เอาจริงๆ ยังไงก็ยังไม่ชอบและไม่ชินกับการตอบกระทู้ตามกติกาใหม่ที่ให้ตอบใต้คอมเมนต์แล้วก็ซ่อนเอาไว้ รู้สึกว่าคนอ่านจะต้องคอยย้อนกลับไปดูตอนเก่าๆ ว่าคนเขียนตอบกระทู้หรือคุยด้วยว่าอะไร ถ้ามันเป็นกระทู้เดียวจบก็เข้าใจได้ แต่นี่มันหลายตอน คนอ่านก็จะต้องย้อนกลับไปดูทุกครั้งมันก็ไม่ใช่ (บ่นตั้งแต่บัดนั้นยันบัดนี้ก็ยังบ่นต่อไป - -"a ) เลยดื้อเอาตามเดิมแล้วกันค่ะ
ขอบคุณคุณ Lady Star 919 คุณ GTW คุณ Na(นะ) ที่เข้ามาอ่านนะคะ
ตอบคุณ GTW -- ไม่รู้ว่าตอนพิเศษนี้จะช่วยแก้ต่างให้ปรานต์ได้หรือเปล่านะคะ แต่ไม่ว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องของคนเขียนอยู่ดี (ฮา)
ไหนๆ อาจารย์จีก็ออกความเห็นมาถึงตรงนี้ ตรงที่เห็นว่าปรานต์ชอบทำเหมือนนางเอกเป็นสิ่งของ แล้วนางเอกก็มีส่วนเอื้อ เป็นผู้ร้ายปากแข็ง งั้นขอท้าทายต่อค่ะว่า ในเรื่องนี้มีความขัดแย้งทางความคิดหลายอย่าง อย่างแรก มุมมองทั่วไปที่คนนึกถึงเรื่องซินเดอเรลล่า ผู้หญิงสวยนิสัยดีที่มีเจ้าชายมาแต่งงานแบบที่คุณสุกฤตเพ้อฝัน อย่างที่สอง มุมมองของนางเอกที่เป็นสตรีนิยม ว่าผู้หญิงไม่ควรงอมืองอเท้าคอยให้มีเจ้าชายมาช่วย อย่างที่สาม เหตุการณ์ที่นางเอกต้องประสบจริงเมื่อได้เจอผู้ชายอย่างปรานต์ อาจารย์จีสนใจจะออกความเห็นในเรื่องนี้ไหมคะ
ปกติไม่ค่อยเจอคนอ่านพูดถึงประเด็นนี้ แต่ครั้งนี้อาจารย์จีพูดถึงในสิ่งที่ใกล้เคียงตั้งแต่แรกเลยแอบอยากรู้ว่ามองยังไง แต่ถ้าไม่สนใจในประเด็นนี้ข้ามไปก็ได้ค่ะ เรื่องนี้มีมุมมองอื่นให้เลือกสรร แล้วแต่คนอ่านเลย ^^
ปล. 1 ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเค้นแรงในการเขียนตัวละครอายุน้อยๆ ได้โดยไม่เสียเปล่า ^^"
ปล. 2 ตอบไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันตอนสุดท้ายของเรื่อง อ่านตอนนี้จบก็ยังต้องตอบแบบในคอมเมนต์นั้นๆ อยู่สินะ -"- (เพิ่งนึกได้)
อันนี้ลิ้งค์ของตอนเก่าๆ ค่า
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย: เขาไม่ใช่เจ้าชาย & เธอไม่ใช่ซินเดอเรลล่า
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36786006
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36788819
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/36792144
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/36795776
บทที่ 5 (จบ)
http://ppantip.com/topic/36799100
================================
ตอนพิเศษ
เขาไม่ใช่เจ้าชาย!
