ขอบคุณคุณ Lady Star 919 คุณสมาชิกหมายเลข 816465 คุณ GTW คุณปลาดาวค้างฟ้า คุณ CAN LIVE ที่เข้ามาอ่านนะคะ
คุณ GTW -- การถอยห่างออกมาทำให้ได้ทบทวนความสัมพันธ์กันในบางครั้งเวลาที่มาถึงทางตันน่ะค่ะ คุณสุกฤตมีหน้าที่จับฉ่ายมากกค่ะ ได้ร้อยเล่นล้าน (ฮา) คือ หน้าที่ที่ต้องทำเยอะมาก แต่บทที่ให้กลับน้อยเสียเหลือเกิน ดังนั้นทุกครั้งที่เขาออกมาต้องหวังผลได้ค่ะ เป็นนักแสดงสมทบตัวสำคัญของเรื่องอย่างที่อาจารย์มองแหละค่ะ
อย่างที่บอกว่าถ้าได้เขียนเรื่องของคุณสุกฤตจริง คงไม่ใช่เรื่องความรักของเจ้าตัว แต่เป็นเรื่องความฝันและความมุมานะของเจ้าตัวมากกว่าน่ะค่ะ เบื้องหลังคุณสุกฤตนี่ทรหดระดับพระกาฬ ความพยายามและความสู้ชีวิตของเจ้าตัวไม่ธรรมดา เบื้องหลังครอบครัวของนางเอกกลายเป็นง่อยไปเลยเมื่อเทียบกับคุณสุกฤตค่ะ
คุณ Lady Star 919 -- แอบย่องมาวางงานค่ะ ^^"
อันนี้ลิ้งค์ตอนเก่าๆ ค่ะ
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : ซินเดอเรลล่ากับฟองคลื่น
บทที่ 1 --
http://ppantip.com/topic/36850578
บทที่ 2 --
http://ppantip.com/topic/36853519
=====================================
บทที่ 3
ปรานต์วางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ
เขานั่งอยู่หน้าระเบียงซึ่งยื่นไปทางสวนหลังบ้านจิบกาแฟยามเช้าซึ่งหากมองเผินๆ เขากำลังอยู่ในภวังค์ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟ และบรรยากาศสดใสของต้นไม้และดอกไม้ในสวนยามเช้าหลังจากที่แทบไม่ได้สัมผัสกับยามเช้าวันเสาร์แบบนี้มานานหลายเดือน
บ้านยังคงเงียบ เมื่อน้องชายเขาแต่งงานไป เขาจัดการสร้างบ้านอีกหลังให้คู่บ่าวสาวแยกออกไปจะได้เป็นสัดส่วน ส่วนน้องสาวคนเล็กมีคนมารับไปเที่ยวต่างจังหวัดตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว บิดาของเขาบินไปต่างประเทศเพื่อออกรอบกับกลุ่มเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืนวาน กว่าจะกลับคงเป็นวันพรุ่งนี้
ช่างเป็นเช้าวันเสาร์อันสดใสที่ชวนหดหู่สิ้นดี!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มมองหน้าจอว่าใครโทรมา เขาก็กดรับด้วยท่าทางเนือยๆ ไม่ได้กระตือรือร้นมาก
“ครับ น้ำเชื่อม วันนี้ผมอยู่บ้าน”
“ออกไปข้างนอกกันไหมคะ วันเสาร์แบบนี้อยู่บ้านเฉยๆ น่าเบื่อออก”
ที่เธอบอกว่าน่าเบื่อนั้น คือกิจกรรมที่เขาโปรดปรานที่สุดซึ่งเขาแทบไม่มีโอกาสได้ทำเลยตลอดเกือบปีที่ผ่านมา หากเมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนดึก เขาคงต้องไปที่ทำงานในเช้าวันนี้ แต่นี่เขาลุกไม่ไหว ถึงได้สามารถมาจิบกาแฟในสวนแบบนี้ได้ กระนั้นปรานต์ก็ตอบสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง
“ไปสิครับ คุณอยากไปที่ไหน”
เมื่อเธอบอกสถานที่มา ชายหนุ่มรับคำว่าจะไปรับเธออีกชั่วโมงหนึ่ง เพราะถึงอย่างไร บ้านที่ไม่มีใครในวันนี้อาจไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นสักเท่าไร
