มายาพิศวาส ตอน 4

กระทู้สนทนา


ตอน 1
https://ppantip.com/topic/36536928
ตอน 2
https://ppantip.com/topic/36589707
ตอน 3
https://ppantip.com/topic/36598370



มายาพิศวาส


โดย ล. วิลิศมาหรา

4.

เลี้ยวรถเข้าประตูเหล็กทึบสีขรึม ตัดกันกับสีครีมของตัวตึกชั้นเดียวหลังย่อมๆ ทรงทันสมัยซึ่งเป็นรังรักของตัวเองในเวลาเย็นมากแล้ว แต่ทันทีที่เห็นรถเก๋งคันโก้ป้ายแดงจอดนิ่งอยู่ในโรงรถข้างบ้าน อารมณ์ขุ่นมัวที่เบาบางลงหลังได้พูดคุยกับจิตแพทย์ของลลินีก็พลันคุกรุ่นขึ้นมาอีก เธอนำรถเก๋งญี่ปุ่นมือสองของตัวเองเข้าจอดเทียบในช่องที่ว่างอยู่ ดับเครื่องยนต์แล้วยังไม่ลงมาจากรถในทันที นั่งเม้มริมฝีปากสะกดอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้อย่างเต็มที่ ผู้หญิงคนนั้นชักกำเริบเสิบสานมากขึ้นทุกวัน แม้แต่ในเวลาเย็นย่ำเกือบค่ำแบบนี้ หล่อนก็ยังมาหาผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วถึงบ้าน แถมยังเหมือนนกรู้ เลือกมาเอาในเวลาที่ภรรยาของเขาไม่อยู่เสียอีกด้วย อยากรู้นักว่าวันนี้หล่อนจะอ้างธุระอะไรอีก

หลังจากตั้งสติและข่มโทสะลงได้แล้วถึงค่อยเปิดประตูรถลงมา เปิดประโปรงหลังรถหอบหิ้วเอาถุงใส่ของกินของใช้ที่แวะซื้อติดมือจากตลาดสดข้างทางลงมาด้วยพะรุงพะรัง อดเหลือบมองพาหนะคันใหม่ของวัลภาอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ นึกสงสัยว่าสาวโสดอย่างหล่อนทำไมถึงมีเงินซื้อรถยุโรปป้ายแดงราคาแพงมาขับ เพราะเท่าที่รู้ฐานะดั้งเดิมของผู้หญิงคนนี้ก็ใช่ว่าจะดีเท่าไหร่ หล่อนตัวคนเดียวไม่มีเหลือทั้งพ่อและแม่ มีญาติพี่น้องก็เห็นว่าห่างเหิน ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน คนที่หล่อนติดต่อด้วยเป็นประจำทุกวันก็เห็นจะเป็นสามีคนอื่นนี่แหละที่ขยันโทรหานัก

นึกถึงวันที่วัลภากำลังจะซื้อรถคันใหม่ ก็เป็นเลิศภพอีกนั่นแหละที่เป็นคนส่งหล่อนไปซื้อถึงในโชว์รูม สามีของเธอยังกลับมาเล่าให้ฟังด้วยท่าทางชื่นชมว่ารถสวย ขับนิ่ม เลือกได้อย่างที่ต้องการเลย เขาพูดถึงราวกับเป็นรถของตัวเองก็ไม่ปาน ตอนนั้นลลินีรับฟังเงียบๆ ในใจนึกอยากจะแขวะเขาว่าแล้วได้ช่วยค่าดาวน์ค่าผ่อนให้หล่อนไปเท่าไหร่ ซึ่งเธอก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่เคยกล้าพอที่จะพูดอย่างที่ใจคิดเลยสักครั้ง

