ลูกไม้มวยไทย ตอนที่ ๒๐ อยู่ในฐานะกระไร?

บนเรือนจมื่นสรรเพชญ์ภักดี...

         คุณหญิงชื่นกำลังต้อนรับว่าที่ศรีสะใภ้ที่ตนหมายมั่นปั้นมือว่าจะจับคู่ให้ลูกชาย สาวเจ้าคือ อังกาบ บุตรีของ ออกญาจักรี อังกาบเป็นลูกสาวคนเล็กจึงเอาแต่ใจตนเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และถึงแม้จะเป็นถึงลูกสาวออกญาจักรี แต่ออกญาจักกรีก็เห็นว่า สิงห์เป็นคนที่ออกญากลาโหมโปรดปราน สักวันคงหยิบยื่นตำแหน่งใหญ่โตให้สิงห์เป็นแน่ จึงเห็นดีเห็นงานกับคุณหญิงชื่น ยอมให้อังกาบเทียวมาเรียนการบ้านการเรือน ไปมาหาสู่ได้โดยสะดวก
“อังกาบก็มาเรียนการเรือนกับคุณหญิงป้าหลายวันแล้ว แต่เหตุใดไม่ได้พบหน้าพี่สิงห์เลยเล่าเจ้าคะ” อังกาบซักถามเพราะตนอยากเจอกับสิงห์เสียที
“เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะจ้ะ ใจเย็นๆนะแม่อังอาบอย่างไรก็ได้พบเจอกันเป็นแน่” คุณหญิงชื่นยิ้มหน้าเจื่อน เพราะลูกชายตัวดีหายหน้าไปตั้งแต่เสร็จศึกเมืองเพชรก็ยังไม่กลับมาที่เรือนอีกเลย

         “หายไปตั้งสามวันแล้ว วันนี้จะกลับมาแน่รึเจ้าคะ”

         พิศบ่าวคนสนิทกระซิบกระซาบกับคุณหญิงชื่น คุณหญิงชื่นบิดแขนพิศจนเป็นรอยช้ำ สักพักบุษย์ก็วิ่งหน้าตั้งขึ้นมาเรียนว่าคุณสิงห์กลับมาถึงเรือนเมื่อครู่นี้เอง คุณหญิงชื่นได้ยินก็ยิ้มออก โดยเฉพาะอังกาบที่เฝ้ารอเจอสิงห์ก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าใคร อังกาบตื่นเต้นจัดเผ้าผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พร้อมหันไปถามกิ่งบ่าวคนสนิทที่ติดตามมาด้วยว่าตนสวยพร้อมเจอหน้าสิงห์หรือยัง กิ่งรีบตอบรับนายว่าสวยที่สุดแล้วเจ้าค่ะ อังกาบยิ้มพอใจชะเง้อคอรอดูสิงห์ที่กำลังก้าวขึ้นเรือนมา

         อังกาบ ตกตะลึงในรูปโฉมของสิงห์ตั้งแต่แรกเห็น และตั้งใจจะไม่ปล่อยให้ชายผู้นี้หลุดมือตนไปได้แน่ คุณหญิงชื่นรีบโผเข้ากอดลูกชายสุดรัก ก่อนจะติงนิดหน่อยเรื่องที่หายหน้าไปหลายวัน เมื่อหันมาเห็นอังกาบยังคงส่งยิ้มหวานให้สิงห์ คุณหญิงชื่นจึงรีบแนะนำอังกาบให้ลูกชายได้รู้จัก
ทางด้านทับทิมที่รอสิงห์อยู่ที่ด้านล่างก็ถูกเพลิน บ่าวรับใช้ของคุณหญิงชื่นสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และซักถามว่าทับทิมเป็นผู้ใด มาจากไหน เหตุใดถึงมากับสิงห์นายของตนได้ ทับทิมนั่งนิ่งไม่ยอมตอบสักคำ เพลินจึงเข้าใจว่าทับทิมเป็นบ้าใบ้จึงสงสารและเห็นใจ สั่งให้บ่าวคนอื่นหาน้ำหาท่ามาให้ทับทิม
ฝ่ายสิงห์เห็นคุณหญิงชื่นทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ตนกับอังกาบก็รู้ทัน จึงตัดบทด้วยการรายงานเรื่องที่ตนจะพาคนมาอาศัยอยู่ที่เรือน จมื่นสรรเพชญ์ภักดีขึ้นเรือนมาทันได้ยินสิงห์พอดี จึงเอ่ยถามว่าใช่ทับทิมหรือเปล่า สิงห์ตอบรับผู้เป็นพ่อ