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของเขาถึงสองคนที่พยายามผลักตำแหน่งขึ้นหิ้งนี้ให้เขาเสียเหลือเกิน
คนหนึ่งเป็นน้องสาวคนสำคัญที่เขาพบเธอนับตั้งแต่เวลาที่เธอลืมตาดูโลก ส่วนอีกคนหนึ่งแม้เพิ่งพบได้ไม่นาน ระยะเวลาเทียบไม่ได้กับคนแรกแต่ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
ชายหนุ่มถอนใจยาว สายตามองกระดานหมากที่เขาชอบเล่นตั้งแต่สมัยยังเด็ก และมีเพื่อนที่คบกันมายาวนานนอนเล่นอยู่ฟากตรงข้ามเล่นเป็นเพื่อนอยู่
ท่าทางวันนี้เพื่อนเขาคงว่างจริง กษมาถึงได้มาเยี่ยมเยียนนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่บ้านเขาได้ และเขาเองก็ว่างจริงเหมือนกันเพราะไม่ได้ไปพบเธอ ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะเกรงว่าเธอจะยังไม่หายโกรธ
ความรู้สึกของเธอ สำคัญกับเขาเสมอ
หน้าตาเขาคงบ่งบอกความรู้สึกเด่นชัดเกินไป เมื่อน้องสาวเดินเข้ามาในห้อง เจ้าตัวยังสังเกตเห็นได้จนต้องถามไถ่ขึ้นมา
“พี่ชายใหญ่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาแก้ไม่ตก” กษมาหัวเราะเบาๆ ช่วยตอบแทนให้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องพี่ปรานต์แก้ไม่ได้ด้วยหรือ”
เขาไม่ตอบ ได้แต่ส่งสัญญาณบอกเพื่อนไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มเบี่ยงความสนใจของทุกคนโดยการวางหมากลงกระดานอีกครั้ง ทว่าดูจะไม่ได้ผลเพราะกษมายังคงตอบน้องสาวเขาด้วยท่าทางไม่ยี่หระใดๆ
“พี่ปรานต์ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนหรอกนะหนูดี ไม่อย่างนั้นเขาคงชนะเกมนี้ไปนานแล้ว
น้องสาวเขาแย้งทันทีด้วยความเชื่อมั่น “พี่ชายใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ใส่กางเกงในออกข้างนอกหรอกค่ะพี่ปรานต์เป็นเจ้าชายสุดเก่งต่างหาก”
อีกแล้วหรือ...
ปรานต์ถอนใจเฮือก ไม่อยากได้ยินอีก “อย่าพูดคำนี้เลยหนูดี พี่ไม่ใช่เจ้าชายหรอก เป็นแค่คนธรรมดาๆ นี่แหละ”
เขาไม่ต้องการให้ใครมายกยอตำแหน่งบ้าๆ นั่นให้ หากเลือกได้ขอเป็นคนธรรมดาที่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้เท่านั้นก็พอ
จวบจนกระทั่งน้องสาวเดินออกจากห้องไป คนที่เหลืออยู่ก็นอนเท้าคางหัวเราะพร้อมกับถามขึ้น
“ถึงขั้นต้องถอนใจเลยหรือวะ”
ปรานต์เหลือบตามองคนยิ้มร่าหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนในเวลาที่ตอนนี้ไฟแทบจะสุมอกเขาให้มอดไหม้อยู่แล้ว
“เฮ้ย! ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้ ไม่ต้องมาค้อนเราเลย เรายอมให้เมียค้อนคนเดียวเท่านั้น” อีกฝ่ายยังคงไม่เลิกยั่วโมโห
ปรานต์พ่นลมหายใจพรืด นึกอยากชกไอ้หน้าหยกจอมทะเล้นขึ้นมาตงิดๆ ซึ่งอีกฝ่ายยังคงหัวเราะในลำคอราวกับรู้ใจเขาดี รู้แบบที่เพื่อนคนหนึ่งซึ่งคบมาเป็นสิบปีพึงจะเข้าใจเพราะร่างสูงสะโอดสะองราวพระเอกลิเกขยับลุกขึ้นนั่งห่างออกไป แต่ยังไม่วายล้อต่อ
