ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36701359
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36704435
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/36708882
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/36711390
================================
บทที่ 5
อาการผิดปกติของน้องน้อยคนสุดท้องของบ้านที่ไม่ร่าเริงเหมือนปกติทำให้คนในบ้านไม่ค่อยเป็นสุขนัก
ปรียานุชแทบไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโตมรให้ใครฟัง จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุของอาการหม่นหมองนั่น
วันนี้แม้เพื่อนพี่ชายคนที่เธอโปรดปรานที่สุดมาเยี่ยมถึงบ้าน ปรียานุชก็ไม่ได้กระตือรือร้นแต่อย่างใด หากเป็นเวลาปกติ ขอแค่ให้รู้เท่านั้น เจ้าตัวจะวิ่งปรู๊ดมาหา แต่นี่เพียงแค่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยในห้องนั่งเล่นซึ่งพี่ชายคนโตกำลังนั่งอยู่บนพื้น ตรงหน้าเขามีกระดานหมากในขณะที่ผู้เป็นเพื่อนนอนพังพาบ ตามองหมากกระดานนั้นอย่างรื่นรมย์
ทั้งสองคนใส่เพียงเสื้อยืดหลวมๆ กับกางเกงขาสั้นลำลอง ชายหนุ่มทั้งสองที่จำเป็นต้องดูดีต่อหน้าสาธารณชนเสมอคงกะขลุกอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่ออกไปไหนแน่นอน
“อ้าว หนูดี” กษมาเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนปรานต์เปลี่ยนอิริยาบถในท่านั่งที่สบายขึ้นกว่าเดิม เขายิ้มให้เธอ ทว่าปรียานุชก็รู้ว่าเกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่แน่ๆ หมากกระดานข้างหน้าไม่มีทางทำให้เขาทำสีหน้าอย่างนี้แน่นอน เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าหวังว่าจะเห็นสีหน้าเช่นนี้จากเขาเลยดีกว่า
“พี่ชายใหญ่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาแก้ไม่ตก” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ ในขณะที่น้องสาวเลิกคิ้ว ลืมเรื่องของตัวเองชั่วคราว แล้วหันไปซักพี่ชายตัวเองแทน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องพี่ปรานต์แก้ไม่ได้ด้วยหรือ”
ปรานต์ไม่ตอบ แต่เหล่ตาคล้ายไม่พอใจไปยังคนที่นอนอยู่กับพื้นด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน มือแกล้งกำตัวหมากในโถที่ใส่อยู่จนได้ยินเสียงกราวเป็นจังหวะๆ
“พี่ปรานต์ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนหรอกนะหนูดี” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ “ไม่อย่างนั้นเขาคงชนะเกมนี้ไปนานแล้ว”
“พี่ชายใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ใส่กางเกงในออกข้างนอกหรอกค่ะ” ร่างป้อมทรุดตัวลงนอนบนตักของพี่ชายใหญ่ที่เธอชอบหนุน ลอบมองหมากที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง “พี่ปรานต์เป็นเจ้าชายสุดเก่งต่างหาก”
“อย่าพูดคำนี้เลยหนูดี” คนที่เงียบมาตลอดถอนใจเฮือก “พี่ไม่ใช่เจ้าชายหรอก เป็นแค่คนธรรมดาๆ นี่แหละ”
