ตอนที่ 1...วุ่นนักวันพักร้อน
เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามกับเสียงไซเรนที่ยังดังไม่ขาดสาย บ่งบอกว่าความเยินจะยังมีมาอีกระลอกหลังจากที่คนไข้ชุดแรกยังไม่ทันจะเคลียร์
“สงกรานต์ปีนี้เล่นเอาวุ่นกันทั้งโรงบาล”
เป็นเสียงของหมอใหญ่ประจำเวรกล่าวไว้ เขาเดินมาหยิบชาร์ตคนไข้ที่เพิ่งไปตรวจมาหมาดๆ ไล่อ่านประวัติตั้งแต่ต้นจนจบจากนั้นก็ลงมือเขียน Order ยาลงไปก่อนจะยื่นให้พยาบาลผู้รับผิดชอบ อีกโซนก็วุ่นวายไม่แพ้กัน คนเจ็บอาการสาหัสมีทีมแพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“อยากจะลาป่วยเสียตอนนี้เลย มันวันบ้าอะไรนะ ทำไมยุ่งขนาดนี้” เป็นแพทย์ฝึกหัดอัษฏาที่บ่นมา
“คุณหมอต้องตั้งสติไว้ อย่าตีโพยตีพายไปค่ะ จงรักษาต่อไป” พยาบาลหัวหน้าเวรวันนี้กล่าวไว้ ก่อนจะยื่นชาร์ตคนไข้ให้ไม่ทันที่หมอจะรับเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีก
“คุณหมอคะ คนไข้ Arrest อีกแล้วค่ะ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” แพทย์น้องใหม่ส่ายหน้าให้กับตัวเอง วิ่งเข้าม่านไปซักพักก็โผล่หน้าออกมาตะโกนดังลั่น
“เปิดแผนด้วยครับ”
เพราะเสียงตามสายจากประชาสัมพันธ์ ทำให้นายแพทย์หนุ่มต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาคือนายแพทย์สหรัฐที่เพิ่งเดินทางมาถึงวันนี้และไม่คิดว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปเป็นทีมแพทย์เข้าช่วยแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
เท้าหนาเร่งออกไปโดยไม่ทันเห็นว่าตรงมุมเลี้ยวนั้นจะมีคนเดินตัดหน้ามา กระทั่งได้ชนกันอย่างจังและนั่นก็ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” นายแพทย์สหรัฐเอ่ยปากถามทั้งที่หัวใจเต้นตุบๆ อ้อมกอดตอนนี้มีร่างของพยาบาลสาวอยู่และเธอก็คงตกใจเช่นกัน เขาสะกิดด้วยการถามคำถามนั้นอีกครั้งจึงได้เห็นปฏิกิริยาตื่นตระหนกนั่น
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร” ชลลิสาได้สติรีบตอบออกไปพร้อมกับดึงตัวเองให้พ้นจากอ้อมกอดของเขา สายตาที่มองแพทย์หนุ่มยังคงสับสน อาจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก
“แล้วนั่นจะรีบร้อนไปไหนหรือครับ” แม้จะอยากทักทายด้วยประโยคอื่นที่มีความหมายมากกว่านี้แต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ถามคำถามออกไปราวกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ER ค่ะ ขอตัวนะคะ ฉันรีบ” ชลลิสาเอ่ยแล้วเดินจากไป แพทย์หนุ่มได้แต่มองด้วยสายตาปนเศร้า การพบกันครั้งนี้มันสร้างความตื่นเต้นให้หัวใจเขาอย่างมากแต่ก็ไม่รู้ว่า สำหรับชลลิสาแล้วเธอรู้สึกอย่างไร
ที่ห้องทำแผลของแผนกฉุกเฉิน ชลลิสาได้รับหน้าที่จากพี่พยาบาลเคลียร์คนไข้ทำแผล หลังจากผ่านไปแล้วสองราย