       “ทับทิม ชื่อนี้อิฉันไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน คุณพี่รู้จักด้วยรึเจ้าคะ”

       “เป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณของพ่อสิงห์อย่างไรเล่าคุณหญิงชื่น”

       “ใช่แล้วขอรับ ลูกได้รับปากพ่อของทับทิมเอาไว้ว่าจะรับดูแล และบัดนี้พ่อของทับทิมก็ตายจากไปแล้ว ลูกจึงพาทับทิมมาขออาศัยอยู่ที่เรือนของเราขอรับคุณหญิงแม่”

       “แล้วแม่ทับทิมกระไรนี่ไม่มีญาติพี่น้องที่ใดเลยรึ แล้วพ่อสิงห์ไปรับปากพ่อเขาอย่างนั้นได้อย่างไรกันลูก เราไม่ใช่ญาติเขาสักหน่อย”

       “แต่ครูเที่ยงมีพระคุณกับลูกนะขอรับ ไม่เช่นนั้นลูกคงไม่มีวิชามวยและคงไม่ได้เข้ารับราชการอย่างทุกวันนี้”

       “อังกาบว่าคุณหญิงป้าก็ให้เงินแม่ทับทิมกระไรนั่นไปสักก้อน ให้ไปขออยู่อาศัยกับญาติของเขาน่าจะดีกว่ารับมาอยู่ที่เรือนนะเจ้าคะ” อังกาบที่นั่งฟังอยู่นาน ถือวิสาสะออกความเห็น

       “เอาอย่างนั้นก็ดีนะพ่อสิงห์ นังพิศไปหยิบถุงเงินในห้องข้ามาสักสองถุงซิ” คุณหญิงชื่นเห็นดีเห็นงามกับว่าที่ศรีสะใภ้

      “ไม่ได้นะขอรับ ลูกรับปากพ่อของทับทิมไว้ว่าจะเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง ทำเช่นนั้นก็เท่กับผิดสัญญานะขอรับ” สิงห์รีบแย้งผู้เป็นแม่

      “แต่เรือนเราบ่าวก็มีมากอยู่แล้วนะลูก”

      “ให้แม่ทับทิมอยู่ที่นี่เถิดคุณหญิง เรือนเราออกกว้างขวางใหญ่โตจะรับคนมาอยู่เพิ่มสักคนจะเป็นกระไรไป” ผู้เป็นพ่อเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยพูดให้ สิงห์ยิ้มดีใจที่ผู้เป็นพ่อช่วยพูดให้ตน

      “นังพิศ ไปเตรียมห้องหับให้แม่ทับทิมซะสิ ให้อยู่เรือนเดียวกันกับนังเพลินมันก็แล้วกัน แล้วไปอบรมมารยาทกฎเกณฑ์ของเรือนนี้ให้เขาด้วยล่ะ พอใจแล้วนะพ่อสิงห์ คราวนี้ตามใจแม่บ้าง” คุณหญิงชื่นขอให้สิงห์อยู่พูดคุยกับอังกาบและพายเรือไปส่งอังกาบที่เรือนออกญาจักรี