ปรียานุชสะดุดหูทันที เห็นเพื่อนพี่ชายยังคงหัวเราะไม่เลิก เธอหรี่ตายื่นแขนเล็กไปสะกิดแขนกษมาเบาๆ “พี่มาส์ต้องรู้อะไรดีๆ แน่ๆ เลย เกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่หรือคะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาหัวใจ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันที รีบผุดลุกขึ้นมามองหน้าพี่ชายซึ่งหันไปถลึงตาใส่เพื่อน “จริงหรือพี่ชายใหญ่ ทำไมหนูดีไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครที่ไหน หนูดีรู้จักหรือเปล่า เขาสวยหรือเจ๋งแค่ไหนถึงมาทำให้เจ้าชายของหนูดีต้องทำหน้าแบบนี้ ไหนว่ามาสิคะ”
ปรานต์หันไปทำสีหน้าปรามเพื่อนแล้วหันมาตอบน้องสาวตัวเอง “หนูดีไม่รู้จักหรอก ที่จริงเขายังไม่ได้ตกลงอะไรกับพี่”
“มิน่าถึงมานั่งกลุ้มอยู่ งั้นว่ามาเลยค่ะ หนูดีอาจให้คำปรึกษาแบบผู้หญิงๆ ได้” เธอพยักหน้ากอดอกด้วยท่าทางเหมือนเด็กแก่แดด จนพี่ชายเอ็นดูจับศีรษะอีกฝ่ายโยกเบาๆ
“ไม่มีอะไรขนาดนั้นหรอก พี่มาส์เขาพูดเกินจริงไปหน่อยเท่านั้นเอง” ว่าพลางส่งสายตากำกับเพื่อนไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก กษมาหัวเราะหึๆ ยอมสงบตามที่เพื่อนต้องการ ปรานต์จึงเปลี่ยนเรื่องโดยการแกล้งกอดรัดน้องสาวแสนแก่นของตนเองไว้แน่น
“แล้วหนูดีไปทำงานนี่มีใครมาจีบบ้างไหม ไม่เห็นเล่าอะไรให้พี่ฟังบ้างเลย”
ปรียานุชย่นหน้า
“มีมั้งคะ ไม่แน่ใจ แต่เขา...” เด็กสาวเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง เล่นเอาพี่ชายใหญ่แทบขมวดคิ้วแต่ไม่ขัดเธอ “เขา...ไม่ใช่เจ้าชายแบบที่หนูดีชอบเลย”
“แล้วเขาเป็นยังไง” ปรานต์เอ่ยถามอย่างสนใจเพื่อตรวจสอบผู้ชายที่น้องสาวพูดถึง
“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ผิวคล้ำๆ พูดจาไม่เห็นเพราะเลย อย่าไปพูดถึงเขาดีกว่านะพี่ปรานต์” ใบหน้ากลมย่นจมูกเล็กๆ นั่น เธอพลิกกายเพื่อจ้องหมากกระดานนั้นเต็มๆ บ้าง
หมากของโอเธลโล่ที่วางลงไปก็จะสามารถพลิกตัวอื่นๆ ให้เปลี่ยนสี จากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ สลับกันไปตามแต่ปัจจัย ดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของปรานต์และกษมาเสียเหลือเกิน ถ้าคู่นี้มีเวลาก็มักจะมาเล่นด้วยกันเสมอ แต่ปรียานุชไม่ชอบเล่นเกมนี้
เมื่อครั้งเธอยังเด็ก พี่ชายใหญ่เคยถามเมื่อตอนที่เขาเพิ่งซื้อหมากและกระดานมาเล่นเอง แทนที่จะเล่นผ่านวีดีโอเกมเหมือนเมื่อก่อน ปรียานุชกำลังนั่งมองร่างสูงกำลังแกะถุงใส่เม็ดหมากง่วนอยู่
‘หนูดีรู้ไหมว่าหมากนี้สีอะไร’ เขาหยิบชูเม็ดหมากให้เธอดู
‘สีดำสิคะ’ หรือพี่ชายใหญ่เธอเริ่มตาไม่ดี
‘พี่ว่าสีขาวนะ’
เธอนิ่วหน้า ‘ดูยังไงก็สีดำนะพี่ชายใหญ่’
‘สีขาวแน่ๆ’ พี่ชายใหญ่ทำหน้ามั่นอกมั่นใจมากจนปรียานุชชักไม่แน่ใจตัวเองแทนเสียแล้ว เธอเลยคว้ามาดู
แต่พอพลิกแล้วก็พบว่าอีกด้านเป็นสีขาวจริงๆ เด็กหญิงเลยรู้ทันทีว่าโดนแกล้งเข้าแล้ว ยิ่งเธอทำแก้มพอง พี่ชายใหญ่ก็ดูจะสนุกเหลือเกิ๊น ถึงหัวเราะได้หัวเราะดีแล้วขยี้ผมเธออย่างหมั่นเขี้ยว
หลังจากนั้นปรียานุชก็ไม่ชอบหมากโอเธลโล่อีก เธอเกลียดเวลาที่เห็นหมากนั้นเปลี่ยนสีไปมาน่าปวดหัว ไม่รู้ใครเป็นคนคิดเกมนี้!
“นี่นายมานอนเอกเขนกแถวนี้ได้ เมียไม่ว่าหรือ” พี่ชายใหญ่เอ่ยถามอดีตเจ้าชายของเธอหลังจากที่นั่งเงียบเล่นหมากกันไปได้สักพัก เธอจึงได้สติ เงี่ยหูฟังทั้งคู่คุยกัน
“ตั้งแต่เปิดแกลอรี่ก็ไม่มีเวลา เลยสบายใจอยู่นี่ไง”
ปรานต์ถอนใจพรืดราวกับต้องการประท้วงคำของเพื่อน แต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาให้เสียเหลี่ยมกันต่อหน้าบุคคลที่สาม จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องไป
“เออ...แล้วนี่นายพลูเป็นไงบ้าง ตอนนี้เท่ากับพ่อนายจะให้นายพลูดูแลกิจการเต็มตัวจริงๆ แล้วนี่ เห็นบ่นๆ อยู่ว่าถอดใจจะลากนายเข้าไปดูแลแล้ว”
“คงยังหรอก ไอ้พลูมันใจร้อนจะแย่ ปล่อยให้มันค่อยๆ เรียนรู้ แล้วก็โตมากกว่านี้น่าจะดีกว่า ตอนนี้ให้มันทำงานอย่างที่มันชอบไปก่อน เรียนรู้จากระดับล่าง ค่อยๆ เลื่อนขั้นไป จนถึงเวลามันก็รู้เองว่าผู้บริหารเขาควรทำอะไรยังไง”
ปรียานุชฟังเรื่องที่สองหนุ่มคุยกันก็พอจับประเด็นได้บ้าง “พี่มาส์จะเป็นข้าราชการต่อไปหรือคะ”
“อือ” กษมาพยักหน้ายอมรับ ค่อยๆ บรรจงวางเม็ดหมากลงบนกระดาน แล้วค่อยพลิกหมากขาวทีละตัวๆ “พี่ขอเป็นพวกฝ่ายบุ๋นคอยให้คำปรึกษาดีกว่า ให้น้องชายพี่มันบู๊ออกหน้าออกตาไป หมอนั่นมันไฟแรง พี่กับน้องชายถนัดกันคนละอย่างน่ะหนูดี”
“แล้วที่บ้านพี่ทำเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”
กษมามองหน้าปรานต์ทันที ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันมองกระดานแล้วเสียงทุ้มของคนโดนถามก็อธิบายเพียงสั้นๆ
“ก็...กิจการธรรมดาๆ นี่แหละหนูดี ไม่มีอะไรหรอก”
=============================
(มีต่อค่ะ)
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง บทที่ 5
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/36701359
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/36704435
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/36708882
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/36711390
================================
บทที่ 5
อาการผิดปกติของน้องน้อยคนสุดท้องของบ้านที่ไม่ร่าเริงเหมือนปกติทำให้คนในบ้านไม่ค่อยเป็นสุขนัก
ปรียานุชแทบไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโตมรให้ใครฟัง จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุของอาการหม่นหมองนั่น
วันนี้แม้เพื่อนพี่ชายคนที่เธอโปรดปรานที่สุดมาเยี่ยมถึงบ้าน ปรียานุชก็ไม่ได้กระตือรือร้นแต่อย่างใด หากเป็นเวลาปกติ ขอแค่ให้รู้เท่านั้น เจ้าตัวจะวิ่งปรู๊ดมาหา แต่นี่เพียงแค่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยในห้องนั่งเล่นซึ่งพี่ชายคนโตกำลังนั่งอยู่บนพื้น ตรงหน้าเขามีกระดานหมากในขณะที่ผู้เป็นเพื่อนนอนพังพาบ ตามองหมากกระดานนั้นอย่างรื่นรมย์
ทั้งสองคนใส่เพียงเสื้อยืดหลวมๆ กับกางเกงขาสั้นลำลอง ชายหนุ่มทั้งสองที่จำเป็นต้องดูดีต่อหน้าสาธารณชนเสมอคงกะขลุกอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่ออกไปไหนแน่นอน