มาถึงเตียงสุดท้ายซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพยาบาลตัวเล็กอย่างเธอ ชลลิสาทำหน้าเครียดเมื่อมองผู้บาดเจ็บที่ยังนอนดิ้นเป็นพักๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หากเป็นเช่นนี้จะเย็บแผลได้ยังไง
“ผมจะเย็บให้เอง”
เหมือนมานั่งอยู่ในความคิดของเธอเลย ชลลิสารีบหันมาตามเสียง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัด นายแพทย์สหรัฐเดินมาใส่ถุงมือแล้วลองสำรวจแผลคนไข้ เพียงแค่แตะคนไข้ก็ดิ้นแล้ว
“กำลังคุณคนเดียวคงต้านแรงคนเมาไม่ไหวหรอก ถึงจะมัดมือมัดเท้าแล้วผมก็ว่ามันยังไม่ Ok ยังไงก็ช่วยเตรียม set suture ให้ผมหน่อยผมจะเย็บเอง” เอ่ยออกไปด้วยสีหน้าแน่นิ่ง แม้จะรู้สึกว่าเธอกำลังมองแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ประเด็นสำคัญคือผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวไม่มีพละกำลังพอที่จะเย็บคนไข้ที่ทั้งตัวใหญ่และเมาไม่ได้สติแบบนี้ได้ หลังถอดถุงมือที่ใช้แล้วก็หยิบถุงมือปราศจากเชื้อมาใส่ต่อ เพิ่งนึกได้ว่าลืมบางอย่างที่สำคัญไป
“ขอโทษที ช่วยใส่ mask ให้ผมหน่อย”
ชลลิสาเหมือนถูกผีอำ ยืนแข็งไปทั้งตัว รู้อีกทีก็ตอนถูกสะกิดเบาๆ ด้วยศอก หญิงสาวสะดุ้งตื่นกะพริบตาถี่ๆ ใส่เขา
“ผมขอ Mask หน่อย”
“เออ ค่ะ” เธอหันไปหยิบ mask จากกล่องขึ้นมาถือค้างไว้ ถึงเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่หัวใจก็ไม่เคยชาชินกับความรู้สึกแบบนั้นเลย
“ยืนเฉยทำไม ใส่ให้ผมสิ ผมจะได้ทำงานซะทีแต่อย่าบอกให้ผมใส่เองเพราะตอนนี้ผมใส่ถุงมือ Sterile แล้ว” นั่นเป็นการพูดดักทางไว้ ถ้าเธอยังเป็นคนเดิมก็คงจะหาคำแก้ตัวต่างๆ นาๆ เพื่อไม่ให้อยู่ใกล้เขา จึงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อไม่ให้ชลลิสาตีตัวออกห่าง
Mask สีฟ้าอ่อนถูกทับไว้ที่ใบหน้าท่อนล่าง ปิดตั้งแต่ดั้งจมูกลงมาถึงคาง หากสิ่งที่ลำบากใจมากสุดคือการหลบสายตาคู่คมนั่น จะทำอย่างไรดีในเมื่อเขาเอาแต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ” ชลลิสาตอบแล้วหันหลังจะเดินจาก
“ไหนล่ะ เซตเย็บของผม”
ชลลิสาชะงัก เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เตรียม ทำใจสู้ค่อยๆ หยิบเซตเย็บแผลมาจัดการใส่เข็ม ด้าย น้ำยา ผ้าก๊อซและเพิ่มสำลี โดยไม่ปริปากพูดอะไร จากนั้นก็ลากเซตมาไว้ใกล้ๆ เขา
“คงจะเจ็บแย่ ถ้าไม่ฉีดยาชาก่อน”
หญิงสาวเหมือนถูกกลั่นแกล้งตอนนี้รู้สึกอึดอัดที่สุดแทบอยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ก็ทำไม่ได้นอกจากเตรียมยาชาให้เขา อีกฝ่ายไม่พูดมากใช้ Syringe ที่ต่อเข็มแล้วดูดยาชาจากขวดที่หญิงสาวเสิร์ฟให้ไม่นานก็วางลงในเซต ชลลิสาโล่งเมื่อคิดว่าเสร็จงานแล้วกำลังจะเดินจากแต่สะดุดคำพูดของเขาก่อน