00000000


        แม้เรือนออกญาจักรีจะเชิญให้สิงห์อยู่ร่วมสำรับมื้อเย็นด้วย แต่สิงห์ก็ปฏิเสธและรีบกลับมาที่เรือน สิงห์ถือสำรับที่ให้บุษย์จัดเตรียมไว้ให้ เข้ามาหาทับทิมที่เรือนบ่าว ทับทิมที่เหนื่อยหอบเพราะถูกพิศใช้งานเพราะคิดว่าทับทิมจะมาอยู่เรือนนี้ในฐานะบ่าวรับใช้ ทับทิมเพิ่งได้พัก เมื่อมาถึงเรือนที่พักจึงตักน้ำในตุ่มล้างหน้าคลายความร้อน สิงห์ที่ยกสำรับมาถึงเรือนบ่าวที่ทับทิมพักอยู่ก็รีบปลดผ้าคาดเอวของตนซับหน้าให้ทับทิม และจูงแขนทับทิมมากินข้าวกับตน

       “ฉันไม่หิว”

      “ไม่หิวก็ต้องกิน” สิงห์ตักกับข้าวให้ทับทิม

      “กินไม่ลง ฉันคิดถึงบ้าน ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ดอก ที่นี่ไม่เหมาะกับฉัน เอ็ง...สิงห์คงไม่ว่ากระไรหากฉันอยากกลับบ้าน กลับวิเศษชัยชาญ” ทับทิมพยายามเปลี่ยนศัพท์พูด เพราะเห็นว่าคงไม่เหมาะที่จะพูดข้าพูดเอ็งในเรือนนี้ แต่ด้วยความไม่ชินจึงรู้สึกขัดๆเขินๆ เมื่อทับทิมพูดว่าอยากกลับวิเศษชัยชาญสิงห์ไม่พอใจจึงหยุดกินและทำหน้าบึ้งตึง

      “ฉันก็นึกว่าทับทิมอยากอยู่กับฉัน เหมือนที่ฉันอยากอยู่กับทับทิม หัวใจของเราไม่ได้ต้องการแบบเดียวกันดอกหรือ”

      “ให้ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะกระไร...บ่าวไพร่อย่างนั้นรึ วันนี้ที่สิงห์หายไปนานสองนาน ฉันถูกจิกหัวใช้ทำงานทั้งวันเพิ่งจะได้หยุดพัก มันไม่ได้เหนื่อยกายดอก นังทับทิมมันสาวชาวบ้าน งานแค่นี้ไม่กระไรดอก แต่มันเหนื่อยใจ เพราะยิ่งทำให้รู้ว่า เราต่างกันเพียงใด” ทับทิมระบายความอัดอั้นตันใจออกมา สิงห์คว้าทับทิมมากอดปลอบ

       “อดทนอีกนิดเถิด ฉันเชื่อว่าสักวันคุณหญิงแม่จะต้องยอมรับในตัวทับทิมและรักทับทิมเหมือนที่ฉันรัก ที่ผ่านมาฉันไม่เคยขอกระไร แต่เรื่องนี้ฉันขอเถิด ทับทิมที่ฉันรู้จักเป็นคนเข้มแข็ง ถือว่าทำเพื่อฉันสักครา อดทนอยู่ที่นี่ไปก่อนเถิด”

        สิงห์ส่งสายตาอ้อนวอน ทับทิมมองตาชายคนรักสักครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น สิงห์ตักกับข้าวให้ทับทิมอีกครั้ง ทับทิมตักข้าวขึ้นมากิน ข้าวมื้อแรกของเรือนใหม่หลังนี้

00000000


         สายวันนี้จมื่นสรรเพชญ์ภักดีนำข่าวดีมาแจ้งแก่สิงห์ ว่าความดีความชอบครั้งที่ได้ร่วมกันปราบกบฏพระศรีศิลป์ทำให้สิงห์ได้เลื่อนยศเป็น หมื่นสุรสิงห์ อังกาบยิ่งปลาบปลื้มในตัวสิงห์มากขึ้นกว่าเดิม อังกาบยังคงแวะเวียนมาที่เรือนของสิงห์อยู่ทุกวัน และเริ่มไม่พอใจที่เห็นสิงห์ชอบไปอยู่ตามลำพังกับทับทิม จึงให้กิ่งบ่าวรับใช้ไปแอบฟังสองคนคุยกัน จนรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และเรื่องนี้ก็รู้เข้าถึงหูคุณหญิงชื่น ทำให้คุณหญิงชื่นไม่พอใจ แถมยังได้ลูกยุจากอังอาบที่ทำทีเป็นจะยอมถอยปล่อยให้คนทั้งคู่ได้ครองรักกัน คุณหญิงชื่นเลยยิ่งรังเกียจทับทิม และตรงดิ่งไปอาละวาดลูกชายของตนทันที

