ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36701359
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36704435
ส่วนอันนี้เป็นลิ้งค์ของเรื่องเก่าๆ ของซีรี่ส์เทพนิยายนะคะ
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย: แผนลับราพันเซล
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/36590456
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/36597398
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/36600609
บทที่ 4 (จบ)
http://ppantip.com/topic/36603143
================================
บทที่ 3
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนจากพวกฝ่ายแปล โตมรแทบหัวเราะก๊ากกับความใสซื่อของยายเด็กหมวกแดงนั่นที่เชื่อสนิทว่าไอ้ที่เขาโกหกพกลมไปนี่เป็นเรื่องจริง
ที่จริงก็ไม่ได้ว่างหรอกนะ แต่ไปอยู่กับยายเด็กนั่นสนุกดี!
“หนูดี เอกสารที่พี่ขอไว้อยู่ไหน” เขาเดินมาทวงงานถึงโต๊ะจนเด็กสาวสะดุ้ง หันมามองยิ้มแหยราวกับกำลังทำผิดร้ายแรง
“หนูดียังไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ” ปกติจะแจ้งเมื่องานเสร็จสิ้นผ่านอีเมล์ แต่รายนี้ก็เดินมาทวงถึงที่
“งั้นหรือ ช่างเถอะ ไม่ต้องรีบก็ได้” เขาเอ่ยหน้าตาย...ก็ใจจริงไม่ได้จะมาทวงงานสักหน่อย แค่อยากมาเห็นหน้าเฉยๆ เท่านั้นเอง
แล้วร่างยักษ์ตัวคล้ำนั่นก็เดินจากไปเสียดื้อๆ จนเด็กสาวงงว่าสรุปเขาเดินมาทำอะไรที่แผนกเธอกันแน่ล่ะนี่
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดมากกับอาการลมเพลมพัดของอีกฝ่ายในเมื่อเขาหาเรื่องเดินร่อนไปร่อนมาในแถบๆ นี้อยู่บ่อยๆ เป็นนิสัยประจำตัวของเขาโดยที่ไม่มีใครตำหนิเพราะทุกคนในหน่วยนี้เป็นพวกเดียวกัน นั่นคือโฉบไปโฉบมา เดี๋ยวเดินไปชงกาแฟ เดี๋ยวเดินมาเล่นปิงปองซึ่งที่บริษัทมีให้พนักงานผ่อนคลาย บ้างก็เดินออกมาพลิกๆ หนังสือที่มีไว้เพื่อให้พนักงานเพิ่มพูนความรู้
กระนั้นหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ได้รับความไว้วางใจเกือบที่สุดในเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะความสามารถในเรื่องการออกแบบอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์สำหรับทดลองเพื่อเป็นสินค้าใหม่ของบริษัทต่อไปในอนาคต รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งงานหลังนี่เป็นหลักของหน่วยนี้มากกว่า
แล้วเย็นนี้ก็เช่นกัน ร่างคล้ำๆ นั่นก็โผล่หน้ามาใหม่แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาปฏิสัมพันธ์กับปรียานุช เขามาคุยกับสาวๆ ฝั่งแผนกบัญชีแทน จริงๆ มันก็กว้างอยู่เหมือนกันเพราะรวมบุคลากรสี่แผนก แต่เผอิญว่าเสียงเขาก็ดังอย่างกับฟ้าผ่า ขนาดพูดเบาๆ ยังได้ยินเกือบทั้งอาณาบริเวณ เพราะงั้นต่อให้เด็กสาวไม่อยากได้ยินยังไง เสียงเขาก็ต้องเข้าหูเธออยู่ดี
