....
จารย์จี .... ผมเห็นจารย์ทำละครสั้นด่าคนแล้วผมสะใจมาก ยกนิ้วให้เลย…
ผมนี่เอาจารย์เป็นไอดอลเลยนะ คันไม้คันมืออยากเปิดวิกมั่ง ...
เอาเรื่องเก่า ๆ มาปัดฝุ่นน่ะจารย์ ปรับให้เข้ากับตอนนี้ ช่วยจารย์ด่าคน ...
ดีมากเหรอ ... โอเค .. ผมเปิดวิกเลยนะ ... สักสองสามตอนจบ
ใครแสดงมั่งเหรอ จารย์ถามทำไม ... ไม่มีอะไรหรอกน่า ..
....
เอาน่า .. ไม่มีไรก็ไม่มีไรสิ ... เชื่อผมเหอะ ฮิ ๆ ...
........... เอ้า เปิดม่านนนนนนนนนนน ......
.....
......
เสียงรถบรรทุกในเกียร์ต่ำครางกระหึ่มเลี้ยวผ่านประตูเหล็กของสถานีกักสัตว์
ตีโค้งชะลอจอดลงตรงลานกว้างหน้าอาคารทันสมัยซึ่งเป็นตึกอำนวยการของบริษัท
หนุ่มใหญ่ผิวคล้ำ รูปร่างสันทัด เปิดประตู ทิ้งตัวลงมายืนนิ่งอยู่กลางลานกว้าง
ส่งสายตามองรถบรรทุกหกล้อคันนั้น เคลื่อนตัววนออกประตูรั้วจากไป
หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมามองยังชั้นบนของตัวอาคารแว่บหนึ่ง ก่อนเดินเข้าไป
ยังร่มไม้บริเวณกรงดักสัตว์ที่มีกลุ่มคนงานกำลังนั่งโจ้เหล้าขาวกันอยู่
ขอเหล้าจากคนงานได้หนึ่งเป๊ก มะขามเปียกครึ่งฝัก ก็เลี่ยงไปยืนพัก
อยู่ใต้ต้นจามจุรี ถอดหมวกฟางออกจากหัวพัดเยิบ ๆ ไล่ลมร้อน
ในห้องรับแขกบนตึกที่ทำการของบริษัท นายกำพล พลาชัย
เจ้าของบริษัทฯ ซึ่งจับตามองเหมือนจะคอยอยู่ รีบหันมาบอก
ผู้คนกลุ่มใหญ่ซึ่งนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นอยู่ในห้องรับแขก
“นั่นไงครับ เขามาแล้ว”
แขกกลุ่มใหญ่ของบริษัทรีบกรูมายืนออกันที่หน้าต่าง พุ่งสายตาอย่างสนใจ
ไปยังหนุ่มใหญ่ซึ่งกำลังยืนพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์
“นี่น่ะหรือคนที่คุณจะแนะนำให้แก่พวกเรา ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว
เขาไม่น่าที่จะเป็นพรานที่เก่งกาจเลย “
สาวใหญ่ผิวขาว รูปร่างโปร่ง เดินไปจับขอบหน้าต่าง มองไปยังชายที่อยู่เบื้องล่าง
จากนั้นก็เบะปากกล่าวออกมาอย่างปรามาส
กำพล พลาชัย ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเฉลยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ
“... คนนี้แหละครับเป็นพรานใหญ่ที่กระเดื่องดังไปทั่วโลก
จากผลงานสามารถนำผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สูญหายไปในซาฟารีเวิลด์กลับออกมาได้
และสามารถนำคณะกลับไปค้นหาแมวที่คุณป้าคนนั้นอุ้มมาด้วยอีกเป็นครั้งที่สอง
และยังสามารถนำทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครทำ
แบบเขาได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต”
“ดูหุ่นแล้วไม่น่าจะรอดจากช้างเหยียบมาได้ถึงเดี๋ยวนี้เนอะพี่ลิ”
หญิงสาวผู้อ่อนเยาว์กว่าซึ่งเดินมาอยู่ด้านข้าง เผยอปากเอ่ยขึ้น
ผู้อำนวยการบริษัทฯ ดักและจับสัตว์ส่งออกนอกหัวเราะเอื่อย ๆ
“คนเราจะตัดสินกันที่รูปร่างภายนอกไม่ได้หรอกครับคุณดาว
ผมมั่นใจว่าเขาจะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็นถึงสมรรถภาพของตัวเขา
