ่ที่ขึ้นมาขัดห้างนั่งอยู่  แหงนศีรษะพิงกับคบไม้เหม่อมอง
ไปยังขอบฟ้าอันแสนไกลด้วยดวงตาอันหรี่ซึม   

เพื่อนฝูงจะรู้ไหมหนอว่าการที่เขาหายตัวไปจากถนนทิ้งเรื่องราวของ
น้องเจนจิราให้ผู้อ่านเฝ้ารอคอยอยู่นั้น  เป็นเพราะเขาต้องระเห็จมาอยู่
เสียยังกลางดงพงไพรแห่งนี้

อาทิตย์กลมโตเปล่งประกายแดงเรื่อทาบกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน  
บรรยากาศช่างงดงามเสียจนน่าหลงใหล  ความเงียบสงัดของ
ธรรมชาติพาห้วงคำนึงของเขาล่องลอยต่อไปยังที่ไกลแสนไกล  
จนจมดิ่งอยู่ในภวังค์ลึก

………………………
………………………


“พี่เปลว พี่เปลว“  

เสียงเรียกพร้อมกับการจับปลายเท้าเขย่า กระชากให้หนุ่มใหญ่
หลุดจากห้วงภวังค์  

เปลวขมวดคิ้ว  จุ๊ปากออกมาอย่างหงุดหงิด  

“มีอะไรวะไอ้สน  อยู่ ๆ ก็มาเรียก  น่ารำคาญจริง”

“เห็นพี่เหมือนจะเคลิ้มๆ ไปน่ะสิถึงเรียก  พี่จะหลับแล้วเร๊อะ  
ยังไม่มืดเลยนา  เพิ่งจะโพล้เพล้แท้ ๆ “  หนุ่มสนพูดเสียงอ่อย

“แล้วมายุ่งอะไรกับข้าล่ะ   เอ็งอยู่ผลัดแรกก็ถ่างตาไปสิ  
ส่วนข้าจะหลับหรือไม่หลับจะไปเกี่ยวอะไรกัน”

“ก็มันเหงานี่นา  ยามอาทิตย์เพิ่งลับหลังเขาอย่างนี้มันเงียบเหงาดีแท้  
ผมเฝ้าอยู่พลัดแรกก็จริงแต่พี่ก็คุยกันบ้างสิ   อีกตั้งนานกว่าจะมืด
จนมีพวกเก้งกวางออกมากินน้ำให้ส่อง  นั่งบนห้างกันแค่สองคน
ถ้าไม่คุยกับพี่แล้วผมจะไปคุยกะใครที่ไหน”

“นั่นมันเรื่องของเอ็ง  อย่ามากวนมาก  ข้าจะนอน .. ให้ถึงเวลา
เปลี่ยนเวรแล้วค่อยมาปลุก   หากยังไม่ถึงเวลาแล้วดันมาสะกิด
สะเการับรองเป็นถูกถีบตกห้าง”  

หนุ่มใหญ่ว่าพลางขยับคู้ตัวตะแคงข้างให้

…………..
…………


“พี่ ๆ !!  พี่เปลว... “  

ชายหนุ่มควานมือหากล้องถ่ายรูปซึ่งวางอยู่ข้างกายเมื่อได้ยินเสียงเรียก
พลางงึมงำตอบออกไป

“ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วหรือไอ้สน  รึว่ามีอะไรเข้ามาให้ดู”

หนุ่มสนหัวเราะก้าก     

“ ... นี่มันตะวันส่องตูดแล้วพี่  ปู้โธ่ … เมื่อคืนเล่นนอนกรนเสียจนป่าแตก
แมวที่ไหนมันจะเข้ามาหา ไอ้ผมเลยขอนอนมั่ง นี่ก็เพิ่งตื่นมาเหมือนกัน”