ชายหนุ่มอารมณ์ดีเมื่อมาถึงที่แล้วไม่เห็นร่างของจอมเทียนรู้สึกว่าจะติดประชุม ท่าทางการที่เขาเอาตัวมาพัวพันกับเด็กใหม่คนนี้ทำให้จอมเทียนไม่มีโอกาส แถมยายเด็กนี่กลัวผีแบบที่ทั้งเขาและพี่ในแผนกของเธอช่วยกันกรอกหูทำให้เธอรักษาระยะห่างจากหัวหน้าของเธอเองไปในตัว
ก็ดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อย
หลังจากที่เดินไปมาระหว่างแผนกตัวเองกับแผนกแถวนี้ จนกระทั่งสบโอกาสที่หลายคนเริ่มกลับบ้าน ทว่าดูเหมือนร่างเล็กๆ ของปรียานุชยังคงกดพจนานุกรมอีเลคทรอนิคส์ง่วนอยู่โดยไม่สนใจรอบข้าง
เธอกำลังอ่านเอกสารที่มีใบแจ้งขอให้แปลเกี่ยวกับรายงานความผิดปกติของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า งานนี้เอาด่วนมากที่สุด แต่ยังดีที่ต้องการเพียงเนื้อหาคร่าวๆ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนกับส่งให้ลูกค้า กระนั้นเธอควรจะต้องแปลเสร็จให้ได้ภายในวันนี้
ชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงชะโงกหน้ามาดูแผ่นเอกสารในมือป้อมๆ นั่น
“กำลังทำอะไรน่ะ ไปกินข้าวกัน”
เด็กสาวที่กำลังเพลินๆ กับงานที่ทำสะดุ้งเฮือกผงะไปอีกด้านอย่างตกใจทันที พอตั้งตัวติดก็ค้อนใส่อีกฝ่ายทันที “พี่โตนี่เอง ทำเอาหนูดีตกใจหมดเลย”
“นายคิดว่าคนที่อยู่แผนกนี้ควรจะทำอะไรล่ะนายโต” เสียงเย็นจากพี่ดวงซึ่งนั่งข้างๆ เธอลอยมาตามลม “แล้วใจคอไม่คิดจะชวนคนอื่นนอกจากหนูดีบ้างหรือไง”
“หนูดีติดค้างหนี้ผมไว้อยู่ ผมก็เลยมาทวงเฉยๆ” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพลางมองเด็กสาวแก้มป่องที่เบิกตากว้าง อะฮ่า! งงล่ะสิ! “แต่ถ้าพี่ดวงจะมาด้วยก็ไม่ว่ากัน หนูดีจ่ายนะไม่ใช่ผม”
คนโดนทวงหนี้เอาดื้อๆ โดยไม่รู้ที่มาที่ไปว่าคืออะไรทำตาโตกลืนน้ำลาย แล้วหันไปมองพี่ที่ทำงานในแผนกอย่างขอความช่วยเหลือ จนหญิงสาวที่เก๊กหน้าเรียบเป็นกระดาษหลุดหัวเราะออกมาจนได้
“หนูดีโดนเสียแล้ว ไปกันเองเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านแล้วเมื่อกี้สามีพี่เพิ่งโทรมาบอกกำลังจะมาถึง”
พี่ดวงปล่อยเกาะเธอง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ...เด็กสาวอ้าปากค้าง
โตมรหน้ารื่นทันที ส่วนคนโดนทวงหนี้ที่ไม่รู้ว่าที่มาที่ไปว่ามาจากไหนมองเขาหน้าเหวอ ดูแล้วขำดี ชายหนุ่มเลยรีบเร่งให้เธอลงไปกับเขา แล้วก็แอบชำเลืองพลางหัวเราะขันๆ กับแก้มป่องตอนเข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน
“หนูดีจำไม่ได้ว่าเราค้างหนี้อะไรกันนะคะ”
เสียงเย็นเชียววุ้ย!
“จริงๆ ก็คงจะเรียกหนี้ไม่ได้หรอก” เขาพยักหน้ายอมรับ “แต่ถ้าไม่หาเหตุก็ไม่รู้จะมีอะไรมาอ้างให้มาคุยกับหนูดีน่ะสิ”
แก้มกลมของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที โตมรชอบสีหน้าคล้ายทำอะไรไม่ถูกของเธอจริงๆ ร่างเล็กป้อมทำหน้าท่าเหมือนไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบเขาอย่างไร ดูเมื่อไรก็ไม่เบื่อ ท่าทางอ่อนๆ ใสๆ อย่างนี้คงไม่เคยมีใครมาจีบ
เดี๋ยว...แล้วนี่ตอนนี้เขาทำท่าจีบยายเด็กนี่อยู่งั้นหรือ!