เพียงแค่นำทางออกไปไม่ถึงครึ่งวัน เชื่อเถิดครับชายคนนี้เหมาะที่สุดแล้ว
ในการจะนำทางพวกคุณไปชมธรรมชาติในผืนป่าบริสุทธิ์ที่ยังเต็มไปด้วย
สัตว์ร้ายแถบนี้”
หนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุม ซึ่งยืนนิ่งอยู่กลางห้องหรี่ตามองยังชายหนุ่มเบื้องล่าง
ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างใคร่ครวญ
“แต่ผมกลับชอบเขาแฮะ รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกว่าเขานี่แหละจะเป็นผู้นำพาเราไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ “
ขณะที่ทุกคนกำลังยืนคุยกันอยู่นั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เขาเดิน
มาถึงกลางลานหน้าอาคาร รายรอบตัวเขาเป็นเด็ก ๆ กลุ่มใหญ่
วิ่งเกาะแข้งขามาเป็นพรวน แสดงถึงนิสัยรักเด็กของเขา
หนุ่มใหญ่ล้วงเหรียญบาทออกแจกเด็ก ๆ คนที่ได้รับแล้วก็วิ่งตื๋อ
จากไปอย่างดีใจ คนที่ยังไม่ได้ก็พากันเบียดแย่งเข้ามา
แต่แล้วก็มีเสียงเอะอะจากคนงานที่กำลังขนของกันอยู่ เด็ก ๆ
ที่รอบกายต่างแตกกระเจิดกระเจิงวิ่งหาที่หลบซ่อน
“เฮ้ย .. แย่แล้ว ... หมาบ้าจากไหนไม่รู้หลุดเข้ามาในบริษัทฯ
รีบเอาปืนมายิงสิโว้ย” คนงานพากันตะโกน
หมาตัวสีดำปลอดวิ่งหางตก น้ำลายฟูมปากครางแฮ่ ตรงรี่มายัง
ชายหนุ่มและกลุ่มเด็ก ๆ เขาตวัดเด็กคนที่เล็กสุดขึ้นกระเต็งเอว
เคลื่อนตัวอย่างว่องไวหลบฉากให้หมาตัวนั้นวิ่งเฉียดกรายไป
เห็นมันวิ่งเตลิดไปหมกอยู่ไนกองท่อนไม้ตรงมุมรั้ว
หนุ่มใหญ่วางร่างของเด็กน้อยที่กระเตงเอวอยู่ลงกับพื้น กระดิกนิ้ว
ขอยืมหนังสะติ๊กจากเด็กอีกคนหนึ่งแถวนั้นกระชับไว้ในอุ้งมือ
จากนั้นก็ย่างสามขุมตรงเข้าไปยังกองไม้ที่ไอ้ดำปลอดตัวนั้นซ่อนอยู่
สายตาของทุกคนจับจ้องมายังชายหนุ่มเป็นตาเดียวอย่างลุ้นระทึก
เมื่อเข้าไปในรัศมีอันตราย เขาก็เก็บก้อนหินลูกเขื่อง ๆ ขึ้นมา
บรรจุอาวุธลับ แล้วยิงสุ่ม ๆ เข้าไปในกองไม้
“โป้ก !! .. “ “เอ๋ง !! .. “ กระสุนลูกหนึ่งทำงานอย่างถนัดถนี่
หมาบ้าวิ่งสวนออกมาอย่างเจ็บปวด เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่กำลังยืนจังก้ารออยู่
เมื่อมันพุ่งเข้ามาใกล้ตัว เขาก็กวาดเท้าเข้าตรงสีข้างของเจ้าดำปลอด
จนสัตว์ร้ายทำท่าจุก วิ่งหางตกไปทางประตูรั้ว ออกนอกบริษัทฯไป
คณะเดินทางซึ่งมองจากข้างบนบ้านครางฮือกันอย่างหวาดเสียว
ต่างหันหน้ามองกันด้วยตาปริบ ๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผู้ที่ปรามาสชายหนุ่มไว้
ถึงกับยืนคอแข็งนิ่งงันไป …
สักครู่ทุกคนที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าต่างของชั้นบนอาคารก็ ระบาย
ลมหายใจที่สะกดกลั้นไว้เพราะความตื่นเต้นออกมา
“จริงของคุณกำพล …… “
หนุ่มใหญ่ลักษณะเป็นผู้มีอาวุโสสูงของคณะนี้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
พลางส่ายหน้าพูดอย่างกลัวใจ
“เขามีฝีมือสมกับชื่อเสียงของเขาจริง ๆ ผมยินดีที่คณะเราจะมีเขาเป็นผู้นำทาง ..
