12 ปีก่อน...
ในตอนเย็น ทิพย์เห็นว่าทับทิมลูกสาววัยหกขวบตัวร้อนไข้ขึ้นสูง จึงรีบหาผ้ามาเช็ดตัว แต่เช็ดตัวสักเท่าใดก็ไม่บรรเทาอุณหภูมิในร่างกายทับทิมไปได้ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสามีที่เพิ่งกลับมาจากไร่นาจึงรีบร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ เที่ยงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการลูก ก่อนจะตัดสินใจแบกลูกขึ้นหลังไปลงเรืออย่างด่วน เพื่อไปให้หลวงพ่อที่วัดดูอาการ เพราะในขณะนั้นมีเพียงหลวงพ่ออินทร์ที่เป็นผู้รู้ตำหรับยาสมุนไพรไทย เชี่ยวชาญการรักษาชาวบ้านจนเป็นที่เลื่องลือ เที่ยงรีบพายเรืออย่างร้อนใจกลัวจะไม่ทันการ เพราะไม่นานมานี้ก็มีเด็กเสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการคล้ายกัน เมื่อถึงท่าเทียบเรือของวัดหลวงพ่ออินทร์ เที่ยงรีบเอาเรือเข้าเทียบท่า อุ้มร่างลูกขึ้นมานั่งพักที่ศาลาท่าน้ำ ทับทิมค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆอย่างไร้เรี่ยวแรง
“นั่งรอพ่ออยู่นี่ก่อนนะลูก ประเดี๋ยวพ่อมา”
เที่ยงกล่าวกับลูกก่อนจะรีบวิ่งไปที่กุฏิหลวงพ่ออินทร์ แต่ว่าวันนี้มีงานศพของคุณยายชมที่เรือนอยู่ข้างวัด หลวงพ่อจึงต้องอยู่สวดศพ เที่ยงเห็นคนเยอะแลมีแต่ผู้มียศศักดิ์ก็ไม่กล้าเข้าไปหาหลวงพ่อ จึงด้อมๆมองๆอยู่ห่างๆรอจังหวะเวลา
ทางด้านทับทิม พิษไข้ที่ร้อนรุ่มทำให้ทับทิมร้อนจนเหงื่อแตกออกมาทุกรูขุมขน เพ้อหาน้ำเย็นมาชโลมตัว กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่อย่างนั้น แต่พ่อก็ไร้วี่แววจะมาดูอาการ ทับทิมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พลันก็มองไปเห็นน้ำใสที่ไหลเย็น ทับทิมยิ้มออกมาบางๆ ค่อยๆเดินลงไปที่ท่าน้ำ นั่งจุ่มเท้าลงน้ำ เพียงเท่านั้นก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ทับทิมก้มตัวลงไปจะวิดน้ำมาลูบไล้กาย ทันใดนั้นก็พลัดตกลงไปในน้า ด้วยความโรยแรงจึงไม่มีแม้แต่เสียงจะร้องขอความช่วยเหลือใคร
ทางด้านเรือนใหญ่ข้างวัด เป็นเรือนของคุณยายชมที่เพิ่งเสียชีวิต คุณยายชมผู้นี้เป็นมารดาชองคุณหญิงชื่น ภรรยาของจมื่นสรรเพชญ์ภักดี เมื่อแม่ยายเสียจมื่นจึงพาลูกเมียมาร่วมงานศพด้วย แต่สิงห์ ลูกชายที่อยู่ในวัยกำลังซนก็ไม่ยอมอยู่ฟังพระสวดกับพ่อแม่ เอาแต่วิ่งเล่นรอบวัดกับบ่าวไพร่
สิงห์วิ่งขี้ม้าก้านกล้วยไปรอบวัด พิศบ่าวรับใช้ที่ตามมาดูแลต้องวิ่งตามให้ทัน แต่แรงของเด็กวิ่งเท่าใดก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ต่างจากแรงของผู้ใหญ่ที่หอบแล้วหอบอีก แช่ม บ่าวของคุณยายชมจึงมาช่วยดูเด็กทะโมนอย่างสิงห์อีกแรง สิงห์ยิ่งสนุกกับการวิ่งหนีหลบหลีกบ่าวทั้งสองคน
เมื่อวิ่งมาถึงท่าน้ำ พลันหางตาก็เหลือบไปเห็น เรือที่ไม่มีเจ้าของ เด็กทะโมนพลันก็นึกสนุกรีบตรงดิ่งไปที่เรือลำนั้น ทันใดนั้นก็ได้เห็นทับทิมที่พลัดตกน้ำกำลังตะเกียกตะกายน้ำและกำลังจะจมอยู่ตรงหน้า สิงห์ตัดสินใจยื่นไม้พายให้ทับทิมเกาะไว้ตนจะได้ดึงขึ้นฝั่ง แต่เรี่ยวแรงอันอ่อนโรย ทับทิมเอื้อมมือจะถึงไม้พายแล้วแต่หมดแรงจมดิ่งลงไปเสียก่อน สิงห์ตกใจสุดขีดจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปช่วยทับทิมในทันที...