ชายหนุ่มร้อนวาบกับคำถามที่ผุดขึ้นมาชวนให้ตัวเองรู้สึกขนลุกเมื่อคิดว่าตัวเองวิปริตอย่างพวกนิยมเด็กแบบใครบางคนที่เขาด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไอ้หมาป่าคราบแกะนั่น มองแก้มกลมแดงเรื่อๆ นั่นแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองประสาทขึ้นมา อยากกลั้นใจตาย
ไม่ได้! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! ไม่ใช่ชัวร์ๆ เพราะงั้นต้องรีบกลบเกลื่อน เอ้ย! ไม่ใช่สิ! ต้องรีบแก้ไขก่อนที่ยายเด็กนี่จะเข้าใจเขาผิดไปใหญ่โต
โตมรแสร้งหัวเราะเสียงดังแบบขบขันราวกับทนไม่ไหวจนดังลั่นกล่องแคบๆ นี้ มองหน้าเธอด้วยท่าทางเหมือนตนเองเจออะไรที่ตลกสุดฤทธิ์
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดงั้นดิ พี่ล้อเล่น” จนเมื่อลิฟต์เปิดแล้วก็ยังหัวเราะไม่หยุด ซึ่งท่าทางจะได้ผลเพราะหน้ากลมแบบเด็กๆ ที่แดงเรื่อนั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นหน้าเขียวแทน
“หยุดเลยนะพี่โต! ล้อเล่นแบบนี้ไม่สนุกสักนิด!” เธอแหวเข้าให้ “ทำไมเป็นคนชอบแกล้งอย่างนี้นะ”
เออ...ได้ผลแฮะ ยายเด็กหมวกแดงนี่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างกับไฟจราจร
“ก็หนูดีน่ารักไง” อยากรู้ว่าแดงเป็นเขียวแล้วจะเป็นเหลืองได้ด้วยหรือเปล่า
ท่าทางยายเด็กนี่เริ่มไหวตัว เลยพยายามทำสีหน้าให้เคร่งไว้ แต่มันออกมาลักษณะเบี้ยวๆ บูดๆ จนชายหนุ่มต้องหัวเราะอีกครั้ง ไม่เป็นสีเหลืองไม่เป็นไร สีอมม่วงแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้
“หนูดีบอกว่าพอแล้วไง” มือป้อมฟาดผัวะเข้าที่แขนเขา มือเล็กแต่หนักเหมือนกันแฮะ “จะหัวเราะไปถึงไหนกัน!”
โตมรพยายามกลืนหัวเราะเมื่อสบกับใบหน้ากลมที่ถลึงตาโตๆ นั่นเหมือนแมวตัวเล็กขู่ฟ่อ แต่ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้มากกว่านั้น
เขาว่าเขาไม่ชอบเด็กนะ แต่ยายเด็กหมวกแดงนี่...ก็...น่ารักดีเหมือนกัน
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย : เจ้าชายของหนูน้อยหมวกแดง บทที่ 3
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/36701359
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/36704435
ส่วนอันนี้เป็นลิ้งค์ของเรื่องเก่าๆ ของซีรี่ส์เทพนิยายนะคะ
ห้วงเวลาแห่งเทพนิยาย: แผนลับราพันเซล
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/36590456
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/36597398
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/36600609
บทที่ 4 (จบ) http://ppantip.com/topic/36603143
================================
บทที่ 3
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนจากพวกฝ่ายแปล โตมรแทบหัวเราะก๊ากกับความใสซื่อของยายเด็กหมวกแดงนั่นที่เชื่อสนิทว่าไอ้ที่เขาโกหกพกลมไปนี่เป็นเรื่องจริง
ที่จริงก็ไม่ได้ว่างหรอกนะ แต่ไปอยู่กับยายเด็กนั่นสนุกดี!
“หนูดี เอกสารที่พี่ขอไว้อยู่ไหน” เขาเดินมาทวงงานถึงโต๊ะจนเด็กสาวสะดุ้ง หันมามองยิ้มแหยราวกับกำลังทำผิดร้ายแรง
“หนูดียังไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ” ปกติจะแจ้งเมื่องานเสร็จสิ้นผ่านอีเมล์ แต่รายนี้ก็เดินมาทวงถึงที่
“งั้นหรือ ช่างเถอะ ไม่ต้องรีบก็ได้” เขาเอ่ยหน้าตาย...ก็ใจจริงไม่ได้จะมาทวงงานสักหน่อย แค่อยากมาเห็นหน้าเฉยๆ เท่านั้นเอง
แล้วร่างยักษ์ตัวคล้ำนั่นก็เดินจากไปเสียดื้อๆ จนเด็กสาวงงว่าสรุปเขาเดินมาทำอะไรที่แผนกเธอกันแน่ล่ะนี่