“นี่ถ้านายไม่ได้เลี้ยงหนูดีมาตั้งแต่เกิด ใครมาได้ยินคงจี้ดีพิลึก ยังเชื่ออยู่ว่านายเป็นเจ้าชายว่ะ”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะว่ะมาส์” คำแสลงใจนั่นกลับมาโจมตีเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มเลยถอนใจกับคำพูดที่เพื่อน
“แต่เด็กอย่างหนูดีก็เข้าใจได้อยู่ว่าทำไมพูดอย่างนี้” เพื่อนเขายังไม่เลิก “ไอ้ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมคุณตี้เขาพูดคำนี้ใส่นายวะ ฉันว่าบุคลิกเขาไม่ให้นะ”
แม้จะเจอแค่ครั้งเดียว แต่กษมาไม่คิดว่าเธอจะเข้าข่ายจำพวกสาวช่างฝันถึงเพียงนั้น ปรานต์ถอนใจอีกครั้ง
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้า “ก็ยอมรับนะว่าตัวเองแส่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวเขาไม่เข้าเรื่อง จะโกรธก็ไม่แปลกหรอก แต่เรื่องเจ้าชายนี่งงจริงๆ ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ก็อยากจะหัวเราะเหมือนนายนั่นแหละ แต่ตอนที่โดนคำนี้โยนใส่หน้านี่ ต้องดูหน้าเขาประกอบด้วยแล้วจะขำไม่ออก”
“ก็คงขำไม่ออกอย่างนี้นายว่าจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งทำหน้าอย่างนี้ใส่หรอก” เพื่อนเขาพยักหน้าหงึกๆ แหย่รังแตนต่อไป “กี่คนๆ ไม่เคยเห็นทำหน้าอย่างนี้สักครั้ง แสดงว่าตัวจริงแล้วล่ะสิ”
‘แตน’ เงียบกริบ กษมาเลยนึกขัน เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเซ็งจริงๆ เลยแกล้งฟุบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองที่เกยพื้นอยู่ด้วยทำเสียงเพลียใจ
“นานๆ ทีอุตส่าห์หนีเมียมาได้ดันเรียกเรามานั่งถอนใจให้ฟัง บ้าหรือเปล่าวะ แล้วนี่นายจะเอายังไงต่อล่ะ”
“โดนผู้หญิงเขาไล่ขนาดนี้จะให้ทำอะไรอีกล่ะ” ปรานต์ส่ายหน้า “อยู่มาก็เพิ่งเคยเจอเรื่องอย่างนี้ ยังคิดไม่ออกว่ะว่าจะเอายังไง”
“ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก” กษมาเอ่ยลอยๆ
“ขนาดนี้ยังไม่เรียกตื๊ออีกหรือ เกิดมาไม่เคยตอแยใครขนาดนี้ ตอนนี้เขาแทบเกลียดขี้หน้าเราอยู่แล้วมั้ง!” ทั้งโทรศัพท์ทั้งที่อพาร์ทเมนท์ทั้งที่ทำงาน เธอไม่ยอมเจอเขาทุกวิถีทางเลย
“ยังหน้าด้านไม่พอน่ะสิ ทู่ซี้เข้าไว้เดี๋ยวผู้หญิงก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ”
ปรานต์ปรายตามองหน้าเพื่อน “เคยตื๊อผู้หญิงมาแล้วว่างั้น?”
“แน่ล่ะ ถ้าไม่ทรหดพอ คิดหรือว่าจะคว้าผู้หญิงใจแข็งอย่างดามาได้” กษมายิ้มรับหน้าชื่นราวกับไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายประชดใส่ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา
“นึกแล้วก็ตลกดีนะ ตอนที่ยังไม่ถูกใจใครจริงจัง จะเลือกใครเขาก็พร้อมจะโอเค ง่ายๆ แบบไม่มีปัญหา แต่พอเจอคนถูกใจขึ้นมาจริงๆ แทบจะรากเลือดกว่าจะทำให้เขาปลงใจด้วย” ผู้เป็นเพื่อนพูดไปก็ส่ายหน้าไป
“อย่างกับกรรมตามสนอง ไอ้เรากับนายก็ประเภทเดียวกันเรื่องผู้หญิงนั่นแหละ เพราะงั้นดีใจด้วยนะ ตอนนี้กรรมคงเริ่มทำงานกับนายแล้วล่ะ ไม่รู้จะแนะนำอะไรนอกจากหน้าด้านเข้าไว้ว่ะเพื่อน”