ปรานต์รู้จักเธอตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิทมากไปกว่าคนไทยที่อยู่ในเมืองเดียวกัน จนกระทั่งกลับมาเมืองไทย ไม่ได้ติดต่อกันสักเท่าไร แต่บิดาของเขาและบิดาของเธอชักนำให้ทั้งคู่ได้พบกัน
ที่จริงปรานต์ไม่คิดว่าบิดาเขาจะไม่ชอบตีรณา แต่ไม่บ่อยเช่นกันที่ปรานต์จะปล่อยให้ตนเองทำความรู้จักกับคนที่บิดาชักนำ เจ้าตัวจึงฉวยโอกาสนี้แนะนำให้เขาได้รู้จักผู้หญิงหลายต่อหลายคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิงคนนี้
น้ำเชื่อมเป็นผู้หญิงหวานสมชื่อ เธออ่อนหวาน นุ่มนวลทั้งกิริยา คำพูดคำจาและมารยาท ความที่เป็นทายาทสืบสานธุรกิจครอบครัวเหมือนกันทำให้ปรานต์สามารถคุยกับเธอในหลายๆ อย่างที่ตีรณาไม่เข้าใจเขาได้
เมื่อคืนนี้หลังจากงานเลี้ยงเลิกและไปส่งน้ำเชื่อมที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เพื่อนสนิทหัวหน้าครอบครัวหมาดๆ ยอมทิ้งลูกและภรรยาที่รักให้กลับบ้านไปนอนก่อน ส่วนตัวเองมาบ้านเขาดื่มเบียร์คุยกันต่อเพราะตอนอยู่ในงานไม่สะดวกคุยนัก โดยเฉพาะประเด็นที่เห็นผู้หญิงที่เขาพาไปงานแต่งงานเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตีรณา
‘ตี้ไปไหนวะ อย่าบอกนะว่าเลิกกันไปแล้วน่ะ’
ปรานต์นิ่งเงียบไป ก่อนอธิบายช้าๆ ‘เปล่า ตี้เขาบอกว่าให้เราห่างกันสักพักดีกว่า’
‘พอเขาบอกให้ห่าง นายก็ทะลึ่งควงผู้หญิงคนอื่นเลยเนี่ยนะ เดี๋ยวโดนทิ้งจริงๆ หรอก’ กษมาแทบจะถลึงตาใส่เพื่อน มองหน้าปรานต์ก็รู้แล้วว่าหัวใจเพื่อนเขายังอยู่ที่ใคร
‘ตี้บอกฉันตั้งแต่เมื่อตอนปีใหม่แล้ว เขาบอกให้ฉันลองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับตัวเองดู อาจจะดีกว่าเขาก็ได้ อย่าพูดเหมือนฉันกระโจนหาคนอื่นได้เร็วแบบนั้นสิวะ กว่าจะทำใจได้ นายว่ามันง่ายอย่างนั้นเลยหรือไง’ ชายหนุ่มชักฉุนเหมือนกัน กษมาไม่ได้รู้อะไรมาตั้งแต่แรกกลับพูดแบบนี้ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกัน ได้ยินแล้วเขายังอารมณ์ดีได้ ป่านนี้เขาคงบวชไม่สึกไปแล้ว
‘นายก็บ้าจี้ทำตามที่ตี้บอก ว่างั้น?’ กษมายังคงไล่เลียงต่อไป
‘จะให้ฉันทำยังไง!’ ปรานต์เริ่มหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะ ดวงตาดำเริ่มช้ำขึ้นมา ‘ฉันมีทางเลือกที่ไหน ตี้บอกเขาขออยู่ห่างจากฉันสักพัก ฉันจะไปพูดอะไรได้! ทุกอย่างฉันผิดเอง ฉันปล่อยให้เขาคอยมาตลอด ไม่เคยทำให้เขามั่นใจเลยสักครั้งว่าฉันตั้งใจมองอนาคตไปกับเขา ทุกครั้งตี้บอกว่าเธอช่วยฉันธุรกิจบ้านฉันไม่ได้ ฉันรู้ว่าตี้กังวลเรื่องนี้ ฉันเองก็ไม่รู้จะบอกให้เขาสบายใจได้ยังไงเพราะความจริงมันเป็นแบบนั้น’
‘แล้วนายบอกไปหรือเปล่าล่ะว่านายเลือกเขาเพราะอะไร’
‘บอก!’ ชายหนุ่มยืนยัน ‘แต่มันเป็นเรื่องความรู้สึก มันไม่เห็นเป็นรูปร่าง ตี้คงไม่เข้าใจ...’