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดมากกับอาการลมเพลมพัดของอีกฝ่ายในเมื่อเขาหาเรื่องเดินร่อนไปร่อนมาในแถบๆ นี้อยู่บ่อยๆ เป็นนิสัยประจำตัวของเขาโดยที่ไม่มีใครตำหนิเพราะทุกคนในหน่วยนี้เป็นพวกเดียวกัน นั่นคือโฉบไปโฉบมา เดี๋ยวเดินไปชงกาแฟ เดี๋ยวเดินมาเล่นปิงปองซึ่งที่บริษัทมีให้พนักงานผ่อนคลาย บ้างก็เดินออกมาพลิกๆ หนังสือที่มีไว้เพื่อให้พนักงานเพิ่มพูนความรู้
กระนั้นหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ได้รับความไว้วางใจเกือบที่สุดในเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะความสามารถในเรื่องการออกแบบอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์สำหรับทดลองเพื่อเป็นสินค้าใหม่ของบริษัทต่อไปในอนาคต รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งงานหลังนี่เป็นหลักของหน่วยนี้มากกว่า
แล้วเย็นนี้ก็เช่นกัน ร่างคล้ำๆ นั่นก็โผล่หน้ามาใหม่แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาปฏิสัมพันธ์กับปรียานุช เขามาคุยกับสาวๆ ฝั่งแผนกบัญชีแทน จริงๆ มันก็กว้างอยู่เหมือนกันเพราะรวมบุคลากรสี่แผนก แต่เผอิญว่าเสียงเขาก็ดังอย่างกับฟ้าผ่า ขนาดพูดเบาๆ ยังได้ยินเกือบทั้งอาณาบริเวณ เพราะงั้นต่อให้เด็กสาวไม่อยากได้ยินยังไง เสียงเขาก็ต้องเข้าหูเธออยู่ดี
ชายหนุ่มอารมณ์ดีเมื่อมาถึงที่แล้วไม่เห็นร่างของจอมเทียนรู้สึกว่าจะติดประชุม ท่าทางการที่เขาเอาตัวมาพัวพันกับเด็กใหม่คนนี้ทำให้จอมเทียนไม่มีโอกาส แถมยายเด็กนี่กลัวผีแบบที่ทั้งเขาและพี่ในแผนกของเธอช่วยกันกรอกหูทำให้เธอรักษาระยะห่างจากหัวหน้าของเธอเองไปในตัว
ก็ดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อย
หลังจากที่เดินไปมาระหว่างแผนกตัวเองกับแผนกแถวนี้ จนกระทั่งสบโอกาสที่หลายคนเริ่มกลับบ้าน ทว่าดูเหมือนร่างเล็กๆ ของปรียานุชยังคงกดพจนานุกรมอีเลคทรอนิคส์ง่วนอยู่โดยไม่สนใจรอบข้าง
เธอกำลังอ่านเอกสารที่มีใบแจ้งขอให้แปลเกี่ยวกับรายงานความผิดปกติของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า งานนี้เอาด่วนมากที่สุด แต่ยังดีที่ต้องการเพียงเนื้อหาคร่าวๆ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนกับส่งให้ลูกค้า กระนั้นเธอควรจะต้องแปลเสร็จให้ได้ภายในวันนี้
ชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงชะโงกหน้ามาดูแผ่นเอกสารในมือป้อมๆ นั่น
“กำลังทำอะไรน่ะ ไปกินข้าวกัน”
เด็กสาวที่กำลังเพลินๆ กับงานที่ทำสะดุ้งเฮือกผงะไปอีกด้านอย่างตกใจทันที พอตั้งตัวติดก็ค้อนใส่อีกฝ่ายทันที “พี่โตนี่เอง ทำเอาหนูดีตกใจหมดเลย”
“นายคิดว่าคนที่อยู่แผนกนี้ควรจะทำอะไรล่ะนายโต” เสียงเย็นจากพี่ดวงซึ่งนั่งข้างๆ เธอลอยมาตามลม “แล้วใจคอไม่คิดจะชวนคนอื่นนอกจากหนูดีบ้างหรือไง”
“หนูดีติดค้างหนี้ผมไว้อยู่ ผมก็เลยมาทวงเฉยๆ” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพลางมองเด็กสาวแก้มป่องที่เบิกตากว้าง อะฮ่า! งงล่ะสิ! “แต่ถ้าพี่ดวงจะมาด้วยก็ไม่ว่ากัน หนูดีจ่ายนะไม่ใช่ผม”
คนโดนทวงหนี้เอาดื้อๆ โดยไม่รู้ที่มาที่ไปว่าคืออะไรทำตาโตกลืนน้ำลาย แล้วหันไปมองพี่ที่ทำงานในแผนกอย่างขอความช่วยเหลือ จนหญิงสาวที่เก๊กหน้าเรียบเป็นกระดาษหลุดหัวเราะออกมาจนได้
“หนูดีโดนเสียแล้ว ไปกันเองเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านแล้วเมื่อกี้สามีพี่เพิ่งโทรมาบอกกำลังจะมาถึง”
พี่ดวงปล่อยเกาะเธอง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ...เด็กสาวอ้าปากค้าง
โตมรหน้ารื่นทันที ส่วนคนโดนทวงหนี้ที่ไม่รู้ว่าที่มาที่ไปว่ามาจากไหนมองเขาหน้าเหวอ ดูแล้วขำดี ชายหนุ่มเลยรีบเร่งให้เธอลงไปกับเขา แล้วก็แอบชำเลืองพลางหัวเราะขันๆ กับแก้มป่องตอนเข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน
“หนูดีจำไม่ได้ว่าเราค้างหนี้อะไรกันนะคะ”
เสียงเย็นเชียววุ้ย!
