ก่อนอื่น จะขอพูดถึงคำว่า "สัมมาทิฏฐิ" ก่อนนะครับ
สัมมาทิฏฐิ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างแรกในการปฏิบัติธรรม (หรือที่เรียกว่าการเจริญมรรคมีองค์แปด) เพราะเป็นมรรคข้อแรก
สัมมาทิฏฐิคืออะไร?
สัมมาทิฏฐิ แปลว่า มีความเห็นถูกต้อง แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ สัมมาทิฏฐิของปุถุชน (โลกียะ) กับ สัมมาทิฏฐิของพระอริยะ (โลกุตระ)
สำหรับปุถุชน สัมมาทิฏฐิหรือความเห็นถูกต้อง โดยสรุปก็คือ เชื่อในกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เป็นต้น
ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ จะเกิดหิริ โอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป อันนำไปสู่การเจริญมรรคข้อถัดไป
แน่นอนว่า หากขาดมรรคข้อแรกหรือสัมมาทิฏฐินี้ จะไม่สามารถเจริญมรรคข้อถัดไปได้เลย
สำหรับพระอริยะ สัมมาทิฏฐิ หมายถึง ความเข้าใจอริยสัจสี่ เห็นความจริงว่าร่างกายและจิตใจไม่ใช่เรา ละสักกายะทิฏฐิได้ เป็นต้น
ซึ่งสัมมาทิฏฐิของพระอริยะ จะเกิดขึ้นเองเมื่อปฏิบัติตามมรรคครบทั้งแปดข้อ (เป็นผลของการเจริญมรรค)
มาถึงอีกส่วนที่ผมจะพูดถึงคือ "ความสัมพันธ์กันของมรรคมีองค์แปด"
ตามที่ผมกล่าวข้างต้นว่า หากขาดสัมมาทิฏฐิ จะไม่สามารถเจริญมรรคข้อถัดไปได้ นั่นก็คือความสัมพันธ์กันของมรรคทุกข้อ
เริ่มจากข้อสุดท้ายไปจนถึงข้อแรกนะครับ คือ
เราจะเจริญสัมมาสมาธิไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสติ
เราจะเจริญสัมมาสติไม่ได้เลย หากขาดสัมมาวายามะ
เราจะเจริญสัมมาวายามะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาอาชีวะ
เราจะเจริญสัมมาอาชีวะไม่ได้เลย หากขาดสัมมากัมมันตะ
เราจะเจริญสัมมากัมมันตะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาวาจา
เราจะเจริญสัมมาวาจาไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสังกัปปะ
เราจะเจริญสัมมาสังกัปปะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาทิฏฐิ
และหากย้อนกลับไป สัมมาทิฏฐิ (ของพระอริยะ) จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสมาธิ
ซึ่งนี่ก็คือความสัมพันธ์ (หรือความสำคัญ) ของมรรคทั้งแปด ขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
และสุดท้าย สำหรับสมาชิกบางท่านที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ (แต่เข้าใจว่านั่นคือสัมมาทิฏฐิ) เช่น เชื่อว่าตายแล้วสูญ ก็ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าสิ่งที่ท่านคิด ตัดโน่น เติมนี่ หรือเชื่ออย่างนั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับมรรคข้อถัดไป
หากขาดสัมมาทิฏฐิตามที่ท่านเข้าใจ จะเจริญมรรคข้อถัดไปได้หรือไม่ ลองสังเกตดูนะครับ
คำสอนของพระพุทธเจ้า หรือสิ่งที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏก มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทั้งหมด ไม่มีการขัดแย้งกันเลย
สัมมาทิฏฐิ และความสัมพันธ์กันของมรรคมีองค์แปด
สัมมาทิฏฐิ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างแรกในการปฏิบัติธรรม (หรือที่เรียกว่าการเจริญมรรคมีองค์แปด) เพราะเป็นมรรคข้อแรก
สัมมาทิฏฐิคืออะไร?
สัมมาทิฏฐิ แปลว่า มีความเห็นถูกต้อง แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ สัมมาทิฏฐิของปุถุชน (โลกียะ) กับ สัมมาทิฏฐิของพระอริยะ (โลกุตระ)
สำหรับปุถุชน สัมมาทิฏฐิหรือความเห็นถูกต้อง โดยสรุปก็คือ เชื่อในกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เป็นต้น
ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ จะเกิดหิริ โอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป อันนำไปสู่การเจริญมรรคข้อถัดไป
แน่นอนว่า หากขาดมรรคข้อแรกหรือสัมมาทิฏฐินี้ จะไม่สามารถเจริญมรรคข้อถัดไปได้เลย
สำหรับพระอริยะ สัมมาทิฏฐิ หมายถึง ความเข้าใจอริยสัจสี่ เห็นความจริงว่าร่างกายและจิตใจไม่ใช่เรา ละสักกายะทิฏฐิได้ เป็นต้น
ซึ่งสัมมาทิฏฐิของพระอริยะ จะเกิดขึ้นเองเมื่อปฏิบัติตามมรรคครบทั้งแปดข้อ (เป็นผลของการเจริญมรรค)
มาถึงอีกส่วนที่ผมจะพูดถึงคือ "ความสัมพันธ์กันของมรรคมีองค์แปด"
ตามที่ผมกล่าวข้างต้นว่า หากขาดสัมมาทิฏฐิ จะไม่สามารถเจริญมรรคข้อถัดไปได้ นั่นก็คือความสัมพันธ์กันของมรรคทุกข้อ
เริ่มจากข้อสุดท้ายไปจนถึงข้อแรกนะครับ คือ
เราจะเจริญสัมมาสมาธิไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสติ
เราจะเจริญสัมมาสติไม่ได้เลย หากขาดสัมมาวายามะ
เราจะเจริญสัมมาวายามะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาอาชีวะ
เราจะเจริญสัมมาอาชีวะไม่ได้เลย หากขาดสัมมากัมมันตะ
เราจะเจริญสัมมากัมมันตะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาวาจา
เราจะเจริญสัมมาวาจาไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสังกัปปะ
เราจะเจริญสัมมาสังกัปปะไม่ได้เลย หากขาดสัมมาทิฏฐิ
และหากย้อนกลับไป สัมมาทิฏฐิ (ของพระอริยะ) จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดสัมมาสมาธิ
ซึ่งนี่ก็คือความสัมพันธ์ (หรือความสำคัญ) ของมรรคทั้งแปด ขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
และสุดท้าย สำหรับสมาชิกบางท่านที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ (แต่เข้าใจว่านั่นคือสัมมาทิฏฐิ) เช่น เชื่อว่าตายแล้วสูญ ก็ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าสิ่งที่ท่านคิด ตัดโน่น เติมนี่ หรือเชื่ออย่างนั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับมรรคข้อถัดไป
หากขาดสัมมาทิฏฐิตามที่ท่านเข้าใจ จะเจริญมรรคข้อถัดไปได้หรือไม่ ลองสังเกตดูนะครับ
คำสอนของพระพุทธเจ้า หรือสิ่งที่เขียนไว้ในพระไตรปิฏก มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทั้งหมด ไม่มีการขัดแย้งกันเลย