พลันพิศกับแช่มได้ยินเสียงคนโดดน้ำดังตูมใหญ่ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบวิ่งไปดูที่ท่าน้ำ
“ตายแล้วคุณสิงห์ คุณสิงห์ของบ่าว นี่อย่าบอกนะเจ้าคะ ว่าเสียงโดดน้ำเมื่อครู่เป็นคุณสิงห์โดดลงไปช่วยแม่หนูคนนี้รึเจ้าคะ”
พิศตกใจที่ได้มาเห็นสภาพเปียกปอนของเด็กทั้งสอง สิงห์ช่วยทับทิมขึ้นมาได้ เพราะว่ายน้ำคลองเล่นเป็นประจำกับบุษย์บ่าวในเรือน สิงห์ปลุกทับทิมให้รู้สึกตัว ทับทิมค่อยๆสำลักน้ำออกมา
“ตัวร้อนเหมือนไฟเลยเจ้าค่ะ” แช่มโวยวายเมื่อแตะตัวทับทิมแล้วร้อนราวกับไฟสุม
“ทำกระไรดีเจ้าคะคุณสิงห์” แช่มถามนายน้อย
“ตัวร้อน...สงสัยจะเป็นไข้ เสื้อผ้าเปียกปอนเช่นนี้ไม่ดีแน่ หาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เขาสิพิศ” สิงห์สั่งบ่าวคนสนิท
“ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ แล้วอีพิศจะไปหาเสื้อผ้าที่ไหนมาเปลี่ยนให้เล่าเจ้าคะ คุณสิงห์” พิศโต้เถียงคุณหนูน้อย
“ก็เสื้อผ้าของฉันไงเล่า เอามาตั้งหลายหีบ แบ่งมาให้เขาใส่ เร็วสิพิศ” สิงห์สั่งเสียงเข้ม พิศจึงอุ้มทับทิมที่นอนหมดสติกลับไปที่เรือนคุณยายชม
“ชุดนี้นะเจ้าคะ” พิศเลือกผ้าผ่อนของนายน้อยมาให้ช่วยดู
“เออ รีบเปลี่ยนสิพิศ เขานอนหนาวสั่นแล้วนี่ ไม่เห็นรึ”
“คุณสิงห์ก็หันไปสิเจ้าคะ นังหนูนี่เป็นผู้หญิงนะเจ้าคะ” สิงห์มัวแต่เป็นห่วงทับทิมจนลืมตัว เมื่อพิศทักท้วงจึงรีบหันหลังไปทันที
“ห้ามแอบดูนะเจ้าคะ!”