ปรานต์ถอนใจ “ตอนเขาไล่แบบสุภาพก็เจอมาแล้ว ตอนเขาทำท่าโกรธแล้วไล่ อันนั้นก็โดนบ่อย แต่เพิ่งเคยเห็นหน้าเอาจริง บอกว่าเราต่างกันเกินไป อย่าเจอกันอีกเลยนี่แหละ”
“เฮ้ย! เล่นพูดตรงๆ เลยหรือ” กษมาสะดุ้ง
“ก็เออสิ! ไม่งั้นไม่มานั่งกลุ้มอย่างนี้หรอก”
“แล้วไอ้ที่ขอให้นายอย่าโผล่หน้าไปให้เขาเห็น เกี่ยวอะไรกับเจ้าชายเจ้าหญิงอะไรนั่น”
“ไม่รู้สิ จู่ๆ เขาก็ยกเรื่องนี้มาเปรียบเทียบ” ปรานต์เอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา พลางถอนใจยาว
ยิ่งเขามองย้อนถึงเรื่องราวที่เขาได้อยู่ใกล้ๆ กับเธอ ปรานต์ก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่า เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการความผาสุกในชีวิตเท่านั้นเอง
ก่อนจะได้พบกับเธอ เขาสนุกกับงาน มีผู้หญิงเข้ามาบ้างซึ่งพูดได้เลยว่าแต่ละคนนั้นสวยถูกตามาก แต่สุดท้ายเมื่อคบหากันไป กลับไม่ถูกใจเขาเลยสักคน
อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขามี มันกลบเกลื่อนตัวตนเขาไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มไม่เคยตระหนักเรื่องนี้มาก่อน ในตอนที่อายุยังน้อย เขาไม่เคยคิดอะไรอะไรมากไปกว่าต่างฝ่ายต่างพอใจ
แต่เมื่อเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ปรานต์กลับรู้สึกว่าตนเองกลวงโบ๋ ว่างเปล่าเข้าไปทุกที มากเท่ากับจำนวนผู้หญิงที่สนใจเขา
ไม่มีใครมองเนื้อแท้ของเขาที่เป็นตัวเขาเองเลยสักคน
ท้ายที่สุด เขาก็คบหาเธอเหล่านั้นเพียงผิวเผิน สุภาพทว่าเหินห่าง เพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัวมากกว่าเพื่อหัวใจของตัวเองที่เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองมีหรือไม่
ชายหนุ่มให้เวลากับการทำงาน เที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนบางครั้ง ทว่าบัดนี้เพื่อนสนิทแต่ละคนก็แต่งงานกันไปหมด จะให้ออกไปตะลอนเที่ยวเมาหัวราน้ำเหมือนเมื่อตอนที่ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ในบางคืน เมื่อเขากลับถึงบ้าน ชายหนุ่มก็พบกับความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นพ่อ รวมทั้งน้องชายและน้องสาว ทุกคนอยู่ห้องส่วนตัวกันหมด บ้านจึงได้เงียบเหงาเหลือเกิน
บ้านใหญ่ที่เคยมีแต่เสียงโวยวาย หรือดนตรีแนวญี่ปุ่นของน้องชายในอดีต มีเสียงโทรทัศน์ที่มักเปิดเทพนิยายของน้องสาวค่อยเลือนหายไปตามกาลเวลาเมื่อสองคนนั่นเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่
เขาเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?
ปรานต์สลัดศีรษะ เดินออกไปยังสวนภายนอกบ้าน เสียงจักจั่นร้องระงมแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเสียงของมันไม่ได้ช่วยให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาแต่อย่างใด มือใหญ่ตบกระเป๋าควักบุหรี่ขึ้นมาจุดก่อนจะปล่อยให้ควันของมันลอยฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ชายหนุ่มไม่ค่อยสูบบุหรี่ภายในบ้านเพราะขี้เกียจฟังเสียงบ่นเป็นแม่แก่ของน้องสาวคนเล็ก แต่คืนนี้เขาอดไม่ได้จริงๆ