“อ้าว หนูดี” กษมาเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนปรานต์เปลี่ยนอิริยาบถในท่านั่งที่สบายขึ้นกว่าเดิม เขายิ้มให้เธอ ทว่าปรียานุชก็รู้ว่าเกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่แน่ๆ หมากกระดานข้างหน้าไม่มีทางทำให้เขาทำสีหน้าอย่างนี้แน่นอน เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าหวังว่าจะเห็นสีหน้าเช่นนี้จากเขาเลยดีกว่า
“พี่ชายใหญ่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาแก้ไม่ตก” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ ในขณะที่น้องสาวเลิกคิ้ว ลืมเรื่องของตัวเองชั่วคราว แล้วหันไปซักพี่ชายตัวเองแทน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องพี่ปรานต์แก้ไม่ได้ด้วยหรือ”
ปรานต์ไม่ตอบ แต่เหล่ตาคล้ายไม่พอใจไปยังคนที่นอนอยู่กับพื้นด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน มือแกล้งกำตัวหมากในโถที่ใส่อยู่จนได้ยินเสียงกราวเป็นจังหวะๆ
“พี่ปรานต์ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนหรอกนะหนูดี” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ “ไม่อย่างนั้นเขาคงชนะเกมนี้ไปนานแล้ว”
“พี่ชายใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ใส่กางเกงในออกข้างนอกหรอกค่ะ” ร่างป้อมทรุดตัวลงนอนบนตักของพี่ชายใหญ่ที่เธอชอบหนุน ลอบมองหมากที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง “พี่ปรานต์เป็นเจ้าชายสุดเก่งต่างหาก”
“อย่าพูดคำนี้เลยหนูดี” คนที่เงียบมาตลอดถอนใจเฮือก “พี่ไม่ใช่เจ้าชายหรอก เป็นแค่คนธรรมดาๆ นี่แหละ”
ปรียานุชสะดุดหูทันที เห็นเพื่อนพี่ชายยังคงหัวเราะไม่เลิก เธอหรี่ตายื่นแขนเล็กไปสะกิดแขนกษมาเบาๆ “พี่มาส์ต้องรู้อะไรดีๆ แน่ๆ เลย เกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่หรือคะ”
“พี่ปรานต์เขามีปัญหาหัวใจ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันที รีบผุดลุกขึ้นมามองหน้าพี่ชายซึ่งหันไปถลึงตาใส่เพื่อน “จริงหรือพี่ชายใหญ่ ทำไมหนูดีไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครที่ไหน หนูดีรู้จักหรือเปล่า เขาสวยหรือเจ๋งแค่ไหนถึงมาทำให้เจ้าชายของหนูดีต้องทำหน้าแบบนี้ ไหนว่ามาสิคะ”
ปรานต์หันไปทำสีหน้าปรามเพื่อนแล้วหันมาตอบน้องสาวตัวเอง “หนูดีไม่รู้จักหรอก ที่จริงเขายังไม่ได้ตกลงอะไรกับพี่”
“มิน่าถึงมานั่งกลุ้มอยู่ งั้นว่ามาเลยค่ะ หนูดีอาจให้คำปรึกษาแบบผู้หญิงๆ ได้” เธอพยักหน้ากอดอกด้วยท่าทางเหมือนเด็กแก่แดด จนพี่ชายเอ็นดูจับศีรษะอีกฝ่ายโยกเบาๆ
“ไม่มีอะไรขนาดนั้นหรอก พี่มาส์เขาพูดเกินจริงไปหน่อยเท่านั้นเอง” ว่าพลางส่งสายตากำกับเพื่อนไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก กษมาหัวเราะหึๆ ยอมสงบตามที่เพื่อนต้องการ ปรานต์จึงเปลี่ยนเรื่องโดยการแกล้งกอดรัดน้องสาวแสนแก่นของตนเองไว้แน่น
“แล้วหนูดีไปทำงานนี่มีใครมาจีบบ้างไหม ไม่เห็นเล่าอะไรให้พี่ฟังบ้างเลย”
ปรียานุชย่นหน้า
“มีมั้งคะ ไม่แน่ใจ แต่เขา...” เด็กสาวเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง เล่นเอาพี่ชายใหญ่แทบขมวดคิ้วแต่ไม่ขัดเธอ “เขา...ไม่ใช่เจ้าชายแบบที่หนูดีชอบเลย”
“แล้วเขาเป็นยังไง” ปรานต์เอ่ยถามอย่างสนใจเพื่อตรวจสอบผู้ชายที่น้องสาวพูดถึง