ผมว่าผมเป็นคนใจกล้าแล้ว แต่ให้มาฟัดกับหมา เอ๊ย !! สู้กับหมาตัวต่อตัวอย่างนี้
ผมยังใจไม่ถึง”
“ใช่แล้ว ถือแค่หนังสะติ๊กอันเดียว เดี่ยวต่อเดี่ยวกับหมาบ้า.. ไม่คิดว่าเขาจะทำได้..”
สาวใหญ่ผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างกลัวใจ
“แต่เจ้ยสงสารหมาอ่ะ น้องหมาตัวเล็กนิดเดียวเอง แค่ยิงหนังกะติ๊กไล่มันไปก็ได้
จะเตะมันซ้ำทำไม ... “
หญิงสาวผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งอีกคนซึ่งยินนิ่งชมเหตุการณ์อยู่ตลอดมากล่าวเสียงอ่อย
“ใช่ !! อยู่ ๆ ก็เตะมันชักแหง่ก ๆ เป็นหมาบ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้…”
หญิงสาวผู้ที่เรียกตนเองว่าดาวพูดเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นอย่างจริงจัง
“…ดาวว่าอย่างน้อยก็ต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องกันก่อนถึงจะตี”
เพื่อนสาวที่ชื่อเจ้ยสะกิด
“นี่เธอ เขาเป็นคนนะ จะคุยกับหมารู้เรื่องได้ไง”
หญิงสาวที่ชื่อเล่นว่าดาวยังทำหน้าจริงจัง
“เขาอยู่กับแมวมาตั้งนานก็ต้องคุยภาษาสัตว์รู้เรื่องมั่งแหละ
หมาก็คงไม่ต่างกับแมวสักเท่าไหร่หรอกนะ ใช่ไหมคะพิ่ลิ”
ยังไม่มีใครตอบคำถามของหญิงสาว ทุกคนก็เห็นเขาก้าวขึ้นชั้นสองมา
…..
……
@@@ ไพรมหากาฬ ตอน ตามรอย(เสี่ย)เสือดำ ... @@@
จารย์จี .... ผมเห็นจารย์ทำละครสั้นด่าคนแล้วผมสะใจมาก ยกนิ้วให้เลย…
ผมนี่เอาจารย์เป็นไอดอลเลยนะ คันไม้คันมืออยากเปิดวิกมั่ง ...
เอาเรื่องเก่า ๆ มาปัดฝุ่นน่ะจารย์ ปรับให้เข้ากับตอนนี้ ช่วยจารย์ด่าคน ...
ดีมากเหรอ ... โอเค .. ผมเปิดวิกเลยนะ ... สักสองสามตอนจบ
ใครแสดงมั่งเหรอ จารย์ถามทำไม ... ไม่มีอะไรหรอกน่า ..
....
เอาน่า .. ไม่มีไรก็ไม่มีไรสิ ... เชื่อผมเหอะ ฮิ ๆ ...
........... เอ้า เปิดม่านนนนนนนนนนน ......
.....
......