แต่งงานดีไหม มีลูกสักสองสามคน...บ้านจะได้ไม่เงียบแบบนี้
คิดไปก็ได้แต่หัวเราะตัวเอง เคยล้อเลียนเพื่อนฝูงไว้มากมายที่ยอมสละความสนุกสนานของคนโสดไปเสียได้ แต่มาบัดนี้เวลาที่ไม่มีใครเคียงข้างเข้าจริงๆ คนที่เคยนึกแต่เรื่องการแต่งกับงานเพียงอย่างเดียวอย่างเขาถึงต้องมานั่งพร่ำเพ้อว่าอยากแต่งงานอยากมีลูก
ไม่มีใครสามารถเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวได้ ปรานต์อดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองนั่งจับเจ่าเหมือนลุงแก่ๆ ที่เกษียณแล้วมานั่งรำลึกถึงความหลังทั้งที่จริงเขาเพิ่งพ้นครึ่งหนึ่งของเกณฑ์อายุได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง
ครั้นเมื่อได้พบกับเธอ ทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เขาไม่ใช่เจ้าชาย & เธอไม่ใช่ซินเดอเรลล่า ตอนพิเศษ
ขอบคุณคุณ Lady Star 919 คุณ GTW คุณ Na(นะ) ที่เข้ามาอ่านนะคะ
ตอบคุณ GTW -- ไม่รู้ว่าตอนพิเศษนี้จะช่วยแก้ต่างให้ปรานต์ได้หรือเปล่านะคะ แต่ไม่ว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องของคนเขียนอยู่ดี (ฮา)
ไหนๆ อาจารย์จีก็ออกความเห็นมาถึงตรงนี้ ตรงที่เห็นว่าปรานต์ชอบทำเหมือนนางเอกเป็นสิ่งของ แล้วนางเอกก็มีส่วนเอื้อ เป็นผู้ร้ายปากแข็ง งั้นขอท้าทายต่อค่ะว่า ในเรื่องนี้มีความขัดแย้งทางความคิดหลายอย่าง อย่างแรก มุมมองทั่วไปที่คนนึกถึงเรื่องซินเดอเรลล่า ผู้หญิงสวยนิสัยดีที่มีเจ้าชายมาแต่งงานแบบที่คุณสุกฤตเพ้อฝัน อย่างที่สอง มุมมองของนางเอกที่เป็นสตรีนิยม ว่าผู้หญิงไม่ควรงอมืองอเท้าคอยให้มีเจ้าชายมาช่วย อย่างที่สาม เหตุการณ์ที่นางเอกต้องประสบจริงเมื่อได้เจอผู้ชายอย่างปรานต์ อาจารย์จีสนใจจะออกความเห็นในเรื่องนี้ไหมคะ
ปกติไม่ค่อยเจอคนอ่านพูดถึงประเด็นนี้ แต่ครั้งนี้อาจารย์จีพูดถึงในสิ่งที่ใกล้เคียงตั้งแต่แรกเลยแอบอยากรู้ว่ามองยังไง แต่ถ้าไม่สนใจในประเด็นนี้ข้ามไปก็ได้ค่ะ เรื่องนี้มีมุมมองอื่นให้เลือกสรร แล้วแต่คนอ่านเลย ^^
ปล. 1 ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเค้นแรงในการเขียนตัวละครอายุน้อยๆ ได้โดยไม่เสียเปล่า ^^"
ปล. 2 ตอบไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันตอนสุดท้ายของเรื่อง อ่านตอนนี้จบก็ยังต้องตอบแบบในคอมเมนต์นั้นๆ อยู่สินะ -"- (เพิ่งนึกได้)
อันนี้ลิ้งค์ของตอนเก่าๆ ค่า
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย: เขาไม่ใช่เจ้าชาย & เธอไม่ใช่ซินเดอเรลล่า
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/36786006
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/36788819
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/36792144
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/36795776
บทที่ 5 (จบ) http://ppantip.com/topic/36799100
================================
ตอนพิเศษ
เขาไม่ใช่เจ้าชาย!