“เสร็จรึยังพิศ”
เมื่อพิศส่งสัญญาณว่าเปลี่ยนผ้าผ่อนเสร็จสิงห์ก็รีบหันกลับมา เมื่อเห็นทับทิมใส่ชุดของตนก็ยิ้มเอ็นดูและถูกชะตากับสาวน้อยที่ตนได้ช่วยไว้ เมื่อเห็นว่าตัวยังร้อนอยู่จึงสั่งให้พิศหายามาให้ทับทิม โชคดีที่บ้านคุณยายชมมียาสมุนไพรอยู่มากแช่มจึงรีบไปต้มยาหม้อตามคำสั่งนายน้อยในทันที
ทางด้านเที่ยงเมื่อกลับมาดูลูกก็พบว่าทับทิมหายตัวไป แต่มีรอยน้ำที่เกิดจากสิงห์ที่ไปช่วยทับทิมพลัดตกน้ำก็สังหรณ์ใจ กระวนกระวายเป็นห่วงลูกสาวอย่างมาก วิ่งถามหาลูกไปทั่ววัด
“โทษนะจ๊ะเห็นเด็กผู้หญิงตัวเท่านี้บ้างไหมจ๊ะ” ถามเป็นสิบคนก็ไม่มีใครตอบว่าเห็น เที่ยงหน้าเสียใจหายด้วยหาลูกเท่าใดก็ไม่เจอ เห็นแช่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านมาจึงรีบมาดักหน้า
“ว๊าย จะปล้นฉันรึ ฉันไม่มีอัฐสักแดงเดียว ปล่อยฉันไปเถิดจ้ะ ที่นี่เขตวัดวาอย่าทำบาปทำกรรมเลยนะจ๊ะ ฉันกลัวแล้ว” แช่มแหกปากโวยวายเป็นกระต่ายตื่นตูม ทำให้เที่ยงทำตัวไม่ถูก
“ฉันไม่ใช่โจรจ้ะ ฉันมาตามหาคน ฉันมาตามหาลูก...ลูกสาวฉัน ตัวเท่านี้ พี่สาวเห็นบ้างหรือไม่จ๊ะ ฉันหามาทั่ววัดแล้ว เหลือแต่ทางนี้ พี่สาวเห็นหรือไม่” เที่ยงยืนลุ้นคำตอบจากปากแช่ม แช่มมองหน้าเที่ยงสักครู่ก่อนจะพูดออกมา
“เด็กผู้หญิง ตัวเท่านี้ อ๋อ...ลูกสาวเอ็งดอกรึ”
“พี่สาวเห็นหรือจ๊ะ ลูกฉันเองจ้ะ...ลูกฉันเอง ตอนนี้ลูกฉันอยู่ที่ใด รีบบอกฉันเถิด” เที่ยงดีใจมากที่มีคนเห็นทับทิม
“ก็ลูกเอ็งน่ะซี...ลูกเอ็งน่ะพลัดตกน้ำ”
แช่มยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เที่ยงก็เข้ามาเขย่าตัวเค้นเอาความเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย กว่าจะเข้าใจกันได้ เล่นเอาแช่มเหนื่อยหอบ เมื่อรู้แล้วว่าทับทิมพลัดตกน้ำแต่มีผู้ช่วยไว้ เที่ยงจึงรีบบึ่งมาที่เรือนคุณยายชม เห็นสิงห์กำลังป้อนยาให้ทับทิมพอดี เมื่อทับทิมอาการดีขึ้น เที่ยงก็ขอพาตัวทับทิมกลับบ้าน สิงห์ให้พิศเอายาสมุนไพรมากมายมาให้เที่ยง เที่ยงซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหนูน้อย จึงจดจำชื่อของสิงห์บุตรชายจมื่นสรรเพชญ์ภักดีไว้ขึ้นใจ และชื่อนี้ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งในครานี้...
“สิงห์ บุตรชายจมื่นสรรเพชญ์ภักดี “
ทับทิมเอ่ยขึ้นเมื่อความทรงจำถูกรื้อฟื้นขึ้นมา ครูเที่ยงบอกว่าไม่คิดว่าลูกจะจำได้ เพราะยังเล็กนัก แต่ทับทิมกำลังร้อยเรียงเรื่องราวและแน่ใจแล้วว่าจะต้องเป็นคนเดียวกับสิงห์ที่ตนพึ่งได้ชักดาบใส่เป็นแน่...