        คุณหญิงชื่นไล่ทับทิมให้ออกไปจากเรือนในทันทีที่รู้ว่า ทับทิมกับสิงห์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ทับทิมรีบกลับไปเก็บข้าวของของตนทันที บุษย์รีบมาแย่งห่อผ้ารั้งทับทิมไว้ตามคำสั่งของสิงห์ ทับทิมยื้อแย่งห่อผ้ากับบุษย์จนเวลายืดเยื้อ สิงห์ขอร้องให้คุณหญิงชื่นยอมให้ทับทิมอยู่ต่อ คุณหญิงชื่นยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น และบอกว่าสิงห์ต้องตัดขาดจากทับทิมและแต่งงานกับอังกาบ ว่าที่ศรีสะใภ้ที่คุณหญิงชื่นได้เลือกแล้ว ว่าเหมาะสมกับสิงห์เป็นที่สุด ส่วนทับทิมก็เป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดา หาได้คู่ควรกับบุตรชายของจมื่นสรรเพชญ์ภักดีไม่ คุณหญิงชื่นสั่งลูกชายให้เตรียมตัวแต่งงานออกเรือนกับอังกาบ เพราะตนจะไปขอฤกษ์งามยามดีกับหลวงพ่อโดยเร็วที่สุด

       สิงห์จึงยื่นคำขาดว่าจะยอมหมั้นกับอังกาบแต่โดยดี แต่ทับทิมต้องยังคงได้อยู่ที่เรือนนี้ ห้ามผู้เป็นแม่ไล่ทับทิมไปที่อื่น และหากไม่ยอม ตนก็จะพาทับทิมหนีไปใช้ชีวิตสองคนผัวเมียที่วิเศษชัยชาญ คุณหญิงชื่นคิดไตร่ตรองข้อต่อรองของลูกชาย ก่อนจะเอ่ยปากว่าให้แต่งงานกันเลยไม่ต้องหมั้นหมายให้ยุ่งยาก

       จมื่นสรรเพชญ์ภักดีเห็นลูกชายกำลังจนมุมจึงช่วยออกความเห็นว่าให้สิงห์ได้ยศศักดิ์ที่เทียมหน้าเทียมตาอังกาบที่เป็นถึงบุตรของออกญาจักรีเสียก่อนค่อยแต่ง ตอนนี้เป็นเพียงหมื่นสุรสิงห์ก็ให้หมั้นหมายกันไปก่อน คุณหญิงชื่นเห็นจริงตามคำจมื่นสรรเพชญ์ภักดีจึงยอมอ่อนข้อให้ลูกชาย และยอมทำตามสัญญา คือให้ทับทิมอาศัยอยู่ในเรือนต่อไป

00000000


        สิงห์รีบไปแจ้งข่าวกับทับทิม ที่ในขณะนั้นกำลังซ้อมบุษย์และบ่าวคนอื่นที่ขัดขวางไม่ให้ทับทิมหนีออกจากเรือน บุษย์รีบวิ่งแจ้นมาหลบที่หลังสิงห์นายของตนเพราะระบมไปทั้งตัวแล้ว สิงห์ห้ามปรามทับทิมว่าไม่ต้องหนีไปไหนแล้ว เพราะคุณหญิงชื่นอนุญาตให้ทับทิมอยู่ต่อได้ ทับทิมทำหน้าฉงน ไม่อยากเชื่อที่สิงห์บอกเท่าใดนัก เมื่อถามไถ่ก็พบว่าสิงห์มีพิรุธต้องมีเรื่องปกปิดตนเป็นแน่ แต่ทับทิมก็ยอมอยู่ต่อตามคำสิงห์