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของเขาถึงสองคนที่พยายามผลักตำแหน่งขึ้นหิ้งนี้ให้เขาเสียเหลือเกิน
คนหนึ่งเป็นน้องสาวคนสำคัญที่เขาพบเธอนับตั้งแต่เวลาที่เธอลืมตาดูโลก ส่วนอีกคนหนึ่งแม้เพิ่งพบได้ไม่นาน ระยะเวลาเทียบไม่ได้กับคนแรกแต่ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
ชายหนุ่มถอนใจยาว สายตามองกระดานหมากที่เขาชอบเล่นตั้งแต่สมัยยังเด็ก และมีเพื่อนที่คบกันมายาวนานนอนเล่นอยู่ฟากตรงข้ามเล่นเป็นเพื่อนอยู่
ท่าทางวันนี้เพื่อนเขาคงว่างจริง กษมาถึงได้มาเยี่ยมเยียนนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่บ้านเขาได้ และเขาเองก็ว่างจริงเหมือนกันเพราะไม่ได้ไปพบเธอ ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะเกรงว่าเธอจะยังไม่หายโกรธ
ความรู้สึกของเธอ สำคัญกับเขาเสมอ
หน้าตาเขาคงบ่งบอกความรู้สึกเด่นชัดเกินไป เมื่อน้องสาวเดินเข้ามาในห้อง เจ้าตัวยังสังเกตเห็นได้จนต้องถามไถ่ขึ้นมา
“พี่ชายใหญ่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาแก้ไม่ตก” กษมาหัวเราะเบาๆ ช่วยตอบแทนให้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องพี่ปรานต์แก้ไม่ได้ด้วยหรือ”
เขาไม่ตอบ ได้แต่ส่งสัญญาณบอกเพื่อนไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มเบี่ยงความสนใจของทุกคนโดยการวางหมากลงกระดานอีกครั้ง ทว่าดูจะไม่ได้ผลเพราะกษมายังคงตอบน้องสาวเขาด้วยท่าทางไม่ยี่หระใดๆ
“พี่ปรานต์ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนหรอกนะหนูดี ไม่อย่างนั้นเขาคงชนะเกมนี้ไปนานแล้ว
น้องสาวเขาแย้งทันทีด้วยความเชื่อมั่น “พี่ชายใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ใส่กางเกงในออกข้างนอกหรอกค่ะพี่ปรานต์เป็นเจ้าชายสุดเก่งต่างหาก”
อีกแล้วหรือ...
ปรานต์ถอนใจเฮือก ไม่อยากได้ยินอีก “อย่าพูดคำนี้เลยหนูดี พี่ไม่ใช่เจ้าชายหรอก เป็นแค่คนธรรมดาๆ นี่แหละ”
เขาไม่ต้องการให้ใครมายกยอตำแหน่งบ้าๆ นั่นให้ หากเลือกได้ขอเป็นคนธรรมดาที่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้เท่านั้นก็พอ
จวบจนกระทั่งน้องสาวเดินออกจากห้องไป คนที่เหลืออยู่ก็นอนเท้าคางหัวเราะพร้อมกับถามขึ้น
“ถึงขั้นต้องถอนใจเลยหรือวะ”
ปรานต์เหลือบตามองคนยิ้มร่าหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนในเวลาที่ตอนนี้ไฟแทบจะสุมอกเขาให้มอดไหม้อยู่แล้ว
“เฮ้ย! ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้ ไม่ต้องมาค้อนเราเลย เรายอมให้เมียค้อนคนเดียวเท่านั้น” อีกฝ่ายยังคงไม่เลิกยั่วโมโห
ปรานต์พ่นลมหายใจพรืด นึกอยากชกไอ้หน้าหยกจอมทะเล้นขึ้นมาตงิดๆ ซึ่งอีกฝ่ายยังคงหัวเราะในลำคอราวกับรู้ใจเขาดี รู้แบบที่เพื่อนคนหนึ่งซึ่งคบมาเป็นสิบปีพึงจะเข้าใจเพราะร่างสูงสะโอดสะองราวพระเอกลิเกขยับลุกขึ้นนั่งห่างออกไป แต่ยังไม่วายล้อต่อ
“นี่ถ้านายไม่ได้เลี้ยงหนูดีมาตั้งแต่เกิด ใครมาได้ยินคงจี้ดีพิลึก ยังเชื่ออยู่ว่านายเป็นเจ้าชายว่ะ”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะว่ะมาส์” คำแสลงใจนั่นกลับมาโจมตีเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มเลยถอนใจกับคำพูดที่เพื่อน