‘หรือไม่นายก็อธิบายเขาไม่ดีพอ’ กษมาต่อให้ทันที พอเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อน จากที่อารมณ์ร้อนเมื่อครู่ เขาสามารถปรับอารมณ์ตนเองให้เยือกเย็นได้ทันที
ปรานต์คว้าเบียร์ขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เมินไปอีกด้าน ‘อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้’
คนฟังเอนกายพิงโซฟาในห้องนั่งเล่นสีแสบสันที่เขาและเจ้าของบ้านชอบมานั่งเล่นหมากกระดานด้วยกัน แต่วันนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีแก่ใจจะเล่นอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะปรานต์ จะด้วยอะไรก็ตาม เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้สักเท่าไร โดยเฉพาะประเด็นสนทนาที่เกี่ยวกับตีรณา
‘แต่ถึงอย่างนั้น ฉันว่าการที่นายไปควงผู้หญิงอีกคนก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีสักเท่าไร ฉันเลยสงสัยอยู่นี่แหละว่านายนึกยังไงของนาย หาบ่วงรัดคอตัวเองชัดๆ นายควรเลิกกับตี้ก่อน แบบนี้มันเหมือนจับปลาสองมือว่ะ ผู้หญิงคนใหม่ก็น่าสงสารที่ถูกใช้ทดสอบแบบนี้’
ปรานต์ถอนใจเฮือก ก้มหน้าลงมองมือที่หมุนกระป๋องเบียร์เล่นอยู่ จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มอีกครั้ง จวบจนวางกระป๋องลงอีกครั้ง
‘นายจะหัวเราะก็ได้ถ้าฉันจะบอกว่าการลองคุยกับน้ำเชื่อม ฉันจริงจังนะ แล้วนี่เป็นหนทางเดียวที่ทำให้ฉันมองหน้าตี้เขาตรงๆ ได้’
ทว่ากษมาไม่ได้หัวเราะ เขาทำเพียงขมวดคิ้วเข้า ความเงียบนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการคำอธิบาย ปรานต์แค่นหัวเราะจิบเบียร์อีกครั้ง แต่พอพบว่ามันหมดแล้ว เขาก็ลุกไปยังตู้เย็นเล็กที่มีเครื่องดื่มแช่หลายอย่าง เขาหันกลับมาถามกษมา ทว่าคุณพ่อลูกหนึ่งจะต้องขับรถกลับบ้านอีก เขาจึงส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วมองดูเพื่อนกรอกเบียร์เข้าปากไปครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนเจ้าตัวพอใจนั่นแหละ ถึงได้อธิบายให้เขาฟังต่อได้
‘เราสองคนหยุดพักสักระยะ ลองไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ลองดูว่าความสัมพันธ์ควรเป็นยังไงต่อไป ตี้อยากให้ฉันทบทวนในเรื่องความเหมาะสมดู ตี้แทบไม่เคยขออะไรจากฉัน มีอยู่ครั้งเดียวที่เขาทำ แต่ฉันก็ยังไม่ใส่ใจ แต่ครั้งนี้ฉันสัญญาว่าฉันจะทำ ฉันจะหาคำตอบไปให้เขาให้ได้ จะหมู่หรือจ่าแต่อย่างน้อยที่สุดฉันตั้งใจทำเพื่อเขาจริงๆ’
คนฟังเงียบไป ปรานต์เองก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขายังคงดื่มเบียร์ไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยดื่มหนักแบบนี้มานาน ไม่นานนักกษมาก็พูดออกมาสั้นๆ แต่ได้ใจความ
‘นายนี่มันไม่โง่ก็บ้า’