“ยังไปไม่ได้” เขาพูดขณะที่มือถือผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง เงยหน้ามองหญิงสาวที่แสดงท่าทีว่าไม่อยากอยู่ใกล้เขาตั้งแต่แรกเจอ
“ถึงจะมัดมือมัดเท้าไว้แล้วแต่หัวคนเจ็บยังดิ้นไปมาแบบนี้ วันนี้คงเย็บไม่เสร็จ ดังนั้น คุณต้องอยู่ช่วยผม คำนวณแผลที่หัวแล้วก็คงใช้เวลาไม่นานหรือว่าที่ผมขอช่วย...มันมากเกินไป” เป็นเพราะปากสินะที่ไวกว่าความคิด คำพูดของเขาจึงดูห้วนไปแต่ก็ได้ผล เมื่อเห็นเธอสวมถุงมือแล้วตรงมากดหัวคนไข้ เขาหน้านิ่งลงมือป้าย Betadine ลงไป คนเจ็บที่ว่าเริ่มดิ้นเมื่อถูกเข็มยาชาปักลงไป ดีที่มีชลลิสาจับ Lock หัวเอาไว้
“ดีใจ...ที่ได้พบกันอีกครั้ง”
คนพูดเอ่ยโดยไม่มองหน้าเพราะสายตามุ่งมั่นกับการฉีดยาชาให้คนไข้ จึงไม่ทันได้เห็นแววตาเศร้าโศกของคนที่เขาพูดด้วย
มือหนาวางเข็มยาชาลงแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง เดาไม่ออกว่าวินาทีนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องพูดออกไป
“ก็แค่อยากบอกว่าเสียใจ...ที่ตอนนั้น ได้ปล่อยให้ทุกอย่างมันจบลงไปแบบนั้น” นายแพทย์สหรัฐเอ่ยก่อนจะก้มลงเย็บแผลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรอีก
50 %
นิยาย...emergency love วิกฤตรักฉบับฉุกเฉิน ตอนที่ 1
เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามกับเสียงไซเรนที่ยังดังไม่ขาดสาย บ่งบอกว่าความเยินจะยังมีมาอีกระลอกหลังจากที่คนไข้ชุดแรกยังไม่ทันจะเคลียร์
“สงกรานต์ปีนี้เล่นเอาวุ่นกันทั้งโรงบาล”
เป็นเสียงของหมอใหญ่ประจำเวรกล่าวไว้ เขาเดินมาหยิบชาร์ตคนไข้ที่เพิ่งไปตรวจมาหมาดๆ ไล่อ่านประวัติตั้งแต่ต้นจนจบจากนั้นก็ลงมือเขียน Order ยาลงไปก่อนจะยื่นให้พยาบาลผู้รับผิดชอบ อีกโซนก็วุ่นวายไม่แพ้กัน คนเจ็บอาการสาหัสมีทีมแพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“อยากจะลาป่วยเสียตอนนี้เลย มันวันบ้าอะไรนะ ทำไมยุ่งขนาดนี้” เป็นแพทย์ฝึกหัดอัษฏาที่บ่นมา
“คุณหมอต้องตั้งสติไว้ อย่าตีโพยตีพายไปค่ะ จงรักษาต่อไป” พยาบาลหัวหน้าเวรวันนี้กล่าวไว้ ก่อนจะยื่นชาร์ตคนไข้ให้ไม่ทันที่หมอจะรับเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีก
“คุณหมอคะ คนไข้ Arrest อีกแล้วค่ะ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” แพทย์น้องใหม่ส่ายหน้าให้กับตัวเอง วิ่งเข้าม่านไปซักพักก็โผล่หน้าออกมาตะโกนดังลั่น
“เปิดแผนด้วยครับ”