00000000
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลูกไม้มวยไทย ตอนที่ ๑๖ ชะตากำหนด
ในตอนเย็น ทิพย์เห็นว่าทับทิมลูกสาววัยหกขวบตัวร้อนไข้ขึ้นสูง จึงรีบหาผ้ามาเช็ดตัว แต่เช็ดตัวสักเท่าใดก็ไม่บรรเทาอุณหภูมิในร่างกายทับทิมไปได้ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสามีที่เพิ่งกลับมาจากไร่นาจึงรีบร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ เที่ยงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการลูก ก่อนจะตัดสินใจแบกลูกขึ้นหลังไปลงเรืออย่างด่วน เพื่อไปให้หลวงพ่อที่วัดดูอาการ เพราะในขณะนั้นมีเพียงหลวงพ่ออินทร์ที่เป็นผู้รู้ตำหรับยาสมุนไพรไทย เชี่ยวชาญการรักษาชาวบ้านจนเป็นที่เลื่องลือ เที่ยงรีบพายเรืออย่างร้อนใจกลัวจะไม่ทันการ เพราะไม่นานมานี้ก็มีเด็กเสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการคล้ายกัน เมื่อถึงท่าเทียบเรือของวัดหลวงพ่ออินทร์ เที่ยงรีบเอาเรือเข้าเทียบท่า อุ้มร่างลูกขึ้นมานั่งพักที่ศาลาท่าน้ำ ทับทิมค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆอย่างไร้เรี่ยวแรง
“นั่งรอพ่ออยู่นี่ก่อนนะลูก ประเดี๋ยวพ่อมา”
เที่ยงกล่าวกับลูกก่อนจะรีบวิ่งไปที่กุฏิหลวงพ่ออินทร์ แต่ว่าวันนี้มีงานศพของคุณยายชมที่เรือนอยู่ข้างวัด หลวงพ่อจึงต้องอยู่สวดศพ เที่ยงเห็นคนเยอะแลมีแต่ผู้มียศศักดิ์ก็ไม่กล้าเข้าไปหาหลวงพ่อ จึงด้อมๆมองๆอยู่ห่างๆรอจังหวะเวลา
ทางด้านทับทิม พิษไข้ที่ร้อนรุ่มทำให้ทับทิมร้อนจนเหงื่อแตกออกมาทุกรูขุมขน เพ้อหาน้ำเย็นมาชโลมตัว กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่อย่างนั้น แต่พ่อก็ไร้วี่แววจะมาดูอาการ ทับทิมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พลันก็มองไปเห็นน้ำใสที่ไหลเย็น ทับทิมยิ้มออกมาบางๆ ค่อยๆเดินลงไปที่ท่าน้ำ นั่งจุ่มเท้าลงน้ำ เพียงเท่านั้นก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ทับทิมก้มตัวลงไปจะวิดน้ำมาลูบไล้กาย ทันใดนั้นก็พลัดตกลงไปในน้า ด้วยความโรยแรงจึงไม่มีแม้แต่เสียงจะร้องขอความช่วยเหลือใคร
ทางด้านเรือนใหญ่ข้างวัด เป็นเรือนของคุณยายชมที่เพิ่งเสียชีวิต คุณยายชมผู้นี้เป็นมารดาชองคุณหญิงชื่น ภรรยาของจมื่นสรรเพชญ์ภักดี เมื่อแม่ยายเสียจมื่นจึงพาลูกเมียมาร่วมงานศพด้วย แต่สิงห์ ลูกชายที่อยู่ในวัยกำลังซนก็ไม่ยอมอยู่ฟังพระสวดกับพ่อแม่ เอาแต่วิ่งเล่นรอบวัดกับบ่าวไพร่
สิงห์วิ่งขี้ม้าก้านกล้วยไปรอบวัด พิศบ่าวรับใช้ที่ตามมาดูแลต้องวิ่งตามให้ทัน แต่แรงของเด็กวิ่งเท่าใดก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ต่างจากแรงของผู้ใหญ่ที่หอบแล้วหอบอีก แช่ม บ่าวของคุณยายชมจึงมาช่วยดูเด็กทะโมนอย่างสิงห์อีกแรง สิงห์ยิ่งสนุกกับการวิ่งหนีหลบหลีกบ่าวทั้งสองคน
เมื่อวิ่งมาถึงท่าน้ำ พลันหางตาก็เหลือบไปเห็น เรือที่ไม่มีเจ้าของ เด็กทะโมนพลันก็นึกสนุกรีบตรงดิ่งไปที่เรือลำนั้น ทันใดนั้นก็ได้เห็นทับทิมที่พลัดตกน้ำกำลังตะเกียกตะกายน้ำและกำลังจะจมอยู่ตรงหน้า สิงห์ตัดสินใจยื่นไม้พายให้ทับทิมเกาะไว้ตนจะได้ดึงขึ้นฝั่ง แต่เรี่ยวแรงอันอ่อนโรย ทับทิมเอื้อมมือจะถึงไม้พายแล้วแต่หมดแรงจมดิ่งลงไปเสียก่อน สิงห์ตกใจสุดขีดจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปช่วยทับทิมในทันที...
พลันพิศกับแช่มได้ยินเสียงคนโดดน้ำดังตูมใหญ่ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบวิ่งไปดูที่ท่าน้ำ
“ตายแล้วคุณสิงห์ คุณสิงห์ของบ่าว นี่อย่าบอกนะเจ้าคะ ว่าเสียงโดดน้ำเมื่อครู่เป็นคุณสิงห์โดดลงไปช่วยแม่หนูคนนี้รึเจ้าคะ”
พิศตกใจที่ได้มาเห็นสภาพเปียกปอนของเด็กทั้งสอง สิงห์ช่วยทับทิมขึ้นมาได้ เพราะว่ายน้ำคลองเล่นเป็นประจำกับบุษย์บ่าวในเรือน สิงห์ปลุกทับทิมให้รู้สึกตัว ทับทิมค่อยๆสำลักน้ำออกมา
“ตัวร้อนเหมือนไฟเลยเจ้าค่ะ” แช่มโวยวายเมื่อแตะตัวทับทิมแล้วร้อนราวกับไฟสุม
“ทำกระไรดีเจ้าคะคุณสิงห์” แช่มถามนายน้อย
“ตัวร้อน...สงสัยจะเป็นไข้ เสื้อผ้าเปียกปอนเช่นนี้ไม่ดีแน่ หาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เขาสิพิศ” สิงห์สั่งบ่าวคนสนิท
“ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ แล้วอีพิศจะไปหาเสื้อผ้าที่ไหนมาเปลี่ยนให้เล่าเจ้าคะ คุณสิงห์” พิศโต้เถียงคุณหนูน้อย
“ก็เสื้อผ้าของฉันไงเล่า เอามาตั้งหลายหีบ แบ่งมาให้เขาใส่ เร็วสิพิศ” สิงห์สั่งเสียงเข้ม พิศจึงอุ้มทับทิมที่นอนหมดสติกลับไปที่เรือนคุณยายชม
“ชุดนี้นะเจ้าคะ” พิศเลือกผ้าผ่อนของนายน้อยมาให้ช่วยดู
“เออ รีบเปลี่ยนสิพิศ เขานอนหนาวสั่นแล้วนี่ ไม่เห็นรึ”
“คุณสิงห์ก็หันไปสิเจ้าคะ นังหนูนี่เป็นผู้หญิงนะเจ้าคะ” สิงห์มัวแต่เป็นห่วงทับทิมจนลืมตัว เมื่อพิศทักท้วงจึงรีบหันหลังไปทันที
“ห้ามแอบดูนะเจ้าคะ!”