บางทีเขาคงเป็นอย่างที่เพื่อนพูด เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อเห็นตนเองขับรถไปรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ผูกพันทางใจสักเท่าไร เพียงแต่รู้สึกว่าคุยถูกคอดีเหมือนกัน
เขาทั้งโง่ทั้งบ้าที่พยายามทำความรู้จักอีกฝ่ายเหมือนตนเองกำลังนั่งคร่ำเคร่งกับสูตรคณิตศาสตร์แสนยากมากกว่าลองคุยและทำความรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง
เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อเห็นตัวเองถือของพะรุงพะรังเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้าทุกร้านที่มีป้ายลดราคาทั้งที่ตัวเธอเองมีเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เป็นสิบเป็นร้อยแล้ว
เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อต้องไปส่งผู้หญิงคนหนึ่งเข้าร้านทำผมโดยใช้เวลาเป็นวันทำอะไรสักอย่างกับผมของตนทั้งที่สามารถใช้เวลาไปกับอย่างอื่นได้อีกมากมาย
เขาทั้งโง่ทั้งบ้า ที่ใช้เวลาอันน้อยนิดไปกับความพยายามศึกษาผู้หญิงคนใหม่ที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอมากนัก ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อปีที่แล้วเขาเจียดเวลาให้กับตีรณาผู้หญิงที่เขารักนับครั้งได้ จนกระทั่งทุกอย่างสายเกินไป
ตลกร้ายที่เขาหัวเราะไม่ออก...
===========================
(มีต่อค่ะ)
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : ซินเดอเรลล่ากับฟองคลื่น บทที่ 3 (จบ)
คุณ GTW -- การถอยห่างออกมาทำให้ได้ทบทวนความสัมพันธ์กันในบางครั้งเวลาที่มาถึงทางตันน่ะค่ะ คุณสุกฤตมีหน้าที่จับฉ่ายมากกค่ะ ได้ร้อยเล่นล้าน (ฮา) คือ หน้าที่ที่ต้องทำเยอะมาก แต่บทที่ให้กลับน้อยเสียเหลือเกิน ดังนั้นทุกครั้งที่เขาออกมาต้องหวังผลได้ค่ะ เป็นนักแสดงสมทบตัวสำคัญของเรื่องอย่างที่อาจารย์มองแหละค่ะ
อย่างที่บอกว่าถ้าได้เขียนเรื่องของคุณสุกฤตจริง คงไม่ใช่เรื่องความรักของเจ้าตัว แต่เป็นเรื่องความฝันและความมุมานะของเจ้าตัวมากกว่าน่ะค่ะ เบื้องหลังคุณสุกฤตนี่ทรหดระดับพระกาฬ ความพยายามและความสู้ชีวิตของเจ้าตัวไม่ธรรมดา เบื้องหลังครอบครัวของนางเอกกลายเป็นง่อยไปเลยเมื่อเทียบกับคุณสุกฤตค่ะ
คุณ Lady Star 919 -- แอบย่องมาวางงานค่ะ ^^"
อันนี้ลิ้งค์ตอนเก่าๆ ค่ะ
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : ซินเดอเรลล่ากับฟองคลื่น
บทที่ 1 -- http://ppantip.com/topic/36850578
บทที่ 2 -- http://ppantip.com/topic/36853519
=====================================
บทที่ 3
ปรานต์วางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ
เขานั่งอยู่หน้าระเบียงซึ่งยื่นไปทางสวนหลังบ้านจิบกาแฟยามเช้าซึ่งหากมองเผินๆ เขากำลังอยู่ในภวังค์ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟ และบรรยากาศสดใสของต้นไม้และดอกไม้ในสวนยามเช้าหลังจากที่แทบไม่ได้สัมผัสกับยามเช้าวันเสาร์แบบนี้มานานหลายเดือน