เพราะเสียงตามสายจากประชาสัมพันธ์ ทำให้นายแพทย์หนุ่มต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาคือนายแพทย์สหรัฐที่เพิ่งเดินทางมาถึงวันนี้และไม่คิดว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปเป็นทีมแพทย์เข้าช่วยแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
เท้าหนาเร่งออกไปโดยไม่ทันเห็นว่าตรงมุมเลี้ยวนั้นจะมีคนเดินตัดหน้ามา กระทั่งได้ชนกันอย่างจังและนั่นก็ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” นายแพทย์สหรัฐเอ่ยปากถามทั้งที่หัวใจเต้นตุบๆ อ้อมกอดตอนนี้มีร่างของพยาบาลสาวอยู่และเธอก็คงตกใจเช่นกัน เขาสะกิดด้วยการถามคำถามนั้นอีกครั้งจึงได้เห็นปฏิกิริยาตื่นตระหนกนั่น
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร” ชลลิสาได้สติรีบตอบออกไปพร้อมกับดึงตัวเองให้พ้นจากอ้อมกอดของเขา สายตาที่มองแพทย์หนุ่มยังคงสับสน อาจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก
“แล้วนั่นจะรีบร้อนไปไหนหรือครับ” แม้จะอยากทักทายด้วยประโยคอื่นที่มีความหมายมากกว่านี้แต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ถามคำถามออกไปราวกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ER ค่ะ ขอตัวนะคะ ฉันรีบ” ชลลิสาเอ่ยแล้วเดินจากไป แพทย์หนุ่มได้แต่มองด้วยสายตาปนเศร้า การพบกันครั้งนี้มันสร้างความตื่นเต้นให้หัวใจเขาอย่างมากแต่ก็ไม่รู้ว่า สำหรับชลลิสาแล้วเธอรู้สึกอย่างไร
ที่ห้องทำแผลของแผนกฉุกเฉิน ชลลิสาได้รับหน้าที่จากพี่พยาบาลเคลียร์คนไข้ทำแผล หลังจากผ่านไปแล้วสองราย
มาถึงเตียงสุดท้ายซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพยาบาลตัวเล็กอย่างเธอ ชลลิสาทำหน้าเครียดเมื่อมองผู้บาดเจ็บที่ยังนอนดิ้นเป็นพักๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หากเป็นเช่นนี้จะเย็บแผลได้ยังไง
“ผมจะเย็บให้เอง”
เหมือนมานั่งอยู่ในความคิดของเธอเลย ชลลิสารีบหันมาตามเสียง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัด นายแพทย์สหรัฐเดินมาใส่ถุงมือแล้วลองสำรวจแผลคนไข้ เพียงแค่แตะคนไข้ก็ดิ้นแล้ว
“กำลังคุณคนเดียวคงต้านแรงคนเมาไม่ไหวหรอก ถึงจะมัดมือมัดเท้าแล้วผมก็ว่ามันยังไม่ Ok ยังไงก็ช่วยเตรียม set suture ให้ผมหน่อยผมจะเย็บเอง” เอ่ยออกไปด้วยสีหน้าแน่นิ่ง แม้จะรู้สึกว่าเธอกำลังมองแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ประเด็นสำคัญคือผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวไม่มีพละกำลังพอที่จะเย็บคนไข้ที่ทั้งตัวใหญ่และเมาไม่ได้สติแบบนี้ได้ หลังถอดถุงมือที่ใช้แล้วก็หยิบถุงมือปราศจากเชื้อมาใส่ต่อ เพิ่งนึกได้ว่าลืมบางอย่างที่สำคัญไป
“ขอโทษที ช่วยใส่ mask ให้ผมหน่อย”
ชลลิสาเหมือนถูกผีอำ ยืนแข็งไปทั้งตัว รู้อีกทีก็ตอนถูกสะกิดเบาๆ ด้วยศอก หญิงสาวสะดุ้งตื่นกะพริบตาถี่ๆ ใส่เขา