“เสร็จรึยังพิศ”
เมื่อพิศส่งสัญญาณว่าเปลี่ยนผ้าผ่อนเสร็จสิงห์ก็รีบหันกลับมา เมื่อเห็นทับทิมใส่ชุดของตนก็ยิ้มเอ็นดูและถูกชะตากับสาวน้อยที่ตนได้ช่วยไว้ เมื่อเห็นว่าตัวยังร้อนอยู่จึงสั่งให้พิศหายามาให้ทับทิม โชคดีที่บ้านคุณยายชมมียาสมุนไพรอยู่มากแช่มจึงรีบไปต้มยาหม้อตามคำสั่งนายน้อยในทันที
ทางด้านเที่ยงเมื่อกลับมาดูลูกก็พบว่าทับทิมหายตัวไป แต่มีรอยน้ำที่เกิดจากสิงห์ที่ไปช่วยทับทิมพลัดตกน้ำก็สังหรณ์ใจ กระวนกระวายเป็นห่วงลูกสาวอย่างมาก วิ่งถามหาลูกไปทั่ววัด
“โทษนะจ๊ะเห็นเด็กผู้หญิงตัวเท่านี้บ้างไหมจ๊ะ” ถามเป็นสิบคนก็ไม่มีใครตอบว่าเห็น เที่ยงหน้าเสียใจหายด้วยหาลูกเท่าใดก็ไม่เจอ เห็นแช่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านมาจึงรีบมาดักหน้า
“ว๊าย จะปล้นฉันรึ ฉันไม่มีอัฐสักแดงเดียว ปล่อยฉันไปเถิดจ้ะ ที่นี่เขตวัดวาอย่าทำบาปทำกรรมเลยนะจ๊ะ ฉันกลัวแล้ว” แช่มแหกปากโวยวายเป็นกระต่ายตื่นตูม ทำให้เที่ยงทำตัวไม่ถูก
“ฉันไม่ใช่โจรจ้ะ ฉันมาตามหาคน ฉันมาตามหาลูก...ลูกสาวฉัน ตัวเท่านี้ พี่สาวเห็นบ้างหรือไม่จ๊ะ ฉันหามาทั่ววัดแล้ว เหลือแต่ทางนี้ พี่สาวเห็นหรือไม่” เที่ยงยืนลุ้นคำตอบจากปากแช่ม แช่มมองหน้าเที่ยงสักครู่ก่อนจะพูดออกมา
“เด็กผู้หญิง ตัวเท่านี้ อ๋อ...ลูกสาวเอ็งดอกรึ”
“พี่สาวเห็นหรือจ๊ะ ลูกฉันเองจ้ะ...ลูกฉันเอง ตอนนี้ลูกฉันอยู่ที่ใด รีบบอกฉันเถิด” เที่ยงดีใจมากที่มีคนเห็นทับทิม
“ก็ลูกเอ็งน่ะซี...ลูกเอ็งน่ะพลัดตกน้ำ”
แช่มยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เที่ยงก็เข้ามาเขย่าตัวเค้นเอาความเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย กว่าจะเข้าใจกันได้ เล่นเอาแช่มเหนื่อยหอบ เมื่อรู้แล้วว่าทับทิมพลัดตกน้ำแต่มีผู้ช่วยไว้ เที่ยงจึงรีบบึ่งมาที่เรือนคุณยายชม เห็นสิงห์กำลังป้อนยาให้ทับทิมพอดี เมื่อทับทิมอาการดีขึ้น เที่ยงก็ขอพาตัวทับทิมกลับบ้าน สิงห์ให้พิศเอายาสมุนไพรมากมายมาให้เที่ยง เที่ยงซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหนูน้อย จึงจดจำชื่อของสิงห์บุตรชายจมื่นสรรเพชญ์ภักดีไว้ขึ้นใจ และชื่อนี้ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งในครานี้...
“สิงห์ บุตรชายจมื่นสรรเพชญ์ภักดี “
ทับทิมเอ่ยขึ้นเมื่อความทรงจำถูกรื้อฟื้นขึ้นมา ครูเที่ยงบอกว่าไม่คิดว่าลูกจะจำได้ เพราะยังเล็กนัก แต่ทับทิมกำลังร้อยเรียงเรื่องราวและแน่ใจแล้วว่าจะต้องเป็นคนเดียวกับสิงห์ที่ตนพึ่งได้ชักดาบใส่เป็นแน่...
โปรดติดตามตอนต่อไป