มายาพิศวาส ตอนที่ 7

กระทู้สนทนา


ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




มายาพิศวาส


โดย ล. วิลิศมาหรา




ึ7.

ร้อยตำรวจตรีพงศธร เมธาวินทร์ ในชุดครึ่งท่อนของนายตำรวจ เบี่ยงกายให้คนไข้สาวซึ่งลุกขึ้นยืน ได้ก้าวเดินออกไปจากหน้าโต๊ะทำงานของนิศานาถโดยสะดวก หางตาจับสังเกตนิดหนึ่งถึงใบหน้าท่าทางของหญิงสาว ตามความเคยชินของผู้ที่มีหน้าที่สืบสวนติดตามหาคนร้าย เห็นได้ว่าเธอมีรูปลักษณ์ที่สะดุดตาทีเดียว ถึงแม้จะค่อนข้างหมองเศร้าซีดเซียวไปสักหน่อย คลินิกของนายแพทย์สันติผู้เป็นพี่ชายรับรักษาโรคทางจิตเวชและปัญหาสภาพทางจิตใจ เพราะฉะนั้นนายตำรวจหนุ่มจึงคุ้นชินกับลักษณะอากัปกิริยาคนไข้ของพี่ชายดี ว่าย่อมเป็นแบบผู้หญิงคนนี้ คือดูหม่นหมองซึมเศร้า ไม่ค่อยร่าเริง เพียงแต่นึกเวทนาที่เธอคนนี้ยังอยู่ในวัยสาวอยู่มาก และมีรูปร่างหน้าตาสะสวยดี

ใบหน้าสวยหมดจดของพยาบาลสาวใหญ่ละสายตาจากคนไข้หญิงที่กำลังจะเดินจากไป หันมามองทางเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีแววหวานซึ้งสะท้อนถึงความอับอายออกมาแวบหนึ่ง เธอเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เห็นหน้ากัน...ก็เพราะแบบนี้สินะที่ทำให้ต้องแวะเวียนมาหา ด้วยนึกห่วงใยมาโดยตลอดนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในคืนบัดซบคืนนั้น...คืนที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตผู้หญิงตรงหน้าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คืนที่ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะต้องเป็นคนรับผิดชอบชีวิตผู้หญิงคนนี้

เขาอยากขอโอกาสปกป้องคุ้มครองเธอให้ปลอดภัยไปจนตลอดชีวิตให้ได้ แต่ผ่านมาแล้วเนิ่นนานกว่าสองปี นิศานาถก็ไม่เคยยินยอมให้เขาเข้ามาทำหน้าที่นั้นเสียที ถึงแม้เขาจะเพียรบอกว่าไม่สนใจอดีตที่ผ่านมาของเธอก็ตาม

“อ้าว คุณตำรวจมาหาพี่ชาย...คุณหมออยู่ข้างในห้องตรวจค่ะ เดี๋ยวคงออกมา”

เสียงไพเราะของเธอเอ่ยทักขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า คนไข้สาวคล้อยหลังไปแล้ว แต่มีบางอย่างในตัวหล่อนสะดุดตาจนทำให้อดหันมองตามหลังไปไม่ได้ ก่อนเบนสายตากลับมามองคนที่ตั้งใจมาหาใหม่ ยิ้มอ่อนโยนเผยกว้างออก ซึ่งนิศานาถก็ยิ้มตอบ เขานั่งลงบนเก้าอี้แทนที่หญิงสาวคนเมื่อกี้ ขำคนเอ่ยทักที่ยังคงคำทักทายเหมือนกับทุกๆครั้งที่เขามาที่นี่ ทั้งที่คิดว่าเธอเองก็รู้ดีว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

“วันนี้คนไข้เยอะค่ะ รายสุดท้ายเพิ่งตรวจเสร็จ คุณหมอคงกำลังรวบรวมข้อมูลคนไข้อยู่กับจุ๊บแจง”

ไม่เห็นต้องบอกถึงภารกิจเดิมๆ ของพี่ชายเขา ซึ่งก็เป็นคำพูดซ้ำกันทุกครั้งเหมือนไม่มีอะไรจะพูด เขามองดูเธอจัดแจงเก็บรวบรวมเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะยิ้มๆ เรียวหน้าสวยหวานก้มลงง่วนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนเงยขึ้นถาม

“ดื่มกาแฟไหมคะ พี่จะไปชงมาให้”

คนถูกถามพยักหน้ารับ รู้อีกว่าเธออยากให้เขามีอะไรทำมากกว่ามานั่งจ้องหน้าเธอมากกว่า ชายหนุ่มเหลือบขึ้นดูนาฬิกาบนฝาผนัง เป็นทำนองเตือนว่าหมดเวลาทำงานของเธอแล้ว และเขาก็มาทันไปส่งเธอที่บ้านพอดี

