ณ ลานมวย เวลาเย็นย่ำ...
เพลิงเรียกสิงห์ออกมาประลองด้วยกัน ในเวลาที่ไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณลานซ้อมมวยแล้ว มีแค่สิงห์กับเพลิง ทั้งสองเข้าประลองกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ เพลิงรุกหนักไม่ออมมือให้สิงห์อย่างเคย สิงห์เองก็เริ่มเอะใจในท่าที สิงห์เสียสมาธิจนโดนหมัดเพลิงซัดอย่างแรงจนเซถลาไปกองที่พื้น
“ลุกขึ้นมาสิวะไอ้สิงห์ อย่าทำเป็นอ่อนหัดหมดเรี่ยวหมดแรง”
“พี่เพลิงมีกระไรค้างคาใจกับฉันรึ ถึงได้เอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้”
เพลิงหันมามองสิงห์ด้วยสายตาเอาเรื่อง...
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะไอ้สิงห์ ว่าเอ็งมีใจให้ใคร”
“พี่รู้รึ”
“ไอ้อกตัญญู! ข้ารับเป็นเกลอแล้ว ยังจะมาแย่งหญิงคนเดียวกันกับข้า ไอ้สิงห์ เอ็งมันน้ำใจชั่วนัก!”
“เรื่องความรักความใคร่ มันห้ามกันได้รึพี่ เรื่องพรรค์นี้มันใครดีใครได้ รึว่าพี่กลัวสู้ฉันไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อ่อนข้อให้ดอก ของอย่างนี้ต้องให้ผู้หญิงเป็นคนตัดสินเอง...ว่าจะเลือกใคร” เพลิงโมโหคว้าคอเสื้อฉุดจนสิงห์ลุกขึ้นมา แต่มือยังคงกำคอเสื้อไว้แน่น
“ข้ามศพข้าไปก่อนเถิดไอ้สิงห์” เพลิงซัดหมัดหนักเข้าที่หน้าสิงห์อย่างเต็มเหนี่ยว สิงห์เริ่มมีสติหลบหลีกในหมัดต่อมา สิงห์หลบหลีกได้คล่องแคล่วตามที่ทับทิมสอนไว้ จนเพลิงโมโห
“แน่จริงก็อย่าหลบสิวะ!” เพลิงตวาดใส่สิงห์ สิงห์จึงฮึดสู้ขึ้นมา
“ฉันรู้ตัวดีว่าสู้พี่ไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆดอก เพื่อทับทิมแล้ว ฉันจะสู้” สิงห์เข้ารุกคลุกวงในกับเพลิงอยู่ชั่วครู่ แต่เพลิงหยุดชะงักเสียสมาธิจนโดนหมัดของสิงห์เข้าเต็มๆ
“ประเดี๋ยวก่อน ไอ้สิงห์ เอ็งว่ากระไรนะ เมื่อครู่เอ็งบอกว่าจะสู้เพื่อใครกันวะ!”
“เพื่อทับทิมไงพี่ เราก็ต่างสู้กันเพื่อแย่งชิงทับทิมมิใช่รึ” สิ้นคำของสิงห์ เพลิงก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งอก จนสิงห์สงสัยในอาการของเพลิง
“ฟังนะไอ้สิงห์ ข้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบนังทับทิม คนเดียวที่ข้ารักมาตลอด คืออบเชย!” สิงห์ตั้งสติชั่วครู่ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนเข้าใจ มันผิดมาตลอด
“เออ...ข้าผิดเองที่เข้าใจว่าเอ็งสนใจอบเชย แต่จะว่าข้าก็ไม่ถูก เอ็งพึ่งมาอยู่ไม่ทันไรก็ทำตัวสนิทสนมกับอบเชย มิให้ข้าเข้าใจผิดได้เยี่ยงไร แลอบเชยก็ดูปลาบปลื้มเอ็งจนน่าหมั่นไส้ เอ็งมีดีกระไรวะไอ้สิงห์ ข้าเฝ้ารักอบเชยมาตั้งแต่ยังเล็ก...ยังไม่เคยถูกอบเชยมองด้วยสายตาแบบนั้น จะว่าไป ข้าก็อยากซัดเอ็งอีกหมัดนัก...ขอซักทีเถิดวะ!”
“พอแล้วพี่ หน้าฉันไม่เหลือพื้นที่ให้รอยช้ำอีกแล้ว แลพี่ก็แจ้งแก่ใจแล้วว่า...ฉันหมายปองทับทิมมิใช่อบเชย” เพลิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง สิงห์จึงต้องถามว่าหัวเราะทำไม
“ผิดคาดข้านัก ผู้ใดจะไปคิดวะว่าเอ็งจะชอบลิงทะโมนแบบนังทับทิมมัน ถ้าครูเที่ยงรู้ต้องดีใจเป็นแน่ ที่นังทับทิมมีแววขายออก”
“ขนาดนั้นเชียวรึ พี่ก็พูดเกินไป ทับทิมของฉันหน้าตาผิวพรรณก็สวยใช่เล่น ลิงค่างที่ไหนจะสวยถึงเพียงนี้ แลจะมีหญิงคนใดต่อยมวยเก่งเท่าทับทิมของฉัน หามีไม่” สิงห์พูดถึงทับทิมใบหน้าเพ้อฝัน
“นี่ๆไอ้สิงห์ ถึงข้าจะไม่ได้รักชอบนังทับทิม แต่มันก็เป็นเสมือนน้องแท้ๆ มันไปเป็นของเอ็งตั้งแต่เมื่อใดกัน จะพูดจะจาระวังปากบ้างนะเอ็ง” เพลิงขู่สิงห์วางท่าเป็นพี่ชายแสนโหดในทันที
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ แต่ก็ผิดคาดฉันนัก ฉันนึกว่าพี่หึงหวงทับทิมเสียอีก “
“ข้านี่รึหึงหวงนังทับทิม อยากหัวร่อให้ฟันหักเสียจริง เอ็งรู้กระไรไหมวะไอ้สิงห์ แต่เล็กจนโตข้าไม่เคยมองว่ามันเป็นหญิงเลยสักครา สำหรับข้ามันคือน้อง แลข้าคิดว่ามันเป็นน้องชายด้วยซ้ำไป นี่ก็กะว่าจะหาเมียให้มันด้วยซ้ำ”
“ได้อย่างไรกันพี่ ฟ้าก็ผ่าตายกันพอดี” สิงห์หน้านิ่วที่เพลิงพูดอย่างนั้น
“ถ้าเราไม่ได้หมายปองแม่หญิงคนเดียวกัน ฉันก็โล่งใจนัก ฉันจะได้รักทับทิมแบบไม่ต้องรู้สึกผิดต่อพี่”
ทั้งสองเมื่อเข้าใจกันแล้ว บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มดีขึ้น เพลิงตบไหล่สิงห์อย่างให้กำลังใจ...
00000000
คลองท้ายหมู่บ้าน...
สิงห์มาอาบน้ำและเล่นน้ำอย่างสบายใจ แต่ขากลับก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเสียงของผู้หญิง
“ช่วยด้วย งูมันจะกัดฉันแล้ว ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าสิงห์มิใช่สาวแรกแย้ม แต่ก็ไม่ได้แก่ขนาดวัยกลางคน ดูมีอายุแต่ก็ยังมีเค้าโครงความสวยอ่อนกว่าวัย สิงห์รีบควานหาไม้จะเข้าไปไล่งู แต่ไม่ทันการ งูมันฉกที่ขาของหญิงคนนั้นก่อนที่สิงห์จะเข้าไปถึง แล้วก็เลื้อยหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“งูมันกัดฉันแล้ว โอ๊ย.. ฉันจะตายแล้ว” เสียงโวยวายของเธอช่างแสบแก้วหูสิงห์ยิ่งนัก สิงห์รีบเอาผ้าขาวม้าไปมัดเหนือแผล
“บ้านน้าอยู่ไหนจ๊ะ ฉันจะรีบไปส่ง”
“พ่อหนุ่มรู้จักบ้านครูเที่ยงไหม พาฉันไปที่นั่นที”
“บ้านครูเที่ยงรึ ”
“รู้จักก็รีบพาไปสิ ฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย โอ๊ย..” ถึงแม้ว่าสิงห์จะสงสัยว่าเธอคนนี้เป็นใคร แต่ก็ต้องรีบอุ้มไป เพราะหากช้ากว่านี้ เสียงของเธอคงแผดเข้าไปจนแก้วหูระเบิด สิงห์อุ้มคนเจ็บมาวางไว้ที่แคร่หน้าเรือนครูเที่ยง...
“แม่ แม่เป็นกระไรจ๊ะ” อบเชยตกใจที่เห็นแม่ส่งเสียงร้องโอดโอย
“แม่โดนงูกัด เอ็งไปหาหยูกยามาทามาพอกให้แม่เร็วอบเชย แม่เจ็บจะตายอยู่แล้วลูก” อบเชยรีบวิ่งหน้าตั้งขึ้นเรือนไปค้นหยูกยา เพลิงเห็นเข้าก็รีบวิ่งมาดูดพิษงูออกให้กับคนบนแคร่ในทันที
00000000
บนชานเรือนบ้านครูเที่ยง...
สิงห์มารู้จากเพลิงว่าคนที่ตนได้ช่วยไว้คือ
บังอร แม่ของอบเชย บังอรนอนสลบเพราะพิษงู ครูเที่ยง อบเชย สิงห์และเพลิงเฝ้าดูอาการอยู่ข้างๆ บังอรค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็โวยวายว่าเจ็บปวดแผล และบ่นน้อยใจว่าตนหายไปเป็นแรมเดือน ผัวกับลูกไม่คิดจะไปตามกลับ
“เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นบ้าน ใครเป็นกระไรจ๊ะพ่อ” ทับทิมกับจุกเดินขึ้นบันไดมา แต่พอทับทิมเห็นหน้าบังอรก็หันหลังจะกลับลงไปทันที...
“ประเดี๋ยวก่อนนังทับทิม เอ็งจะไปไหนอีก จะมืดค่ำแล้ว กลับมาประเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปไหน!” ครูเที่ยงเอ็ดลิงทะโมนเสียงดัง
“แล้วนั่นน้าบังอรเป็นกระไรจ๊ะ” จุกเอ่ยถาม เพราะเห็นบังอรใบหน้าซีดเซียว
“แม่โดนงูกัด ดีที่พี่สิงห์ไปช่วยไว้” อบเชยส่งยิ้มให้สิงห์ เพลิงหน้านิ่วไม่พอใจ
“งูมันกัดถูกคนนักไอ้จุก”
“ใช่ๆ” จุกคิดได้รีบเอามือปิดปาก เมื่อสายตาครูเที่ยงมองมาอย่างไม่พอใจ
“นังทับทิม เอ็งว่ากระไรนะ พูดอีกทีซิ!”
“ฉันไม่ได้พูดกระไรนี่น้าบังอร หูแว่วรึเปล่า” ทับทิมตอบยียวน
“ข้าได้ยิน เอ็งว่างูมันกัดถูกคน หมายความว่ากระไรวะ!”
“ฉันไม่ได้พูดกระไรนะจ๊ะ ว่าแต่งูมันกัดขาน้าบังอรรึ” ทับทิมทำหน้าสงสัย
“ถามพิกลนัก เอ็งก็แหกตาดูสิ พันผ้าที่ขานี่ จะให้มันกัดคอรึอย่างไร ถามไม่คิด”
“ อ๋อ...งูมันกัดที่ขา แต่สงสัยพิษมันจะขึ้นหู”
“มีอย่างนี้ด้วยรึพี่” จุกเอ่ยถามเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จริงสิวะไอ้จุก พอพิษมันขึ้นหู ก็หูหาเรื่องอย่างไรเล่าไอ้จุก”
ทับทิมหันไปเฉลยกับจุก จุกร้องอ๋อที่เข้าใจ แต่ต้องเบรคเสียงตัวเองไว้เมื่อหันไปสบตากับครูเที่ยง...
“นังทับทิม ไอ้จุก พวกเด็กเวรตะไล!” บังอรโกรธเคืองอาละวาดเขวี้ยงหมอนใส่ทับทิมกับจุกพัลวัน
“ไปๆ พวกเอ็งจะไปไหนก็ไป รีบไปเร็ว” ครูเที่ยงไล่ทับทิมกับจุก ทั้งคู่รีบโดดหลบข้าวของของบังอรลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว...
00000000
เช้านี้แดดดีอบเชยเอาพริกออกมาผึ่งแดด เพลิงที่เฝ้ามองอยู่ค่อยๆรวมรวมความกล้าทั้งหมดเดินมุ่งหน้าไปที่ผู้หญิงที่เขารัก เพลิงไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่คำแนะนำของสิงห์บอกไว้ว่า หากริจะรักต้องกล้า กล้าที่จะแสดงออกไปให้อบเชยได้รับรู้ เพลิงจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำนั้น...
“มีกระไรกับฉันหรือจ๊ะ พี่เพลิง” อบเชยเอ่ยถามเมื่อเห็นเพลิงเดินมาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ..น้าบังอรเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ”
“แม่ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ” อบเชยเห็นเพลิงเอาแต่ยืนจ้องหน้าจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“พี่เพลิงมีกระไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“เมื่อเช้าพี่ไปที่ลำธาร เจอดอกไม้สวย เลยเก็บมาฝากเอ็ง” เพลิงยื่นดอกไม้ที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาให้อบเชย
“ดอกรัก ถึงจะไม่มีกลิ่นหอม แต่มันก็ทำหน้าที่ของมัน คือบอกรัก”
เพลิงยิ้มขัดๆเขินๆเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้...
“พี่เพลิง พี่ทำแบบนี้ทำไม” อบเชยสีหน้าไม่สู้ดี เพลิงเองก็พลอยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
“พี่ทำกระไรผิดรึอบเชย ถ้าพี่ทำอะไรให้เอ็งไม่พอใจ พี่ขอโทษ รึเอ็งไม่ชอบดอกไม้นี่ พี่... พี่ขอโทษนะอบเชย” เพลิงกระวนกระวายใจเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิดต่ออบเชย
“นี่พี่ไม่รู้รึ ว่าพี่ทับทิมรักพี่ รักมานานมากแล้ว คนที่พี่ควรไปบอกรักคือพี่ทับทิม...ไม่ใช่ฉัน!” เพลิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“ถ้าพี่ยังเห็นแก่ฉัน ฉันก็ขอ...ขอให้พี่อย่าทำแบบนี้ ทุกวันนี้ฉันกับพี่ทับทิมเราสองพี่น้องก็มีรอยร้าวกันมากพออยู่แล้ว พี่อย่ามาเพิ่มปัญหาให้กับฉันอีกเลย! ”
อบเชยบอกปฏิเสธเพลิงไปเพราะรู้แจ้งแก่ใจว่า เพลิงคือคนที่ทับทิมรัก และอบเชยจะไม่มีวันแย่งความรักของทับทิมอีกเป็นอันขาด อบเชยรีบเก็บข้าวของออกไปให้ห่างจากเพลิงในทันที ปล่อยให้เพลิงยืนน้ำตาคลออยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...
00000000
คลองท้ายหมู่บ้าน...
ทับทิม จุกและสิงห์เล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน ทับทิมกับสิงห์แข่งขันว่ายน้ำกันโดยมีจุกเป็นกรรมการ และผู้ชนะก็คือทับทิม ทับทิมเหนื่อยกับการออกแรงจึงขึ้นจากน้ำมานั่งพัก ชั่วครู่สิงห์ก็ตามขึ้นมา
“ไอ้สิงห์ เอ็งแพ้ข้า ไหนรางวัลของผู้ชนะ” ทับทิมยื่นมือออกไปทวงรางวัล สิงห์เอาดอกจำปีที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา แล้วค่อยๆเข้าไปทัดหูให้ทับทิม
“นี่อย่างไร รางวัลของผู้ชนะ” ทั้งสองสบตากัน สิงห์พยายามบอกความนัยผ่านสายตา...ทับทิมเองก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาคู่นั้นของสิงห์...
“พี่ทับทิม ฉันได้ปลาตัวใหญ่มาก มาดูเร็ว!” เสียงจุกร้องตะโกนทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน...
00000000
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลูกไม้มวยไทย ตอนที่ ๖ "พวกเด็กเวรตะไล!"
เพลิงเรียกสิงห์ออกมาประลองด้วยกัน ในเวลาที่ไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณลานซ้อมมวยแล้ว มีแค่สิงห์กับเพลิง ทั้งสองเข้าประลองกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ เพลิงรุกหนักไม่ออมมือให้สิงห์อย่างเคย สิงห์เองก็เริ่มเอะใจในท่าที สิงห์เสียสมาธิจนโดนหมัดเพลิงซัดอย่างแรงจนเซถลาไปกองที่พื้น
“ลุกขึ้นมาสิวะไอ้สิงห์ อย่าทำเป็นอ่อนหัดหมดเรี่ยวหมดแรง”
“พี่เพลิงมีกระไรค้างคาใจกับฉันรึ ถึงได้เอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้”
เพลิงหันมามองสิงห์ด้วยสายตาเอาเรื่อง...
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะไอ้สิงห์ ว่าเอ็งมีใจให้ใคร”
“พี่รู้รึ”
“ไอ้อกตัญญู! ข้ารับเป็นเกลอแล้ว ยังจะมาแย่งหญิงคนเดียวกันกับข้า ไอ้สิงห์ เอ็งมันน้ำใจชั่วนัก!”
“เรื่องความรักความใคร่ มันห้ามกันได้รึพี่ เรื่องพรรค์นี้มันใครดีใครได้ รึว่าพี่กลัวสู้ฉันไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อ่อนข้อให้ดอก ของอย่างนี้ต้องให้ผู้หญิงเป็นคนตัดสินเอง...ว่าจะเลือกใคร” เพลิงโมโหคว้าคอเสื้อฉุดจนสิงห์ลุกขึ้นมา แต่มือยังคงกำคอเสื้อไว้แน่น
“ข้ามศพข้าไปก่อนเถิดไอ้สิงห์” เพลิงซัดหมัดหนักเข้าที่หน้าสิงห์อย่างเต็มเหนี่ยว สิงห์เริ่มมีสติหลบหลีกในหมัดต่อมา สิงห์หลบหลีกได้คล่องแคล่วตามที่ทับทิมสอนไว้ จนเพลิงโมโห
“แน่จริงก็อย่าหลบสิวะ!” เพลิงตวาดใส่สิงห์ สิงห์จึงฮึดสู้ขึ้นมา
“ฉันรู้ตัวดีว่าสู้พี่ไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆดอก เพื่อทับทิมแล้ว ฉันจะสู้” สิงห์เข้ารุกคลุกวงในกับเพลิงอยู่ชั่วครู่ แต่เพลิงหยุดชะงักเสียสมาธิจนโดนหมัดของสิงห์เข้าเต็มๆ
“ประเดี๋ยวก่อน ไอ้สิงห์ เอ็งว่ากระไรนะ เมื่อครู่เอ็งบอกว่าจะสู้เพื่อใครกันวะ!”
“เพื่อทับทิมไงพี่ เราก็ต่างสู้กันเพื่อแย่งชิงทับทิมมิใช่รึ” สิ้นคำของสิงห์ เพลิงก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งอก จนสิงห์สงสัยในอาการของเพลิง
“ฟังนะไอ้สิงห์ ข้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบนังทับทิม คนเดียวที่ข้ารักมาตลอด คืออบเชย!” สิงห์ตั้งสติชั่วครู่ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนเข้าใจ มันผิดมาตลอด
“เออ...ข้าผิดเองที่เข้าใจว่าเอ็งสนใจอบเชย แต่จะว่าข้าก็ไม่ถูก เอ็งพึ่งมาอยู่ไม่ทันไรก็ทำตัวสนิทสนมกับอบเชย มิให้ข้าเข้าใจผิดได้เยี่ยงไร แลอบเชยก็ดูปลาบปลื้มเอ็งจนน่าหมั่นไส้ เอ็งมีดีกระไรวะไอ้สิงห์ ข้าเฝ้ารักอบเชยมาตั้งแต่ยังเล็ก...ยังไม่เคยถูกอบเชยมองด้วยสายตาแบบนั้น จะว่าไป ข้าก็อยากซัดเอ็งอีกหมัดนัก...ขอซักทีเถิดวะ!”
“พอแล้วพี่ หน้าฉันไม่เหลือพื้นที่ให้รอยช้ำอีกแล้ว แลพี่ก็แจ้งแก่ใจแล้วว่า...ฉันหมายปองทับทิมมิใช่อบเชย” เพลิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง สิงห์จึงต้องถามว่าหัวเราะทำไม
“ผิดคาดข้านัก ผู้ใดจะไปคิดวะว่าเอ็งจะชอบลิงทะโมนแบบนังทับทิมมัน ถ้าครูเที่ยงรู้ต้องดีใจเป็นแน่ ที่นังทับทิมมีแววขายออก”
“ขนาดนั้นเชียวรึ พี่ก็พูดเกินไป ทับทิมของฉันหน้าตาผิวพรรณก็สวยใช่เล่น ลิงค่างที่ไหนจะสวยถึงเพียงนี้ แลจะมีหญิงคนใดต่อยมวยเก่งเท่าทับทิมของฉัน หามีไม่” สิงห์พูดถึงทับทิมใบหน้าเพ้อฝัน
“นี่ๆไอ้สิงห์ ถึงข้าจะไม่ได้รักชอบนังทับทิม แต่มันก็เป็นเสมือนน้องแท้ๆ มันไปเป็นของเอ็งตั้งแต่เมื่อใดกัน จะพูดจะจาระวังปากบ้างนะเอ็ง” เพลิงขู่สิงห์วางท่าเป็นพี่ชายแสนโหดในทันที
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ แต่ก็ผิดคาดฉันนัก ฉันนึกว่าพี่หึงหวงทับทิมเสียอีก “
“ข้านี่รึหึงหวงนังทับทิม อยากหัวร่อให้ฟันหักเสียจริง เอ็งรู้กระไรไหมวะไอ้สิงห์ แต่เล็กจนโตข้าไม่เคยมองว่ามันเป็นหญิงเลยสักครา สำหรับข้ามันคือน้อง แลข้าคิดว่ามันเป็นน้องชายด้วยซ้ำไป นี่ก็กะว่าจะหาเมียให้มันด้วยซ้ำ”
“ได้อย่างไรกันพี่ ฟ้าก็ผ่าตายกันพอดี” สิงห์หน้านิ่วที่เพลิงพูดอย่างนั้น
“ถ้าเราไม่ได้หมายปองแม่หญิงคนเดียวกัน ฉันก็โล่งใจนัก ฉันจะได้รักทับทิมแบบไม่ต้องรู้สึกผิดต่อพี่”
ทั้งสองเมื่อเข้าใจกันแล้ว บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มดีขึ้น เพลิงตบไหล่สิงห์อย่างให้กำลังใจ...
คลองท้ายหมู่บ้าน...
สิงห์มาอาบน้ำและเล่นน้ำอย่างสบายใจ แต่ขากลับก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเสียงของผู้หญิง
“ช่วยด้วย งูมันจะกัดฉันแล้ว ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าสิงห์มิใช่สาวแรกแย้ม แต่ก็ไม่ได้แก่ขนาดวัยกลางคน ดูมีอายุแต่ก็ยังมีเค้าโครงความสวยอ่อนกว่าวัย สิงห์รีบควานหาไม้จะเข้าไปไล่งู แต่ไม่ทันการ งูมันฉกที่ขาของหญิงคนนั้นก่อนที่สิงห์จะเข้าไปถึง แล้วก็เลื้อยหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“งูมันกัดฉันแล้ว โอ๊ย.. ฉันจะตายแล้ว” เสียงโวยวายของเธอช่างแสบแก้วหูสิงห์ยิ่งนัก สิงห์รีบเอาผ้าขาวม้าไปมัดเหนือแผล
“บ้านน้าอยู่ไหนจ๊ะ ฉันจะรีบไปส่ง”
“พ่อหนุ่มรู้จักบ้านครูเที่ยงไหม พาฉันไปที่นั่นที”
“บ้านครูเที่ยงรึ ”
“รู้จักก็รีบพาไปสิ ฉันจะตายอยู่แล้วเนี่ย โอ๊ย..” ถึงแม้ว่าสิงห์จะสงสัยว่าเธอคนนี้เป็นใคร แต่ก็ต้องรีบอุ้มไป เพราะหากช้ากว่านี้ เสียงของเธอคงแผดเข้าไปจนแก้วหูระเบิด สิงห์อุ้มคนเจ็บมาวางไว้ที่แคร่หน้าเรือนครูเที่ยง...
“แม่ แม่เป็นกระไรจ๊ะ” อบเชยตกใจที่เห็นแม่ส่งเสียงร้องโอดโอย
“แม่โดนงูกัด เอ็งไปหาหยูกยามาทามาพอกให้แม่เร็วอบเชย แม่เจ็บจะตายอยู่แล้วลูก” อบเชยรีบวิ่งหน้าตั้งขึ้นเรือนไปค้นหยูกยา เพลิงเห็นเข้าก็รีบวิ่งมาดูดพิษงูออกให้กับคนบนแคร่ในทันที
บนชานเรือนบ้านครูเที่ยง...
สิงห์มารู้จากเพลิงว่าคนที่ตนได้ช่วยไว้คือบังอร แม่ของอบเชย บังอรนอนสลบเพราะพิษงู ครูเที่ยง อบเชย สิงห์และเพลิงเฝ้าดูอาการอยู่ข้างๆ บังอรค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็โวยวายว่าเจ็บปวดแผล และบ่นน้อยใจว่าตนหายไปเป็นแรมเดือน ผัวกับลูกไม่คิดจะไปตามกลับ
“เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นบ้าน ใครเป็นกระไรจ๊ะพ่อ” ทับทิมกับจุกเดินขึ้นบันไดมา แต่พอทับทิมเห็นหน้าบังอรก็หันหลังจะกลับลงไปทันที...
“ประเดี๋ยวก่อนนังทับทิม เอ็งจะไปไหนอีก จะมืดค่ำแล้ว กลับมาประเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปไหน!” ครูเที่ยงเอ็ดลิงทะโมนเสียงดัง
“แล้วนั่นน้าบังอรเป็นกระไรจ๊ะ” จุกเอ่ยถาม เพราะเห็นบังอรใบหน้าซีดเซียว
“แม่โดนงูกัด ดีที่พี่สิงห์ไปช่วยไว้” อบเชยส่งยิ้มให้สิงห์ เพลิงหน้านิ่วไม่พอใจ
“งูมันกัดถูกคนนักไอ้จุก”
“ใช่ๆ” จุกคิดได้รีบเอามือปิดปาก เมื่อสายตาครูเที่ยงมองมาอย่างไม่พอใจ
“นังทับทิม เอ็งว่ากระไรนะ พูดอีกทีซิ!”
“ฉันไม่ได้พูดกระไรนี่น้าบังอร หูแว่วรึเปล่า” ทับทิมตอบยียวน
“ข้าได้ยิน เอ็งว่างูมันกัดถูกคน หมายความว่ากระไรวะ!”
“ฉันไม่ได้พูดกระไรนะจ๊ะ ว่าแต่งูมันกัดขาน้าบังอรรึ” ทับทิมทำหน้าสงสัย
“ถามพิกลนัก เอ็งก็แหกตาดูสิ พันผ้าที่ขานี่ จะให้มันกัดคอรึอย่างไร ถามไม่คิด”
“ อ๋อ...งูมันกัดที่ขา แต่สงสัยพิษมันจะขึ้นหู”
“มีอย่างนี้ด้วยรึพี่” จุกเอ่ยถามเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จริงสิวะไอ้จุก พอพิษมันขึ้นหู ก็หูหาเรื่องอย่างไรเล่าไอ้จุก”
ทับทิมหันไปเฉลยกับจุก จุกร้องอ๋อที่เข้าใจ แต่ต้องเบรคเสียงตัวเองไว้เมื่อหันไปสบตากับครูเที่ยง...
“นังทับทิม ไอ้จุก พวกเด็กเวรตะไล!” บังอรโกรธเคืองอาละวาดเขวี้ยงหมอนใส่ทับทิมกับจุกพัลวัน
“ไปๆ พวกเอ็งจะไปไหนก็ไป รีบไปเร็ว” ครูเที่ยงไล่ทับทิมกับจุก ทั้งคู่รีบโดดหลบข้าวของของบังอรลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว...
เช้านี้แดดดีอบเชยเอาพริกออกมาผึ่งแดด เพลิงที่เฝ้ามองอยู่ค่อยๆรวมรวมความกล้าทั้งหมดเดินมุ่งหน้าไปที่ผู้หญิงที่เขารัก เพลิงไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่คำแนะนำของสิงห์บอกไว้ว่า หากริจะรักต้องกล้า กล้าที่จะแสดงออกไปให้อบเชยได้รับรู้ เพลิงจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำนั้น...
“มีกระไรกับฉันหรือจ๊ะ พี่เพลิง” อบเชยเอ่ยถามเมื่อเห็นเพลิงเดินมาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ..น้าบังอรเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ”
“แม่ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ” อบเชยเห็นเพลิงเอาแต่ยืนจ้องหน้าจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“พี่เพลิงมีกระไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“เมื่อเช้าพี่ไปที่ลำธาร เจอดอกไม้สวย เลยเก็บมาฝากเอ็ง” เพลิงยื่นดอกไม้ที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาให้อบเชย
“ดอกรัก ถึงจะไม่มีกลิ่นหอม แต่มันก็ทำหน้าที่ของมัน คือบอกรัก”
เพลิงยิ้มขัดๆเขินๆเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้...
“พี่เพลิง พี่ทำแบบนี้ทำไม” อบเชยสีหน้าไม่สู้ดี เพลิงเองก็พลอยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
“พี่ทำกระไรผิดรึอบเชย ถ้าพี่ทำอะไรให้เอ็งไม่พอใจ พี่ขอโทษ รึเอ็งไม่ชอบดอกไม้นี่ พี่... พี่ขอโทษนะอบเชย” เพลิงกระวนกระวายใจเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิดต่ออบเชย
“นี่พี่ไม่รู้รึ ว่าพี่ทับทิมรักพี่ รักมานานมากแล้ว คนที่พี่ควรไปบอกรักคือพี่ทับทิม...ไม่ใช่ฉัน!” เพลิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“ถ้าพี่ยังเห็นแก่ฉัน ฉันก็ขอ...ขอให้พี่อย่าทำแบบนี้ ทุกวันนี้ฉันกับพี่ทับทิมเราสองพี่น้องก็มีรอยร้าวกันมากพออยู่แล้ว พี่อย่ามาเพิ่มปัญหาให้กับฉันอีกเลย! ”
อบเชยบอกปฏิเสธเพลิงไปเพราะรู้แจ้งแก่ใจว่า เพลิงคือคนที่ทับทิมรัก และอบเชยจะไม่มีวันแย่งความรักของทับทิมอีกเป็นอันขาด อบเชยรีบเก็บข้าวของออกไปให้ห่างจากเพลิงในทันที ปล่อยให้เพลิงยืนน้ำตาคลออยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...
คลองท้ายหมู่บ้าน...
ทับทิม จุกและสิงห์เล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน ทับทิมกับสิงห์แข่งขันว่ายน้ำกันโดยมีจุกเป็นกรรมการ และผู้ชนะก็คือทับทิม ทับทิมเหนื่อยกับการออกแรงจึงขึ้นจากน้ำมานั่งพัก ชั่วครู่สิงห์ก็ตามขึ้นมา
“ไอ้สิงห์ เอ็งแพ้ข้า ไหนรางวัลของผู้ชนะ” ทับทิมยื่นมือออกไปทวงรางวัล สิงห์เอาดอกจำปีที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา แล้วค่อยๆเข้าไปทัดหูให้ทับทิม
“นี่อย่างไร รางวัลของผู้ชนะ” ทั้งสองสบตากัน สิงห์พยายามบอกความนัยผ่านสายตา...ทับทิมเองก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาคู่นั้นของสิงห์...
“พี่ทับทิม ฉันได้ปลาตัวใหญ่มาก มาดูเร็ว!” เสียงจุกร้องตะโกนทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน...
โปรดติดตามตอนต่อไป