อายุ 60 ปีไม่มีประกันชีวิตและจะไม่ทำอีกต่อไป คิดว่าสมควรหรือไม?

อน่างที่บอกอายุ 60 ปีเกษียนมาหลายปี(early retire) มาประกอบอาชีพส่วนตัวไม่ร่ำรวยและก็ไม่จนพอมีอยู่มีกิน มีปรัชญาแนวทางการใช้ชีวิตตามแนวทางความเชื่อของตัวเอง ใช้ชีวิตไม่ตามกระแสสังคมหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั้งมวลที่ทำได้ ไมว่าจะเป็นด้านภัยประจำวันต่างๆของชีวิตประจำวันเช่นความเสี่ยงเกี่ยวกับอุบัติเหตุทั้งปวง ขับรถช้าหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เสี่ยงอันตรายตามเทศกาล(หมดเทศกาลก็ถึงออกไป)หรือในแต่ละวันถ้าไม่จำเป็นก็ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ ถ้าออกไปข้างนอกก็จะเลี่ยงวันเวลาที่ผู้คนเยอะๆ..ทางด้านสุขภาพร่างกาย ตั้งแต่อายุ 30 เป็นมาจนถึงปัจจุบันวิ่งออกกำลังกาย(วิ่งวันละ 12 กม) มาตลอด ช่วงออกจากงานมามีเวลามากขึ้นก็จะเพิ่มกายบริหารอีก ตรวจสุขภาพทุกปีผลที่ออกมายอดเยี่ยม(หมอบอก)เพราะร่างกายสมบรูณ์เหมือนคนอายุสัก 40 ปีไม่มีโรคประจำตัวใดๆ เหตุที่เป็นเช่นนี้พราะเราดูแลตนเองดีมาตลอด อาหารการกินไม่กินตามกระแสจะเลือกทานพวกที่เป็นอาหารที่ไขมันน้อยเป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งที่จะกินพวก junk food และที่สำคัญสุดพวกผักผลไม้แทบจะเป็นอาหารหลักในแต่ละวันเลย..ที่นี้มาถึงประเด็น"เรื่องประกัน"ทำมาตลอดตั้งแต่รุ่นแต่ไม่เคยเคลมเลย!เสียเงินทิ้งส่วนนี้มาตลอด เลยคิดว่าถ้าเราอายุ 80 up ถ้าเป็นโรคอะไร?ก็จะไม่ไม่รักษาแล้วชีวิตถึงตอนนั้นก็พอเพียงแล้ว และมีความมั่นใจว่าาุสุขภาพเราไปถึงตอนนั้นไม่น่าจะมีปัญหา เงินเบียที่ส่งเดือนละสองพันก่วาบาท น่าจะเปลี่ยนมาซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือซื้ออุปกรณ์กีฬา ซื้อผ้า,ริองเท้าวิ่ง คิดว่าน่าจะดีก่วา!..ไม่ทราบว่าผมคิดถูกหรือผิดครับ!
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
คิดถูกครับ ถูกตั้งแต่เลือกวิธีใช้ชีวิตแล้ว วิ่งได้ 12 กิโลเมตรนี่ไม่ธรรมดา

เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย คนเรานั้นร่างกายแข็งแรงก็เป็นโรคร้ายได้ มีตัวอย่างเยอะแยะ ร่างกายอ่อนแอ กินเหล้าสูบบุหรี่ ดันอยู่ได้ 70 - 80 ก็มีเยอะ เรื่องบุญกรรมนี้มันพูดยาก แต่ไม่ว่าจะอยู่ถึงอายุเท่าไร ถ้าจะตาย ก็จะตายอยู่นั่นเอง มีประกันมันก็ช่วยอะไรไม่ได้

ที่เพ้อๆกันว่าประกันชีวิตประกันสุขภาพไว้ เวลาป่วยเขาจะหามเข้าไปนอนเสวยสุขในโรงพยาบาล ก็เชื่อๆกันไป ดูตัวอย่างโฆษณาประกันมะเร็งมะเส็งอะไรนั่น เขาก็บอกแล้วว่ารักษาจนทุนประกันหมด ต่อจากนั้นเขาไม่ได้บอกว่า ถ้าไม่หาย เงินก็หมดแล้วนี่ ตายแบบไม่มีทุนรักษาก็แล้วกัน

อายุเจ้าของกระทู้ก็วัยเกษียณแล้ว มีเงินก็ใช้ไปตามสมควร ยิ่งถ้ายอมรับได้ว่าเมื่อถึงเวลามัจจุราชจะมาเชิญตัว ป่วยอย่างไรก็รักษาไม่หาย อายุเข้าวัยชราจะไปนั่งผ่าตัด ฉายแสง ให้คีโม จนเหลือซากเดินได้ แล้วดีใจว่าอยู่มาได้อีกปีสองปี ก่อนจะตายก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ชีวิตคุ้มแล้วครับ ใช้ให้คุ้มต่อไปจนถึงวันนั้น แล้วยอมรับอย่างมีความสุขว่าหมดเวลาของเราแล้ว ดีกว่า

ผู้ตอบสนับสนุน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ถามตัวเอง ถามลูกหลานในครอบครัว
ถ้าเจ็บป่วย สามารถตะกายไปต่อคิวศิริราช(ร.พ.รัฐอื่นๆ)ตั้งแต่ตี5 ได้ไหม
สามารถนอนห้องผู้ป่วยรวมใช้ห้องน้ำรวมในห้องผู้ป่วยอนาถาได้ไหม
สามารถใจเย็นนอนตามระเบียง ร.พ.ระหว่างรอเตียงคนไข้ในไปเรื่อยๆ ได้ไหม

ถ้าคุณและลูกหลานเห็นตรงกันว่า รอได้ทนได้ใจเย็นได้...ก็ไม่ต้องทำ

แต่ถ้า เสียง2ฝั่งไม่ตรงกันก็ทำประกันต่อไป จะได้ไม่ต้องมีคนมาโวยวายหมอพยาบาล เวลาไป ร.พ.รัฐ แล้วต้องรอ เพิ่มมาอีก1ครอบครัว และแค่เดือนละ 2,000 บาทมันไม่ได้มากมาย สมัยนี้เจ็บป่วยทีหนึ่งค่ารักษาก็หลายตังค์แล้ว

ป.ล. บ้านเรารอได้ เพราะติดรักษากับ ร.พ.รัฐเท่านั้นเลยชิน เมื่อก่อนตอนสาวๆ ยายแข็งแรงมาก ออกกำลังกายเช้าเย็นจนถึงอายุ 70 แต่แค่ล้มหนเดียว ชีวิตเปลี่ยน! คือลุกจากเตียงจะไปห้องน้ำแล้ววูบ... จากนั้นสังขารก็เป็นกราฟขาลงแบบดิ่งเหว

ขนาดใช้สิทธิ์รักษาของข้าราชการ ไป ร.พ.รัฐแต่ละที ส่วนต่างต้องจ่ายเองหลายพัน ตอนผ่าตัดนอน ร.พ. ก็หลายหมื่น และชีวิตก็วนเวียนเข้าออกอยู่ตลอดในช่วงอายุ 80
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่