Q : วิธีแก้กรรมที่มีตามรายการทีวี สามารถทำได้จริงหรือไม่
A : วิธีตอบปัญหาของพุทธองค์ มี 4 อย่าง คือ 1.ตอบตามตรง ว่าได้ หรือไม่ได้ 2. แยกตอบ 3. ย้อนถาม 4. ไม่ตอบ สำหรับเรื่องนี้ต้องแยกตอบ เหตุผลง่ายๆคือ พุทธองคืเป็นผู้ทรงมหากรุณาธิคุณสูงยิ่ง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์พระองค์จะทรงตรัสสอน และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์จะทรงตรัสให้ทราบด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหากมนุษย์จะสามารถแก้กรรมด้วยพิธีกรรมแล้วนั้นพุทธองค์จะต้องทรงตรัสทุกวัน และมีพระสูตรนับพันที่จะกล่าวถึงเรื่องพิธีกรรมแก้กรรมนี้ ตรงกันข้ามไม่มีแม้สักพระสูตรเดียวที่กล่าวถึง กลับทรงตำหนินักบวชศาสนาอื่น ๆ ที่กระทำพิธีเหล่านี้ พุทธองค์ทรงตรัสว่ากรรมเก่าจากชาติก่อนมีมากน้อยแค่ไหนไม่มีใครทราบได้ ถ้าเรามองว่ากรรมเก่าเป็นวัตถุดิบเพื่อฝึกจิตใจให้พร้อมที่จะได้กำไรที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ก็ไม่ต้องคิดมาก คิดแค่ว่าพร้อมไม่ที่จะได้กำไรจากมัน หรือใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ นี้คือประเด็นที่สำคัญกว่า อย่างไรก็ตาม พุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบ ไว้ว่า เรามีเกลือ 1 ช้อน ใส่แก้วน้ำ 1 ใบ ดื่มน้ำจะเค็มมาก แต่ถ้านำเกลือ 1 ช้อนไปใส่ถังน้ำใบใหญ่ ดื่มน้ำก็จะไม่มีรสเค็ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เกลือไม่มีหรือหายไป เกลือมีอยู่เท่าเดิมแต่เพราะจำนวนน้ำต่างหาก อุปมาดังการปฏิบัติธรรม คือ การเพิ่มน้ำ ถ้าไม่ปฏิบัติจิตใจก็เหมือนภาชนะเล็ก ๆ ซึ่งบาปกกรรมก็จะมีผลต่อเรามาก หากเราฝึกกาย วาจา ใจ ก็เหมือนการเพิ่มน้ำให้กรรมเก่ามีเหมือนไม่ดังความเค็มของเกลือได้ กรณีที่เราได้รับรู้การทำกรรมในปัจจุบัน พระพุทธองค์ก็ตรัสหลักเอาไว้ว่า 1.ต้องรับว่าผิดก่อน 2.เปิดเผยต่อกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ 3.สำคัญที่สุด คือ แน่วแน่ที่จะไม่ทำอีกต่อไป ถือเป็นการชำระกรรมในชีวิตปัจจุบัน
เครดิต : การสนทนาเรื่องชีวิตกับพระอาจารย์ชยสาโร ณ บ.ฟีโนมีนา
การสนทนาเรื่องชีวิตกับพระอาจารย์ชยสาโร ณ บ.ฟีโนมีนา เรื่อง วิธีแก้กรรม สามารถทำได้จริงหรือไม่
A : วิธีตอบปัญหาของพุทธองค์ มี 4 อย่าง คือ 1.ตอบตามตรง ว่าได้ หรือไม่ได้ 2. แยกตอบ 3. ย้อนถาม 4. ไม่ตอบ สำหรับเรื่องนี้ต้องแยกตอบ เหตุผลง่ายๆคือ พุทธองคืเป็นผู้ทรงมหากรุณาธิคุณสูงยิ่ง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์พระองค์จะทรงตรัสสอน และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์จะทรงตรัสให้ทราบด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหากมนุษย์จะสามารถแก้กรรมด้วยพิธีกรรมแล้วนั้นพุทธองค์จะต้องทรงตรัสทุกวัน และมีพระสูตรนับพันที่จะกล่าวถึงเรื่องพิธีกรรมแก้กรรมนี้ ตรงกันข้ามไม่มีแม้สักพระสูตรเดียวที่กล่าวถึง กลับทรงตำหนินักบวชศาสนาอื่น ๆ ที่กระทำพิธีเหล่านี้ พุทธองค์ทรงตรัสว่ากรรมเก่าจากชาติก่อนมีมากน้อยแค่ไหนไม่มีใครทราบได้ ถ้าเรามองว่ากรรมเก่าเป็นวัตถุดิบเพื่อฝึกจิตใจให้พร้อมที่จะได้กำไรที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ก็ไม่ต้องคิดมาก คิดแค่ว่าพร้อมไม่ที่จะได้กำไรจากมัน หรือใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ นี้คือประเด็นที่สำคัญกว่า อย่างไรก็ตาม พุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบ ไว้ว่า เรามีเกลือ 1 ช้อน ใส่แก้วน้ำ 1 ใบ ดื่มน้ำจะเค็มมาก แต่ถ้านำเกลือ 1 ช้อนไปใส่ถังน้ำใบใหญ่ ดื่มน้ำก็จะไม่มีรสเค็ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เกลือไม่มีหรือหายไป เกลือมีอยู่เท่าเดิมแต่เพราะจำนวนน้ำต่างหาก อุปมาดังการปฏิบัติธรรม คือ การเพิ่มน้ำ ถ้าไม่ปฏิบัติจิตใจก็เหมือนภาชนะเล็ก ๆ ซึ่งบาปกกรรมก็จะมีผลต่อเรามาก หากเราฝึกกาย วาจา ใจ ก็เหมือนการเพิ่มน้ำให้กรรมเก่ามีเหมือนไม่ดังความเค็มของเกลือได้ กรณีที่เราได้รับรู้การทำกรรมในปัจจุบัน พระพุทธองค์ก็ตรัสหลักเอาไว้ว่า 1.ต้องรับว่าผิดก่อน 2.เปิดเผยต่อกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ 3.สำคัญที่สุด คือ แน่วแน่ที่จะไม่ทำอีกต่อไป ถือเป็นการชำระกรรมในชีวิตปัจจุบัน
เครดิต : การสนทนาเรื่องชีวิตกับพระอาจารย์ชยสาโร ณ บ.ฟีโนมีนา