บ้านยังคงเงียบ เมื่อน้องชายเขาแต่งงานไป เขาจัดการสร้างบ้านอีกหลังให้คู่บ่าวสาวแยกออกไปจะได้เป็นสัดส่วน ส่วนน้องสาวคนเล็กมีคนมารับไปเที่ยวต่างจังหวัดตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว บิดาของเขาบินไปต่างประเทศเพื่อออกรอบกับกลุ่มเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืนวาน กว่าจะกลับคงเป็นวันพรุ่งนี้
ช่างเป็นเช้าวันเสาร์อันสดใสที่ชวนหดหู่สิ้นดี!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มมองหน้าจอว่าใครโทรมา เขาก็กดรับด้วยท่าทางเนือยๆ ไม่ได้กระตือรือร้นมาก
“ครับ น้ำเชื่อม วันนี้ผมอยู่บ้าน”
“ออกไปข้างนอกกันไหมคะ วันเสาร์แบบนี้อยู่บ้านเฉยๆ น่าเบื่อออก”
ที่เธอบอกว่าน่าเบื่อนั้น คือกิจกรรมที่เขาโปรดปรานที่สุดซึ่งเขาแทบไม่มีโอกาสได้ทำเลยตลอดเกือบปีที่ผ่านมา หากเมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนดึก เขาคงต้องไปที่ทำงานในเช้าวันนี้ แต่นี่เขาลุกไม่ไหว ถึงได้สามารถมาจิบกาแฟในสวนแบบนี้ได้ กระนั้นปรานต์ก็ตอบสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง
“ไปสิครับ คุณอยากไปที่ไหน”
เมื่อเธอบอกสถานที่มา ชายหนุ่มรับคำว่าจะไปรับเธออีกชั่วโมงหนึ่ง เพราะถึงอย่างไร บ้านที่ไม่มีใครในวันนี้อาจไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นสักเท่าไร
ปรานต์รู้จักเธอตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสถาบันเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิทมากไปกว่าคนไทยที่อยู่ในเมืองเดียวกัน จนกระทั่งกลับมาเมืองไทย ไม่ได้ติดต่อกันสักเท่าไร แต่บิดาของเขาและบิดาของเธอชักนำให้ทั้งคู่ได้พบกัน
ที่จริงปรานต์ไม่คิดว่าบิดาเขาจะไม่ชอบตีรณา แต่ไม่บ่อยเช่นกันที่ปรานต์จะปล่อยให้ตนเองทำความรู้จักกับคนที่บิดาชักนำ เจ้าตัวจึงฉวยโอกาสนี้แนะนำให้เขาได้รู้จักผู้หญิงหลายต่อหลายคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิงคนนี้
น้ำเชื่อมเป็นผู้หญิงหวานสมชื่อ เธออ่อนหวาน นุ่มนวลทั้งกิริยา คำพูดคำจาและมารยาท ความที่เป็นทายาทสืบสานธุรกิจครอบครัวเหมือนกันทำให้ปรานต์สามารถคุยกับเธอในหลายๆ อย่างที่ตีรณาไม่เข้าใจเขาได้
เมื่อคืนนี้หลังจากงานเลี้ยงเลิกและไปส่งน้ำเชื่อมที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เพื่อนสนิทหัวหน้าครอบครัวหมาดๆ ยอมทิ้งลูกและภรรยาที่รักให้กลับบ้านไปนอนก่อน ส่วนตัวเองมาบ้านเขาดื่มเบียร์คุยกันต่อเพราะตอนอยู่ในงานไม่สะดวกคุยนัก โดยเฉพาะประเด็นที่เห็นผู้หญิงที่เขาพาไปงานแต่งงานเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตีรณา
‘ตี้ไปไหนวะ อย่าบอกนะว่าเลิกกันไปแล้วน่ะ’
