เวลาที่พูดถึง "ผู้ปิดทองหลังพระ" เราจะนึกถึงคนที่มีความสำคัญที่สุดแต่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงหรือมองข้าม
เพื่อไม่ให้กระทู้นี้ดูซีเรียส ผมขอยกตัวอย่างเรื่องเบาๆ นะครับ เอาเป็นเรื่องฟุตบอลก็แล้วกัน เพราะผมเองก็ชอบดู เช่น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ สมัยที่เล่นกับทีมเลสเตอร์ ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่ทำให้เลสเตอร์ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน
ในบรรดามรรคทั้ง 8 องค์ สัมมาสังกัปปะ เป็นมรรคที่คนพูดถึงน้อยที่สุด
สัมมาทิฏฐิทุกคนทราบกันดี ถือว่าเป็นมรรคที่สำคัญที่สุดในบรรดามรรคทั้ง 8
สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ ก็คือ ศีล 5 คนก็รู้จักกันดี
สัมมาวายามะ มีการพูดถึงบ่อยในหลายพระสูตร โดยเฉพาะในชื่อของ สัมมัปปธาน 4
สัมมาอาชีวะ ประกอบอาชีพชอบ ทุกคนรู้จักกันดี
ในขณะที่สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ/ความคิดชอบ) ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญหรือไม่ค่อยพูดถึงกันบ่อย แต่ก็อาจจะเพราะมักจะพูดรวมกับสัมมาทิฏฐิไปด้วยกันนั่นเอง
แล้วทำไมผมถึงเปรียบสัมมาสังกัปปะว่าเป็นเหมือนผู้ปิดทองหลังพระ สัมมาสังกัปปะ มีความสำคัญมากขนาดไหน?
สัมมาสังกัปปะ เปรียบเสมือน "ทางผ่าน" สู่การเริ่มต้นการปฏิบัติ
ถ้าสัมมาทิฏฐิ เป็นการทำข้อสอบ สัมมาสังกัปปะ ก็คือผลสอบ ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
สัมมาสังกัปปะ มีอะไรบ้าง? สรุปย่อๆ คือ 1. มีความคิดออกจากกาม 2. มีความคิดไม่อาฆาต ไม่พยาบาท 3. มีความคิดไม่เบียดเบียน (แบบเต็มๆ อยู่ใน Spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สัมมาสังกัปปะ หมายถึง ดำริชอบ หรือความนึกคิดในทางที่ถูกต้อง เป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด มี 3 อย่าง ได้แก่
1. เนกขัมมสังกัปป์ (หรือ เนกขัมมวิตก) คือ ความดำริที่ปลอดจากโลภะ ความนึกคิดที่ปลอดโปร่งจากกาม ไม่หมกมุ่นพัวพันติดข้องในสิ่งสนองความอยากต่างๆ ความคิดที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ความคิดเสียสละ และความคิดที่เป็นคุณเป็นกุศลทุกอย่าง จัดเป็นความนึกคิดที่ปราศจากราคะหรือโลภะ
2. อพยาบาทสังกัปป์ (หรือ อพยาบาทวิตก) คือ ดำริในอันไม่พยาบาท ความดำริที่ไม่มีความเคียดแค้น ชิงชัง ขัดเคือง หรือเพ่งมองในแง่ร้ายต่างๆ โดยเฉพาะมุ่งเอาธรรมที่ตรงข้าม คือเมตตา กรุณาซึ่งหมายถึงความปรารถนาดี ความมีไมตรี ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข จัดเป็นความนึกคิดที่ปราศจากโทสะ
3. อวิหิงสาสังกัปป์ (หรือ อวิหิงสาวิตก) คือ ดำริในอันไม่เบียดเบียน ไม่มีการคิดทำร้ายหรือทำลายด้วยความไม่รู้ เพราะคึกคะนอง ทำโดยไม่มีความโลภหรือความโกรธมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมุ่งเอาธรรมที่ตรงข้าม ปัญญาคือเข้าใจโลกนี้ตามความเป็นจริง รู้ชัดในกฎแห่งกรรม หรือมีสามัญสำนึกในสิ่งที่ถูกต้องดีงามเอง จัดเป็นความนึกคิดที่ปราศจากโมหะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หลายคนมักจะบอกว่า คนโน้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ คนนี้ยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตกลงว่าเป็นสัมมาทิฏฐิหรือยัง?