ที่เธอจำต้องสงบปากสงบคำเรื่องเงินๆ ทองๆ กับเขา ก็เพราะทุกวันนี้ถึงแม้ว่าตัวเองจะเรียนจนจบปริญญาตรีศึกษาศาสตร์มา แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมให้เธอออกไปทำงานนอกบ้าน ให้ทำหน้าที่ภรรยาอยู่เฝ้าบ้านอย่างเดียวเท่านั้น อาจเป็นเพราะรักและหวังดีกลัวเธอต้องลำบาก หรืออาจเห็นว่าตัวเขาเองรับผิดชอบชีวิตเธอได้แบบสบายๆ อยู่แล้วก็ได้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายทุกอย่างภายในบ้านเขาจึงเป็นคนรับผิดชอบทั้งสิ้น รวมถึงเงินที่ส่งไปให้แม่ใช้ในคุกอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังซื้อรถญี่ปุ่นมือสองให้เธอขับคันหนึ่งเพื่อเอาไว้ไปเยี่ยมแม่ ซึ่งก็ต้องนับว่าเขาใส่ใจเธอพอสมควรทีเดียว

แรกๆ เธอก็นึกพอใจอยู่ไม่น้อย เพราะหลังเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับตัวเองก็ไม่นึกอยากออกไปไหนข้างนอกบ้านเท่าไหร่ รู้สึกหวาดระแวง กลัวถูกคนมอง กลัวว่าจะถูกซุบซิบนินทาไปเสียหมด ตอนนั้นคิดว่าโชคดีด้วยซ้ำที่สามีต้องการแบบนี้ แต่ต่อมาถึงนึกรู้ว่าอาจเข้าใจผิด เพราะเพิ่งพบว่าการที่ต้องคอยพึ่งพาแต่สามีทำให้ตัวเธอเองไม่มีรายได้เลยสักสตางค์แดงเดียว และหลายครั้งที่ต้องสะอึกกับคำพูดของเขาโดยเฉพาะเวลาเมา เลิศภพหลุดปากออกมาด้วยคำพูดที่ทำให้เธอต้องเก็บเอามาคิดว่า จริงๆ แล้วเขาอายที่ต้องมาแต่งงานกับเธอ

ตระกูลของเลิศภพมีเชื้อสายมาจากเจ้านายทางเหนือ หลังพ่อของเขาตาย เขาก็ได้รับทรัพย์สินส่วนแบ่งมรดกของคุณก้องภพผู้เป็นพ่อมามากพอดู หลังจากนั้นคุณพรรณีผู้เป็นแม่ก็ย้ายไปอยู่กับคุณเลิศเกียรติพี่ชายของเขาที่อเมริกา นานๆ เลิศภพถึงจะไปเยี่ยมคนทั้งคู่ที่นั่นเสียทีหนึ่ง ซึ่งคุณพรรณีก็ไม่ได้มานึกนิยมยินดีอะไรกับลูกสะใภ้ยากจนและมีตำหนิอย่างลลินี ออกจะดูถูกเสียด้วยซ้ำ วันแต่งงานซึ่งจัดอย่างฉุกละหุกเรียบง่ายของเธอกับเลิศภพ ทั้งมารดาและพี่ชายของเขาไม่ได้กลับมาร่วมงานแต่อย่างใด

จากในโรงรถ ก้าวเข้าตัวบ้านทางประตูด้านข้างที่เปิดทะลุเข้าถึงในห้องครัวได้เลย ลลินีวางสัมภาระทั้งหมดลงกองไว้บนโต๊ะอาหาร ยืนนิ่งสะกดใจที่เต้นระรัวแรงอยู่ครู่หนึ่ง เสียงพูดคุยหยอกล้อสลับกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจของฝ่ายหญิงดังแว่วเข้าหู หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ช้าๆ ตามที่จิตแพทย์แนะนำให้ทำ ยามที่มีอารมณ์โกรธหรือหงุดหงิด ซึ่งเมื่อทำแบบนั้นอยู่พักหนึ่งอาการหัวใจเต้นถี่เร็วจึงค่อยสงบลง