เสียงรถบรรทุกในเกียร์ต่ำครางกระหึ่มเลี้ยวผ่านประตูเหล็กของสถานีกักสัตว์
ตีโค้งชะลอจอดลงตรงลานกว้างหน้าอาคารทันสมัยซึ่งเป็นตึกอำนวยการของบริษัท
หนุ่มใหญ่ผิวคล้ำ รูปร่างสันทัด เปิดประตู ทิ้งตัวลงมายืนนิ่งอยู่กลางลานกว้าง
ส่งสายตามองรถบรรทุกหกล้อคันนั้น เคลื่อนตัววนออกประตูรั้วจากไป
หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมามองยังชั้นบนของตัวอาคารแว่บหนึ่ง ก่อนเดินเข้าไป
ยังร่มไม้บริเวณกรงดักสัตว์ที่มีกลุ่มคนงานกำลังนั่งโจ้เหล้าขาวกันอยู่
ขอเหล้าจากคนงานได้หนึ่งเป๊ก มะขามเปียกครึ่งฝัก ก็เลี่ยงไปยืนพัก
อยู่ใต้ต้นจามจุรี ถอดหมวกฟางออกจากหัวพัดเยิบ ๆ ไล่ลมร้อน
ในห้องรับแขกบนตึกที่ทำการของบริษัท นายกำพล พลาชัย
เจ้าของบริษัทฯ ซึ่งจับตามองเหมือนจะคอยอยู่ รีบหันมาบอก
ผู้คนกลุ่มใหญ่ซึ่งนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นอยู่ในห้องรับแขก
“นั่นไงครับ เขามาแล้ว”
แขกกลุ่มใหญ่ของบริษัทรีบกรูมายืนออกันที่หน้าต่าง พุ่งสายตาอย่างสนใจ
ไปยังหนุ่มใหญ่ซึ่งกำลังยืนพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์
“นี่น่ะหรือคนที่คุณจะแนะนำให้แก่พวกเรา ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว
เขาไม่น่าที่จะเป็นพรานที่เก่งกาจเลย “
สาวใหญ่ผิวขาว รูปร่างโปร่ง เดินไปจับขอบหน้าต่าง มองไปยังชายที่อยู่เบื้องล่าง
จากนั้นก็เบะปากกล่าวออกมาอย่างปรามาส
กำพล พลาชัย ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเฉลยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ
“... คนนี้แหละครับเป็นพรานใหญ่ที่กระเดื่องดังไปทั่วโลก
จากผลงานสามารถนำผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สูญหายไปในซาฟารีเวิลด์กลับออกมาได้
และสามารถนำคณะกลับไปค้นหาแมวที่คุณป้าคนนั้นอุ้มมาด้วยอีกเป็นครั้งที่สอง
และยังสามารถนำทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครทำ
แบบเขาได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต”
“ดูหุ่นแล้วไม่น่าจะรอดจากช้างเหยียบมาได้ถึงเดี๋ยวนี้เนอะพี่ลิ”
หญิงสาวผู้อ่อนเยาว์กว่าซึ่งเดินมาอยู่ด้านข้าง เผยอปากเอ่ยขึ้น
ผู้อำนวยการบริษัทฯ ดักและจับสัตว์ส่งออกนอกหัวเราะเอื่อย ๆ
“คนเราจะตัดสินกันที่รูปร่างภายนอกไม่ได้หรอกครับคุณดาว
ผมมั่นใจว่าเขาจะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็นถึงสมรรถภาพของตัวเขา
เพียงแค่นำทางออกไปไม่ถึงครึ่งวัน เชื่อเถิดครับชายคนนี้เหมาะที่สุดแล้ว
ในการจะนำทางพวกคุณไปชมธรรมชาติในผืนป่าบริสุทธิ์ที่ยังเต็มไปด้วย
สัตว์ร้ายแถบนี้”
หนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุม ซึ่งยืนนิ่งอยู่กลางห้องหรี่ตามองยังชายหนุ่มเบื้องล่าง
ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างใคร่ครวญ
“แต่ผมกลับชอบเขาแฮะ รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกว่าเขานี่แหละจะเป็นผู้นำพาเราไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ “
ขณะที่ทุกคนกำลังยืนคุยกันอยู่นั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เขาเดิน
มาถึงกลางลานหน้าอาคาร รายรอบตัวเขาเป็นเด็ก ๆ กลุ่มใหญ่
วิ่งเกาะแข้งขามาเป็นพรวน แสดงถึงนิสัยรักเด็กของเขา
หนุ่มใหญ่ล้วงเหรียญบาทออกแจกเด็ก ๆ คนที่ได้รับแล้วก็วิ่งตื๋อ
