นิพพานเป็นปัจจุบัน ไม่มีอนาคต

กระทู้สนทนา
ขอนำบทความของท่านผู้หนึ่งผมขอสงวนนามไว้ เห็นว่าน่าสนใจ ลองพิจารณาดูนะครับ
    +++++ นิพพานเป็นปัจจุบัน ไม่มีอนาคต +++++
ธรรมทั้งหลายเป็นเช่นนั้นเอง ไม่จำกัดกาล สัจธรรมไม่ว่าอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต ก็เป็นเช่นนั้นเองนะ
แต่การตื่นแจ้งในธรรมนั้นๆ การตื่นแจ้งในนิพพานจะเป็นปัจจุบันเท่านั้น ไม่มีนิพพานที่รอในอนาคต
หลายคนชอบรอนิพพานในอนาคต อันนั้นคือ อุปทาน คือ “อัตตา” แล้วละ คือ ไปอุปทานเอา
ว่าจะได้นิพพานในอนาคตก็เลยมา “ยึดมั่น” ว่าจะได้นิพพานในอนาคต ทีนี้ ชีวิตก็ไม่เป็นปกติแล้ว
ชีวิตที่ต้องรอนิพพานในอนาคต มันจะไม่สดใหม่ ไม่เป็นปัจจุบัน แสดงว่ายังไม่ตื่นแจ้งในนิพพานจริงๆ นะ
คิดเอาว่านิพพานเป็น “ผล” อะไรจะต้องรอในอนาคต คำว่า “มรรคผล” นั้น หมายถึงการตื่นแจ้งนิพพาน
ณ ปัจจุบันได้ แต่ไม่ใช่ผลที่เราสร้างเหตุเอาได้ หลายคนคิดว่าเราสร้างเหตุเป็นอรหันต์เอาไว้ตอนนี้ อนาคตจะได้นิพพาน อันนี้ ไม่ใช่แล้วนะ
แบบนี้เป็นอัตตาแล้ว คือ มองนิพพานเป็นอัตตาตัวตน ที่จะได้แน่ๆ ในอนาคตถ้าสร้างเหตุคืออรหันต์ไว้
ไม่ใช่นะ ยกตัวอย่างเช่น พระอรหันต์ชินปัญจระ ถูกหญิงสาวสวมกอดจากด้านหลัง จิตวิญญาณหลุดจากร่างละสังขาร
ณ ปัจจุบัน ไปสู่พรหมโลกเป็น “ท้าวมหาพรหมชินปัญจระ” ถ้าไปยึดมั่นว่าพระอรหันต์จะต้องได้นิพพานในอนาคต
อันนี้เป็นอัตตาแล้วนะ การตื่นแจ้งในนิพพานนั้นเป็นปัจจุบันเท่านั้น เมื่อตื่นแจ้งแล้วก็ดับไป ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้
ถ้าตื่นแจ้งแล้วไม่ยอมให้มันจบ ยังยึดมั่นถือมั่นว่าเราตื่นแจ้ง มันก็มีอัตตา มีตัวตนยึดถือตัวตนว่าเราเป็นผู้ตื่นแจ้ง
ทั้งๆ ที่มันจบไปละ เป็นอดีตไปละ นั่นละ อัตตาจึงได้เกิด ความเป็นพระอรหันต์ถ้ามันจะเกิด มันก็เกิดดับ ณ ปัจจุบันเท่านั้นนะ
ไม่มีลากมาจากอดีต ใครไปยึดถือว่าอดีตเมื่อสองสามปีนั้นฉันเป็นพระอรหันต์คือ ยึดติดกับอดีต มันจะเกิดก็เกิด มันจะดับก็ดับ
สดๆ ใหม่ๆ ไป ฉับพลันขณะไป ไม่ใช่เกิดแล้วให้ไปยึดมั่นเป็นอัตตาตัวตนเอาไว้นะ แบบนั้นยังไม่ได้ตื่นแจ้งจริง
มันยังมีอัตตาอยู่ ยังมียึดถือตัวตนอรหันต์ ตัวตนนิพพานกันอยู่ ทีนี้จะไม่เป็นปกติแล้ว ก็เหมือนคนที่ “แบกอดีตลากไป” น่ะละ
อดีตคิดว่าตนเองตื่นแจ้งในนิพพาน คิดว่าอนาคตต้องได้นิพพานแน่ๆ คิดว่าฉันคืออรหันต์เมื่อครั้งอดีต ฉันก็เลยแบกลากอัตตาตัวตนอรหันต์นั้นมาปัจจุบันด้วย เห็นไหม? เห็นอัตตาหรือเปล่า? นี่ละ เพราะไม่เห็นธรรมปัจจุบัน เกิดดับเป็นปัจจุบัน เลยลากมันมาจากอดีต เลยเกิดอัตตาขึ้น ทั้งที่จริงแล้วธรรมทั้งหลายไม่จำกัดกาล เป็นอกาลลิโก เป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว ถ้าเราจะตื่นแจ้งในธรรม ในนิพพาน มันก็เป็นปัจจุบันเท่านั้น แค่ชั่วฟ้าแลบ ฉับพลันขณะเท่านั้น เกิดแล้วดับไป ไม่อาจไปยึดมั่นถือมั่นอะไรมันได้ แต่เราชอบไปยึดมั่นถือมั่นมันเอาไว้ว่าฉันตื่นแจ้งในนิพพาน