“พูดเป็นเล่น   ข้าน่ะหรือนอนกรน”   เปลวพูดเสียงต่ำ ๆ

“ห๊ะ  !!   ยังไม่รับอีก  คราวที่แล้วก็หลับคาห้องคาราโอเกะ กรนคร่อก ๆ
ดังเสียจนสาวนั่งดริ้งค์หนีกันกระเจิง  จำไม่ได้เร๊อะ”

หนุ่มใหญ่ยิ้มเขิน    “ไม่จริงน่า  อย่าอำกันสิ”

“ให้ยายลิงน้อยกระทืบตายสิ  ถ้าไอ้สนโกหก  พี่กรนจริง ๆ “
หนุ่มสนทำหน้าขึงขัง

เปลวหัวเราะแหะอ้าปากหาวจนเห็นลิ้นไก่  เอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ
แล้วก็โบกมือ

“เออ ๆ ๆ ๆ  กรนก็กรน  ทำไมล่ะ  คนนอนกรนแปลกตรงไหนรึ
ว่าแต่นอนกันเสียจนสาย ชักจะหิวแล้ว  หาอะไรมารองท้องก่อนดีไหม..”

“ผมก็ว่างั้น แต่เมื่อวานเย็นก่อนขึ้นบนห้าง ผมลองเดินวนดูรอบ ๆ แล้ว
ไม่เห็นมีผลหมากรากไม้อะไรให้กินได้สักอย่าง  ”

เปลวจับคางนิ่งคิดอย่างไตร่ตรอง   หันสำรวจไปรอบกาย
แต่แล้วก็ตบไหล่ชายหนุ่มรุ่นน้องดังป้าบ  หัวเราะชอบใจเสียงดัง   

“เจอแล้วไอ้สน เอาไอ้นี่แหละ มะ ! ขอยืมหนังสะติ๊กของเอ็งหน่อย  ”

“พี่จะเอาไปยิงอะไร  ...”  

หนุ่มรุ่นน้องกล่าวอย่างงุนงง  แต่ก็ดึงหนังสะติ๊กที่เหน็บเอวไว้ส่งให้โดยดี


“เอ็งเห็นกะปอมหนุ่มสาวสองตัวที่กำลังล้างหน้าไก่ ฉลองวาเลนไทน์
กันอยู่ตรงนั้นไหม ”

เปลวเอียงกายมาชี้ให้ดูยังต้นมะม่วงป่าเบื้องหน้า

เด็กหนุ่มหัวเราะก้ากเมื่อมองไปตามที่ลูกพี่ชี้      

“เห็นแล้ว  โอ้โฮ  ไอ้พวกนี้คึกแต่เช้าเลยแฮะ  ว่าแต่เรายิงมันมากิน
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไม่บาปแย่หรือ  ดีไม่ดีกรรมย้อนมา
พี่เป็นได้ตายคาอกเชียวนา”

หนุ่มใหญ่โบกมือ  

“นั่นเอาไว้ว่ากันอีกทีไอ้สน  แต่ตอนนี้ต้องเอาพวกมันมารองท้องก่อน  
จัดการแล้วก็โยนใส่กองไฟ  สุกแล้วก็สับหัวโป้ก  ลอกเอาหนังออก
เหลือแต่เนื้อขาว ๆ ผ่าท้องเอาไส้ออกแล้วทาเกลือลงไป ย่างต่ออีกสักแป๊บ
ก็ใช้ได้แล้ว  รับรองอร่อย  เอ็งคอยดู..”

ว่าพลางชายหนุ่มก็บรรจงเล็งหนังสติ๊กไปยังกิ้งก่าหนุ่มสาวที่กำลัง
คร่อมกันอยู่ ...


“เฟี๊ยววววววววว .. “   “โป๊ก !! .. “   


“ตุ๊บ  !! .. “


แล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปอย่างน่าสมเพช (ทั้งคนและกิ้งก่า) ทุลักทุเล
และเอร็ดอร่อย ….

………….
………….

(ใส่ฉากอีโรติคให้แล้วนะจารย์ .. ฮิ ๆ  ...)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่