@@@ ไพรมหากาฬ ตอน ตามรอย(เสี่ย)เสือดำ ... @@@

....



จารย์จี  .... ผมเห็นจารย์ทำละครสั้นด่าคนแล้วผมสะใจมาก   ยกนิ้วให้เลย…
ผมนี่เอาจารย์เป็นไอดอลเลยนะ   คันไม้คันมืออยากเปิดวิกมั่ง ...

เอาเรื่องเก่า ๆ มาปัดฝุ่นน่ะจารย์  ปรับให้เข้ากับตอนนี้   ช่วยจารย์ด่าคน ...

ดีมากเหรอ ...   โอเค  .. ผมเปิดวิกเลยนะ  ... สักสองสามตอนจบ

ใครแสดงมั่งเหรอ   จารย์ถามทำไม ... ไม่มีอะไรหรอกน่า ..


....


เอาน่า .. ไม่มีไรก็ไม่มีไรสิ ... เชื่อผมเหอะ  ฮิ ๆ  ...


...........  เอ้า    เปิดม่านนนนนนนนนนน ......




.....
......


เสียงรถบรรทุกในเกียร์ต่ำครางกระหึ่มเลี้ยวผ่านประตูเหล็กของสถานีกักสัตว์
ตีโค้งชะลอจอดลงตรงลานกว้างหน้าอาคารทันสมัยซึ่งเป็นตึกอำนวยการของบริษัท   
หนุ่มใหญ่ผิวคล้ำ  รูปร่างสันทัด เปิดประตู    ทิ้งตัวลงมายืนนิ่งอยู่กลางลานกว้าง   
ส่งสายตามองรถบรรทุกหกล้อคันนั้น   เคลื่อนตัววนออกประตูรั้วจากไป  

หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมามองยังชั้นบนของตัวอาคารแว่บหนึ่ง  ก่อนเดินเข้าไป
ยังร่มไม้บริเวณกรงดักสัตว์ที่มีกลุ่มคนงานกำลังนั่งโจ้เหล้าขาวกันอยู่      
ขอเหล้าจากคนงานได้หนึ่งเป๊ก มะขามเปียกครึ่งฝัก   ก็เลี่ยงไปยืนพัก
อยู่ใต้ต้นจามจุรี  ถอดหมวกฟางออกจากหัวพัดเยิบ ๆ ไล่ลมร้อน   

ในห้องรับแขกบนตึกที่ทำการของบริษัท  นายกำพล  พลาชัย
เจ้าของบริษัทฯ ซึ่งจับตามองเหมือนจะคอยอยู่  รีบหันมาบอก
ผู้คนกลุ่มใหญ่ซึ่งนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นอยู่ในห้องรับแขก

“นั่นไงครับ   เขามาแล้ว”

แขกกลุ่มใหญ่ของบริษัทรีบกรูมายืนออกันที่หน้าต่าง  พุ่งสายตาอย่างสนใจ  
ไปยังหนุ่มใหญ่ซึ่งกำลังยืนพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์  

“นี่น่ะหรือคนที่คุณจะแนะนำให้แก่พวกเรา   ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว
เขาไม่น่าที่จะเป็นพรานที่เก่งกาจเลย “

สาวใหญ่ผิวขาว  รูปร่างโปร่ง เดินไปจับขอบหน้าต่าง มองไปยังชายที่อยู่เบื้องล่าง  
จากนั้นก็เบะปากกล่าวออกมาอย่างปรามาส

กำพล  พลาชัย  ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเฉลยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ

“... คนนี้แหละครับเป็นพรานใหญ่ที่กระเดื่องดังไปทั่วโลก
จากผลงานสามารถนำผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สูญหายไปในซาฟารีเวิลด์กลับออกมาได้
และสามารถนำคณะกลับไปค้นหาแมวที่คุณป้าคนนั้นอุ้มมาด้วยอีกเป็นครั้งที่สอง   
และยังสามารถนำทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย  ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครทำ
แบบเขาได้อีกแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นทั้งอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต”

“ดูหุ่นแล้วไม่น่าจะรอดจากช้างเหยียบมาได้ถึงเดี๋ยวนี้เนอะพี่ลิ”  
หญิงสาวผู้อ่อนเยาว์กว่าซึ่งเดินมาอยู่ด้านข้าง  เผยอปากเอ่ยขึ้น  

ผู้อำนวยการบริษัทฯ  ดักและจับสัตว์ส่งออกนอกหัวเราะเอื่อย ๆ   

“คนเราจะตัดสินกันที่รูปร่างภายนอกไม่ได้หรอกครับคุณดาว   
ผมมั่นใจว่าเขาจะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็นถึงสมรรถภาพของตัวเขา  
เพียงแค่นำทางออกไปไม่ถึงครึ่งวัน เชื่อเถิดครับชายคนนี้เหมาะที่สุดแล้ว
ในการจะนำทางพวกคุณไปชมธรรมชาติในผืนป่าบริสุทธิ์ที่ยังเต็มไปด้วย
สัตว์ร้ายแถบนี้”

หนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุม  ซึ่งยืนนิ่งอยู่กลางห้องหรี่ตามองยังชายหนุ่มเบื้องล่าง
ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างใคร่ครวญ

“แต่ผมกลับชอบเขาแฮะ  รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก  
รู้สึกว่าเขานี่แหละจะเป็นผู้นำพาเราไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ “   

ขณะที่ทุกคนกำลังยืนคุยกันอยู่นั้น  เป็นเวลาเดียวกับที่เขาเดิน
มาถึงกลางลานหน้าอาคาร  รายรอบตัวเขาเป็นเด็ก ๆ กลุ่มใหญ่
วิ่งเกาะแข้งขามาเป็นพรวน  แสดงถึงนิสัยรักเด็กของเขา   

หนุ่มใหญ่ล้วงเหรียญบาทออกแจกเด็ก ๆ  คนที่ได้รับแล้วก็วิ่งตื๋อ
จากไปอย่างดีใจ  คนที่ยังไม่ได้ก็พากันเบียดแย่งเข้ามา

แต่แล้วก็มีเสียงเอะอะจากคนงานที่กำลังขนของกันอยู่   เด็ก ๆ
ที่รอบกายต่างแตกกระเจิดกระเจิงวิ่งหาที่หลบซ่อน

“เฮ้ย .. แย่แล้ว ... หมาบ้าจากไหนไม่รู้หลุดเข้ามาในบริษัทฯ
รีบเอาปืนมายิงสิโว้ย”    คนงานพากันตะโกน
  
หมาตัวสีดำปลอดวิ่งหางตก  น้ำลายฟูมปากครางแฮ่  ตรงรี่มายัง
ชายหนุ่มและกลุ่มเด็ก ๆ     เขาตวัดเด็กคนที่เล็กสุดขึ้นกระเต็งเอว   
เคลื่อนตัวอย่างว่องไวหลบฉากให้หมาตัวนั้นวิ่งเฉียดกรายไป
เห็นมันวิ่งเตลิดไปหมกอยู่ไนกองท่อนไม้ตรงมุมรั้ว

หนุ่มใหญ่วางร่างของเด็กน้อยที่กระเตงเอวอยู่ลงกับพื้น  กระดิกนิ้ว
ขอยืมหนังสะติ๊กจากเด็กอีกคนหนึ่งแถวนั้นกระชับไว้ในอุ้งมือ  
จากนั้นก็ย่างสามขุมตรงเข้าไปยังกองไม้ที่ไอ้ดำปลอดตัวนั้นซ่อนอยู่

สายตาของทุกคนจับจ้องมายังชายหนุ่มเป็นตาเดียวอย่างลุ้นระทึก  
เมื่อเข้าไปในรัศมีอันตราย    เขาก็เก็บก้อนหินลูกเขื่อง ๆ  ขึ้นมา
บรรจุอาวุธลับ  แล้วยิงสุ่ม ๆ เข้าไปในกองไม้

“โป้ก !! .. “   “เอ๋ง !! .. “   กระสุนลูกหนึ่งทำงานอย่างถนัดถนี่

หมาบ้าวิ่งสวนออกมาอย่างเจ็บปวด เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่กำลังยืนจังก้ารออยู่  
เมื่อมันพุ่งเข้ามาใกล้ตัว เขาก็กวาดเท้าเข้าตรงสีข้างของเจ้าดำปลอด
จนสัตว์ร้ายทำท่าจุก  วิ่งหางตกไปทางประตูรั้ว  ออกนอกบริษัทฯไป

คณะเดินทางซึ่งมองจากข้างบนบ้านครางฮือกันอย่างหวาดเสียว
ต่างหันหน้ามองกันด้วยตาปริบ ๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผู้ที่ปรามาสชายหนุ่มไว้
ถึงกับยืนคอแข็งนิ่งงันไป …

สักครู่ทุกคนที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าต่างของชั้นบนอาคารก็ ระบาย
ลมหายใจที่สะกดกลั้นไว้เพราะความตื่นเต้นออกมา

“จริงของคุณกำพล  …… “  

หนุ่มใหญ่ลักษณะเป็นผู้มีอาวุโสสูงของคณะนี้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
พลางส่ายหน้าพูดอย่างกลัวใจ

“เขามีฝีมือสมกับชื่อเสียงของเขาจริง ๆ  ผมยินดีที่คณะเราจะมีเขาเป็นผู้นำทาง ..
ผมว่าผมเป็นคนใจกล้าแล้ว แต่ให้มาฟัดกับหมา เอ๊ย !! สู้กับหมาตัวต่อตัวอย่างนี้  
ผมยังใจไม่ถึง”

“ใช่แล้ว  ถือแค่หนังสะติ๊กอันเดียว  เดี่ยวต่อเดี่ยวกับหมาบ้า.. ไม่คิดว่าเขาจะทำได้..”

สาวใหญ่ผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างกลัวใจ

“แต่เจ้ยสงสารหมาอ่ะ   น้องหมาตัวเล็กนิดเดียวเอง แค่ยิงหนังกะติ๊กไล่มันไปก็ได้  
จะเตะมันซ้ำทำไม ...   “  

หญิงสาวผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งอีกคนซึ่งยินนิ่งชมเหตุการณ์อยู่ตลอดมากล่าวเสียงอ่อย  

“ใช่ !!   อยู่ ๆ ก็เตะมันชักแหง่ก ๆ  เป็นหมาบ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้…”

หญิงสาวผู้ที่เรียกตนเองว่าดาวพูดเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นอย่างจริงจัง

“…ดาวว่าอย่างน้อยก็ต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องกันก่อนถึงจะตี”

เพื่อนสาวที่ชื่อเจ้ยสะกิด

“นี่เธอ  เขาเป็นคนนะ  จะคุยกับหมารู้เรื่องได้ไง”

หญิงสาวที่ชื่อเล่นว่าดาวยังทำหน้าจริงจัง

“เขาอยู่กับแมวมาตั้งนานก็ต้องคุยภาษาสัตว์รู้เรื่องมั่งแหละ
หมาก็คงไม่ต่างกับแมวสักเท่าไหร่หรอกนะ  ใช่ไหมคะพิ่ลิ”


ยังไม่มีใครตอบคำถามของหญิงสาว  ทุกคนก็เห็นเขาก้าวขึ้นชั้นสองมา

…..
……
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่