“ได้สักถ้วยก็ดีครับ วันนี้ออกข้างนอกทั้งวัน ที่จริงผมอยู่แถวๆ นี้แหละ แต่ไม่ได้แวะเข้ามาหา”

“อ้อ”

อุทานรับเพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เรื่องกิจวัตรประจำวันของเขา ดูเหมือนพงศธรหรือที่เธอเรียกอย่างคุ้นเคยว่าคุณพงษ์จะพยายามบอกให้เธอได้ร่วมรับรู้ด้วยเสมอ เขามักแวะมาบอกว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรอยู่ที่ไหน ยกเว้นก็แต่รายละเอียดเรื่องคดีความที่ลึกซึ้ง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องที่จะมาเล่าให้คนภายนอกองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ล่วงรู้ และมักจะมาเอาเมื่อใกล้เวลาปิดคลินิกแบบนี้ ซึ่งนิศานาถเข้าใจถึงเจตนาของเขาดี นายตำรวจหนุ่มอยากมารับเธอไปส่งถึงที่พักนั่นเอง

เหตุร้ายเกิดขึ้นเพราะคืนนั้นเขาติดภารกิจด่วน จึงต้องปล่อยให้เธอกลับบ้านตามลำพังกับเจ้าแท็กซี่มหาภัยคนนั้น...ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น เธอก็ไม่เคยโทษเขามาก่อน แต่นั่นยิ่งทำให้เขากลับรู้สึกว่า ตัวเขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิต ในตอนแรกๆ นิศานาถหลีกเลี่ยงที่จะกลับกับเขา เธออับอายถึงเรื่องราวอันเจ็บปวดของตัวเองที่เกิดขึ้น จนไม่อยากพบเจอหน้าเขาอีก ซึ่งมันทำให้พงศธรรู้สึกผิดและโทษตัวเองมาโดยตลอด

ขณะที่ชายหนุ่มคิดแบบนั้น แต่นิศานาถกลับคิดไปอีกแบบ หญิงสาวคิดว่าถ้าจะต้องโทษใครสักคนสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ ก็คงต้องโทษชะตากรรมของตัวเองกับเจ้าของอู่รถแท๊กซี่นี่แหละ ตัวเธอน่าจะเลือกแท๊กซี่คันอื่นที่มีเป็นร้อยเป็นพันคัน ทำไมเจาะจงมาเลือกเอาคันที่เคยมีประวัติก่ออาชญากรรมมาก่อน แล้วเจ้าของอู่รถก็สะเพร่า ไม่เคยตรวจสอบประวัติของคนที่มาเอารถไปขับเลย จนกระทั่งเธอต้องตกเป็นเหยื่อ ซึ่งแม้เจ้าคนก่อเหตุจะได้รับโทษไปแล้ว แต่มันไม่คุ้มกันเลยกับตราบาปในชีวิตของลูกผู้หญิงทั้งชีวิต

พยาบาลสาวพยายามหลบหน้าชายคนที่กำลังจะคบหาเป็นแฟนกัน ร่ำๆ จะลาออกจากที่นี่ไปทำงานที่อื่นเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะที่นี่เป็นคลินิกจิตแพทย์และนายแพทย์เจ้าของคลินิกก็เอ็นดูเธอ อีกทั้งยังช่วยเหลือดูแลทางด้านจิตใจให้เสมอมา หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจกลับมาทำงานที่นี่ต่อ หากแต่กั้นตัวเองเอาไว้เสียจากน้องชายของเขา

เพราะเมื่อเกิดเรื่องร้ายนี้ขึ้นมาเสียแล้ว นิศานาถก็ตระหนักถึงความจริงในข้อที่ว่า ตัวเธอไม่เหมาะสมกับนายตำรวจอนาคตไกลคนนี้อีกต่อไป จากที่เคยมีท่าทีอยากจะคบหาดูใจกันมาก่อนหน้า ระหว่างพยาบาลผู้ช่วยกับน้องชายเจ้าของคลินิกจิตแพทย์ที่เธอทำงานอยู่ และถึงแม้ฝ่ายหญิงจะมากวัยกว่าฝ่ายชายไปถึงสามปี แต่เขาก็ยังดึงดันจะคบหากันกับเธอ ซึ่งในเวลาต่อมาหลังเกิดเรื่อง หญิงสาวจึงเพิกเฉยต่อเขา เธอบอกปฏิเสธไม่ยอมรับรักเขาทั้งที่หัวใจเจ็บปวดอย่างที่สุด ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นสะดุดลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ที่จำใจต้องเลิกรากัน นอกจากอับอายแล้วนิศานาถยังเกิดความหวาดกลัวอีกด้วย ทั้งกลัวว่าจะทำให้เขาต้องมามัวหมองไปกับตัวเอง ผู้หญิงอย่างเธอไม่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง วัยหรือก็สูงกว่าแถมยังมามีราคีคาวจากถูกคนร้ายข่มขืนเอาอีก แล้วอย่างนี้จะมีหน้าที่ไหนไปเป็นคนรักของเขาได้ ทั้งกลัวว่าเขาจะแค่สงสารหรือแค่อยากชดใช้ให้ ในสิ่งที่เขาคิดว่าทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้อย่างที่เคยบอก แต่ความจริงเขาอาจแอบนึกรังเกียจเธอก็ได้

แต่พงศธรกลับยังไม่ละความพยายาม เขาบอกกับเธอนับครั้งไม่ถ้วนว่าไม่เคยแคร์ทั้งสองเรื่องนั้น และยังอยากสานความสัมพันธ์กับเธอต่อ ทว่าก็ไม่อาจทะลายกำแพงที่นิศานาถสร้างปิดกั้นตัวเองจากเขาลงได้ เว้นแต่เรื่องยอมให้เขาพาไปส่งบ้านหลังเลิกงานแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะถูกมารดาขอร้องเอาไว้ว่าให้ทำตาม แม่ของเธออยากอุ่นใจว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นกับลูกสาวของท่านอีก

“เดี๋ยวตอนกลับบ้านให้ผมไปส่งนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยปากขอไปส่งเหมือนกับทุกครั้ง ยิ้มจางๆ จึงปรากฏบนเรียวหน้างามแทนคำตอบ นิศานาถลุกขึ้นเดินหายไปทางหลังห้อง ซึ่งจัดไว้เป็นห้องพักรับประทานอาหารและดื่มชากาแฟของผู้ที่ทำงานในคลินิก

กาแฟสองช้อน น้ำตาลหนึ่งช้อนไม่ใส่ครีมเทียม นิศานาถจำได้ขึ้นใจถึงรสนิยมในการดื่มคาเฟอีนของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งตัวเองเคยเกือบได้เป็นคนรักของเขา...อย่าใจอ่อนเลย แค่นี้ก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว อย่าให้ต้องมาเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นในอนาคตข้างหน้าอีกเลย ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่หลัด ๆ...แม่สาวคนนั้นไงล่ะ

นึกอย่างพยายามห้ามใจตัวเอง แต่มือที่กำลังใช้ช้อนคนกาแฟให้เข้ากันกลับสั่นน้อยๆ โธ่เอ๋ย...เกิดมาทั้งทีช่างมีแต่เวรกรรม อุตส่าห์ได้พบกับผู้ชายน้ำใจงาม ดีพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตานิสัยใจคอ ไม่ว่าจะเป็นฐานะและหน้าที่การงาน แต่ตัวเองกลับต้องมีมารมาผจญ แม้อุตส่าห์ตัดใจจากเขาได้แล้ว แต่ทำไมเขาจึงยังตามตื้อไม่เลิก สองปีที่ผ่านมาเขามีท่าทีแบบนี้ต่อเธอเสมอต้นเสมอปลาย จนตัวเองเกือบจะใจอ่อนหันกลับมาหาเขาตั้งหลายครั้ง นี่ก็ยังมาคอยรอรับกลับบ้านเหมือนทุกวันที่สามารถมาได้ แล้วเธอก็ไม่ใจแข็งพอที่จะปฏิเสธเขาอีกตามเคย

เดินกลับออกมาวางถ้วยกาแฟให้เขา ขณะสายตามองเห็นนายแพทย์ผู้เป็นนายจ้างกำลังเดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมกับผู้ช่วยหญิงอีกคนหนึ่ง

“คุณหมอจะรับกาแฟก่อนกลับไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะทานข้าวเลย วันนี้หิวข้าวเร็วกว่าทุกวัน...เหนื่อยจังนะคุณศา คนไข้เยอะจริงๆ”

จิตแพทย์หนุ่มตอบพลางบ่นๆ ถึงจะเป็นคลินิกเอกชน แต่ถ้าหากคนไข้มีมากเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน เหนื่อยมากนักเงินทองก็พาลไม่นึกอยากได้ เหตุผลที่ยังทนเปิดรักษาคนไข้ก็เพราะส่วนหนึ่งมาจากอุดมการณ์ เขาไม่อยากยึดติดอยู่กับระบบของโรงพยาบาล อยากอำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ประเภทนี้ให้มากที่สุด รวมทั้งคิดค่ารักษาไม่แพงด้วย เขาหันมาทักน้องชายที่กำลังยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

“ไง ไอ้เสือ มานานแล้วเหรอเรา”

ตัวคนเป็นพี่ก็รู้ดีว่าน้องชายไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาหาเขา แต่เป้าหมายก็คือพยาบาลผู้ช่วยคนสวยของเขาต่างหาก นึกเวทนาหนุ่มสาวทั้งสองที่ต้องมาเจอกับอุปสรรคความรักที่ไม่คาดฝัน

ด้วยความที่เป็นจิตแพทย์เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของนิศานาถดี ตอนนี้เธอคงยังหวาดระแวงอยู่ กลัวจะไม่ได้รับการยอมรับ กลัวปัญหาชีวิตคู่ในอนาคตข้างหน้า หากยังไม่มั่นใจในตัวของพงศธรมากพอ เพราะตัวอย่างของคนไข้ในคลินิกก็มีให้เห็น และหมอสันติก็รู้ด้วยว่า ผู้ช่วยสาวของเขากำลังคิดจะทำอะไรกับพงศธรอยู่ เขาเองได้เคยคุยเรื่องนี้กับน้องชายดู ซึ่งพงศธรเองก็บอกพี่ชายอย่างเปิดอกว่า ตัวเองต้องการจะรับผิดชอบต่อเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับนิศานาถด้วยการแต่งงานกับเธอ

“วันนั้นผมเป็นคนขอให้คุณศาอยู่รอผมมารับกลับบ้านเอง แต่ผมก็ติดประชุมด่วนมารับเธอไม่ได้ เพราะเธออยู่รอผมถึงต้องกลับบ้านดึก แล้วเลยถูกไอ้ชั่วนั่นทำร้ายเอา...ผมต้องรับผิดชอบชีวิตเธอครับพี่”

ในเมื่อน้องชายยืนยันเสียอย่างนั้น เขาเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพงศธรอีก โตๆ กันแล้วก็ย่อมมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง แม้แต่ผู้เป็นมารดาก็ตาม เมื่อรับรู้เรื่องนี้จากเขาท่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของผู้เป็นลูก ซึ่งท่านคงเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ปัญหาจึงติดอยู่ที่นิศานาถคนเดียว แต่ก็คิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป สภาพจิตใจของนิศานาถเข้าที่เข้าทาง บางทีทุกอย่างคงจะลงเอยด้วยดี

“เพิ่งมาครับ ผมมารับคุณศากลับบ้าน” ชายหนุ่มตอบพี่ชาย เขาใช้สรรพนามแทนนิศานาถว่า“คุณ”ไม่ยอมเรียกว่า“พี่”ตามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเอง

“อืม...งั้นฝากช่วยปิดร้านให้ทีนะ วันนี้พี่จะรีบกลับ นัดมุกไว้ว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นด้วย”

หมอสันติผงกศีรษะ ครางรับแล้วบอกถึงภารกิจมีนัดกันกับภรรยา ซึ่งนานๆ ที ถึงจะได้มีเวลาอยู่ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ด้วยเพราะต่างมีภาระหน้าที่ของแพทย์ที่รัดตัวอย่างหนัก แพทย์หญิงมุกดาภรรยาของเขาเป็นศัลยแพทย์ทรวงอก หล่อนต้องอยู่ในห้องผ่าตัดมากกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก ที่บอกว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่ป่านนี้เวลาปาเข้าไปตั้งสองทุ่มครึ่งแล้ว เขาก็ยังไปไม่ถึงบ้านที่อยู่ห่างไปอีกกว่าสิบกิโลเมตร

“ได้ครับพี่ งั้นคุณจุ๊บแจงจะกลับไปด้วยกันกับผมก็ได้นะครับ เดี๋ยวจะแวะไปส่ง”

พงศธรตอบรับ มองเลยไปถึงผู้ช่วยสาวรุ่นอีกคนด้านหลังของนายแพทย์สันติ ซึ่งมีที่พักอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับนิศานาถแล้วเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ เธอกล่าวขอบคุณเขาแล้วสั่นศีรษะ

“วันนี้แฟนหนูมารับค่ะ อ้อ มาพอดีเลย ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”

เธอชะเง้อมองออกไปนอกบานประตูกระจกบานใหญ่ของคลินิกเมื่อแว่วเสียงจักรยานยนต์แล่นเข้ามาจอด ยกมือไหว้ลาทุกคนแล้วจึงผละจากไป

“งั้นพี่ไปก่อนนะ”นายแพทย์หนุ่มมองตามหลังผู้ช่วยสาว แล้วก็หันมาบอกน้องชายอีกครั้ง พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงขอตัวกับหญิงสาวคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ก่อนก้าวเท้าตามผู้ช่วยที่ชื่อจุ๊บแจงไปเช่นกัน

“เราก็กลับกันเถอะค่ะ...เอ้อ พี่ขอปิดคอมพ์ก่อน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่