“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ผิวคล้ำๆ พูดจาไม่เห็นเพราะเลย อย่าไปพูดถึงเขาดีกว่านะพี่ปรานต์” ใบหน้ากลมย่นจมูกเล็กๆ นั่น เธอพลิกกายเพื่อจ้องหมากกระดานนั้นเต็มๆ บ้าง
หมากของโอเธลโล่ที่วางลงไปก็จะสามารถพลิกตัวอื่นๆ ให้เปลี่ยนสี จากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ สลับกันไปตามแต่ปัจจัย ดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของปรานต์และกษมาเสียเหลือเกิน ถ้าคู่นี้มีเวลาก็มักจะมาเล่นด้วยกันเสมอ แต่ปรียานุชไม่ชอบเล่นเกมนี้
เมื่อครั้งเธอยังเด็ก พี่ชายใหญ่เคยถามเมื่อตอนที่เขาเพิ่งซื้อหมากและกระดานมาเล่นเอง แทนที่จะเล่นผ่านวีดีโอเกมเหมือนเมื่อก่อน ปรียานุชกำลังนั่งมองร่างสูงกำลังแกะถุงใส่เม็ดหมากง่วนอยู่
‘หนูดีรู้ไหมว่าหมากนี้สีอะไร’ เขาหยิบชูเม็ดหมากให้เธอดู
‘สีดำสิคะ’ หรือพี่ชายใหญ่เธอเริ่มตาไม่ดี
‘พี่ว่าสีขาวนะ’
เธอนิ่วหน้า ‘ดูยังไงก็สีดำนะพี่ชายใหญ่’
‘สีขาวแน่ๆ’ พี่ชายใหญ่ทำหน้ามั่นอกมั่นใจมากจนปรียานุชชักไม่แน่ใจตัวเองแทนเสียแล้ว เธอเลยคว้ามาดู
แต่พอพลิกแล้วก็พบว่าอีกด้านเป็นสีขาวจริงๆ เด็กหญิงเลยรู้ทันทีว่าโดนแกล้งเข้าแล้ว ยิ่งเธอทำแก้มพอง พี่ชายใหญ่ก็ดูจะสนุกเหลือเกิ๊น ถึงหัวเราะได้หัวเราะดีแล้วขยี้ผมเธออย่างหมั่นเขี้ยว
หลังจากนั้นปรียานุชก็ไม่ชอบหมากโอเธลโล่อีก เธอเกลียดเวลาที่เห็นหมากนั้นเปลี่ยนสีไปมาน่าปวดหัว ไม่รู้ใครเป็นคนคิดเกมนี้!
“นี่นายมานอนเอกเขนกแถวนี้ได้ เมียไม่ว่าหรือ” พี่ชายใหญ่เอ่ยถามอดีตเจ้าชายของเธอหลังจากที่นั่งเงียบเล่นหมากกันไปได้สักพัก เธอจึงได้สติ เงี่ยหูฟังทั้งคู่คุยกัน
“ตั้งแต่เปิดแกลอรี่ก็ไม่มีเวลา เลยสบายใจอยู่นี่ไง”
ปรานต์ถอนใจพรืดราวกับต้องการประท้วงคำของเพื่อน แต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาให้เสียเหลี่ยมกันต่อหน้าบุคคลที่สาม จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องไป
“เออ...แล้วนี่นายพลูเป็นไงบ้าง ตอนนี้เท่ากับพ่อนายจะให้นายพลูดูแลกิจการเต็มตัวจริงๆ แล้วนี่ เห็นบ่นๆ อยู่ว่าถอดใจจะลากนายเข้าไปดูแลแล้ว”
“คงยังหรอก ไอ้พลูมันใจร้อนจะแย่ ปล่อยให้มันค่อยๆ เรียนรู้ แล้วก็โตมากกว่านี้น่าจะดีกว่า ตอนนี้ให้มันทำงานอย่างที่มันชอบไปก่อน เรียนรู้จากระดับล่าง ค่อยๆ เลื่อนขั้นไป จนถึงเวลามันก็รู้เองว่าผู้บริหารเขาควรทำอะไรยังไง”
ปรียานุชฟังเรื่องที่สองหนุ่มคุยกันก็พอจับประเด็นได้บ้าง “พี่มาส์จะเป็นข้าราชการต่อไปหรือคะ”
“อือ” กษมาพยักหน้ายอมรับ ค่อยๆ บรรจงวางเม็ดหมากลงบนกระดาน แล้วค่อยพลิกหมากขาวทีละตัวๆ “พี่ขอเป็นพวกฝ่ายบุ๋นคอยให้คำปรึกษาดีกว่า ให้น้องชายพี่มันบู๊ออกหน้าออกตาไป หมอนั่นมันไฟแรง พี่กับน้องชายถนัดกันคนละอย่างน่ะหนูดี”
“แล้วที่บ้านพี่ทำเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”
กษมามองหน้าปรานต์ทันที ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันมองกระดานแล้วเสียงทุ้มของคนโดนถามก็อธิบายเพียงสั้นๆ
“ก็...กิจการธรรมดาๆ นี่แหละหนูดี ไม่มีอะไรหรอก”
=============================
(มีต่อค่ะ)