จากไปอย่างดีใจ คนที่ยังไม่ได้ก็พากันเบียดแย่งเข้ามา
แต่แล้วก็มีเสียงเอะอะจากคนงานที่กำลังขนของกันอยู่ เด็ก ๆ
ที่รอบกายต่างแตกกระเจิดกระเจิงวิ่งหาที่หลบซ่อน
“เฮ้ย .. แย่แล้ว ... หมาบ้าจากไหนไม่รู้หลุดเข้ามาในบริษัทฯ
รีบเอาปืนมายิงสิโว้ย” คนงานพากันตะโกน
หมาตัวสีดำปลอดวิ่งหางตก น้ำลายฟูมปากครางแฮ่ ตรงรี่มายัง
ชายหนุ่มและกลุ่มเด็ก ๆ เขาตวัดเด็กคนที่เล็กสุดขึ้นกระเต็งเอว
เคลื่อนตัวอย่างว่องไวหลบฉากให้หมาตัวนั้นวิ่งเฉียดกรายไป
เห็นมันวิ่งเตลิดไปหมกอยู่ไนกองท่อนไม้ตรงมุมรั้ว
หนุ่มใหญ่วางร่างของเด็กน้อยที่กระเตงเอวอยู่ลงกับพื้น กระดิกนิ้ว
ขอยืมหนังสะติ๊กจากเด็กอีกคนหนึ่งแถวนั้นกระชับไว้ในอุ้งมือ
จากนั้นก็ย่างสามขุมตรงเข้าไปยังกองไม้ที่ไอ้ดำปลอดตัวนั้นซ่อนอยู่
สายตาของทุกคนจับจ้องมายังชายหนุ่มเป็นตาเดียวอย่างลุ้นระทึก
เมื่อเข้าไปในรัศมีอันตราย เขาก็เก็บก้อนหินลูกเขื่อง ๆ ขึ้นมา
บรรจุอาวุธลับ แล้วยิงสุ่ม ๆ เข้าไปในกองไม้
“โป้ก !! .. “ “เอ๋ง !! .. “ กระสุนลูกหนึ่งทำงานอย่างถนัดถนี่
หมาบ้าวิ่งสวนออกมาอย่างเจ็บปวด เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่กำลังยืนจังก้ารออยู่
เมื่อมันพุ่งเข้ามาใกล้ตัว เขาก็กวาดเท้าเข้าตรงสีข้างของเจ้าดำปลอด
จนสัตว์ร้ายทำท่าจุก วิ่งหางตกไปทางประตูรั้ว ออกนอกบริษัทฯไป
คณะเดินทางซึ่งมองจากข้างบนบ้านครางฮือกันอย่างหวาดเสียว
ต่างหันหน้ามองกันด้วยตาปริบ ๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผู้ที่ปรามาสชายหนุ่มไว้
ถึงกับยืนคอแข็งนิ่งงันไป …
สักครู่ทุกคนที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าต่างของชั้นบนอาคารก็ ระบาย
ลมหายใจที่สะกดกลั้นไว้เพราะความตื่นเต้นออกมา
“จริงของคุณกำพล …… “
หนุ่มใหญ่ลักษณะเป็นผู้มีอาวุโสสูงของคณะนี้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
พลางส่ายหน้าพูดอย่างกลัวใจ
“เขามีฝีมือสมกับชื่อเสียงของเขาจริง ๆ ผมยินดีที่คณะเราจะมีเขาเป็นผู้นำทาง ..
ผมว่าผมเป็นคนใจกล้าแล้ว แต่ให้มาฟัดกับหมา เอ๊ย !! สู้กับหมาตัวต่อตัวอย่างนี้
ผมยังใจไม่ถึง”
“ใช่แล้ว ถือแค่หนังสะติ๊กอันเดียว เดี่ยวต่อเดี่ยวกับหมาบ้า.. ไม่คิดว่าเขาจะทำได้..”
สาวใหญ่ผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างกลัวใจ
“แต่เจ้ยสงสารหมาอ่ะ น้องหมาตัวเล็กนิดเดียวเอง แค่ยิงหนังกะติ๊กไล่มันไปก็ได้
จะเตะมันซ้ำทำไม ... “
หญิงสาวผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งอีกคนซึ่งยินนิ่งชมเหตุการณ์อยู่ตลอดมากล่าวเสียงอ่อย
“ใช่ !! อยู่ ๆ ก็เตะมันชักแหง่ก ๆ เป็นหมาบ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้…”
หญิงสาวผู้ที่เรียกตนเองว่าดาวพูดเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นอย่างจริงจัง
“…ดาวว่าอย่างน้อยก็ต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องกันก่อนถึงจะตี”
เพื่อนสาวที่ชื่อเจ้ยสะกิด
“นี่เธอ เขาเป็นคนนะ จะคุยกับหมารู้เรื่องได้ไง”
หญิงสาวที่ชื่อเล่นว่าดาวยังทำหน้าจริงจัง
“เขาอยู่กับแมวมาตั้งนานก็ต้องคุยภาษาสัตว์รู้เรื่องมั่งแหละ
หมาก็คงไม่ต่างกับแมวสักเท่าไหร่หรอกนะ ใช่ไหมคะพิ่ลิ”
ยังไม่มีใครตอบคำถามของหญิงสาว ทุกคนก็เห็นเขาก้าวขึ้นชั้นสองมา
…..
……