ตัดสินใจว่าจะต้องแสดงตัวให้หล่อนสำนึกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในบ้านของสามีคนอื่น ทันทีที่คิดได้ลลินีก็ก้าวเท้าออกจากห้องครัวเข้าไปหาคนทั้งคู่ในห้องโถง ซึ่งกั้นเนื้อที่ส่วนหนึ่งออกจากชุดเก้าอี้รับแขกด้วยเคาน์เตอร์ไม้เตี้ยๆ ตัวยาวให้เป็นพื้นที่สำหรับใช้นั่งพักผ่อน ที่ตรงนั้นตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์เอาไว้ด้วย ซึ่งขณะนี้เธอเห็นมีร่างของวัลภาในชุดเสื้อและกางเกงผ้ายืดที่รัดรูปเสียจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนอันเป็นเอกลักษณ์ของหล่อน นั่งเบียดชิดตัวติดกันอยู่กับเลิศภพแทบว่าหน้าอกหน้าใจที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างนั้นจะบดเข้ากับท่อนแขนที่กำลังเลื่อนเม้าส์คอมพิวเตอร์ไปมาอยู่บนที่รองเม้าส์ของเขา

คนทั้งคู่กำลังจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะอย่างสนอกสนใจ ผู้หญิงคนนั้นเอียงใบหน้าเข้าชิดกับหน้าของฝ่ายชายอย่างน่าเกลียด เสียงหัวเราะหัวใคร่ที่ดังขึ้นแสดงออกว่าทั้งคู่กำลังมีความสุขเสียเต็มประดา หล่อนและสามีของเธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เข้ามาใหม่พร้อมกัน นัยน์ตากลมโตซึ่งแต่งแต้มไว้อย่างประณีตเบิกกว้างออกราวกับเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านตัวเอง

“อุ๊ย! น้องลิลกลับมาแล้ว”

หล่อนอุทานเหมือนเพิ่งรู้ว่าเจ้าของบ้านหญิงกลับเข้าบ้านมา ทั้งที่เสียงรถซึ่งแล่นเข้ามาดังพอจะให้คนในบ้านได้ยินมาครู่หนึ่งแล้ว อากัปกิริยาที่แสดงออกของหล่อน ถ้าเป็นดาราก็ต้องเรียกว่าหล่อนตีบทได้แตกกระจุย

“ไปข้างนอกมาค่ะ แวะซื้อของนิดหน่อยเลยกลับช้า”

ตอบหล่อนด้วยท่าทีเย็นชา ทั้งยังไม่ยกมือไหว้สวัสดีเหมือนเคย ไม่มีแก่ใจจะทำดีอะไรกับใครทั้งนั้น ภาพที่เห็นทำให้อารมณ์ขุ่นมัวซึ่งระงับเอาไว้แทบจะระเบิดออกมาตรงนั้น ชำเลืองมองหน้าสามีแวบหนึ่งก็เห็นว่าเขาชะงัก ผงะตัวออกห่างจากร่างยั่วยวน เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนตั้งท่าจะถามว่าเธอไปไหนมา เธอเมินหน้าหนี ขอตัวว่า

“เหนื่อยจังค่ะ เย็นมากแล้วแต่ข้างนอกรถยังติด ลิลขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

แล้วเธอก็เป็นฝ่ายหลบหน้าหล่อนก่อนอีกครั้งจนได้ ไม่เหมือนกับที่ตั้งใจเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเข้ามาแสดงตัวในฐานะภรรยาอาจารย์เลิศภพเลยสักนิด วัลภาชนะอีกตามเคยในเรื่องของความหน้าด้านหน้าทน จนเธอกลับต้องเป็นฝ่ายรู้สึกอายแทนเสียเอง ในใจอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหล่อนอยากได้นักจะยกให้เสียเลยดีไหม!

