ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง บทที่ 5

กระทู้สนทนา
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง

บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/36701359

บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/36704435

บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/36708882

บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/36711390

================================

บทที่ 5

อาการผิดปกติของน้องน้อยคนสุดท้องของบ้านที่ไม่ร่าเริงเหมือนปกติทำให้คนในบ้านไม่ค่อยเป็นสุขนัก

ปรียานุชแทบไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโตมรให้ใครฟัง จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุของอาการหม่นหมองนั่น

วันนี้แม้เพื่อนพี่ชายคนที่เธอโปรดปรานที่สุดมาเยี่ยมถึงบ้าน ปรียานุชก็ไม่ได้กระตือรือร้นแต่อย่างใด หากเป็นเวลาปกติ ขอแค่ให้รู้เท่านั้น เจ้าตัวจะวิ่งปรู๊ดมาหา แต่นี่เพียงแค่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยในห้องนั่งเล่นซึ่งพี่ชายคนโตกำลังนั่งอยู่บนพื้น ตรงหน้าเขามีกระดานหมากในขณะที่ผู้เป็นเพื่อนนอนพังพาบ ตามองหมากกระดานนั้นอย่างรื่นรมย์

ทั้งสองคนใส่เพียงเสื้อยืดหลวมๆ กับกางเกงขาสั้นลำลอง ชายหนุ่มทั้งสองที่จำเป็นต้องดูดีต่อหน้าสาธารณชนเสมอคงกะขลุกอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ ไม่ออกไปไหนแน่นอน

“อ้าว หนูดี” กษมาเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนปรานต์เปลี่ยนอิริยาบถในท่านั่งที่สบายขึ้นกว่าเดิม เขายิ้มให้เธอ ทว่าปรียานุชก็รู้ว่าเกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่แน่ๆ หมากกระดานข้างหน้าไม่มีทางทำให้เขาทำสีหน้าอย่างนี้แน่นอน เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าหวังว่าจะเห็นสีหน้าเช่นนี้จากเขาเลยดีกว่า

“พี่ชายใหญ่ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”

“พี่ปรานต์เขามีปัญหาแก้ไม่ตก” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ ในขณะที่น้องสาวเลิกคิ้ว ลืมเรื่องของตัวเองชั่วคราว แล้วหันไปซักพี่ชายตัวเองแทน

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ มีเรื่องพี่ปรานต์แก้ไม่ได้ด้วยหรือ”

ปรานต์ไม่ตอบ แต่เหล่ตาคล้ายไม่พอใจไปยังคนที่นอนอยู่กับพื้นด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน มือแกล้งกำตัวหมากในโถที่ใส่อยู่จนได้ยินเสียงกราวเป็นจังหวะๆ

“พี่ปรานต์ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนหรอกนะหนูดี” พี่มาส์หัวเราะเบาๆ “ไม่อย่างนั้นเขาคงชนะเกมนี้ไปนานแล้ว”

“พี่ชายใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ใส่กางเกงในออกข้างนอกหรอกค่ะ” ร่างป้อมทรุดตัวลงนอนบนตักของพี่ชายใหญ่ที่เธอชอบหนุน ลอบมองหมากที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง “พี่ปรานต์เป็นเจ้าชายสุดเก่งต่างหาก”

“อย่าพูดคำนี้เลยหนูดี” คนที่เงียบมาตลอดถอนใจเฮือก “พี่ไม่ใช่เจ้าชายหรอก เป็นแค่คนธรรมดาๆ นี่แหละ”

ปรียานุชสะดุดหูทันที เห็นเพื่อนพี่ชายยังคงหัวเราะไม่เลิก เธอหรี่ตายื่นแขนเล็กไปสะกิดแขนกษมาเบาๆ “พี่มาส์ต้องรู้อะไรดีๆ แน่ๆ เลย เกิดอะไรกับพี่ชายใหญ่หรือคะ”

“พี่ปรานต์เขามีปัญหาหัวใจ”

ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันที รีบผุดลุกขึ้นมามองหน้าพี่ชายซึ่งหันไปถลึงตาใส่เพื่อน “จริงหรือพี่ชายใหญ่ ทำไมหนูดีไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครที่ไหน หนูดีรู้จักหรือเปล่า เขาสวยหรือเจ๋งแค่ไหนถึงมาทำให้เจ้าชายของหนูดีต้องทำหน้าแบบนี้ ไหนว่ามาสิคะ”

ปรานต์หันไปทำสีหน้าปรามเพื่อนแล้วหันมาตอบน้องสาวตัวเอง “หนูดีไม่รู้จักหรอก ที่จริงเขายังไม่ได้ตกลงอะไรกับพี่”

“มิน่าถึงมานั่งกลุ้มอยู่ งั้นว่ามาเลยค่ะ หนูดีอาจให้คำปรึกษาแบบผู้หญิงๆ ได้” เธอพยักหน้ากอดอกด้วยท่าทางเหมือนเด็กแก่แดด จนพี่ชายเอ็นดูจับศีรษะอีกฝ่ายโยกเบาๆ

“ไม่มีอะไรขนาดนั้นหรอก พี่มาส์เขาพูดเกินจริงไปหน่อยเท่านั้นเอง” ว่าพลางส่งสายตากำกับเพื่อนไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก กษมาหัวเราะหึๆ ยอมสงบตามที่เพื่อนต้องการ ปรานต์จึงเปลี่ยนเรื่องโดยการแกล้งกอดรัดน้องสาวแสนแก่นของตนเองไว้แน่น

“แล้วหนูดีไปทำงานนี่มีใครมาจีบบ้างไหม ไม่เห็นเล่าอะไรให้พี่ฟังบ้างเลย”

ปรียานุชย่นหน้า

“มีมั้งคะ ไม่แน่ใจ แต่เขา...” เด็กสาวเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง เล่นเอาพี่ชายใหญ่แทบขมวดคิ้วแต่ไม่ขัดเธอ “เขา...ไม่ใช่เจ้าชายแบบที่หนูดีชอบเลย”

“แล้วเขาเป็นยังไง” ปรานต์เอ่ยถามอย่างสนใจเพื่อตรวจสอบผู้ชายที่น้องสาวพูดถึง

“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ผิวคล้ำๆ พูดจาไม่เห็นเพราะเลย อย่าไปพูดถึงเขาดีกว่านะพี่ปรานต์” ใบหน้ากลมย่นจมูกเล็กๆ นั่น เธอพลิกกายเพื่อจ้องหมากกระดานนั้นเต็มๆ บ้าง

หมากของโอเธลโล่ที่วางลงไปก็จะสามารถพลิกตัวอื่นๆ ให้เปลี่ยนสี จากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ สลับกันไปตามแต่ปัจจัย ดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของปรานต์และกษมาเสียเหลือเกิน ถ้าคู่นี้มีเวลาก็มักจะมาเล่นด้วยกันเสมอ แต่ปรียานุชไม่ชอบเล่นเกมนี้

เมื่อครั้งเธอยังเด็ก พี่ชายใหญ่เคยถามเมื่อตอนที่เขาเพิ่งซื้อหมากและกระดานมาเล่นเอง แทนที่จะเล่นผ่านวีดีโอเกมเหมือนเมื่อก่อน ปรียานุชกำลังนั่งมองร่างสูงกำลังแกะถุงใส่เม็ดหมากง่วนอยู่

‘หนูดีรู้ไหมว่าหมากนี้สีอะไร’ เขาหยิบชูเม็ดหมากให้เธอดู

‘สีดำสิคะ’ หรือพี่ชายใหญ่เธอเริ่มตาไม่ดี

‘พี่ว่าสีขาวนะ’

เธอนิ่วหน้า ‘ดูยังไงก็สีดำนะพี่ชายใหญ่’

‘สีขาวแน่ๆ’ พี่ชายใหญ่ทำหน้ามั่นอกมั่นใจมากจนปรียานุชชักไม่แน่ใจตัวเองแทนเสียแล้ว เธอเลยคว้ามาดู

แต่พอพลิกแล้วก็พบว่าอีกด้านเป็นสีขาวจริงๆ เด็กหญิงเลยรู้ทันทีว่าโดนแกล้งเข้าแล้ว ยิ่งเธอทำแก้มพอง พี่ชายใหญ่ก็ดูจะสนุกเหลือเกิ๊น ถึงหัวเราะได้หัวเราะดีแล้วขยี้ผมเธออย่างหมั่นเขี้ยว

หลังจากนั้นปรียานุชก็ไม่ชอบหมากโอเธลโล่อีก เธอเกลียดเวลาที่เห็นหมากนั้นเปลี่ยนสีไปมาน่าปวดหัว ไม่รู้ใครเป็นคนคิดเกมนี้!

“นี่นายมานอนเอกเขนกแถวนี้ได้ เมียไม่ว่าหรือ” พี่ชายใหญ่เอ่ยถามอดีตเจ้าชายของเธอหลังจากที่นั่งเงียบเล่นหมากกันไปได้สักพัก เธอจึงได้สติ เงี่ยหูฟังทั้งคู่คุยกัน

“ตั้งแต่เปิดแกลอรี่ก็ไม่มีเวลา เลยสบายใจอยู่นี่ไง”

ปรานต์ถอนใจพรืดราวกับต้องการประท้วงคำของเพื่อน แต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาให้เสียเหลี่ยมกันต่อหน้าบุคคลที่สาม จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องไป

“เออ...แล้วนี่นายพลูเป็นไงบ้าง ตอนนี้เท่ากับพ่อนายจะให้นายพลูดูแลกิจการเต็มตัวจริงๆ แล้วนี่ เห็นบ่นๆ อยู่ว่าถอดใจจะลากนายเข้าไปดูแลแล้ว”

“คงยังหรอก ไอ้พลูมันใจร้อนจะแย่ ปล่อยให้มันค่อยๆ เรียนรู้ แล้วก็โตมากกว่านี้น่าจะดีกว่า ตอนนี้ให้มันทำงานอย่างที่มันชอบไปก่อน เรียนรู้จากระดับล่าง ค่อยๆ เลื่อนขั้นไป จนถึงเวลามันก็รู้เองว่าผู้บริหารเขาควรทำอะไรยังไง”

ปรียานุชฟังเรื่องที่สองหนุ่มคุยกันก็พอจับประเด็นได้บ้าง “พี่มาส์จะเป็นข้าราชการต่อไปหรือคะ”

“อือ” กษมาพยักหน้ายอมรับ ค่อยๆ บรรจงวางเม็ดหมากลงบนกระดาน แล้วค่อยพลิกหมากขาวทีละตัวๆ “พี่ขอเป็นพวกฝ่ายบุ๋นคอยให้คำปรึกษาดีกว่า ให้น้องชายพี่มันบู๊ออกหน้าออกตาไป หมอนั่นมันไฟแรง พี่กับน้องชายถนัดกันคนละอย่างน่ะหนูดี”

“แล้วที่บ้านพี่ทำเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”

กษมามองหน้าปรานต์ทันที ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันมองกระดานแล้วเสียงทุ้มของคนโดนถามก็อธิบายเพียงสั้นๆ

“ก็...กิจการธรรมดาๆ นี่แหละหนูดี ไม่มีอะไรหรอก”

=============================

(มีต่อค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่