         การอยู่ต่อของทับทิมต้องอยู่อย่างยากลำบากขึ้น เมื่อคุณหญิงชื่นสั่งให้พิศกับเพลินมาคอยกลั่นแกล้งให้ทำงานหนัก เมื่อยามสิงห์ต้องไปราชการ ทับทิมอดทนทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยจนพิศกับเพลินตกตะลึงที่กลั่นแกล้งสักเท่าใดทับทิมก็ไม่มีวี่แววจะเหนื่อยอ่อน

       “ตัวเล็กๆเพียงเท่านี้ ใครจะไปรู้ว่าเรี่ยวแรงจะดีไม่มีตก” พิศบ่นกับเพลินเมื่อเห็นท่าทีคล่องแคล่วว่องไวของทับทิม เมื่อใช้งานทับทิมจนไม่เหลืองานจะให้ทำแล้ว พิศจึงยอมปล่อยให้ทับทิมไปพักได้ ทับทิมนั่งลงที่แคร่หน้าเรือนพัก นึกย้อนถึงวันที่ตนกลั่นแกล้งให้สิงห์ทำงานบ้านจนหนัก นึกแล้วย้อนมาดูตนในวันนี้

       “คงจะเป็นกรรมที่ฉันทำกับสิงห์ไว้เป็นแน่”

        ทับทิมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลหยดมาเพราะงานหนัก ทับทิมจึงเดินไปตะกน้ำล้างหน้า แล้วก็ได้ยินเสียงดาบประทะกันดังสนั่น ทับทิมเงี่ยหูฟังอยู่สักพัก จึงเดินไปตามเสียงนั้น ได้เห็นกลุ่มทหารใหม่กำลังฝึกดาบอยู่ที่มุมหนึ่งของเรือนจมื่นสรรเพชญ์ภักดี โดยมีขุนพันธ์เป็นผู้ฝึกซ้อมดาบให้เหล่าทหารใหม่ผลัดนี้ แต่จากการทำศึกปราบกบฏขุนพันธ์ก็ได้เลื่อนเป็น หมื่นพันธราช

        ทับทิมแอบดูการฝึกซ้อมเหล่าทหารอยู่หลังพุ่มไม้ และชื่นชมฝีมือดาบสองมือของหมื่นพันธราชนัก หัวหมื่นเห็นพุ่มไม้ไหวเอนจึงเรียกคนอยู่หลังพุ่มไม้ออกมา ทับทิมค่อยๆออกมาอย่างเกรงกลัว ไม่รู้ว่าทำผิดหรือไม่ที่มาแอบดูการฝึกซ้อม หัวหมื่นเห็นหน้าทับทิมก็จำได้ เพราะเคยเจอตอนที่ทับทิมเป็นนักโทษกบฏ และเคยได้เห็นฝีมือการปะดาบของทับทิม จึงเรียกมาถามไถ่ว่าทำไมถึงมาแอบดู ทับทิมจึงบอกว่าตนอยากร่วมฝึกดาบด้วยจะได้หรือไม่ เหล่าทหารที่เป็นชายฉกรรจ์กล่าวดูถูกที่ทับทิมเป็นหญิงแต่อยากจะมาฝึกดาบ จึงหัวเราะเยาะเย้ยกันเป็นแถว ทับทิมโมโหจึงท้าดวลดาบกับทหารใหม่พวกนั้น
        ในการประลองใช้ดาบไม้ที่ทหารใช้ฝึกซ้อมกันอยู่ ทับทิมสามารถเอาชนะทหารปากเสียได้อย่างง่ายดาย ทำให้เหล่าทหารต่างทึ่งในฝีมือ หัวหมื่นจึงออกปากชวนให้ทับทิมอยู่ฝึกทหารใหม่ด้วยกัน ทับทิมยินดีที่จะทำหน้าที่นั้นเพราะตนเองก็คิดถึงการฝึกซ้อมมวยเหมือนที่เคยทำกับเพลิงที่วิเศษชัยชาญ เมื่อมาอยู่ที่เรือนนี้ อย่างน้อยได้มาฝึกดาบก็ยังดี

00000000
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่