คำตอบคือ ให้ดูที่สัมมาสังกัปปะครับ เกิดความคิดชอบ ความดำริชอบแล้วหรือยัง
ถ้าใครที่ยังมีความคิดอาฆาต พยาบาท ยังมีความคิดเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ หรือยังไม่มีความคิดที่จะออกจากกาม เป็นต้น พวกเขาเหล่านั้นยังไม่เป็นสัมมาสังกัปปะ
และที่ยังไม่เป็นสัมมาสังกัปปะ เพราะยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐินั่นเอง หรือยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมคือ สอบสัมมาทิฏฐิยังไม่ผ่าน
เมื่อเรายังไม่เกิดความดำริชอบ หรือเกิดความคิดที่ถูกต้อง สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นคือ สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ อาจจะรักษาศีลก็จริง แต่เกิดแค่ทางกาย ทางการกระทำ แต่ไม่ได้เกิดที่ใจ
นั่นคือความสำคัญของสัมมาสังกัปปะ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตาม มรรคทุกองค์มีความสำคัญหมดนะครับ ขาดองค์ใดองค์หนึ่งหรือข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
ดังนั้น ในการปฏิบัติธรรม อย่ามองข้ามนะครับ เพราะหากไม่สำคัญ พระพุทธเจ้าก็คงไม่ให้เราหมั่นเจริญแน่
สัมมาสังกัปปะ มรรคผู้ปิดทองหลังพระ
เพื่อไม่ให้กระทู้นี้ดูซีเรียส ผมขอยกตัวอย่างเรื่องเบาๆ นะครับ เอาเป็นเรื่องฟุตบอลก็แล้วกัน เพราะผมเองก็ชอบดู เช่น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ สมัยที่เล่นกับทีมเลสเตอร์ ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่ทำให้เลสเตอร์ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน
ในบรรดามรรคทั้ง 8 องค์ สัมมาสังกัปปะ เป็นมรรคที่คนพูดถึงน้อยที่สุด
สัมมาทิฏฐิทุกคนทราบกันดี ถือว่าเป็นมรรคที่สำคัญที่สุดในบรรดามรรคทั้ง 8
สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ ก็คือ ศีล 5 คนก็รู้จักกันดี
สัมมาวายามะ มีการพูดถึงบ่อยในหลายพระสูตร โดยเฉพาะในชื่อของ สัมมัปปธาน 4
สัมมาอาชีวะ ประกอบอาชีพชอบ ทุกคนรู้จักกันดี
ในขณะที่สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ/ความคิดชอบ) ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญหรือไม่ค่อยพูดถึงกันบ่อย แต่ก็อาจจะเพราะมักจะพูดรวมกับสัมมาทิฏฐิไปด้วยกันนั่นเอง
แล้วทำไมผมถึงเปรียบสัมมาสังกัปปะว่าเป็นเหมือนผู้ปิดทองหลังพระ สัมมาสังกัปปะ มีความสำคัญมากขนาดไหน?
สัมมาสังกัปปะ เปรียบเสมือน "ทางผ่าน" สู่การเริ่มต้นการปฏิบัติ
ถ้าสัมมาทิฏฐิ เป็นการทำข้อสอบ สัมมาสังกัปปะ ก็คือผลสอบ ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
สัมมาสังกัปปะ มีอะไรบ้าง? สรุปย่อๆ คือ 1. มีความคิดออกจากกาม 2. มีความคิดไม่อาฆาต ไม่พยาบาท 3. มีความคิดไม่เบียดเบียน (แบบเต็มๆ อยู่ใน Spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลายคนมักจะบอกว่า คนโน้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ คนนี้ยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตกลงว่าเป็นสัมมาทิฏฐิหรือยัง?
คำตอบคือ ให้ดูที่สัมมาสังกัปปะครับ เกิดความคิดชอบ ความดำริชอบแล้วหรือยัง
ถ้าใครที่ยังมีความคิดอาฆาต พยาบาท ยังมีความคิดเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ หรือยังไม่มีความคิดที่จะออกจากกาม เป็นต้น พวกเขาเหล่านั้นยังไม่เป็นสัมมาสังกัปปะ
และที่ยังไม่เป็นสัมมาสังกัปปะ เพราะยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐินั่นเอง หรือยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมคือ สอบสัมมาทิฏฐิยังไม่ผ่าน
เมื่อเรายังไม่เกิดความดำริชอบ หรือเกิดความคิดที่ถูกต้อง สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นคือ สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ อาจจะรักษาศีลก็จริง แต่เกิดแค่ทางกาย ทางการกระทำ แต่ไม่ได้เกิดที่ใจ
นั่นคือความสำคัญของสัมมาสังกัปปะ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตาม มรรคทุกองค์มีความสำคัญหมดนะครับ ขาดองค์ใดองค์หนึ่งหรือข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
ดังนั้น ในการปฏิบัติธรรม อย่ามองข้ามนะครับ เพราะหากไม่สำคัญ พระพุทธเจ้าก็คงไม่ให้เราหมั่นเจริญแน่