“แต่เด็กอย่างหนูดีก็เข้าใจได้อยู่ว่าทำไมพูดอย่างนี้” เพื่อนเขายังไม่เลิก “ไอ้ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมคุณตี้เขาพูดคำนี้ใส่นายวะ ฉันว่าบุคลิกเขาไม่ให้นะ”
แม้จะเจอแค่ครั้งเดียว แต่กษมาไม่คิดว่าเธอจะเข้าข่ายจำพวกสาวช่างฝันถึงเพียงนั้น ปรานต์ถอนใจอีกครั้ง
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้า “ก็ยอมรับนะว่าตัวเองแส่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวเขาไม่เข้าเรื่อง จะโกรธก็ไม่แปลกหรอก แต่เรื่องเจ้าชายนี่งงจริงๆ ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ก็อยากจะหัวเราะเหมือนนายนั่นแหละ แต่ตอนที่โดนคำนี้โยนใส่หน้านี่ ต้องดูหน้าเขาประกอบด้วยแล้วจะขำไม่ออก”
“ก็คงขำไม่ออกอย่างนี้นายว่าจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งทำหน้าอย่างนี้ใส่หรอก” เพื่อนเขาพยักหน้าหงึกๆ แหย่รังแตนต่อไป “กี่คนๆ ไม่เคยเห็นทำหน้าอย่างนี้สักครั้ง แสดงว่าตัวจริงแล้วล่ะสิ”
‘แตน’ เงียบกริบ กษมาเลยนึกขัน เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเซ็งจริงๆ เลยแกล้งฟุบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองที่เกยพื้นอยู่ด้วยทำเสียงเพลียใจ
“นานๆ ทีอุตส่าห์หนีเมียมาได้ดันเรียกเรามานั่งถอนใจให้ฟัง บ้าหรือเปล่าวะ แล้วนี่นายจะเอายังไงต่อล่ะ”
“โดนผู้หญิงเขาไล่ขนาดนี้จะให้ทำอะไรอีกล่ะ” ปรานต์ส่ายหน้า “อยู่มาก็เพิ่งเคยเจอเรื่องอย่างนี้ ยังคิดไม่ออกว่ะว่าจะเอายังไง”
“ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก” กษมาเอ่ยลอยๆ
“ขนาดนี้ยังไม่เรียกตื๊ออีกหรือ เกิดมาไม่เคยตอแยใครขนาดนี้ ตอนนี้เขาแทบเกลียดขี้หน้าเราอยู่แล้วมั้ง!” ทั้งโทรศัพท์ทั้งที่อพาร์ทเมนท์ทั้งที่ทำงาน เธอไม่ยอมเจอเขาทุกวิถีทางเลย
“ยังหน้าด้านไม่พอน่ะสิ ทู่ซี้เข้าไว้เดี๋ยวผู้หญิงก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ”
ปรานต์ปรายตามองหน้าเพื่อน “เคยตื๊อผู้หญิงมาแล้วว่างั้น?”
“แน่ล่ะ ถ้าไม่ทรหดพอ คิดหรือว่าจะคว้าผู้หญิงใจแข็งอย่างดามาได้” กษมายิ้มรับหน้าชื่นราวกับไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายประชดใส่ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา
“นึกแล้วก็ตลกดีนะ ตอนที่ยังไม่ถูกใจใครจริงจัง จะเลือกใครเขาก็พร้อมจะโอเค ง่ายๆ แบบไม่มีปัญหา แต่พอเจอคนถูกใจขึ้นมาจริงๆ แทบจะรากเลือดกว่าจะทำให้เขาปลงใจด้วย” ผู้เป็นเพื่อนพูดไปก็ส่ายหน้าไป
“อย่างกับกรรมตามสนอง ไอ้เรากับนายก็ประเภทเดียวกันเรื่องผู้หญิงนั่นแหละ เพราะงั้นดีใจด้วยนะ ตอนนี้กรรมคงเริ่มทำงานกับนายแล้วล่ะ ไม่รู้จะแนะนำอะไรนอกจากหน้าด้านเข้าไว้ว่ะเพื่อน”
ปรานต์ถอนใจ “ตอนเขาไล่แบบสุภาพก็เจอมาแล้ว ตอนเขาทำท่าโกรธแล้วไล่ อันนั้นก็โดนบ่อย แต่เพิ่งเคยเห็นหน้าเอาจริง บอกว่าเราต่างกันเกินไป อย่าเจอกันอีกเลยนี่แหละ”
“เฮ้ย! เล่นพูดตรงๆ เลยหรือ” กษมาสะดุ้ง
“ก็เออสิ! ไม่งั้นไม่มานั่งกลุ้มอย่างนี้หรอก”
“แล้วไอ้ที่ขอให้นายอย่าโผล่หน้าไปให้เขาเห็น เกี่ยวอะไรกับเจ้าชายเจ้าหญิงอะไรนั่น”
“ไม่รู้สิ จู่ๆ เขาก็ยกเรื่องนี้มาเปรียบเทียบ” ปรานต์เอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา พลางถอนใจยาว