ฉันเป็นอรหันต์แล้ว นี่ละ อัตตาตัวตนมันเกิดขึ้นตอนนี้เองความตื่นแจ้งในนิพพานจะเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน เกิดแล้วดับไปว่าอ้อ นิพพานเป็นเช่นนั้นเอง เป็นอกาลิโก เราแค่ตื่นแจ้งในนิพพาน เป็นปัจจุบันเท่านั้น ชั่วฟ้าแลบ ฉับพลันขณะเท่านั้น เกิดแล้วดับไป เท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่อัตตาตัวตนที่จะไปยึดมั่นถือมั่นอะไร ความตื่นแจ้งในนิพพานนั้นเกิดแล้วก็ดับไป ความเป็นอรหันต์มันจะเกิดก็เกิดแล้วดับไป ช่างหัวมันปะไร จะต้องไปยึดถือมันไว้ไหม? จะต้องลากมันไปอนาคตด้วยหรือเปล่า? ต้องแบกมันเป็นหัวโขนสวมต่อไป แสดงตัวเองให้ดูดี น่านับถือศรัทธาเป็นพระอรหันต์อย่างนั้นหรือเปล่า? ไม่ใช่นะ มันจะเกิดก็เกิดแล้วมันก็ดับไป ไม่มีสาระ ไร้สาระจะไปยึดถือ ถ้าไปยึดถือมันไว้อีก มันก็จะกลายเป็นตัวตน เป็นนั่นเป็นนี่ ย้อนถอยไป “อนาคามี” เท่านั้นแหละ ไม่ใช่อรหันตผลจริงๆ นะ หลายคนชอบไปยึดถือมันไว้ เมื่อทำท่าจะตื่นแจ้งในนิพพาน ทำท่าจะได้อรหันต์ ช่างหัวมันสิ มันเกิดแล้วก็ดับแค่นั้นละ จะไปแบก ไปลากพามันไปด้วยอีกทำไม? เกิดก็เกิด ดับก็ดับ แล้วก็แล้วกันไป จบกันไป อะไรกับมันนักหนาละ กูก็ต้องเดินหน้าต่อไป อรหันต์ไรนี่ กินได้มั้ย 555 แต่เอาไปหากินได้ใช่ไหม? นั่นละ เพราะมันเอาไปหากินได้ เอาไปแสดง สวมหัวโขนแล้วเรียกเงินทองได้ มันก็เลยสนุกกันใหญ่ อัตตาทั้งนั้นนะ ไม่มีห่าอะไรหรอก ไม่ต้องมาหาอรหันต์ที่ไหน มันเกิดแล้วก็ดับตรงนั้นเลย มันตายไปแล้วแหละ มาหาอรหันต์ ยิ้มอะไรอีกละ 555 หลายคนไม่ยอมให้มันจบ ไม่ให้มันดับ ไปเพลินกับมัน ไปแบกไปลากมันมาด้วย เอามันไปอนาคตด้วย เพราะอะไร? เพราะชอบ เพราะอยากได้มัน จึงเอามันไปด้วย นี่ละ “อัตตา” ใช่ไหมละ อัตตามันเกิดตรงนี้ เกิดทันทีตอนที่เกือบๆ จะตื่นแจ้งนี่หละ มันไม่ใช่การตื่นแจ้งจริงๆ มันยัง “สลึมสลือ” อยู่นะ ถ้าตื่นแจ้งจริง มันจะเหมือน “ฟ้าผ่า” นะ เปรี้ยงเดียว เกิดแล้วดับไป จบมันตรงนั้นแหละ ไม่เอามาอีกแล้ว นิพพานก็ช่าง เกิดดับยิ้มมันตรงนั้น ไม่เอามาอีก อรหันต์ก็ช่าง เกิดดับ มันตรงนั้น ไม่เอามาอีก เรื่องของมันไป ไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่อัตตาอะไรจะไปยึดเอาถือเอา นิพพาน, อรหันต์ ก็ดี ไม่ใช่กระเป๋าหลุยส์ ไปยึดถืออะไรมันได้ละ ตื่นแจ้งแล้วก็มีสติปัญญาแล้ว ชีวิตมันก็ต้องเดินหน้าต่อไป เกิดดับไปในปัจจุบัน สู่อนาคต ไม่มีอะไรแบกลาพาไปอนาคตด้วยกับเราได้หรอก มันเกิดแล้วก็ดับ ก็จบของมันไป เท่านั้นเอง ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา คิดว่าเป็นของเรา นิพพานเป็นของเราในอนาคตเมื่อไร ก็แบกมันไปด้วยเมื่อนั้น แบบนี้แหละ “นิพพานเป็นอัตตา” ไม่มีอยู่จริง แต่แบกกันเยอะเหลือเกิน อรหันต์กันเต็มบ้านเมืองหมด
ถ้าตื่นแจ้งจริงทุกอย่างมันก็จบเลยนะ ไม่มีอะไรลากมาด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่