เข้ามากบดานอยู่ในห้องนอน ปิดประตู โยนกระเป๋าสะพายลงบนเตียงนอนแล้วก้าวขึ้นนั่งคู้เข่าขึ้นสองข้าง เอาแขนโอบกอดรอบเข่าตัวเองบนนั้น เกยคางไว้บนหัวเข่าแล้วเงี่ยหูคอยฟัง

บ้านชั้นเดียวซึ่งมีห้องติดกันแบบนี้เสียงพูดคุยที่ไม่เบานักก็เลยดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน เสียงของฝ่ายหญิงชัดเจนกว่าฝ่ายชายและเธอสามารถจับใจความคำพูดของหล่อนได้ว่า หล่อนกำลังชักชวนให้สามีของเธอไปประชุมสัมนาด้วยกันกับหล่อนที่ภูเก็ตในวันมะรืนนี้

“ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยนะคะภพ มีที่นั่งเหลืออยู่อีกที่ ฝ่ายจัดการประชุมบอกว่าไปคราวนี้มีเรื่องน่าสนใจหลายเรื่อง หลังสัมนาเสร็จยังพอเหลือเวลาไปดำน้ำชมปะการังกันด้วยแน่ะ ภพอยากไปดำน้ำที่นั่นนานแล้วไม่ใช่เหรอคะ ค่ะ...ที่นั่นแหละ ใช่ ๆ มันสวยมากเลยเห็นไหมคะ”

ลลินีลืมตาโพลง รอฟังคำตอบของสามีแทบกลั้นหายใจฟัง ไม่ได้ยินเขาตอบว่าอย่างไรเสียงของเขาเบากว่ามาก ดูเอาเถิด หล่อนช่างรู้ใจสามีเธอไปเสียทุกสิ่งอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าเขาอยากไปดำน้ำที่ภูเก็ตในขณะที่คนเป็นภรรยาอย่างเธอไม่เคยรู้เลย

เลิศภพเคยเล่าให้ฟังว่ารู้จักกับวัลภาตั้งแต่เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ฐานะทางบ้านไม่ดีนักแต่หล่อนเป็นคนเรียนเก่ง จึงได้ทุนเล่าเรียนมาเรื่อยๆ จนจบปริญญาเอกและได้มาสอนอยู่ในภาควิชาเดียวกันกับเขา ซึ่งด้วยสาเหตุนี้แหละที่สามีเธอชอบยกมาอ้างว่าหล่อนน่าสงสาร ตัวเขาเองเป็นคนจิตใจดีจึงให้ความช่วยเหลือดูแลหล่อนมาตลอด ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับเธอด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้เขาก็มักปฏิเสธว่าไม่ได้คิดรักใคร่แบบชู้สาว เขาแค่สงสารเหมือนน้องสาว เหมือนเพื่อน ซึ่งก็เพราะเขารู้สึกกับวัลภาแบบนั้น เขาจึงเลือกแต่งงานกับคนที่เขารัก ซึ่งก็คือเธอ แต่นั่นมันก่อนหน้าที่เธอกับเขาจะตกลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หลังแต่งงานกันแล้วเขาอาจเพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดก็ได้ เลยหันไปมีใจให้กับวัลภาอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ตอนนี้

พอคิดมาถึงตรงนี้ในโพรงจมูกก็แสบคัดขึ้นมาทันควัน หัวตาเริ่มร้อนผ่าว ในที่สุดก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ต้องปล่อยให้มันไหลพรูลงมา หญิงสาวกัดริมฝีปากข่มเสียงสะอื้น ร่างเล็กๆ บนเตียงนั่งกอดเข่าตัวเอง ร้องไห้อยู่เพียงลำพังเงียบๆ


จบ.







ทักทายกันท้ายบทค่ะ ลิขอกำลังใจท่านผู้อ่านด้วยนะคะ อ่านแล้วคิดเห็นเป็นประการใดกรุณาช่วยบอกให้ลิทราบด้วย นิยายแนวดราม่าชีวิตคนแบบนี้ลิพึ่งเขียนเป็นครั้งแรกค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่