ยิ่งเขามองย้อนถึงเรื่องราวที่เขาได้อยู่ใกล้ๆ กับเธอ ปรานต์ก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่า เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการความผาสุกในชีวิตเท่านั้นเอง
ก่อนจะได้พบกับเธอ เขาสนุกกับงาน มีผู้หญิงเข้ามาบ้างซึ่งพูดได้เลยว่าแต่ละคนนั้นสวยถูกตามาก แต่สุดท้ายเมื่อคบหากันไป กลับไม่ถูกใจเขาเลยสักคน
อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขามี มันกลบเกลื่อนตัวตนเขาไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มไม่เคยตระหนักเรื่องนี้มาก่อน ในตอนที่อายุยังน้อย เขาไม่เคยคิดอะไรอะไรมากไปกว่าต่างฝ่ายต่างพอใจ
แต่เมื่อเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ปรานต์กลับรู้สึกว่าตนเองกลวงโบ๋ ว่างเปล่าเข้าไปทุกที มากเท่ากับจำนวนผู้หญิงที่สนใจเขา
ไม่มีใครมองเนื้อแท้ของเขาที่เป็นตัวเขาเองเลยสักคน
ท้ายที่สุด เขาก็คบหาเธอเหล่านั้นเพียงผิวเผิน สุภาพทว่าเหินห่าง เพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัวมากกว่าเพื่อหัวใจของตัวเองที่เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองมีหรือไม่
ชายหนุ่มให้เวลากับการทำงาน เที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนบางครั้ง ทว่าบัดนี้เพื่อนสนิทแต่ละคนก็แต่งงานกันไปหมด จะให้ออกไปตะลอนเที่ยวเมาหัวราน้ำเหมือนเมื่อตอนที่ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ในบางคืน เมื่อเขากลับถึงบ้าน ชายหนุ่มก็พบกับความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นพ่อ รวมทั้งน้องชายและน้องสาว ทุกคนอยู่ห้องส่วนตัวกันหมด บ้านจึงได้เงียบเหงาเหลือเกิน
บ้านใหญ่ที่เคยมีแต่เสียงโวยวาย หรือดนตรีแนวญี่ปุ่นของน้องชายในอดีต มีเสียงโทรทัศน์ที่มักเปิดเทพนิยายของน้องสาวค่อยเลือนหายไปตามกาลเวลาเมื่อสองคนนั่นเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่
เขาเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?
ปรานต์สลัดศีรษะ เดินออกไปยังสวนภายนอกบ้าน เสียงจักจั่นร้องระงมแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเสียงของมันไม่ได้ช่วยให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาแต่อย่างใด มือใหญ่ตบกระเป๋าควักบุหรี่ขึ้นมาจุดก่อนจะปล่อยให้ควันของมันลอยฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ชายหนุ่มไม่ค่อยสูบบุหรี่ภายในบ้านเพราะขี้เกียจฟังเสียงบ่นเป็นแม่แก่ของน้องสาวคนเล็ก แต่คืนนี้เขาอดไม่ได้จริงๆ
แต่งงานดีไหม มีลูกสักสองสามคน...บ้านจะได้ไม่เงียบแบบนี้
คิดไปก็ได้แต่หัวเราะตัวเอง เคยล้อเลียนเพื่อนฝูงไว้มากมายที่ยอมสละความสนุกสนานของคนโสดไปเสียได้ แต่มาบัดนี้เวลาที่ไม่มีใครเคียงข้างเข้าจริงๆ คนที่เคยนึกแต่เรื่องการแต่งกับงานเพียงอย่างเดียวอย่างเขาถึงต้องมานั่งพร่ำเพ้อว่าอยากแต่งงานอยากมีลูก
ไม่มีใครสามารถเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวได้ ปรานต์อดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองนั่งจับเจ่าเหมือนลุงแก่ๆ ที่เกษียณแล้วมานั่งรำลึกถึงความหลังทั้งที่จริงเขาเพิ่งพ้นครึ่งหนึ่งของเกณฑ์อายุได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง
ครั้นเมื่อได้พบกับเธอ ทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป