เสือเย็นสยบเสือสมิง




เสือเย็นสยบเสือสมิง

ล. วิลิศมาหรา


เสือเย็นและเสือสมิงมีความแตกต่างกัน เสือเย็นคือคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก เมื่อแก่ตัวไม่สามารถควบคุมอาคมนั้นได้ จึงกลายร่างเป็นเสือไป เสือสมิงคือเสือที่เคยกินคนและติดใจในรสชาติ จึงกินคนเรื่อยมา พอกินมาก ๆ เข้า วิญญาณคนที่ถูกกินก็เข้าสิงสู่ในเสือตัวนั้น ทำให้มันดุร้ายมากขึ้น และสามารถแปลงร่างเป็นคนเพื่อหลอกล่อไปกินได้ อาจพูดอีกอย่างได้ว่าเสือสมิงคือเสือที่กลายเป็นคน ส่วนเสือเย็นคือคนที่กลายเป็นเสือ        
   
แต่แม้จะมีตำนานเล่าขานถึงการกลายร่างเป็นเสือ เมื่อถูกวิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาเข้าตัว มนตร์ขลังแห่งวิชากำลังเสือเย็นก็เรียกร้องให้ชายหนุ่มผู้รักในไสยศาสตร์ และชื่นชอบวิชาการต่อสู้ ให้ติดตามมาเป็นศิษย์ของหลวงปู่ฤาษีขาม ผู้จำศีลภาวนาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง บนยอดเขาภูเค้าแมวอันสูงลิ่ว เขตติดต่อระหว่างไทยกับพม่า ซึ่งร่ำลือกันว่าเสาะหาตัวท่านได้ยากมาก ต้องเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ต้องการจะพบตัวท่านอย่างแท้จริง และมีวิชาอาคมอยู่บ้าง มีฝีมือการต่อสู้ที่พอตัว สามารถบุกป่า กล้าเผชิญกับอาถรรพ์ป่านานาชนิด จึงจะพิชิตความโหดร้ายของป่า เข้าไปพบกับผู้ทรงศีลจอมขมังเวทย์คนนั้นได้

แต่สิ่งที่ว่ามาไม่เกินความศรัทธาอันแรงกล้าของสองหนุ่มนามว่าผานกับเปลว สองคนนี้ต้องการเป็นนายพรานที่ชำนาญการเดินป่าแถบนี้ และมีวิชากำลังเสือเย็น ที่จะทำให้ตนเป็นคนทรงพลัง เปลวกับผานเป็นคนในพื้นที่ เข้าป่าหาของป่ากับพ่อมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จึงกล้าที่จะไปเสาะหาเรียนวิชากับจอมขมังเวทย์ พวกเขาเดินทางด้วยเท้า ผ่านหมู่บ้านชายป่าเข้าไปถึงเชิงเขาที่เล่าลือกันว่าเป็นที่อยู่ของพ่อปู่ฤๅษี

ผานซึ่งมีนิสัยห้าวหาญดุดันมุทะลุ ยิงสัตว์ใหญ่น้อยตายมาตามรายทาง เพราะระแวงว่าจะมีสัตว์อันตรายมาซุ่มโจมตีพวกตน มิใยเปลวจะห้ามปรามเป็นระยะ
“อย่ายิงสัตว์ที่ไม่ได้เข้ามาทำอันตรายเราเลยว่ะ ผาน สงสารมัน” เขาเตือนเพื่อน เมื่อเห็นผานยิงงูตัวหนึ่งร่วงลงจากต้นไม้ ห่างออกไปตั้งหลายเมตร

“เอ็งรู้ได้ยังไงว่ามันจะไม่ดักทำร้ายเรา ฆ่าศัตรูทิ้งก่อนที่มันจะมีโอกาสทำร้ายเรา นี่เป็นหลักประจำใจของข้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเว้ย ไอ้เปลว”

ผานตอบเพื่อนอย่างไม่ยี่หระต่อการกระทำของตัวเอง เปลวได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความเป็นคนหัวดื้อของผาน แต่เพราะเป็นเพื่อนรักกันมานาน ร่วมเป็นร่วมตายในถนนนักเลง และบททดสอบความทรหดในป่ามาด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เปลวซึ่งเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมากกว่า จึงมักเป็นฝ่ายตามใจและยอมให้ผานเป็นประจำ

บุกป่าเข้ามาจนตะวันลอยต่ำลง ใกล้จะตกดิน ผานจึงหยุดเดิน เขาหาทางขึ้นไปสู่ยอดเขาอันเป็นที่อยู่ของพ่อปู่ไม่ได้ เดินไปทางไหนก็เจอแต่หน้าผาสูงชัน อันยากต่อการปีนป่าย ผานสบถออกมา หันรีหันขวางเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหนดี เปลวมองไปทางขวามือ เห็นเหมือนมีแสงไฟสว่างวอมแวม ลอดผ่านดงไม้มาจากชะง่อนผาทางด้านนั้น

“ไอ้ผาน ตรงนั้นมีบ้านคน”

ทั้งสองเขม้นมอง เห็นเป็นเงาตะคุ่มของบ้านหลังหนึ่ง อยู่ใต้ชะง่อนผาจริง ๆ ราวกับสวรรค์มาโปรด เพราะหมายความว่าคืนนี้ทั้งคู่จะมีที่พัก ไม่ต้องปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ ต่างดีใจจนเนื้อเต้น รีบเดินเข้าไปหาอย่างว่องไว ปรากฏว่าเป็นกระท่อมหลังหนึ่งจริง ๆ