“ผมขอ Mask หน่อย”
“เออ ค่ะ” เธอหันไปหยิบ mask จากกล่องขึ้นมาถือค้างไว้ ถึงเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่หัวใจก็ไม่เคยชาชินกับความรู้สึกแบบนั้นเลย
“ยืนเฉยทำไม ใส่ให้ผมสิ ผมจะได้ทำงานซะทีแต่อย่าบอกให้ผมใส่เองเพราะตอนนี้ผมใส่ถุงมือ Sterile แล้ว” นั่นเป็นการพูดดักทางไว้ ถ้าเธอยังเป็นคนเดิมก็คงจะหาคำแก้ตัวต่างๆ นาๆ เพื่อไม่ให้อยู่ใกล้เขา จึงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อไม่ให้ชลลิสาตีตัวออกห่าง
Mask สีฟ้าอ่อนถูกทับไว้ที่ใบหน้าท่อนล่าง ปิดตั้งแต่ดั้งจมูกลงมาถึงคาง หากสิ่งที่ลำบากใจมากสุดคือการหลบสายตาคู่คมนั่น จะทำอย่างไรดีในเมื่อเขาเอาแต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ” ชลลิสาตอบแล้วหันหลังจะเดินจาก
“ไหนล่ะ เซตเย็บของผม”
ชลลิสาชะงัก เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เตรียม ทำใจสู้ค่อยๆ หยิบเซตเย็บแผลมาจัดการใส่เข็ม ด้าย น้ำยา ผ้าก๊อซและเพิ่มสำลี โดยไม่ปริปากพูดอะไร จากนั้นก็ลากเซตมาไว้ใกล้ๆ เขา
“คงจะเจ็บแย่ ถ้าไม่ฉีดยาชาก่อน”
หญิงสาวเหมือนถูกกลั่นแกล้งตอนนี้รู้สึกอึดอัดที่สุดแทบอยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ก็ทำไม่ได้นอกจากเตรียมยาชาให้เขา อีกฝ่ายไม่พูดมากใช้ Syringe ที่ต่อเข็มแล้วดูดยาชาจากขวดที่หญิงสาวเสิร์ฟให้ไม่นานก็วางลงในเซต ชลลิสาโล่งเมื่อคิดว่าเสร็จงานแล้วกำลังจะเดินจากแต่สะดุดคำพูดของเขาก่อน
“ยังไปไม่ได้” เขาพูดขณะที่มือถือผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง เงยหน้ามองหญิงสาวที่แสดงท่าทีว่าไม่อยากอยู่ใกล้เขาตั้งแต่แรกเจอ
“ถึงจะมัดมือมัดเท้าไว้แล้วแต่หัวคนเจ็บยังดิ้นไปมาแบบนี้ วันนี้คงเย็บไม่เสร็จ ดังนั้น คุณต้องอยู่ช่วยผม คำนวณแผลที่หัวแล้วก็คงใช้เวลาไม่นานหรือว่าที่ผมขอช่วย...มันมากเกินไป” เป็นเพราะปากสินะที่ไวกว่าความคิด คำพูดของเขาจึงดูห้วนไปแต่ก็ได้ผล เมื่อเห็นเธอสวมถุงมือแล้วตรงมากดหัวคนไข้ เขาหน้านิ่งลงมือป้าย Betadine ลงไป คนเจ็บที่ว่าเริ่มดิ้นเมื่อถูกเข็มยาชาปักลงไป ดีที่มีชลลิสาจับ Lock หัวเอาไว้
“ดีใจ...ที่ได้พบกันอีกครั้ง”
คนพูดเอ่ยโดยไม่มองหน้าเพราะสายตามุ่งมั่นกับการฉีดยาชาให้คนไข้ จึงไม่ทันได้เห็นแววตาเศร้าโศกของคนที่เขาพูดด้วย
มือหนาวางเข็มยาชาลงแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง เดาไม่ออกว่าวินาทีนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องพูดออกไป
“ก็แค่อยากบอกว่าเสียใจ...ที่ตอนนั้น ได้ปล่อยให้ทุกอย่างมันจบลงไปแบบนั้น” นายแพทย์สหรัฐเอ่ยก่อนจะก้มลงเย็บแผลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรอีก
50 %