ปรานต์นิ่งเงียบไป ก่อนอธิบายช้าๆ ‘เปล่า ตี้เขาบอกว่าให้เราห่างกันสักพักดีกว่า’
‘พอเขาบอกให้ห่าง นายก็ทะลึ่งควงผู้หญิงคนอื่นเลยเนี่ยนะ เดี๋ยวโดนทิ้งจริงๆ หรอก’ กษมาแทบจะถลึงตาใส่เพื่อน มองหน้าปรานต์ก็รู้แล้วว่าหัวใจเพื่อนเขายังอยู่ที่ใคร
‘ตี้บอกฉันตั้งแต่เมื่อตอนปีใหม่แล้ว เขาบอกให้ฉันลองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับตัวเองดู อาจจะดีกว่าเขาก็ได้ อย่าพูดเหมือนฉันกระโจนหาคนอื่นได้เร็วแบบนั้นสิวะ กว่าจะทำใจได้ นายว่ามันง่ายอย่างนั้นเลยหรือไง’ ชายหนุ่มชักฉุนเหมือนกัน กษมาไม่ได้รู้อะไรมาตั้งแต่แรกกลับพูดแบบนี้ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกัน ได้ยินแล้วเขายังอารมณ์ดีได้ ป่านนี้เขาคงบวชไม่สึกไปแล้ว
‘นายก็บ้าจี้ทำตามที่ตี้บอก ว่างั้น?’ กษมายังคงไล่เลียงต่อไป
‘จะให้ฉันทำยังไง!’ ปรานต์เริ่มหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะ ดวงตาดำเริ่มช้ำขึ้นมา ‘ฉันมีทางเลือกที่ไหน ตี้บอกเขาขออยู่ห่างจากฉันสักพัก ฉันจะไปพูดอะไรได้! ทุกอย่างฉันผิดเอง ฉันปล่อยให้เขาคอยมาตลอด ไม่เคยทำให้เขามั่นใจเลยสักครั้งว่าฉันตั้งใจมองอนาคตไปกับเขา ทุกครั้งตี้บอกว่าเธอช่วยฉันธุรกิจบ้านฉันไม่ได้ ฉันรู้ว่าตี้กังวลเรื่องนี้ ฉันเองก็ไม่รู้จะบอกให้เขาสบายใจได้ยังไงเพราะความจริงมันเป็นแบบนั้น’
‘แล้วนายบอกไปหรือเปล่าล่ะว่านายเลือกเขาเพราะอะไร’
‘บอก!’ ชายหนุ่มยืนยัน ‘แต่มันเป็นเรื่องความรู้สึก มันไม่เห็นเป็นรูปร่าง ตี้คงไม่เข้าใจ...’
‘หรือไม่นายก็อธิบายเขาไม่ดีพอ’ กษมาต่อให้ทันที พอเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อน จากที่อารมณ์ร้อนเมื่อครู่ เขาสามารถปรับอารมณ์ตนเองให้เยือกเย็นได้ทันที
ปรานต์คว้าเบียร์ขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เมินไปอีกด้าน ‘อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้’
คนฟังเอนกายพิงโซฟาในห้องนั่งเล่นสีแสบสันที่เขาและเจ้าของบ้านชอบมานั่งเล่นหมากกระดานด้วยกัน แต่วันนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีแก่ใจจะเล่นอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะปรานต์ จะด้วยอะไรก็ตาม เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้สักเท่าไร โดยเฉพาะประเด็นสนทนาที่เกี่ยวกับตีรณา
‘แต่ถึงอย่างนั้น ฉันว่าการที่นายไปควงผู้หญิงอีกคนก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีสักเท่าไร ฉันเลยสงสัยอยู่นี่แหละว่านายนึกยังไงของนาย หาบ่วงรัดคอตัวเองชัดๆ นายควรเลิกกับตี้ก่อน แบบนี้มันเหมือนจับปลาสองมือว่ะ ผู้หญิงคนใหม่ก็น่าสงสารที่ถูกใช้ทดสอบแบบนี้’
ปรานต์ถอนใจเฮือก ก้มหน้าลงมองมือที่หมุนกระป๋องเบียร์เล่นอยู่ จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มอีกครั้ง จวบจนวางกระป๋องลงอีกครั้ง