ในกระท่อมพบชายแก่คนหนึ่ง แต่งตัวเหมือนนายพรานทั่วไป มีปืนแก๊ปลำกล้องยาวเฟื้อยวางอยู่ข้างตัว แกนั่งสูบบุหรี่ไฟแดงวาบอย่างใจเย็น ไม่อนาทรกับความมืดมิดลงของยามค่ำคืน เปลวกับผานไม่รอช้า รีบเข้าไปหาแกเพื่อขอพักค้างคืน และจะได้ถามทางขึ้นเขาไปด้วย

“จะไปไหนกันน่ะ ไอ้หนุ่ม” แกเอ่ยถามทันทีที่ทั้งสองเดินมาถึง 

“หวัดดีจ้ะลุง พวกฉันจะขึ้นไปหาพ่อปู่ขามบนภูเค้าแมว แต่หาทางขึ้นไปบนภูไม่ได้เลย มีแต่หน้าผาเต็มไปหมด” ผานรีบบอก

“อยากไปหาพ่อปู่ทำไมกันล่ะ” แกถาม พลางจ้องตาดุ ๆ มาที่ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา

“ข้าสองคนอยากมาขอเรียนวิชากำลังเสือเย็นจากพ่อปู่จ้ะ” เปลวจ้องสบตากับชายแก่ นึกตงิดในใจว่าทำไมคนแก่แบบแกถึงมาสร้างบ้านอยู่กลางป่าแบบนี้ หรือแกจะปลีกวิเวกมาอยู่คนเดียวตามความชอบส่วนตัว

“ลุงอยู่คนเดียวเหรอจ้ะ” เขาสงสัยจนอดถามไม่ได้

“อยู่คนเดียวใจมันสงบดี ไม่มีใครมาวุ่นวายด้วย ไม่ต้องมีเรื่องใครมาเข้าหู” แกตอบเรียบ ๆ เปลวพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที ตัวเขาเองก็ชอบความเงียบสงบของผืนป่า มองใบหน้าสี่เหลี่ยม คิ้วหนาตาดุ ภายใต้แสงไฟจากตะเกียงในกระท่อม ดูไปแล้วหน้าตาแกก็น่ากลัวพิลึก ตาดุเหมือนตาเสือ แต่ลึก ๆ แล้วเขาเห็นแววของความเป็นคนใจดีซ่อนอยู่

 “อยากได้วิชานั้นไปทำไมล่ะ” แกถามอีก

“โธ่ ถามได้ หนุ่ม ๆ อย่างเราก็ต้องอยากมีวิชาไว้ต่อสู้กับศัตรูน่ะสิลุง ปกติข้าสองคนก็เรียนวิชาหมัดมวย ถ้ามีวิชานี้มาประกอบด้วย ใครหน้าไหนก็อย่ามาแหยมพวกข้าเสียให้ยาก”

 พอผานพูดจบ ได้ยินเสียงแกหัวเราะหึ หึ

“นักเลงจังนะเอ็ง” แกมองมาที่ผานด้วยแววตาขำ ๆ

“เอาไว้ใช้ป้องกันตัวจ้ะลุง หมู่นี้มีคนข้างนอกเข้ามาหาเรื่องคนในหมู่บ้านบ่อย ๆ เป็นคนของพ่อเลี้ยงอินสม พวกนี้เป็นนักเลงคุมปางไม้ เราเลยอยากมีวิชานี้ไว้ ไม่ให้ใครมาข่มเหงเอาได้ง่าย”

“อีกอย่างข้าอยากเป็นนายพรานที่เก่งที่สุดในย่านนี้ด้วยจ้ะลุง” ผานเสริมคำพูดของเปลว

“ข้าเห็นถึงความตั้งใจของเอ็งสองคน อืม...เรื่องที่เอ็งเล่ามาข้าก็นึกอยู่แล้วว่าวันหนึ่งมันจะต้องเกิดขึ้น ป่าถูกบุกรุกจากคนภายนอกมากขึ้นทุกที นายพรานที่รู้ถึงจิตวิญญาณของป่าก็เหลือน้อยลง” แกหยุดพูด แล้วมองหน้าชายหนุ่มทั้งสองนิ่งอยู่ เหมือนกำลังชั่งใจบางอย่าง ก่อนบอกว่า

“ค่ำแล้ว พวกเอ็งพักเสียที่บ้านข้านี่ พรุ่งนี้ข้าจะบอกทางขึ้นยอดเขาให้พวกเอ็งเอง ลุงชื่อเข้มนะ ที่หน้าผามีน้ำตก ไปอาบน้ำเสียที่นั่น ลุงจับปลามาได้หลายตัว เดี๋ยวจะแกงให้กิน” แกเอ่ยอย่างมีน้ำใจ ทั้งเปลวและผานดีใจมาก รีบรับคำแก 
 

เปลวกับผานจะได้พบกับจอมขมังเวทย์คนนั้นหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อไป ติดตามชีวิตของสองหนุ่มได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะคะ ไปเป็นกำลังใจให้พี่ลิด้วยค่ะ^^
https://youtu.be/h9NnABva3eY
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่