“จริงๆ ก็คงจะเรียกหนี้ไม่ได้หรอก” เขาพยักหน้ายอมรับ “แต่ถ้าไม่หาเหตุก็ไม่รู้จะมีอะไรมาอ้างให้มาคุยกับหนูดีน่ะสิ”
แก้มกลมของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที โตมรชอบสีหน้าคล้ายทำอะไรไม่ถูกของเธอจริงๆ ร่างเล็กป้อมทำหน้าท่าเหมือนไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบเขาอย่างไร ดูเมื่อไรก็ไม่เบื่อ ท่าทางอ่อนๆ ใสๆ อย่างนี้คงไม่เคยมีใครมาจีบ
เดี๋ยว...แล้วนี่ตอนนี้เขาทำท่าจีบยายเด็กนี่อยู่งั้นหรือ!
ชายหนุ่มร้อนวาบกับคำถามที่ผุดขึ้นมาชวนให้ตัวเองรู้สึกขนลุกเมื่อคิดว่าตัวเองวิปริตอย่างพวกนิยมเด็กแบบใครบางคนที่เขาด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไอ้หมาป่าคราบแกะนั่น มองแก้มกลมแดงเรื่อๆ นั่นแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองประสาทขึ้นมา อยากกลั้นใจตาย
ไม่ได้! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! ไม่ใช่ชัวร์ๆ เพราะงั้นต้องรีบกลบเกลื่อน เอ้ย! ไม่ใช่สิ! ต้องรีบแก้ไขก่อนที่ยายเด็กนี่จะเข้าใจเขาผิดไปใหญ่โต
โตมรแสร้งหัวเราะเสียงดังแบบขบขันราวกับทนไม่ไหวจนดังลั่นกล่องแคบๆ นี้ มองหน้าเธอด้วยท่าทางเหมือนตนเองเจออะไรที่ตลกสุดฤทธิ์
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดงั้นดิ พี่ล้อเล่น” จนเมื่อลิฟต์เปิดแล้วก็ยังหัวเราะไม่หยุด ซึ่งท่าทางจะได้ผลเพราะหน้ากลมแบบเด็กๆ ที่แดงเรื่อนั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นหน้าเขียวแทน
“หยุดเลยนะพี่โต! ล้อเล่นแบบนี้ไม่สนุกสักนิด!” เธอแหวเข้าให้ “ทำไมเป็นคนชอบแกล้งอย่างนี้นะ”
เออ...ได้ผลแฮะ ยายเด็กหมวกแดงนี่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างกับไฟจราจร
“ก็หนูดีน่ารักไง” อยากรู้ว่าแดงเป็นเขียวแล้วจะเป็นเหลืองได้ด้วยหรือเปล่า
ท่าทางยายเด็กนี่เริ่มไหวตัว เลยพยายามทำสีหน้าให้เคร่งไว้ แต่มันออกมาลักษณะเบี้ยวๆ บูดๆ จนชายหนุ่มต้องหัวเราะอีกครั้ง ไม่เป็นสีเหลืองไม่เป็นไร สีอมม่วงแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้
“หนูดีบอกว่าพอแล้วไง” มือป้อมฟาดผัวะเข้าที่แขนเขา มือเล็กแต่หนักเหมือนกันแฮะ “จะหัวเราะไปถึงไหนกัน!”
โตมรพยายามกลืนหัวเราะเมื่อสบกับใบหน้ากลมที่ถลึงตาโตๆ นั่นเหมือนแมวตัวเล็กขู่ฟ่อ แต่ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้มากกว่านั้น
เขาว่าเขาไม่ชอบเด็กนะ แต่ยายเด็กหมวกแดงนี่...ก็...น่ารักดีเหมือนกัน