‘นายจะหัวเราะก็ได้ถ้าฉันจะบอกว่าการลองคุยกับน้ำเชื่อม ฉันจริงจังนะ แล้วนี่เป็นหนทางเดียวที่ทำให้ฉันมองหน้าตี้เขาตรงๆ ได้’
ทว่ากษมาไม่ได้หัวเราะ เขาทำเพียงขมวดคิ้วเข้า ความเงียบนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการคำอธิบาย ปรานต์แค่นหัวเราะจิบเบียร์อีกครั้ง แต่พอพบว่ามันหมดแล้ว เขาก็ลุกไปยังตู้เย็นเล็กที่มีเครื่องดื่มแช่หลายอย่าง เขาหันกลับมาถามกษมา ทว่าคุณพ่อลูกหนึ่งจะต้องขับรถกลับบ้านอีก เขาจึงส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วมองดูเพื่อนกรอกเบียร์เข้าปากไปครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนเจ้าตัวพอใจนั่นแหละ ถึงได้อธิบายให้เขาฟังต่อได้
‘เราสองคนหยุดพักสักระยะ ลองไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ลองดูว่าความสัมพันธ์ควรเป็นยังไงต่อไป ตี้อยากให้ฉันทบทวนในเรื่องความเหมาะสมดู ตี้แทบไม่เคยขออะไรจากฉัน มีอยู่ครั้งเดียวที่เขาทำ แต่ฉันก็ยังไม่ใส่ใจ แต่ครั้งนี้ฉันสัญญาว่าฉันจะทำ ฉันจะหาคำตอบไปให้เขาให้ได้ จะหมู่หรือจ่าแต่อย่างน้อยที่สุดฉันตั้งใจทำเพื่อเขาจริงๆ’
คนฟังเงียบไป ปรานต์เองก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขายังคงดื่มเบียร์ไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยดื่มหนักแบบนี้มานาน ไม่นานนักกษมาก็พูดออกมาสั้นๆ แต่ได้ใจความ
‘นายนี่มันไม่โง่ก็บ้า’
บางทีเขาคงเป็นอย่างที่เพื่อนพูด เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อเห็นตนเองขับรถไปรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ผูกพันทางใจสักเท่าไร เพียงแต่รู้สึกว่าคุยถูกคอดีเหมือนกัน
เขาทั้งโง่ทั้งบ้าที่พยายามทำความรู้จักอีกฝ่ายเหมือนตนเองกำลังนั่งคร่ำเคร่งกับสูตรคณิตศาสตร์แสนยากมากกว่าลองคุยและทำความรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง
เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อเห็นตัวเองถือของพะรุงพะรังเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้าทุกร้านที่มีป้ายลดราคาทั้งที่ตัวเธอเองมีเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เป็นสิบเป็นร้อยแล้ว
เขาทั้งโง่ทั้งบ้ายามเมื่อต้องไปส่งผู้หญิงคนหนึ่งเข้าร้านทำผมโดยใช้เวลาเป็นวันทำอะไรสักอย่างกับผมของตนทั้งที่สามารถใช้เวลาไปกับอย่างอื่นได้อีกมากมาย
เขาทั้งโง่ทั้งบ้า ที่ใช้เวลาอันน้อยนิดไปกับความพยายามศึกษาผู้หญิงคนใหม่ที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอมากนัก ทั้งที่จริงแล้ว เมื่อปีที่แล้วเขาเจียดเวลาให้กับตีรณาผู้หญิงที่เขารักนับครั้งได้ จนกระทั่งทุกอย่างสายเกินไป
ตลกร้ายที่เขาหัวเราะไม่ออก...
===========================
(มีต่อค่ะ)